สุดท้ายน้าหลี่ก็ตัดสินใจเลือกเสื้อขนแพะสองตัว กางเกงสองตัว และซื้อเสื้อมีปกสำหรับผู้ชายอีกสองตัวด้วย
ลูกค้ากระเป๋าหนักแบบนี้ ต่อให้เป็ ‘หลานเฟิ่งหวง’ ก็พบได้ไม่บ่อย คิดเงินรวมแล้วเป็เงินจำนวน 523 หยวน เซี่ยเสี่ยวหลานตัดสินใจลดเศษให้
“น้าของฉันแนะนำคุณมา ดังนั้นคิดเงินให้คุณ 500 แล้วกันค่ะ ร้านเรากำลังจัดกิจกรรม คุณสามารถเลือกเข็มขัดหนังหรือกระเป๋าเงินได้ด้วย เช่นนั้นฉันแถมกระเป๋าเงินเพิ่มให้คุณหนึ่งใบค่ะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานใจกว้างมากทีเดียว ทว่ากำไรของร้านเสื้อผ้ามากกว่าร้อยละ 50 เมื่อมีคนทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานได้กำไรสองร้อยกว่าหยวน การแสดงความใจกว้างก็นับว่าเป็เื่ธรรมดา
หลิวฟางเองรู้สึกว่าวันนี้เซี่ยเสี่ยวหลานว่าง่ายเป็พิเศษ รักษาหน้าเธอมาก และให้เกียรติน้าหลี่ด้วยเช่นกัน
น้าหลี่ถามหลิวฟางว่าจะเลือกเสื้อผ้าสักสองชิ้นหรือไม่
“คุณน้าไม่ต้องคิดถึงฉันหรอกค่ะ เสื้อผ้าของฉันเยอะพอแล้ว แต่เดี๋ยวสุดสัปดาห์ฉันจะพาฮวนฮวนมาเพื่อเลือกเสื้อผ้าให้เธอสักสองชุดน่ะค่ะ”
หลิวฟางจะจ่ายเงินให้น้าหลี่ทว่าแย่งไม่ได้ ดังนั้นเธอจะกล้าเลือกเสื้อผ้าที่ไหนเล่า เกิดน้าหลี่้าให้เธอจ่ายเงินขึ้นมาจะทำอย่างไร
น้าหลี่กวาดตามองการตกแต่งภายในร้านและพยักหน้า
“มีเสื้อผ้าสวยๆ ทั้งนั้น แต่เหลียงฮวนเด็กเกินไปนะ เหมือนจะไม่เหมาะเท่าไรนัก”
เซี่ยเสี่ยวหลานได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะมองน้าหลี่
นี่คือหญิงสูงวัยที่มีสายตาเฉียบขาด
คนสมัยนี้ไม่ค่อยเข้าใจการเลือกจับคู่เสื้อผ้า โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุเท่าเหลียงฮวน จะบอกว่าเธอเป็เด็กผู้หญิงก็เหมือนจะโตเกินไป จะบอกว่าเป็หญิงสาวก็ยังไม่ใช่ เสื้อผ้าสาวแรกรุ่นจึงเลือกซื้อได้ยากที่สุดในตอนนี้ วัยรุ่นอายุสิบห้าสิบหกล้วนแต่งตัวกันอย่างมั่วซั่ว และ ‘หลานเฟิ่งหวง’ ก็ไม่มีเสื้อผ้าแบบสาวน้อยสักเท่าไร ลูกค้าหญิงที่ไม่ได้ทำงานจะนำเงินจากไหนมาซื้อกัน?
เซี่ยเสี่ยวหลานจึงตัดผู้บริโภคอายุน้อยไปเสียเลย จะพะวงกับทุกด้านไม่ได้ ต้องเติมเต็มความ้าของ่อายุผู้บริโภคหลักเสียก่อน
น้าหลี่ไม่สนใจของสมณาคุณที่แถมมาเท่าไรนัก สำหรับเธอทั้งกระเป๋าเงินและเข็มขัดหนังต่างดูไม่เหมาะจะอวดใคร เธอเลยให้หลิวฟางเลือกไปสองชิ้น
ก่อนจากไป น้าหลี่มองเซี่ยเสี่ยวหลาน
“เธอชื่อเสี่ยวหลานสินะ กิริยาวาจามีความอดทนใจเย็นทีเดียว ฉันมาคราวหน้าจะขอให้เธอแนะนำอีกนะ”
“ลาก่อนค่ะคุณ ลาก่อนค่ะน้า”
เซี่ยเสี่ยวหลานและหลี่เฟิ่งเหมยมองหน้ากันเงียบๆ หลี่เฟิ่งเหมยพึมพำ
“วันนี้พระอาทิตย์คงขึ้นทางตะวันตกแล้วจริงๆ น้าของหลานช่วยแนะนำลูกค้าให้ร้านได้ด้วยหรือ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ยี่หระ เธอเองก็ไม่ได้อยู่ร้านทั้งวัน
ถ้าหลิวฟางไปหาที่บ้านย่าอวี๋เพื่อแนะนำการแต่งงานอะไรนั่น กระทั่งในร้านเซี่ยเสี่ยวหลานก็จะไม่อยู่แล้ว แต่เธอไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยซางตูไม่ได้เชียวหรือ?
ห้องสมุดมหาวิทยาลัยในยุคนี้คือสถานที่สำหรับเรียนจริงๆ ไม่มีโทรศัพท์มือถือให้ไถเล่น และไม่มีคู่รักกระซิบกระซาบโอบกอดอวดโอ้เสน่หาหวานแหววในห้องสมุด ในหมู่ผู้ที่สอบติดมหาวิทยาลัยซางตูได้ไม่มีคนเรียนแย่ เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าหากมีโจทย์ที่ไม่เข้าใจ เธอก็ยังสามารถถามจากคนอื่นได้อีกด้วย
ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าวิธีนี้ใช้ได้ เพียงแต่กงหยางยังไม่กลับมาน่ะสิ มิเช่นนั้นคงสามารถยืมบัตรผ่านเข้าออกจากเขาสักใบ
กงหยางอยู่ปักกิ่งจนเพลิดเพลิน เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าตนเองพาว่าที่จิตรกรเอกเดินผิดทางเสียแล้ว ถ้ากงหยางวาดภาพจำลองผลนานๆ เข้า ทักษะการวาดของเขาจะกลายเป็ ‘ช่างฝีมือไร้จินตนาการ’ หรือเปล่านะ?
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีเวลาจะใส่ใจมากมายเช่นกัน
เธอไม่บังคับให้กงหยางรับงาน จะกลายเป็เป็จิตรกรผู้ยิ่งใหญ่ได้หรือไม่ยังไม่แน่นอน แต่ว่าที่จิตรกรเอกก็ต้องกินอิ่มก่อนสินะ
ขอยืมบัตรผ่านจากน้องสาวของเ้าหน้าที่จั๋วหรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ร้าน จึงสลับให้หลิวเฟินกลับบ้านไปทำอาหาร นสักพักพอหลิวเฟินนำอาหารกลับมาที่ร้าน เซี่ยเสี่ยวหลานและหลี่เฟิ่งเหมยก็ไม่ได้บอกว่าหลิวฟางมา
ตอนบ่ายน้าเฉิงประจำตู้โทรศัพท์สาธารณะะโบอกให้เซี่ยเสี่ยวหลานไปรับโทรศัพท์
“โทรมาจากเผิงเฉิง ยังไม่ได้วาง เธอรีบมารับสิ”
เมื่อได้ยินว่ามาจากเผิงเฉิง เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าในที่สุด ‘คุณอาทัง’ ก็นึกจะใส่ใจเธอขึ้นมาแล้วเสียอีก ปรากฏว่าเป็ไป๋เจินจู
“ฉันเจอนาฬิกาข้อมือที่เธออยากได้แล้ว ทางนี้้า 1200 หยวน เธอจะซื้อเลยหรือเปล่า?”
ราคา 1200 หยวน?
เซี่ยเสี่ยวหลานสงสัยว่าเป็นาฬิกาอะไร
เพราะเซี่ยเสี่ยวหลานกำลังหาของขวัญวันเกิดให้โจวเฉิง
----------------------------------------
น้าหลี่นำเสื้อผ้าหกตัวกลับเขตเหอตง แม้ระหว่างทางจะไม่ได้เอ่ยปากชื่นชมอะไร แต่หลิวฟางแค่มองสีหน้าของน้าหลี่แล้วยังมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีก?
มีคนขับรถมาส่งทั้งสองถึงซางตู ดังนั้นหลิวฟางจึงไม่ต้องนั่งรถรับส่งกลับไป เธอรู้สึกอิจฉาน้าหลี่มาก เป็รถยนต์ของหลวงเหมือนกัน ทว่าน้าหลี่เอามาใช้ใครจะกล้าว่าอะไรได้อีก? เมื่อเทียบตระกูลเหลียงกับตระกูลฝานแล้ว ยังถือว่าห่างชั้นกันอีกมากมายเหลือเกิน
เซี่ยเสี่ยวหลานจะได้ใช้ชีวิตระดับเดียวกับน้าหลี่ในไม่ช้า ต้องขอบคุณเธอผู้เป็น้าคนนี้แน่นอน!
“อาฟาง เสื้อถักตัวนี้ฉันให้เธอ”
คนขับรถส่งหลิวฟางตรงด้านล่างอาคาร น้าหลี่ยิ้มแย้มพลางยื่นถุงให้หลิวฟาง
เธอจะใส่เสื้อขนแพะสองตัวไปทำไม เดิมทีก็มีหนึ่งตัวที่จะมอบให้หลิวฟางอยู่แล้ว
“คุณน้าหลี่ ฉันรับไว้ไม่ได้...”
“เอาไปเถอะ ไม่ช้าก็เร็วจะเป็ครอบครัวเดียวกันแล้ว เกรงใจอะไรน้ากันเล่า”
ตอนนี้ยังเรียกคุณน้าหลี่ อีกสักพักอาจจะต้องเปลี่ยนคำเรียกแล้ว หลิวฟางปฏิเสธไม่ได้ จึงทำได้เพียงรับเสื้อขนแพะไว้ เสื้อขนแพะนี่ราคาไม่ถูกเอาเสียเลย หนึ่งตัวราคา 128 หยวนแล้ว ภายในเสื้อผ้าหกชิ้นที่น้าหลี่ซื้อมีแค่กางเกงสองตัวที่ถูกที่สุด เสื้อมีปกชายก็เลือกซื้อแบบราคาแพงเหมือนกัน หลิวฟางรู้ว่านั่นคือเสื้อที่น้าหลี่ซื้อเพื่อมอบให้ลูกชาย
หลิวฟางมีปัญญาซื้อเสื้อขนแพะอยู่แล้ว ทว่าสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นมิใช่การได้รับเสื้อขนแพะ แต่เป็เพราะน้าหลี่กล่าวว่า ‘ไม่ช้าก็เร็วจะเป็ครอบครัวเดียวกัน’ ธุระนี้ถือว่าสำเร็จแล้ว! เมื่อตระกูลฝาน้าแต่งงาน เซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่แต่งงานได้หรือ จะกล้าไม่แต่งหรือ?
หลิวฟางกลับบ้านมาก็ถือเสื้อขนแพะทาบบนร่ายกายอยู่หน้ากระจกอย่างชื่นมื่นเบิกบาน ก่อนจะล้วงเจอเข็มขัดหนังและกระเป๋าเงิน
ถ้าคนอื่นส่งมอบ ‘ของสมณาคุณ’ ต่อให้เธอ หลิวฟางย่อมรู้สึกไม่ยินดีแน่นอน แต่เนื่องจากน้าหลี่มอบให้ความหมายจึงไม่เหมือนกัน
เข็มขัดเอาให้เหลียงปิ่งอันใช้ได้ กระเป๋าเงินสองใบเป็สีแดงกับสีชมพู หลิวฟางตัดสินใจว่าสองแม่ลูกแบ่งกันคนละชิ้น เธอเก็บของไว้ ทำอาหารดีๆ เต็มโต๊ะ วันนี้จะฉลองกับเหล่าเหลียงให้ได้
ยามบ่าย คนที่ต้องเลิกเรียนก็เลิกเรียน คนที่ต้องเลิกงานก็เลิกงาน
เมื่อได้กลิ่นหอมหวนจากข้างในบ้าน เหลียงฮวนก็โยนกระเป๋าทันที เธอเห็นกระเป๋าเงินสองใบที่วางอยู่บนโต๊ะ สีชมพูสวยดี สีแดงก็สวยดี หนึ่งในนั้นต้องเป็ของเธอแน่นอน
“แม่ แม่นึ่งปลาหรือ?”
เหลียงฮวนวิ่งเข้าไปในครัว พบว่าวันนี้มารดาของเธอแสดงฝีมือเต็มที่เลยทีเดียว
หลิวฟางมิใช่ไร้จุดเด่นสักอย่าง เป็แม่เหย้าแม่เรือนตั้งหลายปี ก่อนหน้านี้ตอนยังไม่แยกบ้านจากปู่ย่าของเหลียงฮวน เธอต้องประจบประแจงคนตระกูลฝาน การหุงหาอาหารจึงเป็ทักษะที่หลิวฟางตั้งใจฝึกฝน
“เฮ้อ ลูกคนนี้นี่ทำไมหยิบลูกชิ้นกินทั้งที่ไม่ล้างมือเล่า รีบไปล้างมือเร็ว”
“แม่ วันนี้มีเื่ดีอะไร?”
ไม่ว่าเหลียงฮวนจะถามอย่างไร หลิวฟางก็ไม่พูด เหลียงฮวนกอดแขนเธอออดอ้อน ในที่สุดหลิวฟางยอมปริปากจนได้
“แม่พูดสิ บอกฉันหน่อยสิ...”
หลิวฟางทนลูกอ้อนของเธอไม่ไหว ข่มเสียงลงพูดเบาๆ “ลูกอย่าออกไปพูดซี้ซั้วเชียว วันนี้แม่พาน้าหลี่ไปเจอพี่สาวลูก น้าหลี่พอใจมาก พี่สาวลูกใกล้จะแต่งงานเข้าตระกูลฝานแล้ว... แม่บอกลูกเลยนะ อีกหน่อยต้องระงับอารมณ์ของลูกไว้ ลูกชอบพี่เขาหรือไม่ก็ไม่เป็ไร แต่ต่อหน้าจะขัดคอกับเธอไม่ได้ โดยเฉพาะหลังจากเธอแต่งงานเข้าบ้านฝาน!”
แต่งงานเข้าตระกูลฝาน!
เหลียงฮวนย่อมรู้ดีว่าตระกูลฝานสุดยอดเพียงใด มีสิทธิ์มีเสียงเด็ดขาดในเขตเหอตง
เธอปรารถนาในอำนาจและอิทธิพลของตระกูลฝานยิ่งนัก แต่จะให้เธอไปดองกับตระกูลฝาน เธอกลับรู้สึกไม่ยอม
ทว่าทั้งที่ตัวเหลียงฮวนเองไม่ยินดีแต่งงาน พอได้ยินว่าเซี่ยเสี่ยวหลานได้แต่งเข้าบ้านฝาก ในใจเธอก็รู้สึกไม่ดีนัก จึงอดโพล่งออกมาไม่ได้ “เช่นนั้นต่อไปฉันจะคุยกับฝานหานอย่างไรเล่า... พี่สาวฉันเป็แม่เลี้ยงเขาอย่างนั้นหรือ?”
ฝานหานคือเพื่อนร่วมชั้นของเหลียงฮวน
ในอนาคตมิใช่ฝานหานต้องเรียกเธอว่าคุณน้าแล้วหรือ?!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้