เมื่อหลงอวี้จัดการโสมชั้นยอดเสร็จแล้ว ก็ะโลงมาจากต้นไม้โบราณก่อนจะโยนยุทธภัณฑ์ในมือทิ้งไปในพุ่มไม้หนาทึบ
จากนั้นก็ได้มุ่งหน้าไปทางจุดที่หลิงหานอยู่ก่อนหน้านี้
“กระบี่เล่มนั้นกรีดลงบนคอของลูกศิษย์ลัทธิพันไหมจนเกิดรอยเืแล้ว หากยังเก็บไว้อาจถูกสงสัยได้ โยนทิ้งเลยน่าจะดีกว่า”
หลงอวี้ทิ้งยุทธภัณฑ์ชิ้นหนึ่งไปอย่างไม่ลังเล
เทียบกับการถูกราชวงศ์พบตัวและถูกกำจัดแล้ว ยุทธภัณฑ์แค่ชิ้นเดียวมันเทียบกันไม่ได้ ไม่ใช่เพราะว่าเป็ยุทธภัณฑ์ระดับล่าง ต่อให้เป็ยุทธภัณฑ์ระดับสูง หลงอวี้ก็ทิ้งอย่างไม่ลังเลเช่นกัน
เพียงไม่นาน หลงอวี้ก็กลับมายังจุดที่หลิงหานอยู่
หลิงหานในตอนนี้ เพิ่งจะฝังศพของลูกศิษย์ลัทธิสยบฟ้าคนนั้นเสร็จ และคอยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเห็นหลงอวี้วิ่งกลับมา
“ศิษย์น้อง เป็อย่างไรบ้าง?”
หลิงหานรีบลุกขึ้นแล้วเอ่ยถาม
“ไล่ตามไม่ทัน แถมยังทำกระบี่เล่มนั้นหายไป”
หลงอวี้พูดเสียงเครียด ส่วนเื่โสมโบราณชั้นยอดนั้นเขาย่อมไม่บอกหลิงหานอยู่แล้ว
“ได้เห็นหน้าอีกฝ่ายไหม?”
หลิงหานขมวดคิ้วเป็ปม
“หรือจะเป็อวี่เชียนหนิง? ในป่าโสมโบราณตอนนี้ เหมือนจะมีแค่อวี่เชียนหนิงเท่านั้นที่เป็คู่ต่อสู้ของเ้า! แต่ถ้าเป็นางจริง ก็ไม่จำเป็ต้องหนีพวกเราเลย”
“เป็คนของลัทธิพันไหม ความเร็วสูงมาก แต่ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใคร”
หลงอวี้ส่ายหน้า พูดอย่างเสียดาย
เขาพูดมาขนาดนี้แล้ว หลิงหานเองก็ไม่ถามอะไรอีก ได้แต่แนะนำหลงอวี้
“ศิษย์น้อง ตอนนี้เ้าได้โสมโบราณมาครบทั้งสามระดับแล้ว ข้าว่าเ้าออกจากป่าโสมโบราณไปก่อนดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสี่ยงอะไรอีก”
“ศิษย์พี่ ก่อนหน้านี้ท่านช่วยถ่วงเวลาให้ จนทำให้ข้ามีเวลามากพอในการดูดกลืนโสมโบราณระดับสูงได้หมด”
หลงอวี้ส่ายหน้าพร้อมแย้มยิ้มเล็กน้อย
“แล้วจะให้ข้าออกไปก่อนได้อย่างไร? อย่างน้อยข้าก็ต้องช่วยท่านตามหาโสมโบราณระดับกลางให้เจอก่อน ส่วนระดับสูงคงจะยากสักหน่อย ถึงอย่างไรมันก็มีจำนวนค่อนข้างน้อย ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้จะยังเหลืออยู่หรือเปล่า”
“น้องรัก ศิษย์พี่มองเ้าไม่ผิดจริงๆ!”
หลิงหานหัวเราะร่า
จากนั้นทั้งสองคนก็หารือกันเื่การเดินทาง แล้วแยกกันไปหาต้นไม้ใหญ่คนละต้น ก่อนจะะโขึ้นไปพักผ่อนบนนั้น เตรียมออกเดินทางตามหาโสมโบราณอีกครั้งในเช้าวันถัดไป
.......
เวลาสิบวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองคนออกตามหาโสมโบราณกันไปเรื่อยๆ เพียงไม่นานก็ตามหาโสมระดับกลางเจอ แต่หลังจากนั้นจนกระทั่งวันสุดท้าย พวกเขาก็ไม่ได้เห็นโสมโบราณระดับสูงอีกแม้แต่เงา
“ช่างเถอะ ช่างเถอะ ดูดกลืนพลังจากโสมระดับกลางและล่างไปแล้ว ข้าน่าจะอยู่ห่างจากวรยุทธ์ขั้นแปดอีกไม่ไกล ส่วนเื่โสมระดับสูง ข้าไม่ได้หวังอะไรขนาดนั้น”
หลิงหานพูดพร้อมหัวเราะระหว่างเดินทางกลับไปยังทางเข้าป่าโสมโบราณ
หลังจากกลับไปที่ลัทธิสยบฟ้าแล้ว เขาจะลองทะลวงขีดจำกัดขึ้นสู่วรยุทธ์ขั้นแปด หากทำสำเร็จก็จะสามารถเลือกท้าประลองกับลูกศิษย์ระดับพิเศษได้หนึ่งคน
และหากชนะการประลองก็จะได้เลื่อนขั้นเป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษ และสามารถเข้าไปในูเาหลังของหอวิทยายุทธ์เพื่อฝึกฝนวิทยายุทธ์ขั้นพิเศษได้!
อย่างเช่นกระบวนท่าที่เฟิงอวิ๋นใช้เจาะขาขวาของหลงอวี้จนเป็รูก่อนหน้านี้ วิชาคลื่น์ทะลวงก็เป็วิทยายุทธ์ขั้นพิเศษเช่นกัน อานุภาพร้ายกาจน่าสะพรึง
แม้จะมีวรยุทธ์ขั้นแปดเท่ากัน แต่หากเฟิงอวิ๋นปะทะกับถานเจียนละก็ แค่วิชาคลื่น์ทะลวงกระบวนท่าเดียวก็สามารถเจาะทะลุการป้องกันของวิชาศิลาผู้พิทักษ์ของถานเจียนได้แล้ว
วิทยายุทธ์ขั้นพิเศษนั้นทรงพลังกว่าขั้นสูงหลายเท่า
“ศิษย์น้อง ครั้งนี้เ้าได้อะไรกลับไปไม่น้อยทีเดียว ทั้งยังเอาชนะยอดฝีมือวรยุทธ์ขั้นแปดได้โดยที่ตัวเองมีวรยุทธ์แค่ขั้นเจ็ด ดูท่าการขึ้นเป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษคงจะอีกไม่นานแล้วล่ะ”
หลิงหานกล่าวกลั้วหัวเราะ
“อาจจะเป็เช่นนั้น”
หลงวี้พยักหน้ารับไปตามน้ำ ทว่าในใจกลับคิดว่าการขึ้นเป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษนั้นเป็เื่แน่นอนอยู่แล้ว
รอให้เขาดูดกลืนพลังฟ้าดินที่เก็บไว้ในสัญลักษณ์ัปรภพจนหมดและทะลวงขีดจำกัดขึ้นสู่วิถียุทธ์ขั้นแปดให้ได้ก่อน เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะเลือกท้าประลองกับเฟิงอวิ๋นอย่างแน่นอน!
ตอนที่เพิ่งเข้าลัทธิมา่แรก เขาสามารถเอาชนะเฟิงหยางและฟางคางได้ติดต่อกัน แต่กลับถูกเฟิงอวิ๋นเจาะขาจนเป็รูในกระบวนท่าเดียวจนาเ็สาหัส ความแค้นนี้ ไม่คิดบัญชีไม่ได้เด็ดขาด
อีกทั้งเฟิงอวิ๋นมันยังละโมบโลภมาก คิดจะชิงตำแหน่งประมุขตระกูลเฟิงไปจากเฟิงฉางเกอด้วย เื่นี้ยิ่งยกโทษให้ไม่ได้
“จริงสิ ศิษย์พี่”
พอเห็นว่าใกล้จะถึงทางเข้าป่าโสมแล้ว หลงอวี้ก็พลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงกล่าวเสียงเบา
“อีกเดี๋ยวตอนที่คนของราชวงศ์ตรวจสอบ ท่านช่วยบอกพวกเขาได้ไหมว่าข้าเติบโตขึ้นที่หมู่บ้านบนูเาของตระกูลหลิงท่าน?”
หลิงหานมาจากูเาแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้กับลัทธิสยบฟ้า เป็นายน้อยของูเาตระกูลหลิง
พอหลิงหานได้ยินคำพูดของหลงอวี้ก็ประหลาดใจเล็กน้อย
“เป็อะไรไปศิษย์น้อง หรือว่าเ้าจะมีปัญหาอะไรกับราชวงศ์งั้นหรือ? ได้ยินว่า่นี้ทหารองครักษ์ของราชวงศ์กำลังตรวจสอบหาใครอยู่ก็ไม่รู้ แต่มันน่าจะไม่เกี่ยวอะไรกับเ้านี่”
“ศิษย์พี่ ข้าขอบอกท่านตามตรง ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับชาติกำเนิดตัวเองสักเท่าไร แต่ข้ารู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะเกี่ยวข้องกับชายหนุ่มชุดเกราะทองนั่น หากมันรู้เกี่ยวกับชาติกำเนิดของข้า ข้ากลัวว่ามันจะทำอะไรข้าน่ะ”
หลงอวี้อธิบาย
“อย่างนี้นี่เอง วางใจเถิด เดี๋ยวข้าจะบอกให้เองว่าเ้าเป็สหายของข้าทีู่เาตระกูลหลิง เล่นกับข้ามาั้แ่เล็กๆ”
หลิงหานแย้มยิ้มอย่างเป็มิตร
หลงอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็วางใจ หลังจากนั้น เขาก็ไปถึงทางเข้าออกป่าโสมโบราณพร้อมกับหลิงหาน
้าประตูเมืองที่เป็ทางเข้าออกของป่าโสมนั้น มีผู้ฝึกวรยุทธ์ในชุดเกราะทองสี่คนเฝ้ารักษาการณ์อยู่
ซึ่งชายหนุ่มที่มีหน้าตาคล้ายกับหลงอวี้ยืนอยู่ด้านหลังของผู้ฝึกวรยุทธ์ชุดเกราะทองทั้งสี่คน คอยเฝ้าทางด้วยตัวเอง ไม่ปล่อยใครออกไปง่ายๆ อย่างแน่นอน!
พอเห็นหลงอวี้กับหลิงหานเดินมา เหล่าชายชุดเกราะทองทั้งหลายก็ตาเป็ประกายพร้อมกัน
“พวกเ้าสองคน หยุดก่อน!”
ชายหนุ่มชุดเกราะทองตะคอกอย่างเ็า สั่งให้ทั้งสองคนหยุด
คนผู้นี้มีวรยุทธ์สูงส่งเกินหยั่งถึง หลงอวี้และหลิงหานย่อมไม่อาจขัดขืน ได้แต่หยุดเท้าลง
“ลัทธิสยบฟ้า หลิงหาน หลงอวี้”
ชายหนุ่มชุดเกราะทองกวาดตามองทั้งสองคน
“ดูจากระดับพลังแล้ว ดูเหมือนว่าครั้งนี้พวกเ้าจะยกระดับขึ้นได้ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะเ้า หลงอวี้”
เขาพูดพลางมองหลงอวี้ด้วยสายตาดุร้าย
“จากวิถียุทธ์ขั้นหกยกระดับขึ้นเป็ขั้นเจ็ด ครั้งนี้เ้าเก็บโสมโบราณได้ทั้งหมดกี่ต้น จงตอบมาตามความจริง!”
“ระดับล่าง กลาง สูง ทั้งหมดล้วนเคยเก็บได้ทั้งสิ้น”
หลงอวี้พูดอย่างมั่นใจ สบตากับชายหนุ่มชุดเกราะทองผู้นั้นตรงๆ
“หึ”
ชายหนุ่มชุดเกราะทองเผยแววตาดูแคลน ก้าวเท้ามาใกล้ๆ หลงอวี้อย่างรวดเร็ว
“รูปลักษณ์ของเ้า ชื่อของเ้า ล้วนทำให้ข้านึกถึงไอ้สวะที่ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ตัวหนึ่งขึ้นมา”
“พวกเราน่าจะไม่เคยเจอกันมาก่อนไม่ใช่หรือ?”
หลงอวี้หรี่ตาถาม
“ตอนนี้ ข้าเป็คนถามเ้า”
ชายหนุ่มชุดเกราะทองกระแทกเสียงเ็า
“เ้า ยังไม่มีสิทธิ์ถามข้า! ถ้ายังไม่ถึงเวลาพูดก็หุบปากอยู่เงียบๆ!”
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่โปรดอย่าพิโรธไปเลย”
ในตอนนั้นเอง หลิงหานก็ได้ส่งเสียง เขาพูดด้วยรอยยิ้ม
“เขาเป็สหายข้าทีู่เาตระกูลหลิง เล่นกับข้ามาั้แ่ข้ายังเด็ก ไม่ใช่คนที่ท่านกำลังตามหาแน่นอน”
“ข้าก็ว่าอย่างนั้น ไอ้สวะนั่น น่าจะไม่สามารถเข้าสู่วิถีวรยุทธ์ได้”
ชายหนุ่มชุดเกราะทองพูดอย่างหยิ่งผยอง
“ค้นตัว!”
สิ้นคำพูดนี้ หลงอวี้ก็รู้ทันทีว่าที่อีกฝ่ายเฝ้าอยู่ที่นี่ ก็เพราะ้าจะค้นหาโสมโบราณชั้นยอดนี่เอง
แต่น่าเสียดาย เพราะไม่ว่าเ้าพวกนี้จะค้นอย่างไรก็ไม่มีทางหาโสมชั้นยอดเจอแน่นอน!
......
เพียงครู่เดียว หลิงหานและหลงอวี้ก็ถูกค้นตัวเสร็จ ไม่พบของต้องสงสัยใดๆ จึงถูกปล่อยออกจากป่าโสมโบราณ
หลิงหานโล่งใจ แต่หลงอวี้กลับยังครุ่นคิดเกี่ยวกับคำพูดของชายหนุ่มชุดเกราะทองเมื่อครู่นี้
“.... ไอ้สวะที่ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ตัวหนึ่ง...”
“.... ไอ้สวะนั่น น่าจะไม่สามารถเข้าสู่วิถีวรยุทธ์ได้...”
คำพูดสองประโยคนี้มันแทบจะทำให้หลงอวี้มั่นใจได้ว่า คนที่ชายหนุ่มชุดเกราะทองกำลังพูดถึงอยู่ก็คือเขา! ระหว่างเขากับชายหนุ่มเกราะทองผู้นั้นจะต้องมีความเกี่ยวข้องกันแน่ หรืออาจถึงขั้นมีความสัมพันธ์ทางสายเืก็เป็ได้!
แน่นอนว่า ชายหนุ่มชุดเกราะทองผู้นั้นเป็แค่องครักษ์ขององค์หญิงเท่านั้น ไม่ได้เป็คนของราชวงศ์ แต่ไม่รู้ว่าเป็คนของตระกูลไหน หรือจะเป็คนตระกูลหลง!
หลงอวี้ครุ่นคิดไประหว่างเดินตามหลิงหาน จากนั้นไม่นานก็เห็นผู้าุโอวี้ในชุดดำกำลังยืนรอพวกเขาอยู่ไม่ไกลจากประตูเมือง
“ผู้าุโอวี้”
ทั้งสองคนก้าวเท้าออกไป ไม่นานก็ไปถึงข้างตัวผู้าุโอวี้
“พวกเ้าออกมากันแล้วเหรอ ผลลัพธ์ไม่เลวเลยนี่?”
ผู้าุโอวี้ดูทั้งสองคน จากนั้นก็แย้มยิ้มบางๆ ดูท่าจะเห็นพัฒนาการของทั้งสองคนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะหลงอวี้ ที่ถึงกับยกระดับพลังขึ้นได้หนึ่งขั้น
“ไม่เลวขอรับ ผู้าุโอวี้ หลังจากกลับไปข้าจะเก็บตัวฝึกฝน ทะลวงขึ้นสู่วรยุทธ์ขั้นที่แปด หากสำเร็จละก็ ข้าจะเตรียมตัวท้าประลองกับลูกศิษย์ระดับพิเศษ”
หลิงหานพูดตรงๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้าุโอวี้แล้ว เขาไม่มีอะไรต้องปิดบัง
“ไม่เลว ไม่เลว!”
ผู้าุโอวี้พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรจากนั้นก็มองไปที่ทางเข้าออกของป่าโสมอีกครั้ง ทว่าสีหน้ากลับไม่สู้ดีนัก
ครั้งนี้ ลัทธิสยบฟ้าพาคนมาทั้งหมดสิบหกคน แต่จนถึงตอนนี้ กลับมีแค่หลงอวี้และหลิงหานที่กลับออกจากป่าเท่านั้น!
จำนวนผู้เสียชีวิตปีนี้ ดูจะสาหัสกว่าปีก่อนๆ ไม่น้อย
ไม่ใช่แค่ลัทธิสยบฟ้าเท่านั้น อีกสองสำนักลัทธิใหญ่ๆ เองก็มีสภาพไม่ต่างกัน
ฝ่ายสำนักน้ำแข็งเยือก เพิ่งจะมีเฟิงเหยาและลูกศิษย์วรยุทธ์ขั้นหกอีกสองคนออกมา ส่วนลัทธิพันไหม มีแค่ลูกศิษย์วรยุทธ์ขั้นหกออกมาเพียงคนเดียว
คนที่แข็งแกร่งที่สุดสี่คนนั้น ยังไม่โผล่มาเลยแม้แต่คนเดียว!
ในตอนนั้นเอง มีเสียงะโขอความช่วยเหลือด้วยความหวาดกลัวดังขึ้นจากบริเวณปากทางเข้าป่าโสมโบราณ
“ช่วยด้วย! ชะ ช่วยข้าด้วย!”
เสียงะโของหญิงสาวเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีดดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าวิ่งอย่างลนลาน ผู้คนที่กำลังยืนรอได้ยินกันทั้งหมด
ผู้คนทั้งหมดรวมถึงหลงอวี้ต่างก็มองเข้าไปด้านในของป่าโสม เห็นสาวน้อยชุดน้ำเงินคนหนึ่งกำลังวิ่งโซซัดโซเซออกมา ด้านหลังของนางมีเข็มเงานับไม่ถ้วนกำลังไล่ตามสังหารนางอยู่
สาวน้อยชุดน้ำเงินผู้นี้ ก็คือเฟิงชิงชิงแห่งลัทธิสยบฟ้านั่นเอง!
“หยุดนะ!”
ชายหนุ่มชุดเกราะทองที่เฝ้าอยู่ตรงทางเข้าออกของป่ารีบตะคอกอย่างดุดัน แต่กลับไม่มีประโยชน์อะไร
เงาเข็มนับไม่ถ้วนไล่ตามมาด้วยความเร็วสูง วินาทีต่อมาก็เสียบทะลุร่างของเฟิงชิงชิงไปทั้งตัว เืไหลทะลักอย่างน่าสยดสยอง
ในสายตาของนางเต็มไปด้วยความดิ้นรนอยากมีชีวิต แต่กระนั้นก็ถูกเงาเข็มทิ่มแทงจนพรุนไปทั้งร่าง พริบตาเดียวก็ได้่ชิงพลังชีวิตทั้งหมดของนางไปราวกับอสรพิษ
ศพของเฟิงชิงชิงล้มลงดังตึง กระแทกพื้นจนฝุ่นตลบ
ตอนที่นางล้มลงไปนั้น สตรีในชุดสีเหลืองอ่อนคนหนึ่งก็ค่อยๆ ก้าวเท้าออกมาจากป่า ในมือถือเข็มที่แผ่รังสีกระหายเื
“เ้าหญิงพันไหม อวี่เชียนหนิง!”
ดวงตาของพวกหลงอวี้หดลงทันที คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะบังอาจฆ่าคนหน้าทางออกเช่นนี้ ไม่เห็นคนของราชวงศ์อยู่ในสายตาเกินไปแล้ว!
ใบหน้าขาวดุจหิมะของอวี่เชียนหนิงไร้อารมณ์ ราวกับนางไม่ได้เป็คนฆ่าเช่นนั้น
นางก้าวเท้าออกมาจากป่าทีละก้าว
“ท่านฆ่าคนหน้าทางออกจากป่าเช่นนี้ ดูจะไม่เหมาะสมเกินไปหน่อยหรือเปล่า?”
ชายหนุ่มชุดเกราะทองก้าวออกมา ขมวดคิ้วแน่นพูดกับอวี่เชียนหนิง
ในฐานะที่เป็องครักษ์ของเ้าหญิงแห่งราชวงศ์ ชายหนุ่มชุดเกราะทองผู้นี้จึงหยิ่งยโสโอหัง ตอนที่เผชิญหน้ากับลูกศิษย์คนอื่นๆ ของทั้งสามสำนักลัทธิใหญ่ก็ทำตัวราวกับเป็ผู้ปกครองที่สูงส่ง
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอวี่เชียนหนิง แม้อีกฝ่ายจะมีระดับพลังไม่เท่าเขา แต่กลับทำให้เขารู้สึกยำเกรงเล็กน้อย
ที่เป็เช่นนี้เพราะฐานะของอวี่เชียนหนิง มารดาของนางคือประมุขของลัทธิพันไหมคนปัจจุบันนั่นเอง!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้