ใบหน้าของจั่วจวิ้นบิดเบี้ยวด้วยความเ็ปเหลือประมาณ รู้สึกอย่างกับท้องน้อยลำไส้ปริแตกก็ไม่ปาน
หมัดนี้ทำเอาเขาลอยไปปะทะกับผนังห้องนอน ห้องทั้งห้องสั่นไหว
พละกำลังของฉู่เฟิงมากกว่าคนทั่วไปถึงสิบสองเท่า หากเป็คนทั่วคงไม่อาจลุกขึ้นได้อีก เครื่องในคงแหลกละเอียดประหนึ่งถูกหินบดขยี้ไปแล้ว
จั่วจวิ้นตัวงอเป็กุ้ง ร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น ทว่าเขาอดทนได้ดีเยี่ยม กล้ำกลืนความเ็ป พอสองมือแตะพื้นก็พุ่งเข้าโจมตี
ฉู่เฟิงมีสีหน้าแปลกใจ หมัดของเขาเมื่อครู่รุนแรงอย่างยิ่ง หากเพิ่มแรงเข้าไปอีกคงทะลุร่าง อันตรายถึงชีวิตเลยทีเดียว
แต่ว่า ฝ่ายตรงข้ามกลับทนได้ ทั้งยังคิดโต้ตอบเขาอีก
ฉู่เฟิงเป็คนเด็ดขาด สืบเท้าขึ้นหน้า เขารวดเร็วเพียงไหนล่ะ หนึ่งร้อยเมตรในสองจุดห้าวินาทีเชียวนะ ไม่ต้องรอให้จั่วจวิ้นพุ่งเข้ามา แค่พริบตาก็ประชิดตัว ประเคนให้หนึ่งกระทืบ
เสียงตึงดังสนั่นหวั่นไหว แผ่นหลังจั่วจวิ้นโดนกระแทกอย่างแรงถึงกับสะอึก สีหน้าเ็ป บิดเบี้ยว แลเห็นแววมาดร้าย
เขาหมอบราบอยู่กับพื้น ลุกไม่ขึ้น
โทสะของเขาลุกฮือด้วยรู้สึกเสียหน้าอย่างรุนแรง กะอีแค่คนธรรมดา ทำไมถึงได้มีพลังมหาศาลขนาดนี้? ในตอนแรก เขายังมีสีหน้าดูถูกดูแคลนฉู่เฟิงอยู่เลย
บัดนี้ เขากลับถูกอีกฝ่ายทำร้ายาเ็ ถึงกับนอนหอบหายใจ
“แกมันรนหาที่ตาย!” เขาคำรามเสียงต่ำ ทั่วร่างพองโต เสียงกระดูกลั่นอยู่ภายใต้เนื้อหนัง ร่างกายเหมือนกับจะขยายใหญ่ขึ้น
ฉู่เฟิงไม่อยากให้ห้องนอนของตัวเองถูกถล่ม เลยแบกเขาขึ้นมาแล้วโยนออกจากระเบียงห้องลงไปในสวน
“ฉู่เฟิง แกยั่วโมโหฉันสำเร็จ ฉันจะทำให้แกอยู่อย่างทรมาน ตายยังดีเสียกว่า!” จั่วจวิ้นที่หลุดออกจากมือฉู่เฟิง ร่วงพลั่กลงในสวน พูดด้วยเสียงเย็นเยียบ
แต่ว่า เขาประเมินฉู่เฟิงต่ำไป ที่ตามเขามาติดๆ จากระเบียงชั้นสองคือเท้าข้างหนึ่งที่ร่วงลงกลางหลังเขาพอดี
ตึง!
คนสองคนร่วงลงสู่พื้น สวนทั้งสวนสั่นะเื พละกำลังช่างน่าใจริงๆ
จั่วจวิ้นแผ่คว่ำอยู่กับพื้น เท่ากับโดนฉู่เฟิงกระทืบซ้ำ กระดูกทั่วร่างราวกับจะแตกหัก ที่หนักสุดคือรอยกระทืบตรงเอว
“อั่ก!”
เขาทนไม่ไหว กระอักเืออกมาย้อมพื้นดินแดงฉาน คราวนี้เจ็บหนัก
ฉู่เฟิงประหลาดใจ เขาออมแรงมาตลอด เกรงว่าอีกฝ่ายจะมีอันตรายถึงชีวิต แต่ท่าทางจะกังวลมากไป นี่ขนาดเขาหนักมืออย่างนี้ อีกฝ่ายก็ไม่ได้าเ็ถึงแก่ชีวิต
โครม!
ฉู่เฟิงยืนอยู่บนร่างจั่วจวิ้น กระทืบสุดแรงอีกที เขารู้สึกว่าก่อนหน้านี้ออมแรงเกินไปหน่อย อีกฝ่ายยังสามารถรับการโจมตีรุนแรงของเขาได้อยู่
จั่วจวิ้นสะอึก ร่างกายชักกระตุก แต่ในขณะเดียวกันก็ขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว ร่างที่ขยายใหญ่ป้องกันการโจมตีครั้งนี้ได้ทันท่วงที
แม้กระนั้น เขาก็ยังทุลักทุเลไม่น้อย ส่วนหลังเหมือนกับโดนะเิลง เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจากฝ่าเท้า มุมปากยังคงมีเืไหลซึมออกมาไม่หยุด
เสียงโครมดังขึ้นอีกครั้ง จั่วจวิ้นพลิกตัว หลบพ้นฉู่เฟิงในที่สุด เขาดีดตัวขึ้นทันที พื้นดินสั่นไหวด้วยพลังมหาศาล
ฉู่เฟิงสูดลมหายใจลึก นี่มันคนหรือเปล่าเนี่ย ภายในเวลาอันสั้นกลับเปลี่ยนแปลงได้ขนาดนี้?
ในตอนนี้ ร่างกายของจั่วจวิ้นเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ร่างสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบกว่าเิเทะลึ่งพรวดจนสูงถึงสองร้อยแปดสิบเิเ เสื้อผ้าขาดวิ่นเป็ชิ้นห้อยแขวนอยู่บนร่างกาย
ร่างกายเปลือยเปล่าเปลี่ยนเป็สีน้ำตาลอมเหลือง มีออร่าสีเหลืองห่อหุ้มรอบกาย
ร่างนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง กล้ามเนื้อขยายใหญ่ เต็มไปด้วยกำลังมหาศาล กายเนื้อของคนธรรมดาเปลี่ยนแปลงเป็เช่นนี้ในเวลาอันสั้นได้อย่างไรกัน?
น้ำหนักของเขาตอนนี้ไม่น่าจะต่ำกว่าสองถึงสามร้อยกิโลกรัม กล้ามเนื้อทั่วร่างกำยำ แข็งแกร่งดุจั
เห็นได้ชัดว่าเขามีพละกำลังมหาศาลอันไม่อาจประมาณได้
เพียงแค่ในพริบตา ก็ขยายร่างได้ใหญ่โต นี่มันมาได้ยังไงกัน? ฉู่เฟิงสุดที่จะเข้าใจ
“ฉู่เฟิง ฉันยอมรับว่าฉันพลาดเอง แต่ว่าแกไม่ควรท้าทายมนุษย์พิเศษ!” จั่วจวิ้นเอ่ยเสียงต่ำ แต่ดังสนั่นสะท้อนไปทั่วสวน
เสียงตึงดังขึ้นเมื่อเขาย่ำเท้าลง แผ่นดินสั่นะเื ชัดเจนอย่างยิ่งว่ามีพละกำลังมหาศาล
เสียงโครมดังขึ้น ถึงแม้ร่างกายจะใหญ่โต หากก็ว่องไว เพียงก้าวะโก็ไปไกลหลายเมตร เขาพุ่งตัวไปข้างหน้า ฝ่ามือใหญ่ขนาดใบปาล์ม คว้าจับศีรษะของฉู่เฟิง
หากเป็คนธรรมดา ถูกฝ่ามือมหึมาคว้าได้ ศีรษะคงบี้แบน
เขาเคลื่อนไหวด้วยโทสะ ไม่คิดหน้าคิดหลัง คิดแต่จะเหยียบขยี้ฉู่เฟิงไว้ใต้ฝ่าเท้า ความอัปยศที่เขาได้รับเมื่อครู่ เขาต้องล้างอายให้ได้
ฉู่เฟิงใช้ความเร็ววิ่งร้อยเมตรในสองจุดห้าวินาที หลบหลีกฝ่ามือั์ จากนั้นออกหมัดเข้าที่ส่วนท้องของจั่วจวิ้น
เป็เพราะเขาไม่รู้ว่าพลังหมัดของอีกฝ่ายรุนแรงแค่ไหน จึงเลือกที่จะหลบไปก่อน
จั่วจวิ้นเองก็ถือดี ไม่ยอมหลบ ใช้ส่วนท้องอันแข็งแรงรับหมัดของฉู่เฟิง พร้อมกันนั้นก็ฟาดมืออันใหญ่โตลงไป หมายจะจับฉู่เฟิง
เสียงตึงดังสนั่นกระแสเสียงสั่นะเื ฉู่เฟิงรู้สึกว่าหมัดชาเล็กน้อย ส่วนจั่วจวิ้นโซซัดโซเซถอยหลังไปหลายก้าว
ใบหน้าเขามีแววเ็ป เขาไม่เคยคิดว่า เมื่อเปลี่ยนเป็ร่างนี้แล้วจะยังมีความเ็ปเกิดขึ้นได้อีก คนผู้นี้มีพลังมากแค่ไหนนะ?
ก็ในเมื่อตอนนี้เขาอยู่ในร่างพิเศษ แทบจะเข้าขั้นเทพอยู่แล้ว หากเป็ในยุคโบราณ ก็เรียกได้ว่าเป็สุดยอดของยอดฝีมือแล้ว
นอกจากนี้เขายังไปได้ไกลกว่านี้อีก ในอนาคต หากจะได้รับการเรียกขานเป็เทพ ก็ไม่นับว่าเกินไป
หลายวันมานี้ ความเชื่อมั่นของเขาเพิ่มพูน รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็เทพได้แล้ว กับคนธรรมดาก็เรียกได้ว่าอยู่คนละโลก เป็คนละเผ่าพันธุ์กันด้วยซ้ำ
ที่จริงแล้ว ่นี้ เขารู้สึกตัวเองก้าวหน้าอย่างมาก สามารถกำจัดพวกสัตว์ร้ายได้ด้วยมือเปล่า ทุกแห่งหนไร้คู่ต่อกร
บัดนี้ คนธรรมดาผู้หนึ่งที่ยังไม่ได้กลายร่าง ธรรมดาสามัญอย่างยิ่ง กลับหยุดเขา ประมือกับเขาได้ แล้วจะไม่ให้เขาใได้อย่างไรกัน?
ลูกั์ตาของจั่วจวิ้นหดวูบ สายตาเย็นเยียบ เขายอมให้คนผู้นี้มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ หากว่าจะต้องถูกประณาม ก็ต้องฆ่ามันให้ได้
พอเขากำหมัด รอบกายก็บังเกิดออร่าสีเหลือง สีใกล้เคียงกันกับสีผิวกาย พลังรุนแรงพัดโหมกระหน่ำ
เมื่อออกหมัดทดสอบไปแล้ว ฉู่เฟิงก็มั่นใจว่าเขาสามารถรับมือกับหมัดหนักของอีกฝ่ายได้ ในเมื่อระดับเดียวกัน ก็ไม่ต้องกลัวแล้ว
จั่วจวิ้นคำรามเสียงต่ำ ร่างกายพลันสูงขึ้นอีกครึ่งฟุต ฝ่ามือกวาดเข้าหาฉู่เฟิงอย่างรุนแรงบ้าคลั่ง
ร่างกายอันใหญ่โต ทั้งยังแข็งแกร่งสุดประมาณ อย่างกับคนละชาติพันธุ์
ฉู่เฟิงรับมือ ไม่ถอยแม้แต่ก้าว ทั้งยังทุ่มเทพลังที่มากกว่าคนทั่วไปถึงสิบสองเท่า เมื่อรวมกับความเร็วอันน่ากลัวนั่น หมัดนี้เพียงพอที่จะทลายหินผาได้
ตึงตึงตึง!
ทั้งสองประมือกัน ฉู่เฟิงไม่เพียงอาจหาญปะทะหมัดกับเขา หากยังหยิบยืมแรงคู่ต่อสู้ ทะยานไปด้านหลัง แล้วโจมตีหนักหน่วง
ตอนนี้ ฉู่เฟิงไม่ออมมือสักนิด
เสียงดังตึง หลังจากประมือหลายครั้ง ฉู่เฟิงอ้อมไปข้างหลังจั่วจวิ้น ออกหมัดชกจนร่างสูงใหญ่นั่นลอยปลิวไปไกล
ร่างั์เกือบสามเมตรตกลงไปในแปลงดอกไม้ ดินทรายกระจัดกระจาย
“ตาย!”
จั่วจวิ้นอับอายจนโทสะพุ่ง แววตาเย็นเยียบ สุดท้ายออร่าเปลี่ยนเป็สีทองคล้ายๆ สีผิวของเขา ร่างทั้งร่างขยายขึ้นอีกครั้ง เสียงกระดูกลั่นไม่หยุด
พร้อมกันนั้น บนไหล่ขวาของเขาก็พลันเกิดหมอกสีน้ำตาลขึ้น ในพริบตา แขนขวาก็ขยายใหญ่ขึ้น
โครม!
เขาพุ่งเข้าหาฉู่เฟิง มือข้างขวานั่นพิเศษอย่างยิ่ง เปล่งแสงสีทอง ฝ่ามือใหญ่ขนาดถาดของโม่หิน เมื่อเทียบกับมือซ้ายแล้วแตกต่างกันหลายเท่า
เพียงแค่ตบลงไป ฉู่เฟิงย่อมถูกฝังมิดไปทั้งตัว
เป็ฉากที่น่าหวาดเสียว ออร่าสีทองหลั่งไหล กลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นกระจายไปทั่ว
ฉู่เฟิงตะลึง ขณะหลบหลีกเขาพยายามนึกถึงหมัดที่หวงหนิวสอนแต่เขายังฝึกไม่สำเร็จ สุดท้าย เขาก็เริ่มหายใจด้วยเคล็ดพิเศษนั่น แล้วรวบรวมพลัง
ชั่วแวบนั้น ฉู่เฟิงออกหมัด เขารู้สึกว่าเมื่อหายใจด้วยเคล็ดพิเศษนั้น พลังที่ส่งออกมาเพิ่มขึ้นไม่หยุด จนต้องหันไปรับฝ่ามือ
โพละ!
เืสาดกระจาย หมัดของฉู่เฟิงทะลวงฝ่ามือั์ขนาดถาดรองโม่หิน เป็ภาพที่ชวนตกตะลึง แม้แต่ตัวเขาเองยังชะงักงัน
“อ๊าก...”
จั่วจวิ้นร้องโหยหวน ใบหน้าขาวซีด เขาก้าวถอยสะเปะสะปะ มือข้างนั้นเืไหลไม่หยุด เสียงกระดูกในร่างกายเขาดังลั่น เหมือนกับสูญเสียพลัง แล้วร่างกายก็หดเล็ก
ในเวลาไม่นาน เขาก็กลับคืนสู่ความสูงปรกติ ออร่าสีทองจางหายไป ร่างกายอ่อนเปลี้ย ร่วงลงสู่พื้น ร้องโอดโอยด้วยความเ็ป
“พลังนี่น่ะเหรอ ที่ทำให้นายดูถูกคนอื่น? ก็แค่นี้เท่านั้น” ฉู่เฟิงเดินเข้าไปใกล้ ก้มลงมองดูเขา
จั่วจวิ้นหวาดหวั่นอยู่ในใจ เขารู้แล้วว่าเขาประเมินคนผิด คนตรงหน้านี้เป็เพียงคนธรรมดาได้ยังไงกัน? ทั้งๆ ที่ไม่มีสัญลักษณ์บ่งบอกว่าเป็บุคคลพิเศษ ทว่าน่าเกรงขามเป็อย่างยิ่ง
ในใจเขาตอนนี้กำลังหวาดหวั่น กลัวว่าฉู่เฟิงจะฆ่าเขา
“พวกนายมีกันกี่คน มาที่เขาไท่หังซานมีวัตถุประสงค์อะไร เล่าเื่ที่นายรู้ทั้งหมดให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้” ฉู่เฟิงกล่าวเรียบๆ
ถึงเขาจะพอเดาออกได้หลายส่วน หากก็ยังมีข้อสงสัยอีกมากที่้าคำยืนยัน จึงคิดล้วงคำตอบจากอีกฝ่าย
ในตอนแรกจั่วจวิ้นยังกลัวว่าจะถูกกำจัด แต่พอถึงเวลากลับเด็ดเดี่ยว ปิดปากสนิท ไม่เอ่ยอะไรสักคำ
ฉู่เฟิงก็ไม่เกรงใจ ลงมือจัดหนัก ประเคนหมัดใส่จมูก ซึ่งเป็ตำแหน่งที่สร้างความเ็ปได้อย่างมาก
มันเป็ความเ็ปแสนสาหัส จั่วจวิ้นหน้ามืดวูบ น้ำหูน้ำตาผสมเืหลั่งไหล แทบจะสิ้นสติ
เขายังคงไม่พูดไม่จา ปิดปากกัดฟันแน่น
ในตอนนี้นั่นเอง หวงหนิวก็โผล่หัวลับๆ ล่อๆ ออกมาจากห้อง จากนั้นค่อยๆ ยุรยาตรออกมา
มันเชื่อฟังจริงๆ แฮะ หลบอยู่ในห้องตลอดเวลา
แต่ฉู่เฟิงสงสัยว่า ที่ไอ้หมอนี่มันเชื่อฟังก็เพราะอยากดูเื่สนุกมากกว่า คิดจะให้มันซ่อนตัวจริงๆ น่ะ อย่าได้หวัง!
ฉู่เฟิงไม่อยากให้หวงหนิวเผยพิรุธ ฉะนั้น ตรงไปแจกหมัดเข้าจมูกกับตาอีกสามทีอย่างระวังการออกแรง นั่นทำให้เขาหลับตาโดยพลันแล้วร้องอย่างเ็ป
“วุ่นวายจริงๆ” เขารู้สึกปวดหัวจี๊ด ไอ้หมอนี่ปากแข็งชะมัด ให้ตายก็ไม่ยอมปริปาก จะจัดการยังไงดี?
ฆ่าทิ้งเสีย เขาก็ทำไม่ลง เขาเป็คนในยุคปัจจุบันนะ จะมีประสบการณ์ในเื่อย่างนี้ได้อย่างไร เขาตัดสินใจไม่ถูกอยู่เป็นาน
แต่ถ้าปล่อยไป จะต้องเกิดปัญหาในภายหลังอย่างแน่นอน
แล้วถ้าขังไว้ ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย จั่วจวิ้นหายตัวไป พรรคพวกของเขาต้องออกตามหาอย่างแน่นอน ดีไม่ดีจะมาตามหาเขาที่นี่อีกด้วย
ในเมื่อมีคนไหว้วานพวกเขาให้มาดูแลฉู่เฟิง เกิดมีสักวันที่มาพบว่าจั่วจวิ้นถูกกักขังอยู่ที่นี่ ย่อมต้องเกิดปัญหาอย่างแน่นอน
“จะแก้ปัญหาเื่นี้อย่างไรดีล่ะ นี่ถ้าเขาลืมเื่ที่เกิดขึ้นวันนี้ได้ก็ดีสิ” ฉู่เฟิงพึมพำกับตัวเอง
หวงหนิวได้ยินเข้า ก็เยื้องย่างเข้ามา เขี่ยพื้นดินเป็ตัวอักษรอย่างไม่รีบไม่ร้อนเป็ตัวอักษรโย้เย้ ‘ง่ายๆ’
“แกมีวิธีเหรอ?” ฉู่เฟิงอึ้งๆ
หวงหนิวเชิดหัว ท่าทางเย่อหยิ่งเต็มที่
“งั้นรีบจัดการสิ” ฉู่เฟิงดีใจ เร่งมันทันที
หวงหนิวยุรยาตรเข้าไปใกล้จั่วจวิ้น มองอย่างประเมิน จากนั้นกางสองขาหน้าออก เสียงตึงดังขึ้นสองครั้ง มันย่ำขาคู่ลงบนศีรษะของจั่วจวิ้น
“เบาหน่อย เดี๋ยวเละกันพอดี!” ฉู่เฟิงใ รีบเข้าไปห้าม เขารู้ว่าพละกำลังของวัวตัวนี้มากมายขนาดไหน ใครจะไปนึกว่าอยู่ๆ มันก็กระทืบจั่วจวิ้นซ้ำ
จั่วจวิ้นร้องออกมาคำหนึ่ง จากนั้นก็หมดสติไป แต่ขนาดสลบไปแล้ว ยังคงชักกระตุก น้ำลายฟูมปาก หัวสั่นคลอนไม่หยุด
“เนี่ยนะวิธีแก้ปัญหา?” ฉู่เฟิงสงสัย
หวงหนิวค่อยๆ เขี่ยพื้นอย่างช้าๆ อีกครั้ง ยังคงเป็ตัวอักษรโย้เย้เหมือนเดิม คราวนี้มาสามคำ ‘ลืมหมดแล้ว’
“แกมัน...ร้ายจริงๆ!” ฉู่เฟิงไม่รู้จะพูดอะไรดี ไอ้หนิวหมัวหวังนี่ไม่ใช่สายบุญแน่นอน กระทืบกีบไปสองทีก็ทำคนความจำเสื่อมได้แล้ว