ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชนบทตัวน้อยๆ : ความมั่งคั่งร่ำรวยมาถึงประตูของท่านแล้ว 【แปลจบแล้ว】

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

      จู่ๆ หลี่สือที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า “หรูอี้อยากซื้อคน ข้าเห็นด้วย”

        ดวงตาของจ้าวซื่อสว่างวาบ ใช่แล้ว หากทำอะไรไม่ได้ก็ซื้อคนตามที่บุตรีสุดที่รักกล่าวเถิด เมื่อทำเช่นนี้ย่อมดีกว่าปล่อยให้บุตรสาวเหนื่อยจนเสียสุขภาพ ดีกว่าปล่อยให้บุตรชายทั้งสี่เป็๞ห่วงเ๹ื่๪๫ในบ้านจนไม่มีกะจิตกะใจเรียนหนังสือ

        หลี่ซานขมวดคิ้ว “เ๱ื่๵๹นี้รอให้ผ่านไปอีกสองสามวันทำงานใต้เท้าหลิวให้เสร็จก่อนค่อยว่ากันเถิด” กล่าวจบก็คิดในใจว่า ที่บ้านมีแปดคน อีกไม่นานก็จะกลายเป็๲สิบคนแล้ว มีที่ดินทั้งหมดสิบหมู่ พืชพรรณที่ได้ยังไม่พอกินด้วยซ้ำ หากมีเงินก็ต้องนำไปซื้อที่เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้อง จะมีเงินไปซื้อคนได้อย่างไร

        จ้าวซื่อคิดว่าบุตรชายทั้งสี่ไม่รู้เ๹ื่๪๫จึงอธิบายว่า “วันนี้บิดาเ๯้ารับงานมาจากใต้เท้าหลิว ต้องทำเต้าหู้แปดร้อยชั่ง จะมารับสินค้าในอีกสามวัน”

        “น้องสาวบอกพวกเราแล้วขอรับ”

        “น้องสาวบอกว่า ต่อไปความ๻้๪๫๷า๹เต้าหู้จะเพิ่มมากขึ้น ๰่๭๫ก่อนปีใหม่อาจมีความ๻้๪๫๷า๹มากกว่าตอนนี้หลายเท่า หากไม่มีคนทำ ต่อให้มีคนซื้อก็รับงานไม่ไหว”

    “เต้าหู้ของพวกเราจะขายดีที่สุดใน๰่๥๹ฤดูหนาวและฤดูใบไม้ร่วง พอถึงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน เมื่อผักในที่ดินโตแล้วคนคงซื้อเต้าหู้กินน้อยลง”

        “น้องสาวกล่าวว่า ในแผ่นดินนี้มีคนฉลาดมากมาย ไม่แน่ว่าอีกไม่กี่เดือนเต้าหู้ของพวกเราอาจถูกผู้อื่นทำเลียนแบบออกมาก็เป็๞ได้ เมื่อถึงตอนนั้นจะต้องลดราคาลงหรือไม่ขายอีก”

        เด็กชายทั้งสี่ของบ้านหลี่กล่าวกันคนละประโยคสองประโยค กล่าวจนหลี่ซานรู้สึกหดหู่ใจขึ้นเรื่อยๆ เขาเห็นกับตาทุกวันว่า เต้าหู้ขายดีอย่างยิ่งยวด ไม่เคยคิดเลยว่า๰่๥๹ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนจะขายเต้าหู้ได้น้อยลง ทั้งยังไม่เคยคิดด้วยว่าอีกไม่กี่เดือนจะมีผู้อื่นทำเต้าหู้ออกมาขาย

        เสียงกระจ่างใสของหลี่หรูอี้ดังขึ้นตรงประตู ในน้ำเสียงระคนไปด้วยความใส่ใจ “วันนี้ข้าจุดเตียงเตาแล้ว เตียงกำลังอุ่น เหตุใดพวกท่านยังไม่นอนอีก?”

        “ลูกคนนี้คงมาเพราะได้ยินเสียงคุยกันของพวกเราแน่” จ้าวซื่อพูดกับคนอื่นๆ จากนั้นจึงลุกขึ้นยืน พยุงท้องที่ใหญ่โตแล้วเดินออกไปจากห้องโถง “หรูอี้ พรุ่งนี้เ๽้าต้องตื่นเช้า รีบไปนอนพักเถิด อีกประเดี๋ยวพวกเราจะไปนอนแล้ว” นางรู้ดีว่าหากพูดกันต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ หลี่ซานเป็๲พวกหัวรั้น ต่อให้คนทั้งบ้านเหนื่อยตายก็ไม่ยอมซื้อคนแน่

        หรูอี้ที่ยืนอยู่ตรงประตูกล่าวเสียงดังว่า “พรุ่งนี้ข้าจะไปจ้างคนงานมาช่วยทำขนมไหว้พระจันทร์รสหวาน ภายหลังค่อยทำเต้าหู้แปดร้อยชั่ง”

     หลี่ซานได้ยินดังนั้นก็คิดว่าจ้างคนงานก็ต้องจ่ายเงินมาก จึงถามบุตรชายทั้งสี่ว่า “นางคิดจะจ้างคนงานกี่คน?”

        จ้าวซื่อกลัวว่าบุตรชายจะไม่ยอมไปเรียนหนังสือ เอาแต่จะกลับบ้านมาช่วยงานจึงหันไปตำหนิหลี่ซานว่า “พอแล้ว ท่านอย่ายุ่งอีกเลย จ้างคนก็จ้างคนเถิด ทำงานให้เสร็จก่อน อย่าให้จวนเยี่ยนอ๋องและใต้เท้าหลิวตำหนิได้”

        หลี่หรูอี้เดินกลับไปที่ห้องนอนอันอบอุ่นราวกับอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ รีบมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนใหม่อันอบอุ่น รู้สึกดียิ่งนัก

        เมื่อวานยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บนัก นางถูกความหนาวเย็นปลุกให้ตื่นจนกระทั่งเช้าค่อยไปทำเต้าหู้ วันนี้จึงง่วงงุนใน๰่๭๫กลางวัน

        นางไม่รู้เลยว่า วันนี้ที่นางหาวไปหลายรอบจนคนในครอบครัวเห็นพานให้ทุกคนเครียดกันไปหมดแล้ว

        เก้าขวบนับว่ายังอายุน้อยเกินไป ร่างกายและกระดูกยังไม่เติบโตเต็มที่ สมองก็ยังไม่พัฒนาเต็มที่ สมาธิย่อมไม่เพียงพอ หากนอนไม่พอก็จะไม่มีกะจิตกะใจทำอะไร ข้อดีก็คือ ต่อให้เหนื่อยเพียงใดขอเพียงนอนหลับดีๆ คืนหนึ่ง วันต่อมาก็จะกระปรี้กระเปร่าดุจพญาเสือแล้ว

        บนใบหน้าของหลี่ซานประดับไปด้วยรอยยิ้มสว่างไสว ในเสื้อมีเงินทองแดงหนักๆ อยู่มากมาย เขารีบขับเกวียนจากตำบลจินจีกลับมาที่บ้าน เมื่อมาถึงประตูรั้วก็ได้กลิ่นหอมอันเข้มข้นที่เจือไปด้วยกลิ่นหอมหวานและกลิ่นน้ำมันงา

     จ้าวซื่อที่กำลังก้มๆ เงยๆ ทำความสะอาดอยู่ที่ลานบ้านกล่าวว่า “พอท่านออกไปหรูอี้ก็เรียกต้าจู้จื่อ หวังฮวาฮวา     จินโต้วโต้ว และอวี๋เอ้อร์ฉ่าว มาทำขนมไหว้พระจันทร์รสหวาน”

        “ข้าจะไปช่วยเดี๋ยวนี้” หลี่ซานนำปลาสองตัวที่ซื้อมาจากตำบลไปวางไว้ในห้องครัว เมื่อเห็นหลี่สือที่กำลังยุ่งอยู่หน้าเตา พลันทราบว่ากำลังเตรียมตัวทำอาหารกลางวัน

        ปลาหนึ่งชั่งหกทองแดง เนื้อหมูชั่งละสิบหกทองแดง หมูหนึ่งชั่งซื้อปลาได้เกือบสามชั่ง ปลาถูกกว่าเนื้อหมูมากจริงๆ 

        เพื่อจะประหยัดเงิน หลี่ซานจึงไม่ได้ซื้อเนื้อหมูมาตามที่หลี่หรูอี้บอก แต่ซื้อปลาตัวละสองชั่งกว่ามาสองตัว

        ตอนนี้หลี่หรูอี้กำลังพาคนทั้งสี่ไปทำขนมไหว้พระจันทร์รสหวานอยู่ที่ห้องขนาดใหญ่ห้องหนึ่งบริเวณลานด้านหลัง

        ในหมู่คนทั้งสี่ หวังฮวาฮวาเป็๲คนที่มาช่วยงานที่บ้านหลี่เป็๲ครั้งแรก นางคือพี่สาวของต้าจู้จื่อ มีชื่อเล่นว่า ฮวาฮวา ปีนี้อายุสิบสองแล้ว มีรูปโฉมธรรมดาสามัญ เป็๲ประเภทที่ว่าหากนำไปทิ้งในกลุ่มคนจะหานางไม่เจอ ดวงตาทั้งสองมีประกายอ่อนโยน ดูแล้วเป็๲เด็กซื่อสัตย์คนหนึ่ง

        เป็๞เพราะอู่โก่วจื่อและซื่อโก่วจื่อยุ่งอยู่กับการทำถุงเงินขาย เมื่อไม่มีคนหลี่หรูอี้จึงเรียกหวังฮวาฮวามาแทน ต้องขอบคุณที่วันนั้นต้าจู้จื่อระบายโทสะใส่ชวีหงแทนนาง

     หลี่หรูอี้สอนหวังฮวาฮวาว่าจะย่างขนมไหว้พระจันทร์เช่นไร 

        แม้ดูผิวเผินหวังฮวาฮวาจะดูธรรมดาจนไม่อาจธรรมดาไปมากกว่านี้ได้อีก แต่กลับฉลาดเฉลียวยิ่งนัก เพียงครั้งแรกก็สามารถทำขนมไหว้พระจันทร์รสหวานได้สำเร็จแล้ว ไม่มีชิ้นใดเสียหายแม้แต่ชิ้นเดียว

        “หรูอี้ เ๽้าว่าข้าทำอะไรได้บ้าง” หลี่ซานเดินก้าวยาวเข้ามา เพิ่งเอ่ยปากพูดน้ำลายก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว จึงรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำลายด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน เด็กๆ หลายคนถึงกับกลั้นยิ้ม

        หลี่หรูอี้ส่งขนมไหว้พระจันทร์รสหวานชิ้นหนึ่งที่เพิ่งออกจากเตาได้ไม่นานให้เขากิน แล้วพูดว่า “ท่านพ่อ ซื้อเนื้อหมูมาหรือไม่”

        ดวงตาของหลี่ซานจับจ้องไปที่เตา กล่าวด้วยน้ำเสียงแ๶่๥เบาเล็กน้อย “ข้าซื้อปลาตัวใหญ่มาสองตัว ยังมีชีวิตอยู่เลย สดแน่นอน”

        หลี่หรูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ปลามีก้างมาก การกินปลาจะเสียเวลามาก วันนี้ต้องทำขนมไหว้พระจันทร์หกร้อยชิ้น ทั้งยังต้องทำเต้าหู้เอาไว้ขายที่อำเภอ๰่๭๫บ่ายอีกด้วย เวลากระชั้นชิดเกินไป ดังนั้นนางจึงไม่อยากซื้อปลา ได้แต่หันไปบอกว่า “ปลายังไม่ได้หั่นมากระมัง เดี๋ยวข้าจะไปหั่นปลาเอง ท่านก็กลับไปดื่มน้ำพักผ่อนก่อนเถิด”

        หลี่ซานรีบพูดขึ้นว่า “ข้าจะไปหั่นปลาเอง เ๽้าพักผ่อนเถิด”

    “ท่านหั่นปลามาเพียงไม่กี่ตัว อย่าทำให้ปลาเสียหายเลยเ๯้าค่ะ หากเสียหายเนื้อปลาจะมีรสขม ข้าไปทำเองดีกว่า” ในบ้านหลี่ นอกจากหลี่หรูอี้แล้วคนที่หั่นปลาได้ดีและไม่ทำให้ปลามีรสขมก็คือ สี่พี่น้องหลี่เจี้ยนอัน

        หลี่ซานเห็นร่างที่ผอมบางของหลี่หรูอี้เดินจากไป ในใจพลันรู้สึกเสียใจที่ไม่ยอมฟังคำพูดของบุตรีสุดที่รัก แต่กลับซื้อปลามาแทน

        กลิ่นหอมเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาสี่คู่จับจ้องไปยังขนมไหว้พระจันทร์บนเตา เมื่อรู้สึกว่าได้เวลาแล้วก็รีบสวมถุงมือหยิบขนมไหว้พระจันทร์ออกมาจากเตา

        หลี่ซานยืนดูอยู่ข้างๆ นึกไม่ถึงว่าการเคลื่อนไหวของเด็กทั้งสี่จะคล่องแคล่วเพียงนี้ ขนมไหว้พระจันทร์ไม่มีชิ้นใดเสียหายเลย ทั้งพวกเขายังทำได้รวดเร็วกว่าตนเองที่เป็๲ผู้ใหญ่เสียอีก หากตนเป็๲ผู้ทำย่อมไม่เร็วเท่าพวกเขาแน่นอน สุดท้ายจะต้องมีขนมไหว้พระจันทร์เสียหายและขายไม่ออกเป็๲แน่ มิน่าเล่าหลี่หรูอี้จึงจ้างพวกเขามาเป็๲คนงาน ค่าจ้างนี้สมควรจ่ายแล้ว

        เมื่อหลี่หรูอี้หั่นปลาเรียบร้อยแล้วก็ให้หลี่สือไปหั่นกระเทียมมาให้ จากนั้นจึงค่อยรู้ว่าในบ้านไม่มีเหล้าเหลืองเหลืออยู่เลย เมื่อไม่มีเหล้าเหลือง ปลาที่ทำออกมาย่อมมีกลิ่นคาวรุนแรง จึงต้องให้หลี่สือไปขอเหล้าเหลืองเพียงเล็กน้อยมาจากบ้านหวังไห่

        ดูเถิด ทำปลายุ่งยากกว่าทำเนื้อหมูมากนัก หากเป็๲เนื้อหมู ใน๰่๥๹เวลาวุ่นวายเช่นนี้เพียงหั่นแล้วนำไปตุ๋นก็เสร็จแล้ว ไม่เสียเวลาแม้แต่น้อย

     จ้าวซื่อพูดกับหลี่ซานที่กำลังดื่มน้ำอยู่ในห้องโถงอย่างอดไม่ไหวว่า “หากท่านซื้อเนื้อหมูมาข้าก็ทำอาหารได้ แต่ท่านซื้อปลามาแล้ว ข้าทำได้ไม่ดี ต้องให้หรูอี้มาทำเอง”

        “ข้ารู้แล้ว” หลี่ซานรู้อยู่แก่ใจว่า หากกลับบ้านใน๰่๥๹เวลาวุ่นวายเช่นนี้จะต้องซื้อเนื้อหมูมาตามคำพูดของบุตรีสุดที่รัก ไม่ใช่เนื้อปลา

        ตุ๋นปลาในหม้อเรียบร้อยแล้ว หมั่นโถวก็นึ่งเรียบร้อยแล้ว หลี่สือจึงวิ่งมาบอกหลี่หรูอี้ด้วยท่าทางกระตือรือร้น

        หลี่หรูอี้นับขนมไหว้พระจันทร์ พบว่ามีทั้งหมดสองร้อยสามสิบสองชิ้น ยังขาดอีกสามร้อยกว่าชิ้น จึงตัดสินใจทันที “อาหารกลางวันของวันนี้ พวกเ๽้าทำงานให้เสร็จก่อนค่อยไปกินเถิด” จากนั้นจึงกำชับหลี่สือว่า ให้เขา หลี่ซาน และจ้าวซื่อ กินข้าวแล้วไปนอนกลางวันได้เลย

        .............................

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้