อีกทั้งั้แ่กลับมาเกิดใหม่ นางก็เจออุปสรรครอบด้าน ด้านหนึ่งก็ต้องป้องกันบิดาของตัวเอง อีกด้านหนึ่งก็ต้องระวังคนที่จะวางยาพิษนางซึ่งตอนนี้ยังไม่พบเบาะแสอะไร อีกด้านหนึ่งก็ต้องป้องกันแผนของคู่บุรุษสตรีตัวร้ายนั่น แต่ในที่สุดตอนนี้ก็มีคนที่พึ่งพาและเชื่อใจได้สักที
“ทำไม ท่านไม่ดีใจหรือ?”
“ดีใจ แน่นอนข้าดีใจอยู่แล้ว” จี๋โม่หานโอบนางเข้ามาในอ้อมแขน
แต่ก่อนเวลาที่เขาใกล้ชิดกับซูิเยว่ นางมักจะแสดงออกอย่างใจเย็นและฉลาด ทั้งยังแฝงด้วยความลึกลับ มีความปราดเปรื่องแบบที่สตรีคนอื่นไม่มี
สิ่งนี้ทำให้เขาเมินเฉยต่ออายุของนาง จนกระทั่งตอนนี้เขาถึงได้รู้ตัวว่า แม่นางที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาคนนี้ แท้จริงแล้วอายุแค่ไม่กี่สิบปีเท่านั้น
แล้วก็พวกความลับของซูิเยว่นั้น จี๋โม่หานคิดถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วร้องเรียกเสียงเบา “แม่หนู”
“หือ?”
“จากนี้เป็ต้นไป ข้าจะเป็โล่ป้องกันด้านหลังที่แข็งแกร่งที่สุดให้เ้า หากเ้ามีปัญหาอะไรก็สามารถพึ่งพิงข้าได้ ไม่ต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตราย”
ซูิเยว่ใก่อนจะหัวเราะออกมา นางเข้าใจสิ่งที่จี๋โม่หานพูดและเจตนาดีของเขา “หม่อมฉันทราบแล้ว แต่เื่บางเื่หม่อมฉันจะต้องไปทำมันด้วยตัวเอง บางเื่.....”
นางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “หม่อมฉันจะบอกท่านเอง ตอนนี้ท่านเป็คนเดียวที่หม่อมฉันเชื่อใจ และเป็คนเดียวที่หม่อมฉันพึ่งพาได้ แต่หม่อมฉันไม่อยากจะพึ่งพาท่านไปเสียทุกเื่ หม่อมฉันอยากจะอยู่กับท่าน เข้าใจใช่หรือไม่?”
จี๋โม่หานไม่ได้ตอบ เพียงแต่กระชับมือข้างที่วางตรงเอวของซูิเยว่แน่นขึ้น
ภายในห้อง แสงเทียนสั่นไหว
นอกห้อง แสงจันทร์และแสงดาวพร่างพราว
และก็ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ซูิเยว่ถึงได้ปล่อยมือที่กอดคอจี๋โม่หานออก “เอาล่ะ หม่อมฉันจะต้องไปแล้ว หม่อมฉันออกมานานเกินไปแล้ว เดี๋ยวท่านพ่อจะสงสัยเอา ท่านเองก็รู้ความสัมพันธ์ของหม่อมฉันกับท่านพ่อ ั้แ่หลังจากมีเื่ลอบฆ่า เขาก็ส่งองครักษ์มาจับตาดูหม่อมฉันเพิ่มขึ้น ตอนกลางคืนหม่อมฉันยังต้องแอบปีนกำแพงออกมาเลย”
จี๋โม่หานเงียบไปก่อนจะจำใจปล่อยมือออก เขาถอนหายใจน้อยๆ ก่อนหน้านี้ตอนที่ให้จิ่งฉือไปตรวจสอบเื่ของซูิเยว่ เขาก็พอจะรู้ความสัมพันธ์ของพ่อลูกสกุลซูมาบ้าง แต่คิดไม่ถึงว่าจะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ถึงว่าทุกครั้งไม่ว่าซูิเยว่จะทำอะไร นางถึงได้ระมัดระวังขนาดนั้น
“ก็ได้ เช่นนั้นเ้าก็ระวังหน่อย ข้าจะให้หลิงชวนไปส่งเ้า”
“อืม” ซูิเยว่ไม่ได้ปฏิเสธ
“แล้วก็คนที่ส่งนักฆ่ามาทำร้ายเ้า ในเมื่อยังไม่บรรลุเป้าหมาย คนผู้นั้นย่อมไม่ยอมหยุดแค่นี้แน่ หากมีเื่อะไรก็มาหาข้าได้ รู้หรือไม่?”
“ทราบแล้วเพคะ” ซูิเยว่ยกยิ้ม “ตอนนี้หม่อมฉันมีคนคุ้มครองแล้ว”
จี๋โม่หานหัวเราะอย่างระอาใจออกมาเบาๆ “ที่บอกเ้านั้นจริงจังนะ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็อย่าฝืนตัวเอง”
“ทราบแล้วเพคะ จี๋โม่หาน” จากนั้นซูิเยว่ก็พลันเปลี่ยนน้ำเสียงกลับมาจริงจัง “หม่อมฉันขอถามท่านอีกเื่หนึ่ง”
“อืม ว่ามา”
ซูิเยว่ถอนหายใจน้อยๆ ถามคำถามที่นางอยากรู้มากมาตลอด “หากวันหนึ่งหม่อมฉันไปเป็ศัตรูกับคนคนหนึ่ง แล้วคนคนนั้นสนิทกับท่านมาก ท่านจะทำอย่างไร?”
ซูิเยว่เกิดใหม่ชาตินี้จะต้องแก้แค้นองค์ชายห้าให้ได้ เื่แผนร้ายขององค์ชายห้าก่อนหน้านี้ นางไม่รู้ว่าจี๋โม่หานรู้ไปมากแค่ไหน?
นางไม่เคยสืบเื่นี้แบบลงลึกมาก่อน อีกทั้งชาติก่อนนางไม่ได้ใกล้ชิดกับจี๋โม่หานมากนัก ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของสองลุงหลานนั้นเป็อย่างไร แต่ว่าก็เป็สายเืเดียวกัน ดังนั้นนางถึงไม่กล้าพูดบางเื่กับจี๋โม่หาน
หลังจากเขาฟังจบแล้ว อากัปกิริยาบนใบหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไร ถึงแม้ซูิเยว่จะไม่ได้พูดออกมาชัดเจน แต่พอเขามาคิดดูแล้วก็พอจะรู้ว่าที่นางพูดออกมานั้นหมายความว่าอะไร
เขาพลันรู้สึกขบขันปนเอ็นดู ในเวลาแบบนี้แม่หนูคนนี้ก็ยังสนใจความรู้สึกของเขา
“แม่หนู เ้าจำเอาไว้ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ เ้าคือคนที่สำคัญที่สุดของข้า ไม่มีข้อยกเว้น”
เขาพูดจบก็จับมือของซูิเยว่ขึ้นมาจูบ “เ้าวางใจเถิด เื่บางเื่จะช้าหรือเร็ว อย่างไรก็จะผ่านไป”
บางทีอาจจะเป็เขาที่เลือกพูดออกมาอย่างชัดเจนแล้ว
“รอเ้ามาครั้งหน้า ข้าจะพาเ้าไปเจอคนคนหนึ่ง”
ซูิเยว่ประหลาดใจเล็กน้อย “ใครหรือเพคะ?”
“ถึงตอนนั้นเ้าจะรู้เอง”
“ก็ได้เพคะ” ซูิเยว่เองก็ไม่ได้ถามมาก “นี่ก็ดึกแล้ว หม่อมฉันควรจะไปแล้วจริงๆ”
“อืม” ถึงแม้ปากของจี๋โม่หานจะรับคำ แต่มือที่จับมือของซูิเยว่เอาไว้กลับไม่ยอมปล่อย
ซูิเยว่มองจี๋โม่หานอย่างขบขัน พอมองคนที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็นึกถึงท่าทางที่เ็าไม่สนใจใคร ไม่ให้ใครเข้าใกล้ในระยะสามเมตร “องค์ชาย หากลูกน้องท่านมาเห็นท่าทางเช่นนี้เข้า เกรงว่าภาพลักษณ์ของท่านจะรักษาเอาไว้ไม่ได้แล้วนะเพคะ”
“ไม่เป็ไร เปิ่นหวังไม่สนใจ”
ซูิเยว่ดึงมือกลับมาอีกครั้งก็ดึงไม่ออก ตอนที่คิดว่าจะพูดอะไร นางก็เห็นจี๋โม่หานยืนขึ้น ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ถูกอีกฝ่ายดันตัวเข้ามาหา
จูบที่แตะผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับแมลงปอแตะน้ำ ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่พูดไม่ได้อยู่ในนั้น
จี๋โม่หานถอยออกมาก้าวหนึ่ง มุมปากที่ยกยิ้มได้เก็บซ่อนไปแล้ว “เรียบร้อยแล้ว”
ซูิเยว่รู้สึกว่าแก้มกับกกหูของตัวเองเริ่มจะร้อนขึ้นมาอีกแล้ว
“หลิงชวน”
หลิงชวนที่คอยเฝ้าอยู่ด้านนอกตลอด พอได้ยินเสียงเรียกของเ้านายก็รีบเข้ามาทันที ตอนที่เขาเข้าห้องมาก็ก้มหัวอยู่ตลอด ดวงตาไม่กล้ามองไปทางอื่น
“ท่านอ๋อง กระหม่อมเข้ามาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปส่งคุณหนูซูกลับจวน”
“ขอรับ”
ตอนนี้เองหลิงชวนถึงได้เงยหน้าขึ้นมองจี๋โม่หาน พลันลูกตาของเขาก็แทบจะกระดอนออกมา มุมปากของจี๋โม่หานมีรอยยิ้ม สีหน้าบนใบหน้าก็ยังอ่อนโยน ท่าทางอบอุ่นเช่นนี้ไม่เคยได้เห็นจากจี๋โม่หานเมื่อก่อนเลย
“เช่นนั้นหม่อมฉันไปแล้วเพคะ” ซูิเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกดความรู้สึกร้อนวูบบนใบหน้าลงไป “ท่านก็รีบพักผ่อนเถิด”
หลิงชวนติดตามซูิเยว่ั้แ่ออกมาจากห้องของจี๋โม่หานจนเดินมาได้ครู่หนึ่งแล้ว เขายังครุ่นคิดอยู่ว่าเมื่อครู่ที่ตนเองเห็นนั้นตาฝาดไปหรือไม่
เดิมทีซูิเยว่คิดว่าตัวเองจะมาหาจี๋โม่หานไม่นาน แต่หลังจากกลับไปถึงจวนแล้ว ถึงได้รู้ว่าตัวเองอยู่ที่นั่นสองชั่วยามเต็มๆ
“คุณหนู ตอนค่ำคุณหนูไปทำอะไรมาหรือเ้าคะ?”
พอกลับมาเสี่ยวอวี่ก็อดที่จะถามนางไม่ได้
ซูิเยว่ถอดเสื้อผ้าไปก็พูดไปว่า “ไม่มีอะไร เ้าเป็เด็กก็อย่าถามให้มันมากมายนัก”
“แต่ว่าตอนที่คุณหนูกลับมา เหตุใดข้าถึงได้รู้สึกว่าท่านดูอารมณ์ดีกว่าปกติเ้าคะ” เสี่ยวอวี่จัดการกับผ้าห่มให้เรียบร้อยก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปดู นางถึงได้เห็นมุมปากของซูิเยว่ยังประดับด้วยรอยยิ้มอยู่พอดี “คุณหนู ท่านคงไม่ได้มีคนในใจแล้วใช่หรือไม่เ้าคะ?”
มือที่ถอดเสื้อผ้าอยู่ของซูิเยว่ก็ชะงักไป นางกวาดตามองเสี่ยวอวี่พร้อมเลิกคิ้ว “อย่ามองข้าเยี่ยงคนอยากซุบซิบได้หรือไม่ ตอนค่ำหลังจากที่ข้าออกไปแล้ว มีคนมาหาข้าหรือไม่?”
“พ่อบ้านฝูซูมาเ้าค่ะ”
คิ้วของซูิเยว่ขมวดเข้าหากัน “เขามาทำไม?”
“ไม่มีอะไรเ้าค่ะ ก็แค่มาถามว่าวันนี้ที่คุณหนูเข้าวังไปเกิดเื่อะไรขึ้นหรือไม่ ข้าจึงบอกว่าไม่มีอะไร แถมคุณหนูยังเหนื่อยมากจึงนอนพักผ่อนไปแล้ว ฝูซูก็เลยกลับไปเ้าค่ะ”
หัวใจที่รู้สึกระมัดระวังของซูิเยว่ถึงได้วางใจลง
อาจเป็เพราะตอนค่ำได้แลกเปลี่ยนความในใจกับจี๋โม่หานแล้ว คืนนี้นางถึงได้หลับสนิทเป็พิเศษ