คนกลุ่มหนึ่งฟังอย่างเพลิดเพลิน มีสตรีที่ฉลาดเฉลียวนางหนึ่งกล่าวขึ้นว่า “ข้าก็บอกแล้วเหตุใดจู่ๆ ยามนี้วิชาหมอของท่านหมออวี๋ถึงดีขึ้นเสียแล้ว? สกุลใหญ่ในเมืองต่างพากันมาตรวจโรค ที่แท้เป็เพราะสะใภ้เสริมมงคลในจวนของเขา!”
คนอีกผู้หนึ่งเอ่ยคล้อยตาม “แม่นางน้อยที่มีความสามารถเช่นนี้ ทำไมถึงถูกสกุลอวี๋ซื้อตัวมาเสียได้? ถ้ารู้แต่แรกข้าก็ยินดีจะซื้อมาเสริมมงคลให้บุตรชายข้าด้วยเช่นกัน!”
“เช่นนั้นเ้ารีบไปสืบข่าวที่หมู่บ้านสกุลเมิ่ง ไม่แน่ว่าเ้าอาจพบลูกสะใภ้เช่นนี้อีกก็ได้! คุณชายห้าในสกุลอวี๋เป็จอหงวนน้อยสามสนาม คู่ควรมีภรรยาเปี่ยมความสามารถเช่นนี้!” ในฝูงชนมีคนเอ่ยวาจาหยอกล้อ ทุกคนหัวเราะเริงร่าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแยกย้ายกันไป
นับแต่อวี๋หรูไห่ไปจวนสกุลเฉินเพื่อขอหมั้นหมายเฉินโหรวให้อวี๋ฉี่เจ๋อด้วยตัวเองและถูกเฉินเกินเซิงปฏิเสธ เขาก็ไม่เคยไปมาหาสู่กับสกุลเฉินอีก แต่เพราะยามนี้มีเื่ขอร้องผู้อื่น เขาไม่เพียงยัดเงินใส่มือเฉินเกินเซิงสองพวง แต่ยังพูดคุยกับเขาด้วยวาจาน่าฟังอยู่ครึ่งค่อนวัน
เฉินเกินเซิงอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ฉลาดเฉลียวหูตาว่องไว แม้ว่าเขาจะไม่ได้ไปสืบเื่ภายนอกด้วยตัวเอง แต่ก็ได้ข่าวและรู้ว่าสกุลเหอกับสกุลอวี๋คืนดีกันแล้ว การมาเยือนในครั้งนี้คือการแสดงความขอบคุณและขออภัย ไม่ได้มาหาเื่แต่อย่างใด ดังนั้นจึงตกปากรับคำและรับเงินของอวี๋หรูไห่ จากนั้นจึงตามอวี๋หรูไห่มายังจวนสกุลอวี๋
อวี๋หรูไห่เชิญบันทึกลำดับการสืบเชื้อสายวงศ์ตระกูลออกมา เขาให้เฉินเกินเซิงเพิ่มชื่ออวี๋เจียวลงในลำดับวงศ์ตระกูล ลบแซ่ของนางออกและตั้งชื่อว่าอวี๋เจียวเท่านั้น สลักนามไว้ด้านหลังชื่อของสองสามีภรรยาครอบครัวรอง นับได้ว่ากลมกลืนกันทีเดียว
หลังจากส่งเฉินเกินเซิงออกไป อวี๋หรูไห่กลัวว่าเวลายิ่งล่วงเลยอุปสรรคจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น เขากอดบันทึกลำดับการสืบเชื้อสายวงศ์ตระกูลและใบทะเบียนชื่อแล้วเรียกอวี๋จิ่นซูมา คนทั้งสองลอบไปศาลาว่าการในอำเภอฉางขุยเพื่อนำชื่อของอวี๋เจียวใส่ลงในทะเบียนบ้านสกุลอวี๋ให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์
ในเรือนฝั่งตะวันออก อวี๋ฝูหลิงตัวติดอยู่ข้างกายอวี๋เจียวอย่างประจบประแจง เอ่ยอย่างไม่วางใจว่า "อวี๋เจียว เ้าจะไม่ทิ้งน้องชายข้าไว้ข้างหลังใช่หรือไม่?”
อวี๋เจียวเห็นท่าทางเป็กังวลของนางจึงเอ่ยพลางถอนหายใจว่า “ข้าหาสมุนไพรบนเขาพบแล้ว ไม่นานร่างกายของอวี๋ฉี่เจ๋อจะหายดี รอกระทั่งภายหน้าเขาสอบผ่านขุนนางแล้วเข้ารับราชการ ท่านก็ยังหาน้องสะใภ้ที่ดีกว่าข้าได้อีกพันเท่าหมื่นเท่า”
อวี๋ฝูหลิงดึงแขนเสื้อของนางพลางส่ายหัว “ข้าไม่้าน้องสะใภ้ที่ดีเลิศเลอ ข้ายอมรับแค่เ้า เ้าดีที่สุด”
อวี๋เจียวหัวเราะเสียงเบา นางยังจำท่าทางโกรธเกลียดของแม่นางน้อยผู้นี้ตอนที่นางเพิ่งฟื้นได้ วันทั้งวันเอ่ยถึงแต่อาโหรว ยามนี้กลับยอมรับนางเสียแล้ว
“ข้ามีดีที่ใดกันเล่าเ้าคะ?” นางเอ่ยถามทั้งรอยยิ้ม
อวี๋ฝูหลิงตอบด้วยท่าทางจริงจัง “เ้าดีกับท่านพ่อท่านแม่ของข้า ดีกับน้องเล็กของข้า อีกทั้งยังดีกับข้า โดยสรุปแล้วเ้าดีทุกอย่าง แม้ว่าน้องเล็กจะไม่ได้พูดออกมาต่อหน้าข้า แต่ข้ารู้ว่าภายในใจของเขาก็คิดว่าเ้าดีเช่นกัน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่แอบออกไปเก็บสมุนไพรเป็เพื่อนเ้า อวี๋เจียว เ้าอยู่ในจวนสกุลอวี๋และใช้ชีวิตกับน้องเล็กของข้าเถิด หากเขาสอบผ่านขุนนาง จะต้องไม่ทำให้เ้าผิดหวังแน่นอน”
ภายในหัวของอวี๋เจียวปรากฏภาพอวี๋ฉี่เจ๋อคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อเช็ดเท้าให้นาง หัวใจของนางอ่อนยวบ นานมากแล้วที่ไม่มีผู้ใดปฏิบัติต่อนางอย่างทะนุถนอม
นางได้สติกลับมา กระตุกยิ้มพลางเอ่ยถาม “เมื่อวานอวี๋ฉี่เจ๋อแอบออกไปงั้นหรือเ้าคะ?”
“แต่ไหนแต่ไรน้องเล็กไม่เคยทำอะไรออกนอกลู่นอกทาง เมื่อวานที่แอบออกไปขึ้นเขาเป็เพื่อนเ้านับว่าเป็ครั้งแรก อาจเป็เพราะกลัวว่าท่านพ่อท่านแม่จะห้ามปรามเพราะเป็ห่วงสุขภาพของเขา เขาถึงได้ยัดหมอนไว้ในผ้าห่ม” อวี๋ฝูหลิงก็ประหลาดใจเช่นกัน นางเอ่ยพลางอดหัวเราะไม่ได้ “เมื่อวานตอนถึงเวลาอาหารกลางวัน ท่านแม่จะมาเรียกเขาไปกินข้าว พอเห็นเขาไม่ตอบถึงได้ผลักประตูเข้าไป ครั้นเห็นบนเตียงมีก้อนกลมๆ ยังนึกว่าเขาหลับอยู่จึงไม่อยากปลุกเขา กระทั่งเวลาอาหารเย็นถึงได้รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ครั้นเปิดผ้าห่มออก ท่านพ่อกับท่านแม่ต่างพากันตกตะลึงเสียแล้ว!”
อวี๋เจียวคิดไม่ถึงว่าจะเป็เช่นนี้ ริมฝีปากยกยิ้ม เ้าเด็กหัวโบราณอวี๋ฉี่เจ๋อผู้นั้น ที่จริงแล้วไม่ได้หัวโบราณสักนิด
นางลุกขึ้นยืน หันไปเอ่ยกับอวี๋ฝูหลิงว่า “ข้าจะไปฝึกคัดอักษรในห้องพี่ห้าเ้าค่ะ”
อวี๋ฝูหลิงตั้งใจจะยุยงเื่ระหว่างอวี๋เจียวกับอวี๋ฉี่เจ๋อ นางจงใจเอ่ยว่า “เมื่อครู่ตอนท่านย่าบอกว่าเ้ากำลังจะจากไป สีหน้าของน้องเล็กไม่น่ามองอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่อาจออกหน้าไปเกลี้ยกล่อมให้เ้าอยู่ต่อ ครั้นตอนนี้รู้ว่าเ้าไม่ไปแล้ว คาดว่าภายในใจคงกำลังรู้สึกยินดี!”
อวี๋เจียวจะเชื่อวาจาไร้สาระของอวี๋ฝูหลิงได้อย่างไร? มิใช่ว่านางไม่รู้นิสัยใจคอของอวี๋ฉี่เจ๋อสักหน่อย
หลังจากเคาะประตูสองครั้ง เสียงของอวี๋ฉี่เจ๋อก็ดังออกมาจากภายในห้อง อวี๋เจียวผลักประตูเข้าไปในห้องของเขา
อวี๋ฉี่เจ๋อกำลังนั่งคัดบทประพันธ์อยู่ข้างโต๊ะ ครั้นได้ยินเสียงฝีเท้าพลันช้อนตามองไปทางนาง
