วันรุ่งขึ้นหลังจากมื้อเช้า เดิมทีหานรุ่ยตั้งใจจะเข้าป่าคนเดียว แต่สองพี่น้อง จุนห่าวและจุนเช่ออยากตามไปด้วย
“เสี่ยวรุ่ย เ้าให้ข้าไปด้วยเถอะ ข้าอยากรู้ฤทธิ์ของยานี้ด้วยว่าจะเป็อย่างไรในครั้งแรก” เมื่อจุนฟานรู้ว่าหานรุ่ยจะเข้าป่าหลานอู เพื่อล่าสัตว์ เขาจึงขอติดตามไปด้วย
พอจุนห่าวได้ยินจุนฟานเรียกหานรุ่ยว่า ‘เสี่ยวรุ่ย’ อีกครั้ง เขาก็พูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “พี่สาม เสี่ยวรุ่ย คือ ภรรยาของข้า ท่านเรียกแบบสนิทสนมเช่นนี้ทำไม? จากนี้ไปข้าขอห้ามให้ท่านเรียกว่า ‘เสี่ยวรุ่ย’ ให้เรียกว่า ‘น้องสะใภ้’ แทน”
จุนฟานคิด ‘...... คิดไม่ถึงเลยว่า จุนห่าวจะเป็คนขี้หึง ข่าวลือที่ว่าจุนห่าวไม่ได้รักภรรยาชายของเขา แต่รักหลิวหว่าน ดูเหมือนจะไม่เป็ความจริง เท่าที่เขาสังเกต ความสัมพันธ์ระหว่างจุนห่าวและหานรุ่ยแน่นแฟ้นมาก คงยากที่ใครจะเข้ามาแทรกกลางได้ เขาไม่รู้เลยว่า ข่าวลือที่จุนห่าวรักหลิวหว่านนั้น มาจากไหน’
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของจุนห่าว หานรุ่ยก็รู้สึกจนใจยิ่ง ความหึงหวงของจุนห่าว ทำให้เขารู้สึกหวานซึ้งปนหงุดหงิด เขาพูดกับจุนฟานว่า “พี่สาม ท่านไม่ควรไปหรอก หากใครเห็นประกาศนำจับจะต้องตาลุกวาว เพราะความโลภ และต้องแจ้งจับท่านกับพี่รองเป็แน่”
“ข้าแต่งหน้าอำพรางได้ บ้านของพวกเ้ายังมีอีกสองชีวิตนะ หากวันหนึ่งถูกจับได้ขึ้นมา การหลบ ๆ ซ่อน ๆ เช่นนี้จะยิ่งน่าสงสัย สู้ปรากฏตัวอย่างผู้บริสุทธิ์จะดีกว่า” จุนฟานกล่าวกับทุกคน
จุนห่าวรู้สึกว่าที่จุนฟานพูดถูกต้องยิ่งนัก เขาอดไม่ได้ที่จะมองจุนฟาน พลางคิดในใจว่า ‘จุนฟานก็ไม่ใช่คนโง่นี่นา? แค่เขาี้เีและไม่ยอมใช้สมองเท่านั้นเอง’ “พี่สามกล่าวถูกต้องแล้ว การหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่ใช่วิธีที่ดี ให้พวกเขาปลอมตัวนิดหน่อย และบอกว่าเป็ลูกผู้พี่ของเ้าที่ผ่านมาทำธุระที่เมืองอวี้หวา แล้วแวะมาเยี่ยมเ้าแล้วกัน” จุนห่าวพูดกับหานรุ่ย ตัวเขาแซ่จุน หากบอกว่าจุนเช่อและจุนฟานเป็ญาติของเขา อาจทำให้เป็จุดเชื่อมโยง และยิ่งทำให้คนยิ่งสงสัยได้ ดังนั้นควรระมัดระวังไว้หน่อยก็ดี
“แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็คือหานเทียนกับหานหงก็แล้วกัน” หานรุ่ยเอ่ยกับทุกคน สองคนนี้ในตระกูลหานมีตัวตนจริง การทำเื่เท็จให้เป็จริง ก็เหมือนกับการทำเื่จริงให้เป็จริงนั่นแหละ
“ถ้าอย่างนั้นข้าให้พี่รองไปกับเสี่ยวรุ่ยแล้วกัน ส่วนพี่สามอยู่บ้าน คอยดูแลเด็ก ๆ ไป ข้าต้องไปปรุงยาให้เรียบร้อยก่อน” จุนห่าวกล่าวกับจุนเช่อ เพราะจุนเช่อมีประสบการณ์มากกว่าจุนฟาน เขาคงไม่ทำให้หานรุ่ยต้องล่าถอยเป็แน่
“ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปเป็เพื่อนน้องสะใภ้แล้วกัน” จุนเช่อเอ่ยขึ้น จุนเช่อเข้าใจหลายเื่มากกว่าจุนฟานเยอะ จึงเรียกหานรุ่ยว่า ‘น้องสะใภ้’ พอเห็นแววตาที่พึงพอใจของจุนห่าว จุนเช่อก็รู้สึกว่า จุนฟานนี่ไม่รู้จักสังเกตอะไรเลย
จุนฟานรู้ว่าคงไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้ จึงยอมรับชะตากรรมที่จะต้องอยู่เล่นกับหลานชายทั้งสองคนของเขา ส่วนจุนห่าวก็ยุ่งอยู่กับการปรับปรุงสูตรยาของเขา
ในขณะที่หานรุ่ยและจุนเช่อเดินอยู่ในหมู่บ้าน จุนเช่อก็กล่าวกับหานรุ่ยว่า “สภาพแวดล้อมของที่นี่ไม่เลวเลย ทั้งเงียบสงบและสวยงาม หากข้าเป็สามัญชน ข้าก็คงจะเลือกอยู่ที่นี่เช่นกัน”
“ใช่ น่าเสียดายที่พวกเราไม่ใช่สามัญชน สักวันก็คงต้องไปจากที่นี่ ที่แห่งนี้ไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตในระยะยาวหรอก” หานรุ่ยพูดจากความรู้สึกลึก ๆ เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มา 2 ปีแล้ว ยามพระอาทิตย์ตกดินนั้น ช่างเงียบสงบและสวยงาม แต่ทว่าชีวิตของนักพรต คือ การพลิกฟ้า หากไม่ก้าวหน้า ย่อมถอยหลัง ที่นี่ยังไม่ใช่ปลายทางสุดท้ายของพวกเขา
“เพราถ้าใช้ชีวิตระยะยาวในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบเช่นนี้ จะทำให้จิติญญาในการต่อสู้ของเราถดถอย และไม่เอื้ออำนวยต่อการบำเพ็ญเพียรสักเท่าไหร่” จุนเช่อกล่าว
“หานรุ่ย ทำไมวันนี้เ้าถึงไม่ได้ออกมากับจุนห่าวล่ะ?” เฉินเสาอวี่เอ่ยถามหานรุ่ย พลางมองด้วยสายตาอิจฉาริษยา ที่เขาออกมาในเวลานี้ เพราะเขาหวังว่าอาจจะเจอกับจุนห่าว ั้แ่ที่เขาเดือดดาลในวันนั้น เขาก็ไม่ได้พบจุนห่าวอีกเลย พอไม่ได้พบหลายวัน เขาจึงรู้สึกคิดถึงจุนห่าว ในสายตาของเฉินเสาอวี่ หานรุ่ยและลูก ๆ ก็เหมือนกับคนไร้ตัวตน เขาคิดว่า จุนห่าวจะต้องผ่านมาทางนี้แน่ ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะไม่ได้พบจุนห่าว แต่กลับมาพบหานรุ่ยกับชายแปลกหน้าเดินพูดคุยพลางหัวเราะกันอยู่แทน เขารู้สึกว่าหานรุ่ยจะต้องจับปลาสองมือแน่ หากหานรุ่ยแอบคบกับชายอื่นอย่างลับ ๆ ละก็ จุนห่าวจะต้องทิ้งหานรุ่ย และเมื่อถึงตอนนั้นจุนห่าวก็คงจะตกเป็ของเขา เมื่อนึกถึงใบหน้าของจุนห่าว เขาก็จะต้องทำดีต่อหานรุ่ยและตัวภาระทั้งสองที่หานรุ่ยให้กำเนิดมาเสียหน่อยแล้ว
