เยี่ยนหลิวซื่อเองก็รู้ความเป็ไปแทบทุกอย่างในจวนราวกับตาเห็น นางรู้ว่าความขัดแย้งของผู้เยาว์สองคนนี้เกิดขึ้นเพราะนกแก้วหยกขาวคู่หนึ่ง แต่นางไม่เคยสนใจบุตรใบ้ของลูกสาวอนุที่โดนหย่าร้างอย่างหนานิเหอมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“หนูห้า เ้าหมายความว่าอย่างไร?”
เยี่ยนหลิวซื่อถามด้วยสีหน้าอึมครึม
“ท่านทวด” เยี่ยนเจาเจาเดินมาข้างๆ เยี่ยนหลิวซื่อ ั์ตากลมโตกะพริบปริบๆ หยาดน้ำตาพลันพรั่งพรูออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล “พี่หญิงจงใจทำนกแก้วหยกขาวพระราชทานจากฝ่าาหาย ถือเป็โทษร้ายแรงขั้นตัดศีรษะเ้าค่ะ!”
ได้ยินนางเอ่ยถึงนกแก้วนั่น คิ้วเยี่ยนหลิวซื่อก็ขมวดมุ่น
เยี่ยนฟางหวายังไม่ทันเข้าใจว่าเยี่ยนเจาเจาเอ่ยถึงมันทำไมตอนนี้ ก็ได้ยินนางพูดต่ออีกว่า
“เดิมทีข้าขอนกแก้วหยกขาวจากท่านป้ามาให้พี่ชายรอง เพราะเห็นเขาเกิดมาเป็ใบ้น่าสงสาร หวังว่าเขาจะได้ััรัศมีของฮองเฮาจนดีขึ้นในเร็ววัน
คาดไม่ถึงว่าพี่หญิงใหญ่จะฉวยโอกาสตอนเ้าตัวไม่อยู่ ไปแอบขโมยมา แล้วยังเอาไปโอ้อวดต่อหน้าพี่หญิงสองกับพี่หญิงสามอีก
นกแก้วหยกขาวเป็สิ่งที่ท่านป้าพระราชทานให้แก่พี่ชายรอง แต่พี่หญิงเจตนาไปขโมย ก็นับเป็การลบหลู่พระประสงค์อยู่แล้ว หากท่านป้าทราบขึ้นมา จวนเยี่ยนของพวกเราคงหาดีไม่ได้แน่เ้าค่ะ”
เยี่ยนเจาเจาร่ำไห้งดงามดังดอกสาลี่ต้องฝน ใบหน้าเล็กขาวราวหยกอาบน้ำตา แต่กลับพูดออกมาเกือบหมดเปลือก
นางหันกลับมามองเยี่ยนฟางหวาที่สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน ก่อนจะร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วกล่าวต่อ “ท่านทวดเ้าคะ หากเื่ราวมีเท่านี้คงไม่เป็ไร แต่พี่หญิงถึงกับโยนนกแก้วหยกขาวลงในทะเลสาบ เื่นี้หนักหนาถือเป็โทษปะา!หากเ้าหน้าที่ตรวจสอบข้างนอกรู้ แล้วยื่นฟ้องจวนเยี่ยนขึ้นมา... ข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากว่าไปตามผิดเ้าค่ะ!”
เยี่ยนเจาเจารู้พฤติกรรมของเยี่ยนฟางหวาดี นางได้นกแก้วไปไม่ถึงสองวันก็เบื่อ ชาติก่อนหลังจากนางปะทะกับเยี่ยนเจาเจา ก็กลับไปพาลโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง โยนนกแก้วออกนอกหน้าต่างเอาดื้อๆ
ข้างนอกนั่นคือทะเลสาบหยกขาว และเป็สถานที่ที่เยี่ยนเจาเจาตกน้ำ
แม้ว่าเยี่ยนเจาเจาจะมาพบเื่นี้ทีหลัง แต่ยามนี้ก็เอามาทำปลุกปั่นให้บานปลายได้พอดี
เยี่ยนฟางหวาได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึง ความหวั่นใจบนหน้าพุ่งทะยานเกินความโกรธ เยี่ยนหลิวซื่อมองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าเยี่ยนเจาเจาพูดความจริง
แม้คำพูดคำจาของเด็กๆ มิอาจเชื่อได้เต็มร้อย
ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่แน่นอน นั่นคือฮองเฮาเหลียงฮุ่ยทรงเกลียดการหน้าไหว้หลังหลอกเข้าไส้ เยี่ยนหลิวซื่อมั่นใจว่าหากเื่นี้แพร่กระจายออกไป บ้านใหญ่จวนเยี่ยนย่อมจบไม่สวย
ที่น่ากลัวคือองครักษ์ของฮองเฮาก็อยู่ที่นี่ เกรงว่าอีกไม่นานเื่ราวคงเข้าพระกรรณของพระองค์แล้ว
อย่างน้อยต้องมีตำหนิกันสักยกแน่ แต่ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ตำแหน่งโหวของจวนเยี่ยนกำลังไม่มั่นคง วันนี้ในท้องพระโรงเริ่มหารือเกี่ยวกับการปลดบรรดาศักดิ์เพราะเื่อ๋องชิงเหอ หากฮองเฮาทรงใช้โอกาสนี้ลงดาบจวนเยี่ยน พวกตนก็คงจบเห่แล้ว
หากเป็คนอื่น เยี่ยนหลิวซื่อไม่สนใจหรอก แต่หลานชายคนโตสุดรักสุดหวงของนางอย่างเยี่ยนเหว่ย ผู้เป็บิดาของเยี่ยนฟางหวานั้น การเรียนของเขาก็ไม่เป็ชิ้นเป็อัน หากไม่มีกระทั่งบรรดาศักดิ์ ชีวิตเขาคงพังพินาศแน่!
พอคิดมาถึงจุดนี้ ร่างเยี่ยนหลิวซื่อพลันเย็นวาบ สายตาที่มองไปยังเยี่ยนฟางหวาที่เงียบกริบอยู่อีกฝั่งพลันเ็าลงอย่างสิ้นเชิง
เคยคิดมาตลอดว่าเหลนสาวคนนี้น่ารัก รู้ความ มองภาพรวมออก เหตุใดคราวนี้ถึงทำเื่โง่ๆ เช่นนี้ได้?
เยี่ยนเจาเจาเห็นเยี่ยนหลิวซื่อสีหน้ากลับดีเป็ร้าย จึงอดยิ้มเยาะในใจไม่ได้
เยี่ยนหลิวซื่อสนใจแค่ตนเองและเยี่ยนเหว่ยจากบ้านใหญ่เท่านั้น คนอื่นไม่มีค่าอันใด
เยี่ยนฟางหวาโดนเยี่ยนเจาเจาพูดใส่จนงงงวย แต่เมื่อนางเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังที่เยี่ยนหลิวซื่อมองมา นางก็กลั้นใจไม่แก้ต่างให้ตนเองไม่อยู่ “น้องหญิงห้า พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่ไม่ทราบว่านั่นเป็สิ่งของพระราชทานจากฝ่าา พี่เห็นมันสวยดีจึงยืมมาเล่นสักสองวัน แต่หลุดมือทำตกน้ำไป พี่สำนึกผิดแล้ว”
น่าเสียดายที่ข้ออ้างนี้ช่างไร้พลังเหมือนใบหน้าของนาง
เยี่ยนหลิวซื่อหมดความอดทนแล้ว นางปรายตาเตือนเยี่ยนฟางหวา ก่อนจะหันกลับมามองเยี่ยนเจาเจา “พี่สาวของเ้าทำผิดจริงๆ แต่หนูห้ามัดนางเข้าวังเช่นนี้ คนอื่นจะมาหัวเราะเยาะเอา ฝ่าาทรงพระหฤทัยกว้างขวาง ไม่น่าคิดเล็กน้อยคิดน้อยกับแม่นางน้อยคนหนึ่งหรอก”
ตอนนี้จิตใจของนางสับสนวุ่นวายเหมือนมีด้ายพันกัน โดยเฉพาะสายตาเย็นะเืของอาเหวินและอาอู่ข้างกาย ทำให้นางพะว้าพะวังยิ่งกว่าเดิม
เยี่ยนเจาเจาเห็นว่าพอหอมปากหอมคอแล้วจึงยอมรามือ รู้ว่าวันข้างหน้ายังอีกยาวไกล
เยี่ยนฟางหวาเองก็มิใช่คนโง่เง่า หากบีบคั้นนางเกินไป ผลลัพธ์อาจตรงกันข้าม
เยี่ยนเจาเจาจึงพยักหน้าแต่โดยดี “ยังเป็ท่านทวดที่คิดการณ์รอบคอบ เจาเจาล้วนฟังท่านเ้าค่ะ ข้าเพียงกลัวว่าพี่หญิงจะไปยั่วโทสะท่านป้าเข้า แล้วท่านกับสกุลของพวกเราจะติดร่างแหไปด้วย เลยคิดวิธีโง่เขลาเยี่ยงนี้ออกมา”
เยี่ยนหลิวซื่อรู้สึกว่าเยี่ยนเจาเจาพูดจารื่นหูทุกประโยค ก็คิดเพียงว่าเด็กสาวที่เคยชิงชังที่สุดค่อนข้างหลักแหลมในวันนี้ ั์ตายามมองนางเลยอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย “เจาเจาเด็กดี”
เสี่ยวชุ่ยเห็นคราบน้ำตาเต็มดวงหน้าเยี่ยนเจาเจา นางจึงเดินเข้ามาเช็ดให้ และพยักหน้าให้อาเหวินกับอาอู่
พวกเขาแก้มัดเยี่ยนฟางหวา วางนางไว้ข้างกายฮูหยินเฒ่า
เยี่ยนหลิวซื่อมองเยี่ยนฟางหวาด้วยสายตาราวกับจะฆ่านาง คำพูดที่เอ่ยออกมาเปลี่ยนไปเย็นเยือกราวกับวัสสานฤดูอันยาวนาน “พาคุณหนูใหญ่กลับไป แล้วถามแม่ของนางว่าจะสั่งสอนนางอย่างไร!”
เยี่ยนเจาเจายิ้มเยาะในใจ หากเปลี่ยนเป็นาง คงโดนขังในหอบรรพชนแน่ แต่พอเป็เยี่ยนฟางหวากลับโดนด่าแค่ไม่กี่คำ
แต่นิสัยรักศักดิ์ศรียิ่งชีพอย่างเยี่ยนฟางหวา โดนเยี่ยนหลิวซื่อด่าต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ เกรงว่าคงโกรธจนแทบบ้าเลยกระมัง
เดิมเยี่ยนฟางหวาก็อยากเถียงให้ตนเองสักหน่อย ทว่านางยังคงขบริมฝีปากแน่น เดินตามเมิ่งซื่อไปโดยไม่เอ่ยสิ่งใด
แม้ตอนนี้เยี่ยนฟางหวาจะอยู่ในสภาพจนตรอก แต่ยามคลายสีหน้าแล้วหมุนตัวเดินจากไป เยี่ยนเจาเจาก็ยังมองเห็นความโหดร้ายเด็ดขาดที่ปรากฏออกมา ไม่ต่างกับวันที่นางบอกเหลียงอินให้ฆ่าเยี่ยนเจาเจา
ดูท่านางคงไม่โง่ขนาดนั้น อย่างน้อยก็รู้จักปรับตัวแล้ว
เยี่ยนเจาเจายืนมองแผ่นหลังของนางด้วยสายตาเ็าอยู่ที่เดิม ขณะกำลังจะเลี้ยว เยี่ยนฟางหวาผินหน้ากลับมามองตนเองดังคาด ั์ตาเต็มไปด้วยความอาฆาตและไม่ยินยอม
เยี่ยนเจาเจาเพียงเลิกคิ้วพร้อมกับยิ้มบางๆ ตอบกลับไปด้วยท่าทางไม่สะทกสะท้าน
เพราะมีเสี่ยวชุ่ยที่คอยถือร่มให้ เยี่ยนเจาเจาจึงไม่เปียกแม้แต่นิด ยังคงงดงามประณีตไปทั้งตัว ลมพัดเสื้อคลุมทอจากด้ายทองพลิ้วไสว ม่านฝนมืดสลัวที่ตกลงมาอย่างไม่ขาดสายอยู่ด้านหลัง กลับขับรัศมีทั่วร่างนางจนดูเหินห่าง ฉายความงามเฉิดฉินั้แ่อายุยังน้อย
แต่รูปลักษณ์เช่นนี้ของเยี่ยนเจาเจา กลับกระตุ้นความโกรธของเยี่ยนฟางหวายิ่งกว่าเดิม นางจึงเดินจ้ำอ้าวจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก
แม้ว่าเยี่ยนฟางหวาจะลับหลังไปแล้ว เยี่ยนหลิวซื่อก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
เยี่ยนเจาเจาเดาได้ว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่ จึงขยิบตาบอกให้อาเหวินและอาอู่ถอยออกไปก่อน
เยี่ยนหลิวซื่อเห็นเยี่ยนเจาเจาฉลาดเชื่อฟังเช่นนี้ ช่างต่างกับเด็กสาวหยิ่งผยองและไร้เหตุผลในความทรงจำของตนคนนั้นราวฟ้ากับเหว
พอมาคิดดูแล้ว เพราะตัวนางเองไม่ชอบองค์หญิงฉงหยาง เลยพาลไม่ชอบเหลนสาวคนนี้ด้วย ทั้งทีความจริงไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไหร่ แต่กลับได้ฟังเื่ราวส่วนใหญ่จากเยี่ยนฟางหวาแทน
ั์ตาของเยี่ยนหลิวซื่อล่องลอยเหมือนครุ่นคิดบางสิ่ง ทว่าวาจากลับเอ่ยตรงไปตรงมา “เจาเจา วันนี้เ้าทำดี เพียงแต่ใต้เท้าสองท่านนั้นยังอยู่ที่นี่ หากเื่ราวลอยเข้าพระกรรณฝ่าา อาจจะรบกวนความสงบของฝ่าาไม่น้อย”
เยี่ยนเจาเจาตอบรับอย่างเข้าอกเข้าใจ “ท่านทวดกล่าวได้ถูกต้อง ท่านป้ากังวลเกี่ยวกับแว่นแคว้นบ้านเมืองทั้งวันทั้งคืน เื่ราวน่าหงุดหงิดเช่นนี้ไม่จำเป็ต้องรกหูท่านป้า”
“ถ้าอย่างนั้นเจาเจาคิดว่าควรทำเช่นไรดี?” ฮูหยินเฒ่าพยายามชักจูงนางอย่างอดทน “วันนี้เอะอะใหญ่โต ฝ่าาต้องทรงทราบว่าเ้ากับหวาเอ๋อร์ทะเลาะกันแน่นอน หากทรงถามเหตุผล จะมิเดือดร้อนสกุลพวกเราหรอกหรือ?”
เจาเจารู้ว่าคงจะหนีไม่พ้นให้นางไปขอร้องฮองเฮาเพื่อจวนเยี่ยนเหมือนเื่หายนะของไสยเวทในชาติก่อน
แม้จะเป็ดังที่คาด แต่กลับถูกใจเยี่ยนเจาเจา
ทว่าน่าเสียดายที่ชาตินี้นางไม่มีทางทำเื่งี่เง่าแบบนั้น
นางจึงกระตุกยิ้มมุมปาก “มิสู้หามูลเหตุอื่นแทนเล่าเ้าคะ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้