ตอนที่ 6 แจกโอสถ
วันต่อมา
จางหย่งอันตื่นหลังใช้งาน “คิดยอดพลังประจำวัน” มาแล้วสองรอบ
เขาหยิบมือถือส่งข้อความสั้นๆ ถึงชู่จื่อหาง
ไม่นานรองอธิการสะดุ้งลุกจากเตียง
“เอางบ 5 ล้านเหรียญสหพันธ์ แลกเป็โอสถพลังภายในขั้นหนึ่งทั้งหมด
แจกนักเรียนสามวันต่อหนึ่งเม็ดให้ครบทุกคน
ตามคำสั่ง”
สองบรรทัดนี้ แปลว่าอธิการจะทุ่มงบทั้งปีให้เด็กหมดหน้าตัก
โอสถราคาประมาณ 2,000 เหรียญสหพันธ์/เม็ด เท่านี้จะพอได้แค่ครึ่งเดือน… แล้วหลังจากนั้นล่ะ?
ตอนนี้สถาบันก็แทบไม่มีอาจารย์ที่พอออกไปชิงทรัพยากรใน แดนต่างเผ่าพันธุ์ ได้แล้ว
ยังมี “เงินทำศพและดูแลครอบครัว” ของอาจารย์ที่สละชีพ ซึ่งต้องเบิกจากสถาบันเอง เพราะไม่เข้ากรณี “เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติการของสหพันธ์”
แต่ภาพที่ชู่จื่อหางนึกถึงคือเสียงอธิการเมื่อวานบนเวที คำว่า “ปาฏิหาริย์”
เขาไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไร แต่ก็ไปจัดการทันทีเพราะ “คำสั่ง” คือคำสั่ง
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
จางหย่งอันมาถึงหน้าประตูสถาบัน
ชู่จื่อหางเพิ่งโอนค่างานล็อตใหญ่ให้ผู้ส่งของแล้วส่งบัตรงบคืนอธิการบดี
จางหย่งอันรับบัตรเรียบๆ
“ซื้อโอสถพลังภายในขั้นหนึ่งไป 4 ล้าน เหลือสำรอง 1 ล้าน เดี๋ยวของหมดค่อยสั่งเพิ่ม”
เขากวาดแขนครั้งเดียวแหวนเก็บของดูดกองโอสถหายวับ
แล้วหันปลอบรองอธิการที่ยังห่วงเงิน
“สถาบันยังอยู่ ฉันไม่หนีแน่นอน
ถ้างบไม่พอ เดี๋ยวขายแหวนเก็บของก็ได้
ไป แจกโอสถให้นักเรียน”
ชู่จื่อหางได้แต่พยักหน้าเดินตาม
ระหว่างทางจางหย่งอันมองผังสถาบัน ที่ดินไกลเมืองเลยกว้าง คนมีแค่ 600 เลยดูโหรงเหรง
โอสถพลังภายในขั้นหนึ่ง เหมาะกับคนยังไม่ทะลวงเป็นักสู้และนักสู้ขั้นหนึ่งช่วยดันพลังภายในขึ้นทีละนิด ราคาพอซื้อหาได้ แต่สำหรับครอบครัวที่พ่อแม่ตายลงที่ ด่านสกัดประตูมิติ ฝั่งแนวรบต่างเผ่าพันธุ์… มันก็แพงเกินเอื้อม
“ชู่จื่อหางแจ้งอาจารย์ประจำชั้นให้มาเบิก
สามวันเบิกครั้ง ครั้งละหนึ่งเม็ดต่อคน
บอกเลยว่าถ้ามีอะไรฉันรับผิดชอบเอง หน้าที่อาจารย์คือปล่อยให้เด็กฝึกฝนให้เต็มที่”
อธิการบดีกำหมัดในใจคิดแผน
“แตะขั้นห้าได้เมื่อไรค่อยไปเสี่ยงโชค”
เขาเหลือบมองทิศทาง ด่านสกัดประตูมิติเซี่ยงไฮ้
ข้ามด่านผ่านประตูมิติออกไปคือป่าลึกของฝั่งศัตรู เมื่อก่อนเขาเคยนำทีมออกไปแล้วหลงทางเพราะหมอกจนไปเจอ “แดนลับ” แห่งหนึ่ง
ตอนนั้นยังเข้าไม่ไหวแต่ถ้าแข็งแกร่งพอ อาจลองเสี่ยงดู
ไม่นาน
อาจารย์ปล่อยนักเรียนฝึกฝนอิสระในห้องแล้วทยอยมาเข้าคิวรับโอสถ
พอเห็น “กองโอสถ” ทุกคนถึงกับชะงัก
จางหย่งอันพูดสั้นๆ ชัดๆ
“รับตามจำนวนห้อง สามวัน/เม็ด/คน แจกล่วงหน้า 3 เม็ด”
สายตาหลายคนยังมองหาคนอนุมัติ
เขาขยับคิ้วนิดเดียว
“ปฏิบัติตามคำสั่ง”
แถวยาวเริ่มไหล
ถึงคิวอาจารย์หญิงผู้รอดจากประตูมิติเมื่อวานดวงตายังแดงเธอกอดถุงโอสถแน่นแล้วเอ่ย
“ท่านอธิการบดี… เมื่อคืนพวกเราตั้ง ‘หน่วยล่าอสูร’ ขึ้นมาใหม่ มีอาจารย์ลงสมัคร 4 คน นี่รายชื่อค่ะ”
กระดาษยื่นมาเขากวาดตามองชื่อ
ฉินจั่น เจียงซาน เฉินชุ่น หลี่ฉางเซิง
และชื่อเธอ จางลู่หนา
ทั้งสี่เป็อาจารย์ยุทธ์ศาสตร์ แต่ร่างกายาเ็กันหมด ระดับสูงสุดก็แค่ขั้นสาม ต้น
ในป่าฝั่งโน้น แค่สัตว์อสูรตัวเดียวก็อาจปิดฉากทั้งชุด
เปลวพลังภายในพุ่งวูบ กระดาษกลายเป็ผง
“เื่นี้ค่อยว่ากัน
พักเื่นี้ก่อน ฉันจะไปเอง
ถ้าพวกคุณไปกันหมด เด็กพวกนี้จะเหลือใครสอน”
เขาเสียงอ่อนลงเล็กน้อย
“ฉันรู้ทางในดินแดนนั้นดี ถ้าจำเป็ต้องใช้พวกคุณ ฉันจะนำเอง”
จางลู่หนาสูดลมหายใจเข้าไปลึก คารวะสั้นๆ แล้วกอดโอสถกลับห้อง
ห้องปีสาม
โอสถในอ้อมแขนของอาจารย์ทำทั้งห้องลุกวาบ
ปกติสถาบันก็แจกบ้างปีละนิดแต่ไม่เคย “เปิดภาค” แล้วแจกทันที
จางลู่หนากวาดตามองแล้วประกาศ
“ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป แจกโอสถพลังภายในขั้นหนึ่งทุกสามวันคนละหนึ่งเม็ดรวมสามเม็ด”
หลิวเจ๋อหลงประธานนักเรียนโผล่ถามทันที
“จริงเหรอครับ!”
เธอคิดสั้นๆแล้วตอบ
“ฉันรับรองด้วยเกียรติของอธิการบดีจาง”
เงียบไปชั่วอึดใจก่อนทั้งห้องจะเริ่ม กลืนโอสถ
ความร้อนของพลังภายในแตกซ่านจากปลายลิ้น ไหลลงท้อง แล้วทุกคนก็เข้าสมาธิชักนำพลัง
จางลู่หนาเม้มปากมองเด็กๆ ที่ก้มหน้าฝึกอย่างเอาเป็เอาตาย
เด็กพวกนี้พร์ไม่เด่นนัก ปีสามทั้งห้องมีคนทะลวงถึงขั้นหนึ่งแค่นับนิ้ว
ส่วนใหญ่ยังเป็ “นักสู้ฝึกหัด” เท่านั้น
นึกถึงปีนี้ สอบสายต่อสู้เพิ่งผ่านสองเดือนแชมป์เขตบางเมืองแตะขั้นหนึ่งกลาง ไปแล้วและถูกดึงเข้าศึกษาที่สถาบันชั้นนำในปักกิ่งั้แ่เนิ่นๆ
ส่วนปีหนึ่งของซานเหอ ที่ได้สิทธิ์บวกคะแนนจากสหพันธ์ส่วนใหญ่พลังภายในยังอยู่แค่ หก–เจ็ดสิบหน่วย
ช่องว่างนี่… ใหญ่มากจริงๆ
ทั้งวันเด็กๆมัวแต่ย่อยโอสถกันทั้งสถาบัน
จางหย่งอันกวาดตรวจแล้วเผลอยิ้ม เด็กๆ กระหายฝึกเต็มที่พอมีโอสถเสริม คืนนี้น่าจะเห็นผลชัดเจน
เที่ยงคืน
เขานั่งบนโซฟา มองอักษรทองลอยขึ้น
【คิดยอดพลังประจำวัน】
—โปรดติดตามตอนต่อไป—