บทที่ 115 เด็กขงเบ้ง
เย่จื่อเฉินนั่งอยู่ภายในร้านซูเปอร์มาร์เก็ต บนเคาน์เตอร์คิดเงินมีบัตรคอนเสิร์ตสิบใบที่หยางอี่ฉือให้คนนำมาให้ในวันนั้นวางอยู่
“คิดไม่ถึงใช่ไหมล่ะว่าฉันจะมีบัตรอยู่ในมือ แถมยังเป็บัตรแถวหน้าซะด้วย”
ใบหน้าของเย่จื่อเฉินเจือไว้ด้วยความภูมิใจบางๆ ที่เมื่อครู่นี้ซูเหยียนกับเซี่ยเขอเข่อพูดกับเขาแปลกๆ ก็เพื่อบัตรคอนเสิร์ตพวกนี้
มันช่วยไม่ได้ เพราะชื่อเสียงของหยางอี่ฉือนั้นดังเป็พลุแตก
ในทันทีที่บัตรออกวางจำหน่าย หญิงสาวทั้งสองคนก็ได้กดแย่งบัตรคอนเสิร์ตทันที แต่เพราะพวกเธอสองคนช้าเกินไป กว่าพวกเธอจะยืนยันการซื้อบัตร บัตรจำนวนห้าพันใบก็โดนแฟนคลับกวาดซื้อเรียบในเวลาแค่ไม่กี่นาที
ที่พวกเธอมาหาเย่จื่อเฉินก็เพราะคิดว่าเขากับหูหงเคยได้พูดคุยกัน จึงลองดูว่าพอจะหาบัตรให้ได้หรือเปล่า
แน่นอนว่านั่นเป็การออกคำสั่ง ว่าเป็ตายยังไงจะต้องหาบัตรมาให้ได้
เย่จื่อเฉินหัวเราะเล็กน้อยพร้อมเอาบัตรใส่ไว้ในถุง เขานั่งพิงเก้าอี้มองดูซูเปอร์มาร์เก็ตร้านใหญ่แห่งนี้ หน้าตาแปรเปลี่ยนเป็กลัดกลุ้มขึ้นมาทันที
ตัวเขาคิดว่าตนเองนั้นได้ทำการเปิดการค้าบน์เร็วมากแล้ว แต่ตั้งนานขนาดนี้กลับไม่มีพรีเซนต์เตอร์คนไหนที่จะทักมาหาเขาเพื่อนำเข้าสินค้าเลยสักคน และไม่มีเทพเซียนคนไหนทักมาขอซื้อของกับเขาด้วย
“หรือว่าเหล่าเซียนบน์จะไม่ชอบของแบบนี้?”
ก็ไม่น่าจะใช่
ปฏิกิริยาของพวกเขาก็ค่อนข้างสนใจอยู่มากทีเดียว
กริ๊ง
ประตูร้านถูกผลักเข้ามา เย่จื่อเฉินที่เอาแต่จ้องโทรศัพท์ จึงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง
“ยังไม่เปิดร้านครับ”
ทั้งวันเย่จื่อเฉินเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาไม่น้อย ส่วนมากพอเขาบอกว่ายังไม่เปิดร้าน ลูกค้าก็จะออกไป
แต่ครั้งนี้ คนคนนี้กลับยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเขา
เมื่อเงยหน้าขึ้น เย่จื่อเฉินก็เห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือเด็กผู้ชายใส่แว่นกรอบดำ
จากใบหน้ารูปไข่ของเขายังคงมองเห็นถึงความอ่อนเยาว์ คาดว่าคงอายุไม่เกินสิบแปดปี
“น้องชาย ร้านเรายังไม่เปิดกิจการ ยังขายของไม่ได้”
เด็กหนุ่มเกาหัว แล้วพูด
“ผมไม่ได้มาซื้อของครับ”
“ไม่ได้มาซื้อของแล้วมาทำอะไร ขายของเหรอ? ร้านเรามีแหล่งสินค้าที่ผูกขาดกันอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็ที่จะต้องนำเข้าสินค้าจากที่อื่น”
“ไม่ใช่ครับไม่ใช่”
เด็กหนุ่มส่ายหน้าจนผมเผ้ายุ่งเหยิง เย่จื่อเฉินก็ชักจะมึนงงกับเด็กหนุ่ม ก่อนจะพูดขึ้น
“แล้วนายมาทำอะไร?”
ครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มถึงได้พูดขึ้นด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ
“ร้านคุณรับสมัครพนักงานไหมครับ?”
หือ?
สมัครงาน
เด็กคนนี้เพิ่งจะอายุแค่นี้ ก็มาหาสมัครงานแล้วเหรอ?
ราวกับว่าเด็กหนุ่มกลัวเย่จื่อเฉินจะปฏิเสธ จึงได้รีบแนะนำตัวเองทันที
“พี่ครับ พี่อย่ามองแค่ว่าผมเป็เด็กนะครับ ผมแรงเยอะนะ อย่างพวกจัดของยกของในร้านพวกนี้ ผมทำได้หมดเลย ดูแล้วพี่ก็น่าจะเป็นักศึกษา พี่ต้องไปเรียนด้วยใช่ไหมล่ะ เปิดร้านใหม่แบบนี้ผมสามารถอยู่เฝ้าร้านให้ได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยนะครับ แล้วผมรับรองเลยว่าผมจะไม่แอบกินขนมในร้าน แล้วก็จะไม่ไปแตะเงินที่เคาน์เตอร์คิดเงินด้วยครับ”
เด็กนี้ค่อนข้างจริงใจเลยทีเดียว แต่ประเด็นสำคัญคือ…
เขาไม่ได้คิดจะเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อให้คนเข้ามาซื้อของ
เมื่อทำอะไรไม่ได้ เขาจึงจำต้องพูดปัดไป
“ฉันใช้แรงงานเด็กไม่ได้หรอกนะ”
“พี่ชาย ง่ายนิดเดียวครับ เปิดร้านขายของแบบนี้ พี่ก็แค่บอกว่าผมเป็ลูกของญาติ แล้วมาช่วยงานพี่ที่ร้าน แค่นี้ก็ได้แล้ว”
ราวกับว่าเด็กหนุ่มได้คาดเดาความเป็ไปได้ต่างๆ มาก่อนแล้วหนึ่งรอบ ไม่ว่าเย่จื่อเฉินจะถามอะไรเขาที่ทำให้เขายอมแพ้ เด็กหนุ่มก็ตอบกลับได้ทันทีโดยไม่ต้องคิด
เย่จื่อเฉินเกิดความลำบากใจขึ้นมาทันที
เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความหวังนั้น เย่จื่อเฉินจึงถอนหายใจออกมา ก่อนจะพูดขึ้น
“งั้นนายบอกฉันมาก่อน ทำไมนายถึงได้รีบร้อนหางานขนาดนี้ นายไม่เรียนหนังสือเหรอ?”
“ไม่เรียนแล้วครับ” เด็กหนุ่มส่ายหน้า ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าหม่นหมอง “ผมเป็เด็กกำพร้า ไม่มีบ้านอยู่ ผมอยากหาที่ที่อาศัยกินนอนอยู่ได้ พี่ชาย พี่รับผมไว้เถอะ ผมทำงานได้จริงๆ นะครับ พี่จะไม่ให้เงินเดือนผมก็ได้”
เด็กคนนี้ยิ่งพูดยิ่งน่าสงสาร แต่เย่จื่อเฉินได้ชำเลืองมองเขาเล็กน้อย
เสื้อผ้าที่เด็กคนนี้ใส่เป็แบรนด์เนมั้แ่หัวจรดเท้า ถึงแม้ว่าตัวเขาจะไม่เคยซื้อ แต่ตอนที่คบกับเหยาเยว่ เขาก็โดนอีกฝ่ายบังคับให้ต้องรู้จักอยู่ไม่น้อย
อย่าว่าแต่เสื้อผ้าของเขาเลย แค่รองเท้าบาเลนเซียกาคู่นั้นของเขาก็ราคาเป็หมื่นหยวนแล้ว
นี่เด็กกำพร้าเหรอ!
หลอกใครอยู่!
“น้องชาย นายคิดว่าฉันโง่ใช่ไหม?”
เ้าเด็กนี่ต้องมีจุดประสงค์อื่นที่อยากมาทำงานที่นี่แน่นอน ยังไงก็ว่างมากอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นเย่จื่อเฉินก็จะคุยเล่นกับเด็กคนนี้หน่อยก็แล้วกัน
“ทั้งตัวนายนี่น่าจะเกินแสนหยวน แต่นายบอกฉันว่านายเป็เด็กกำพร้า เดี๋ยวนี้สวัสดิการของเด็กกำพร้ามันดีขนาดนี้เลยเหรอ?”
สิ้นเสียง เย่จื่อเฉินก็เห็นอาการเลิ่กลั่กปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม
มุมปากกระตุกยิ้ม พลางเอื้อมมือไปหยิบเอาบุหรี่กล่องหนึ่งบนเคาน์เตอร์มาจุดสูบ แล้วเลิกคิ้วพูดขึ้น
“มา แนะนำตัวเองหน่อยสิ”
“ผมชื่อขงเบ้ง[1] ครับ”
เย่จื่อเฉินสำลักควันบุหรี่ เขาสำลักควันอย่างหนัก ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกับพูด
“ชื่ออะไรของนายเนี่ย ถ้านายบอกว่านายชื่อเ้าโง่ หรือว่าเ้าปัญญาอ่อนฉันก็ต้องเชื่อนายเหรอ นายเป็ถึงขงเบ้ง แต่ค่าใช้จ่ายในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของพวกนายนี่ขัดสนจริงๆ”
“ก็ผมชื่นชมขงเบ้งมาั้แ่เด็ก ผมจะตั้งชื่อตัวเองว่าขงเบ้งไม่ได้เหรอ?”
เด็กขงเบ้งหน้าแดง พร้อมกับเชิดหน้าขึ้นอย่างดื้อดึง
เย่จื่อเฉินถึงได้ยิ้มขึ้นมาอย่างรู้ทัน แล้วพูดขึ้น “นายอยากเป็ขงเบ้งเหรอ แต่ขอโทษด้วยนะที่ฉันไม่ใช่เล่าปี่ ฉันไม่้าผู้ช่วย อีกอย่างขงเบ้งอย่างนายก็หน้าไม่อายเกินไปหน่อย ฉันไม่ได้ไปเชื้อเชิญนายมานายก็วิ่งโร่เสนอหน้ามาเอง ดูไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไรนะ”
“...”
เ้าเด็กขงเบ้งเท้าคางทำหน้าไม่พอใจ เย่จื่อเฉินนั่งไขว่ห้างชี้นิ้วไปทางประตู พร้อมกับพูดขึ้น
“เชิญ คุณชายขงเบ้ง”
“พี่ชายพี่รับผมไว้เถอะครับ ให้ผมเป็น้องชายพี่นะ นะครับ”
“ไม่รับ รีบไปเลย ไม่งั้นฉันจะต่อยนาย”
เย่จื่อเฉินเลิกคิ้วขึ้นทำหน้าตาขึงขัง เด็กขงเบ้งเบะปาก แล้วจึงนั่งลงกับพื้นทำท่างอแง
“งั้นเราก็มาดูกัน”
“เหอะ ขู่ฉันเหรอ ได้งั้นเรามาดูกัน!”
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เหลือบมองดูฟ้าก็เป็เวลามืดแล้ว เ้าเด็กขงเบ้งก็เอาแต่นั่งอยู่กับพื้นไม่ขยับ
ที่แปลกคือ ทางบ้านของเขาก็ไม่มาตามหาเขาด้วย เย่จื่อเฉินไม่เข้าใจสักนิด
“นี่ ขงเบ้ง ค่ำมืดขนาดนี้แล้วยังไม่กลับบ้าน คนที่บ้านไม่เป็ห่วงนายเลยหรือไง?”
“ก็ผมบอกแล้วไง ว่าผมเป็เด็กกำพร้า”
“งั้นนายก็กำพร้าไปเถอะ” เย่จื่อเฉินเบ้ปาก ก่อนจะบิดี้เีพร้อมกับพูดขึ้น “หิวชะมัด ต้มบะหมี่กินดีกว่า”
ไม่นาน กลิ่นหมอของบะหมี่ก็อบอวลอยู่ภายในร้าน
เด็กขงเบ้งที่นั่งอยู่บนพื้นท้องร้องดังจ๊อก เหลือบมองบะหมี่ที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์แล้วลอบกลืนน้ำลาย
ทุกอย่างอยู่ในสายตาของเย่จื่อเฉิน ก่อนที่เขาจะหยิบบะหมี่ถ้วยจำนวนหนึ่งในนั้น แล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กขงเบ้ง
“อยากกินหรือเปล่า?”
“อยากครับ!”
เ้าเด็กขงเบ้งไม่มีอาการลังเลเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้เขาหิวจะตายอยู่แล้ว
“งั้นก็ได้ บอกความจริงฉันมาก่อน ตกลงว่านายมาที่นี่ทำไม? ถ้าบอก ฉันก็จะให้นายกิน”
___________________________________________________
[1] ขงเบ้ง หรืออีกชื่อหนึ่งคือจูกัดเหลียง เป็ตัวละครในวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เื่สามก๊กที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ยุคสามก๊ก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้