เผชิญหน้ากับการจู่โจมที่รุนแรงและรวดเร็วของแมงป่อง เหมือนว่าเ้าตั๊กแตนสีเืจะไม่สบอารมณ์นัก แขนข้างหนึ่งของเ้าตั๊กแตนฟันลงมา เล็งไปที่หัวของเ้าแมงป่องก่อน ด้วยพละกำลังมหาศาลทำให้เ้าแมงป่องเสียหลัก ก้าวถอยหลังโดยไม่ได้ตั้งใจ ละทิ้งการโจมตีของก้ามทั้งสองไปโดยปริยาย
พรึ่บๆ~
เ้าตั๊กแตนสีเืกระพือปีกเบาๆ 2-3 ที ราวกับนกยูงรำแพน ทว่าการกระทำของเ้าตั๊กแตนสีเืกลับเป็การท้าทายและประกาศศักดิ์ดา และก็เป็การดูถูกเ้าแมงป่องสีดำตัวนี้ด้วย
ฉินหลางก็รู้ว่า การจู่โจมของเ้าตั๊กแตนสีเืเมื่อกี้นี้มันได้ยั้งมือแล้ว อาจจะเป็เพราะไม่พบคู่ต่อสู้แบบนี้มานานมากแล้ว เ้าตั๊กแตนสีเืจึงยังไม่เอาชีวิตเ้าแมงป่อง และ้าใช้เ้าแมงป่องดำตัวนี้เป็คู่ซ้อม
เ้าแมงป่องสีดำถูกเ้าตั๊กแตนสีเืฟันไปหนึ่งที มันต้องเดือดมากแน่นอนอยู่แล้ว มันถอยก่อนสองสามก้าว เห็นเ้าตั๊กแตนสีเืยังคงไม่ขยับเขยื้อนเช่นเดิม จึงเดินเข้ามาใกล้เ้าตั๊กแตนสีเือีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้เ้าแมงป่องระมัดระวังกว่าเดิมมาก หยุดดูท่าทีคู่ต่อสู้แทบจะทุกก้าวเลยก็ว่าได้ จนกระทั่งอยู่ห่างจากเ้าตั๊กแตนสีเืเพียง 2-3 เิเ เ้าแมงป่องดำจึงเข้าจู่โจมอีกครั้ง! ก้ามทั้งสองของมันทิ่มไปยังหน้าอกของเ้าตั๊กแตนสีเื!
รวดเร็ว รุนแรง! และโเี้มาก!
เ้าตั๊กแตนสีเืยังคงโอหังเช่นเดิม ดีดแขนข้างหนึ่งออกมา ถึงออกตัวทีหลังแต่กลับจู่โจมก่อนอีกเช่นเดิม ฟันลงไปที่หัวของเ้าแมงป่องดำอีกครั้ง ดูเหมือนเ้าแมงป่องดำกำลังจะถูกฟันอีกครั้ง แต่จู่ๆ เ้าแมงป่องดำก็กวาดหางของมันด้วยความรวดเร็วและรุนแรง ไม่น่าเชื่อว่ามันบังแขนของเ้าตั๊กแตนสีเืเอาไว้ได้ จากนั้นเข็มแหลมที่ปลายหางของมันทิ่มไปที่หัวของเ้าตั๊กแตนสีเือย่างแรง!
แมงป่องตวัดหาง!
ตอนนี้ฉินหลางใจจดใจจ่อมาก เพื่อศึกษา ‘ท่าไม้ตาย’ นี้ของแมงป่อง ฉินหลางเคยได้ยินความร้ายกาจของแมงป่องตวัดหางมาตั้งนานแล้ว แต่กลับเพิ่งเคยได้เห็นเป็ครั้งแรก ดังนั้นจึงค่อนข้างจะฝังใจ และตกตะลึงมากเป็พิเศษ
ท่านี้ของเ้าแมงป่องดำ ทำให้เ้าตั๊กแตนสีเืตื่นตระหนกเล็กน้อย รีบใช้แขนอีกข้างมารับหางของเ้าแมงป่องเอาไว้ ในขณะที่แขนอีกข้างกำลังปัดซ้ายทีขวาที เพื่อป้องกันก้ามทั้งสองข้างของเ้าแมงป่องดำ
เ้าแมงป่องดำเริ่มไม่สบอารมณ์ เมื่อใช้ ‘ท่าไม้ตาย’ หลายครั้งแต่กลับล้มเหลวทุกครั้ง เ้าแมงป่องดำเริ่มตระหนักได้แล้วว่าเ้าตั๊กแตนสีเืข้างหน้ามันนี้ไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงเริ่มถอยหนี แต่เมื่อเ้าแมงป่องดำถอย เ้าตั๊กแตนสีเืกลับกระโจนเข้าหา แขนทั้งสองราวเร็วราวกับสายฟ้า ฟันไปที่หัวและหางของเ้าแมงป่องดำ จากนั้นออกแรงกะทันหัน—
ปังๆ!
เกิดเสียงดังขึ้นสองครั้ง ท่ามกลางความใและสายตาอาลัยของฉินหลาง ตัวเ้าแมงป่องสีดำถูกฟันจนขาดเป็สามท่อน
แขนของตั๊กแตนมีความแหลบคมมากอยู่แล้ว และเ้าตั๊กแตนสีเืเป็แมลงกลายพันธุ์ บวกกับ่นี้กิน ‘อาหารแมลง’ เข้าไปเป็จำนวนมาก ทำให้ทั้งพละกำลังและพิษของมันได้รับการกระตุ้นให้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นฟันแมงป่องให้ตัวขาดออกจากกัน จึงไม่ใช่เื่ยาก
เพียงแต่เ้าแมงป่องดำตัวนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ขนาดหางของมันโดนตัดจนขาดแล้วยังคงดิ้นอย่างบ้าคลั่งอยู่ ราวกับยังอยากจู่โจมคู่ต่อสู้อีกครั้งก่อนตาย!
เ้าตั๊กแตนสีเืนั้นเก่งกาจขนาดไหน แม้ว่าเ้าแมงป่องดำจะไม่ธรรมดา ก็ยังต้องกลายเป็อาหารของเ้าตั๊กแตนสีเือยู่ดี
แม้ฉินหลางจะเสียดายเ้าแมงป่องดำอยู่เล็กน้อย แต่ปลาใหญ่กินปลาเล็กเป็กฎสูงสุดของโลกใบนี้อยู่แล้ว
ในขณะที่เ้าตั๊กแตนสีเืกินร่างของเ้าแมงป่อง ในสมองของฉินหลางเป็ภาพเ้าแมงป่องดำในขณะเคลื่อนที่ และจู่โจมซ้ำๆ เพื่อทำความเข้าใจและเรียนรู้ความล้ำลึกที่อยู่ในนั้นอย่างละเอียด
ผ่านไปสักพักฉินหลางยืนตรงอยู่บนพื้น อยากจะเคลื่อนที่เหมือนกับแมงป่อง แต่รู้สึกว่ามันไม่ค่อยลื่นไหลเท่าไร นั่นอาจเป็เพราะแมงป่องมีขาเยอะกว่าคน แต่ฉินหลางยังคงไม่ยอม ดังนั้นจึงะโขึ้นไปบนกิ่งไม้ที่ลาดเอียงมากๆ ทว่าในเวลานี้ฉินหลางกลับพบเื่น่าสนใจ
ราวกับว่าทำท่าคลานคล้ายแมงป่องบนกิ่งไม้ที่ลาดเอียง เหมือนจะมั่นคงกว่ามาก
แน่นอนว่า นี่ไม่ได้เป็คุณงามความดีของเ้าแมงป่องดำเท่านั้น ยังเป็ผลพลอยได้จากการซ้อมฝูหลงจู้อีกด้วย เพราะการเคลื่อนไหวบนกิ่งไม้ที่เอนเอียง นอกจากอาศัยไหวพริบกับพละกำลังแล้ว ยังมีสิ่งที่สำคัญที่สุด—การทรงตัว
และฝูหลงจู้ ก็คือสิ่งที่ทำให้ฉินหลางสามารถควบคุมการทรงตัวได้ดีที่สุด ตอนนี้วรยุทธ์ของฉินหลางเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาค่อยๆ รู้แล้วว่าทำไมตาเฒ่าพิษถึงต้องบังคับให้เขาซ้อมฝูหลงจู้ และค่อยๆ เข้าใจถึงความสำคัญของการฝึกซ้อมฝูหลงจู้บ้างแล้ว ตอนแรกฉินหลางคิดว่าฝูหลงจู้เป็เพียงการยืนท่านั่งม้า เพื่อเพิ่มพละกำลังธรรมดาๆ ซะอีก ตอนนี้ฉินหลางเพิ่งเริ่มเข้าใจว่ามันมีความล้ำลึกอย่างไร
’วิชาพิษแมงป่อง’ บวกกับฝูหลงจู้ เพียงไม่นานฉินหลางก็สามารถเคลื่อนไหวบนกิ่งไม้ที่เอนเอียงได้อย่างคล่องแคล่ว ฉินหลางยังพบว่าถ้าเขาฝึกต่อไปเรื่อยๆ นอกจากจะสามารถเคลื่อนไหวบนกิ่งไม้ที่เอนเอียงได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว ยังสามารถขึ้นและลงต้นไม้ที่สูงชะลูดได้ราวกับแมงป่องอีกด้วย แม้แต่ตอนกลับหัวก็ยังสามารถเคลื่อนไหวบนกิ่งไม้ได้ดังเดิม
กลับหัวในขณะเคลื่อนไหว แม้อาจจะฟังดูปัญญาอ่อนอยู่บ้าง แต่ความจริงแล้วกลับมีความลึกลับซ่อนอยู่ เพราะตอนที่แมงป่องกลับหัวในขณะเคลื่อนที่ มันสามารถมองเห็นคู่ต่อสู้ได้ตลอดเวลา แล้วยังสามารถไหวตัวได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อมีอันตรายเข้ามา การที่มันอยู่สูงกว่า ทำให้มันได้เปรียบในทางภูมิศาสตร์ ถ้าเคลื่อนไหวแบบธรรมดา การมองเห็นของมันจะคลอบคลุมไม่เท่าในขณะกลับหัวแน่นอน
ถึงว่าตาเฒ่าพิษถึงได้ชื่นชม ‘แมงป่องปีนย้อนกำแพง’ มากขนาดนั้น คาดว่าคงไม่ได้เป็เพราะแมงป่องมีพิษ หรือตรงกับความชื่นชอบของตาเฒ่าพิษเท่านั้น มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่นอน
ที่น่าสนใจยิ่งขึ้นก็คือ ตอนฉินหลางฝึกซ้อมเคลื่อนไหวในขณะกลับหัว เ้าตั๊กแตนสีเืก็มาฝึกซ้อมพร้อมกับฉินหลางด้วย มันทำท่าจู่โจมอยู่ตลอด เพื่อตรวจสอบว่าการเคลื่อนไหวของฉินหลางมีปัญหาอะไรรึเปล่า
คนกับแมลงซ้อมอยู่พักใหญ่ๆ การเคลื่อนไหวของฉินหลางก็คล่องแคล่วมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ถ้ามีอุปกรณ์เสริมที่เหมาะสมด้วยละก็ ฉินหลางถึงขั้นเคลื่อนไหวในขณะกลับตัวได้ราวกับแมงป่องแล้ว
เวลาผ่านไปรวดเร็วมาก จนกระทั่งเสียงกริ่งดังขึ้น เตือนว่าหมดคาบทบทวนด้วยตัวเองแล้ว ฉินหลางเพิ่งจะตระหนักได้ว่าตัวเองซ้อมมานานขนาดนี้แล้ว แต่ตอนนี้เขายังอยากจะซ้อมอยู่ จึงยังไม่คิดจะกลับไป เพราะว่ายังมี ‘ท่าไม้ตาย’ ที่เขายังไม่ได้ฝึกซ้อม ซึ่งก็คือท่า ‘แมงป่องตวัดหาง’ ที่ทำให้ฉินหลางตะลึง
คนที่ไม่เข้าใจนิสัยของแมงป่อง มักจะคิดว่าอาวุธที่ร้ายกาจที่สุดของแมงป่องก็คือก้ามทั้งสองของมัน แต่ความจริงกลับไม่ใช่ เพราะอาวุธที่ร้ายกาจที่สุดของแมงป่องก็คือเข็มที่ปลายหางของมัน แม้แต่ตอนที่มันออกล่าหาอาหาร ก้ามของมันก็เป็เพียงอุปกรณ์เสริมเท่านั้น เมื่อก้ามของมันหนีบเหยื่อไว้แล้ว เข็มที่ปลายหางของมันจึงจัดการปลิดชีวิตของเหยื่อ โดยการปล่อยพิษเข้าไปในร่างกายของเหยื่อ
ความจริงแล้วเ้าแมงป่องดำก่อนหน้านี้มันคนละชั้นกับเ้าตั๊กแตนสีเื แต่ท่า ‘แมงป่องตวัดหาง’ ของมัน กลับเป็ท่าไม้ตายที่สามารถทำร้ายเ้าตั๊กแตนสีเืได้ นี่ก็บ่งบอกปัญหาได้แล้ว
เพียงแต่ฉินหลางไม่มีหาง เขาจะชูอะไรขึ้นแทน ‘หาง’ ล่ะ?
แน่นอนว่า นอกจากฉินหลางไม่ได้เป็คนที่โง่เขลาแล้ว เขายังมีจินตนาการที่กว้างไกลมากด้วย เขารู้ว่าปรมาจารย์ที่คิดวิชากรงเล็บอินทรีหรือเสือเดินคู่นกกระยาง ก็ไม่มีปีกและไม่มีกรงเล็บเช่นเดียวกัน แต่กลับสามารถใช้มือทั้งสองขางแทนปีกและกรงเล็บได้
ฉินหลางก็ไม่มีหาง และไม่มีเข็มพิษบนปลายหางเช่นเดียวกัน แต่กลับสามารถใช้อย่างอื่นมาทดแทนได้
ขา!
ในการใช้ขา มีบอกไว้ว่า ‘มือเป็ประตูสองบาน การต่อสู้อาศัยเพียงขาเท่านั้น’ มีด และหมัดตั๊กแตนใช้มือเป็หลัก แม้จะมีความรุนแรง และคล่องแคล่ว แต่ถ้าใช้ควบคู่กับขาละก็ จะต้องสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นแน่นอน
ฉินหลางซ้อมท่า ‘แมงป่องตวัดหาง’ จนเริ่มคล่องแคล่วแล้ว จนกระทั่งถึงเที่ยง เขาเพิ่งจะกลับมาถึงโรงเรียน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้