เล่มที่ 9 บทที่ 255 กลายร่างเป็ั
คราบเืที่เปรอะเปื้อนบนพื้นยังคงเด่นชัด…
“คนหนุ่มสมัยนี้ ช่างใจกล้าไม่เบา…” หลังจากยืนเงียบอยู่นาน ในที่สุดจงซานก็ส่ายหน้าพร้อมด้วยรอยยิ้มขมขื่น…
จงซานเองก็มีประสบการณ์ที่แสนโชกโชน เมื่อเห็นคราบเืบนพื้นก็เข้าใจทันที จากนั้นก็ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาก่อนดี เพราะตนเองที่เป็ถึงผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันแท้ๆ กลับถูกผู้บำเพ็ญขั้นมิ่งหุนเคราะห์สองโจมตีจนต้องหนีพ่าย…
‘มันช่าง…’
‘เ้าหนุ่มนี่ไม่กลัวแผนแตกเลยหรือ?’
แม้ห้วงมิติแห่งความเป็ตายจะถูกสะบั้นขาดลง แต่เขาก็เพียงาเ็เล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้กระทบถึงรากฐานแม้แต่น้อย จึงยังพอเหลือเรี่ยวแรงสังหารอีกฝ่ายต่อ…
‘คนหนุ่มสมัยนี้ใจกล้าขนาดนี้เชียว?’
“อาจารย์ ตอนนี้เวินโหวาเ็สาหัส เช่นนั้นจะต้องหนีไปได้ไม่ไกล ศิษย์ขออาสาไปจับตัวมันมาเอง!” เหยียนจ้งที่อยู่ด้านหลังจงซานเอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมา
ที่เป็แบบนี้ก็ไม่แปลก…
เพราะเดิมที เหยียนจ้งก็คิดจะยืมมือผู้เป็อาจารย์จัดการเวินโหวซึ่งมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ให้สิ้นอยู่แล้ว…
ทว่าเหยียนจ้งกลับทายเนื้อเื่ตอนต้นได้อย่างแม่นยำเลยทีเดียว
จงซานจัดการไปแล้วก็จริง แต่เหยียนจ้งเองกลับไม่คิดแบบนั้น…
เพราะหลังจากที่การต่อสู้เริ่มขึ้น เหยียนจ้งก็ถูกหางเ้าปลาั์ฟาดจนสลบไป เมื่อฟื้นขึ้นมาทุกอย่างก็จบลงแล้ว…
‘ช่างน่าอึดอัดเสียจริง!’
“เวินโหวก็เป็แค่ฉากบังหน้าเท่านั้น คนที่ร้ายกาจจริงๆ ก็คือคนที่ร่วมมือกับเวินโหวต่างหากล่ะ…” จงซานแค่นหัวเราะเ็าออกมา หลังจากเหล่มองลูกศิษย์ตนเองแล้วจึงเอ่ยเสริมตามมา
“คนผู้นั้นจะต้องเป็ยอดอัจฉริยะผู้บำเพ็ญกระบี่แน่ๆ ถึงกับบงการกระบี่เดียวให้แปรเปลี่ยนเป็หมื่นได้ อายุเท่านี้ก็เข้าถึงวิถีกระบี่ได้อย่างลึกซึ้ง ดูท่าเก้าในสิบส่วนจะต้องเกี่ยวข้องกับสำนักกระบี่หลีซานเป็แน่…”
เมื่อคิดดังได้ดังนั้น จงซานก็ถอดถอนใจด้วยความเสียดาย
“หลายปีมานี้ สำนักกระบี่หลีซานนับว่าโชคดีไม่เบา ตอนแรกก็มีหวงซีที่สามารถฝ่าเคราะห์ได้ห้าด่านรวด แถมตอนนี้ยังมียอดอัจฉริยะซึ่งมีตบะพลังเพียงมิ่งหุนเคราะห์สอง แต่กลับเข้าถึงวิถีกระบี่ได้ลึกซึ้งเช่นนี้ เกรงว่าอีกสามสิบปีผ่านไป คงจะถึงเวลาที่ข้าต้องถอยให้แล้ว…”
พอพูดจบ จงซานก็ส่ายหน้าอีกครั้ง
“ช่างเถอะๆ ไม่ต้องให้คนไปตามแล้ว ครั้งนี้สำนักเชียนซานได้ลำตัวกลไกัมา ก็ถือว่าเป็โชควาสนาใหญ่หลวงแล้ว บัดนี้หัวัถูกสะบั้นจนพังเสียหาย ต่อให้ได้มาก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร…”
“แต่ว่า…” ระหว่างที่เหยียนจ้งพยายามแสดงสีหน้าไม่ยินยอมออกมา ก่อนจะเอ่ยปากอีกครั้ง ก็กลับถูกผู้เป็อาจารย์แทรกขึ้นเสียก่อน
“คนเช่นนี้ หากไม่ตายไปก่อนวัยอันควรละก็ เกรงว่าวันหน้าคงจะมีตบะพลังสูงกว่าขั้นจิงตันเป็แน่ เช่นนั้นแล้วผูกวาสนาดีต่อกันไว้ดีกว่า…” ขณะที่พูดก็มองผู้เป็ศิษย์ด้วยความเหนื่อยใจ…
ในเวลาเดียวกัน หลินเฟยก็พาร่างอันบอบช้ำกลับมาถึงลานซากปรักหักพังพอดี หลังจากสั่งงานเวินโหวอย่างลวกๆแล้ว เขาก็หายตัวเข้าไปในคัมภีร์พร้อมกลไกหัวัทันที…
“มาแล้วจริงๆด้วย…” หลินเฟยที่เพิ่งจะเข้ามาในคัมภีร์ ก็รู้สึกได้ถึงกระแสไอเย็นเสียดกระดูก จนเืในตัวแทบจะถูกแช่แข็งทันที
‘นี่มันเคราะห์น้ำ!’
หลินเฟยรู้ได้ทันทีว่านี่ต่างหาก ปัญหาใหญ่ที่แท้จริง…
ก่อนหน้านี้ยังมีกระบี่ดาวอัปมงคลและปราณกระบี่ทั้งสี่คอยกดข่มเอาไว้ ทว่าหลังจากสะบั้นห้วงมิติแห่งความเป็ตาย ก็ทำให้ร่างกายบอบช้ำอย่างหนัก จนไม่อาจกดข่มเคราะห์น้ำได้อีกต่อไป…
“หวังว่ามนต์สะกดเทียนกังปลอมนี้ จะได้ผลนะ…”
เคราะห์น้ำค่อยๆใกล้เข้ามาทุกขณะ หลินเฟยเองก็ไม่อาจรอช้า หลังจากกระแอมเบาๆ ก็มีลำแสงสามสิบแปดสายพวยพุ่งขึ้นมา ก่อนจะรวมตัวกันจนกลายเป็โซ่ตรวนขนาดใหญ่ พันธนาการหลินเฟยเอาไว้อย่างแ่า และในขณะเดียวกันก็มีภาพนิมิตของเจดีย์โครงกระดูกปรากฏขึ้นกลางอากาศ ไม่นานก็ร่วงลงมากดทับร่างของหลินเฟยอย่างหนักหน่วง กระทั่งเกิดเสียงดังสนั่น ทันใดนั้นลำแสงทั้งสามสิบแปดสายก็แตกซ่าน เคราะห์น้ำที่กำลังจะปรากฏอยู่รอมร่อในตอนแรก ก็ถูกต้านกลับเข้าไปทันที…
และก็เป็แบบนี้อยู่สามวันเต็มๆ…
ภายในสามวันนี้ หลินเฟยเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในคัมภีร์โครงกระดูก เขาใช้มนต์สะกดเทียนกังปลอมกดข่มเคราะห์น้ำที่กำลังจะปะทุอย่างเอาเป็เอาตาย
หลินเฟยรู้ดีว่านี่เป็เพียงชั่วคราวเท่านั้น หากออกไปจากคัมภีร์เมื่อใด เกรงว่าเคราะห์น้ำก็จะปะทุออกมาทันที…
หากคิดจะจัดการปัญหานี้ให้หมดสิ้นไป เกรงว่าจะมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น…
นั่นก็คือต้องได้เหล็กเซียนอัสนีเหล่ยยวี่มาครองเสียก่อน เช่นนั้นก็จะสามารถหลอมมันจนได้ปราณกระบี่มาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปจากรากฐาน แบบนั้นถึงจะรับมือเคราะห์น้ำได้อย่างแท้จริง…
“หลังจากนี้ก็ต้องคอยดูว่ากลไกหัวันี้ มีหยวนหลิงหลงเหลืออยู่หรือไม่…” หลินเฟยยืนอยู่ใต้เจดีย์โครงกระดูก จากนั้นก็มองซากกลไกหัวัซึ่งมีแรงอาฆาตรุนแรง และบัดนี้มันได้รวมตัวกันจนเป็เมฆหมอกดำปกคลุมไปทั่วรัศมีร้อยลี้แล้ว
เมื่อกวาดตามองไปก็เห็นแต่แรงอาฆาตที่พวยพุ่งออกมาปกคลุมไปทั่วซากกลไกหัวั…
ขณะที่หลินเฟยกำลังจะปลดปล่อยกล่องกระบี่เจิงหนิงและกระบี่ดาวอัปมงคลทั้งสี่ออกมา ก็ได้ยินเสียงัคำรามดังสนั่นขึ้น ไม่นานก็พบว่าแรงอาฆาตรุนแรงได้รวมตัวเข้าด้วยกัน กระทั่งเกิดเป็ลำตัวัสีดำขนาดหมื่นจ้าง ผสานเข้ากับหัวัพอดี และบัดนี้ได้เกิดเป็ัสีดำตัวใหญ่ั์ที่กำลังกางกรงเล็บและคำรามอย่างเกรี้ยวกราด หมายจะพุ่งตัวออกจากห้วงมิติคัมภีร์นี้ให้ได้…
“คิดจะหนีงั้นหรือ?” หลินเฟยแค่นหัวเราะเยือกเย็นออกมา ก่อนจะบงการกล่องกระบี่เจิงหนิงและกระบี่ดาวอัปมงคลทั้งสี่ออกไป ทันใดนั้นลำแสงกระบี่ทั้งสี่ก็สาดส่องลงมาจากท้องฟ้า ก่อนจะตอกตรึงัสีดำที่หมายจะพุ่งตัวหนีเอาไว้ทันที
ขณะนั้นเองก็มีภาพนิมิตเจดีย์โครงกระดูกปรากฏขึ้นมา และกดทับลงมาอย่างหนักหน่วงราวกับูเาขนาดใหญ่ จากนั้นก็ได้ยินเสียงัคำรามดังสนั่นออกมาไม่หยุด…
ตอนที่หลินเฟยมาถึงเมืองวั่งไห่นั้น เขาก็ได้ใช้ของวิเศษมากมายเซ่นค่ายกลคุ้มกันเมืองไป ทำให้มีกล่องกระบี่เจิงหนิงและกระบี่ดาวอัปมงคลทั้งสี่ แม้จะมีมนต์สะกดเพียงยี่สิบเจ็ดสาย เป็แค่อาวุธขั้นหยางฝูเท่านั้น ทว่าพลังของมันกลับร้ายกาจจนเทียบขั้นศาสตราวุธได้เลยทีเดียว เมื่อรวมเข้ากับเจดีย์โครงกระดูกซึ่งมีมนต์สะกดสามสิบแปดสายนี้เอง ภายใต้สองขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ต่อให้กลไกัจะมีพลังทำลายล้างระดับผู้บำเพ็ญขั้นจิงตัน ก็ไม่อาจจะต่อกรได้
“ช่างเป็แรงอาฆาตที่รุนแรงเสียจริงๆ…” หลังจากเสร็จเื่แล้ว ในที่สุดหลินเฟยก็มีโอกาสใช้เวลาพินิจเ้าัสีดำตัวนี้…
ทว่าขณะที่กำลังเข้าใกล้เ้าั หลินเฟยก็รู้สึกได้ทันทีว่าแรงอาฆาตรุนแรงได้ปะทะเข้ามาอีกครั้ง ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในนรกอเวจี รอบด้านเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวน แรงอาฆาตก็พวยพุ่งอย่างรุนแรง หากเป็คนจิตอ่อนละก็ หากต้องเผชิญหน้ากับสิ่งชั่วร้ายรอบด้านขนาดนี้ กลัวว่าจะต้องเสียสติเป็แน่ แม้แต่หลินเฟยเองยังต้องปลดปล่อยปราณกระบี่ไท่อี๋ออกมาคุ้มกายเลยด้วยซ้ำ ถึงจะสามารถเดินเข้าไปได้…
‘มิน่า…สำนักเชียนซานถึงตัดสินใจไม่ได้เสียที…’
เพราะว่ากลไกหัวัถูกสะบั้นจนเสียหาย ดังนั้นเคล็ดวิชากลไกที่หลงเหลือให้ศึกษาจึงมีน้อยมาก แถมยังมีแรงอาฆาตรุนแรงอีก หากไม่มีปราณกระบี่ไท่อี๋ซึ่งเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์คุ้มกายละก็ เกรงว่าจะต้องสังเวยผู้บำเพ็ญไปไม่น้อยเลย จึงจะสามารถชำแหละกลไกนี้ได้ทั้งหมด…
ต่อให้เป็สำนักอื่น ก็ย่อมลังเลเฉกเช่นเดียวกับสำนักเชียนซาน…
----------------------------------------------------------------------------------------