ูเาร้างแห่งหนึ่งในแดนมายา มีลำแสงพุ่งลงมาจากฟากฟ้า ก่อนจะเข้ามาในหัวของเฉินอ้าวเทียนที่กำลังหลับตาบ่มเพาะพลัง ทำให้เฉินอ้าวเทียนลืมตาขึ้นฉับพลัน พร้อมแสงเยือกปะทุออกจากดวงตา “ไม่นึกว่าจะมีคนกล้าสังหารคนของพรรคเทียนจีข้า สมควรตาย!”
เมื่อกล่าวจบ เฉินอ้าวเทียนกะพริบร่างออกไปจากที่นี่ทันที
เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับเว่ยจี้เช่นเดียวกัน หลังจากได้รับข้อความว่าศิษย์พรรคเทียนจีถูกคนสังหาร เว่ยจี้ก็หยุดการเข่นฆ่าคนอื่น และเริ่มออกตามหาผู้สังหารศิษย์พรรคเทียนจีทั่วแดนมายา
เฉินอ้าวเทียนไปยังที่ที่หนึ่งซึ่งมีคนมากมายและเริ่มสืบสาวราวเื่ จนกระทั่งได้รู้ว่าคนที่เข่นฆ่าศิษย์พรรคเทียนจีเป็พันธมิตรหนึ่ง ในพันธมิตรนั้นมีศิษย์พรรคเทียนเสวียนเป็สมาชิกส่วนใหญ่ และหัวหน้าก็คือเย่เฟิง ดังนั้นเฉินอ้าวเทียนจึงเรียกรวมตัวศิษย์พรรคเทียนจีและเริ่มตอบโต้พรรคเทียนเสวียน แต่กลับไม่ได้ผล เพราะทางฝั่งพันธมิตรของเย่เฟิงกำจัดคนของพรรคเทียนจีด้วยวิธีเด็ดขาดและโหดร้าย ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์เข้าร่วมเพิ่มมากขึ้น จนพันธมิตรของเย่เฟิงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ในนั้นยังมีผู้ฝึกยุทธ์จากพรรคเทียนอวิ๋นและพรรคเทียนเซียวอยู่หลายคน ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนถูกคนของพรรคเทียนจีกดดันมาแล้วทั้งสิ้น
ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าร่วมพันธมิตรของเย่เฟิง เพียงเวลาสั้น ๆ พันธมิตรเย่เฟิงก็แข็งแกร่งขึ้นมาก เผลอ ๆ อาจเป็พันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนมายา และมีสมาชิกมากกว่าร้อยคน กลายเป็ฝันร้ายของศิษย์พรรคเทียนจี เมื่อพบศิษย์พรรคเทียนจีก็จะฆ่าอย่างไร้ความปรานีใด ๆ
ณ ลานประลอง เฉินเซี่ยงเทียนเผยหน้าเขียวเมื่อเห็นศิษย์พรรคเทียนจีถูกคัดออกคนแล้วคนเล่า ก่อนหน้านี้เขาส่งข้อความไปให้เฉินอ้าวเทียนและเว่ยจี้ผ่านวิธีการพิเศษ แต่เหตุใดยังไม่มีอะไรคืบหน้าอีก เพราะจำนวนศิษย์พรรคเทียนจีที่ถูกคัดออกมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ผู้าุโเฉิน ขืนเป็เช่นนี้ต่อไปศิษย์ที่เหลืออยู่ของพวกเราพรรคเทียนจีคงเป็อันตราย!” ผู้าุโพรรคเทียนจีส่งเสียงผ่านจิตไปหาเฉินเซี่ยงเทียน ทำให้เฉินเซี่ยงเทียนเผยสีหน้าอึมครึมพร้อมแสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตา ก่อนจะสบตามองกับเยว่กู่อย่างไม่ตั้งใจ เมื่อเห็นสีหน้าเย้ยหยันของอีกฝ่าย เฉินเซี่ยงเทียนถึงกับมีน้ำโหขึ้นมา แต่เขากลับต้องอดกลั้นอดทน
ในแดนมายา นอกจากพันธมิตรเย่เฟิงที่ก่อความวุ่นวาย ในที่อื่น ๆ ก็มีศึกปะทะเกิดขึ้นไม่หยุด กระทั่งมีหลาย ๆ คนสะสางความแค้นในแดนมายาแห่งนี้
ขณะนั้นที่สองแห่งในแดนมายา ตู๋กูหลงและนี่จ้านเทียนยังคงไม่สนใจเื่ภายนอก แต่จมอยู่ในห้วงแห่งการบ่มเพาะพลัง ดูเหมือนว่าสองคนนี้จะตื่นขึ้นมาก็ต่อเมื่อการประลองรอบแรกจบลง
พันธมิตรเย่เฟิงยิ่งใหญ่เกรียงไกร ทุกที่ที่ผ่าน ศิษย์พรรคเทียนจีเ่าั้ต่างต้องหวาดกลัวอกสั่นขวัญแขวน นี่ทำให้หลาย ๆ คนในแดนมายาเริ่มสังเกตเห็นพันธมิตรที่เย่เฟิงสร้างขึ้น
ด้านจ้าวเฉินอ๋องเล็กเดินทางคนเดียว ด้วยพลังและฐานะของเขา ทำให้มีน้อยคนที่จะกล้ายั่วยุเขา แม้กระทั่งมองเขาด้วยสายตาเคารพนับถือ นี่ทำให้จ้าวเฉินรู้สึกอยู่เหนือกว่าใคร
ขณะนั้นพันธมิตรเย่เฟิงผ่านทางบนเขาที่ขรุขระและพบเข้ากับจ้าวเฉินอ๋องเล็ก
“พวกคนชั้นต่ำ หลีกทางเดี๋ยวนี้!” จ้าวเฉินเอาสองมือไพล่หลัง เขากล่าวอย่างไม่เกรงใจใคร แม้อยู่ต่อหน้าคนนับร้อย แต่ก็ยังองอาจ นี่ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายพันธมิตรเย่เฟิงรู้สึกไม่พอใจ แม้จ้าวเฉินจะมีฐานะไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่ควรไร้มารยาทเช่นนี้ บอกพวกเขาว่าเป็คนชั้นต่ำ ฟังแล้วช่างไม่รื่นหูยิ่งนัก
“พวกเ้าหูหนวกหรือไง เหตุใดยังไม่หลีกทางอีก? หรือพวกเ้าอยากบีบให้ข้าลงมือจัดการด้วยตัวเอง?” จ้าวเฉินขึ้นเสียงด้วยความโมโห
ด้วยความแข็งแกร่งของจ้าวเฉิน จึงมีคนไม่น้อยคิดจะหลีกทางให้ ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็คือบุตรแห่งเซิ่งอ๋องและมีฐานะที่พวกเขาไม่มีวันเทียบเคียงได้ เมื่อคนเ่าั้กำลังจะเคลื่อนไหว กลับได้ยินเสียงเย่เฟิงดังขึ้นจากด้านหลังพวกเขา “สุนัขบ้าตัวไหนมาอาละวาดที่นี่อีก?”
ทุกคนต่างตะลึงงัน แต่ก็หลีกทางให้เย่เฟิงเดินออกมา ซึ่งจ้าวเฉินคือบุตรแห่งเซิ่งอ๋อง แม้แต่ผู้าุโบางส่วนในสำนักยุทธ์ยังให้เกียรติเขา ทว่าเย่เฟิงกลับก่นด่าจ้าวเฉินว่าเป็สุนัขบ้า ช่างใจกล้ายิ่งนัก
จ้าวเฉินได้ยินคำพูดนั้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป จากนั้นเขาหันไปมอง ก่อนจะเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มคนตรงหน้า ซึ่งก็คือเย่เฟิง
“ไม่คิดเลยว่าจะเป็เ้า!” จ้าวเฉินย่อมรู้จักเย่เฟิง แววตาจึงเปลี่ยนไปเยือกเย็นขึ้น
“เ้าถึงกับรวบรวมคนชั้นต่ำเพื่อทำเื่พวกนี้หรือ? ยังไม่รีบสั่งพวกเขาหลีกทางให้ข้าอีก!” จ้าวเฉินยังคงเชิดหน้าพูดด้วยท่าทีโอหัง
“ฮ่า ๆ ๆ!” เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็เหยียดยิ้ม จากนั้นกล่าวต่อว่า “เห็นทีสุนัขบ้าอย่างเ้าจะยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง ช่างน่าสมเพช!”
จ้าวเฉินเป็บุตรของเซิ่งอ๋อง ก็เท่ากับเป็ศัตรูของเขาเย่เฟิง ยิ่งกว่านั้นจ้าวเฉินยังดูถูกคนของพันธมิตรเขาอีก
“พล่ามไร้สาระ หากเ้ายังไม่สั่งพวกเขาให้หลีกทาง ข้าจะฆ่าเ้าเดี๋ยวนี้เลย!” ดวงตาของจ้าวเฉินทอประกายคมกริบ พร้อมปลดปล่อยพลังขั้นรวมชี่ที่ 2 ซึ่งจ้าวเฉินอยู่แค่ขั้นรวมชี่ที่ 2 แต่กลับอยู่อันดับที่ 8 ในรายนามขั้นรวมชี่ เห็นชัดว่าพลังต่อสู้แข็งแกร่งเพียงใด
ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ลานประลอง อันดับที่ 10 ในรายนามขั้นรวมชี่ เฉินอ้าวิที่อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 3 ถูกเย่เฟิงเอาชนะด้วยหมัดเดียว
“งั้นเ้าก็ลองดูสิ!” เย่เฟิงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน และกล่าวเช่นนั้น
“ในเมื่อเ้าอยากตาย เช่นนั้นข้าก็จะสงเคราะห์เ้า!” จ้าวเฉินกล่าวเสียงเย็น จากนั้นเห็นเขาเดินออกมาหนึ่งก้าว ก่อนจะไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้าเย่เฟิงในพริบตาเดียวโดยเคลื่อนย้ายผ่านมิติ พร้อมกับวาดฝ่ามือโจมตีเย่เฟิง
“วูบ!” ขณะนั้นมีแสงเยือกเย็นส่องวาบที่ด้านหน้าของเย่เฟิง ก่อนจะมีเืสาดกระเซ็น จากนั้นผู้คนเห็นแขนข้างหนึ่งลอยไปที่กลางอากาศ ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนของจ้าวเฉิน
ผู้คนพบว่า มีเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวที่ด้านหน้าเย่เฟิงั้แ่เมื่อไรไม่รู้ เงาร่างนี้สวมผ้าคลุมไหล่ มีแขนข้างเดียว และมือข้างนั้นก็จับดาบในฝักที่คาดไว้ข้างเอวตลอด แต่แขนของจ้าวเฉินอ๋องเล็กกลับถูกตัดขาดไปหนึ่งข้าง
“เป็เขา!” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างต้องตกตะลึง ชายแขนเดียวคนนี้เข้าร่วมพันธมิตรในระหว่างทาง และยังติดตามข้างกายเย่เฟิงตลอด ทว่ากลับไม่มีใครเคยเห็นคนผู้นี้ในสำนักยุทธ์มาก่อน นึกไม่ถึงว่าชายแขนเดียวที่ดูไม่เตะตาจะมีพลังมากถึงเพียงนี้ เคล็ดวิชาท่าร่างประหนึ่งภูตพราย ยิ่งผสานกับวิชาดาบก็ยิ่งรวดเร็วปานฟ้าแลบ แม้แต่จ้าวเฉินผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 8 ในรายนามขั้นรวมชี่ก็ยังถูกเขาตัดแขนไปหนึ่งข้าง ช่างทรงพลังยิ่งนัก
นักดาบแขนเดียว เมื่อดาบออกจากฝักจักต้องหลั่งโลหิต!
แม้จ้าวเฉินจะแข็งแกร่ง แต่การที่นักดาบแขนเดียวปรากฏตัวฉับพลัน พร้อมกับตวัดดาบด้วยความเร็วปานฟ้าแลบ ทำให้จ้าวเฉินไร้การป้องกันและตอบสนองไม่ทัน จนต้องสูญเสียแขนหนึ่งข้าง ถึงทั้งหมดนี้จะเป็เพียงภาพลวงตา แต่ความเ็ปที่ได้รับกลับเ็ปจริง ๆ
จ้าวเฉินถูกความเ็ปเล่นงานจนเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก เขามองนักดาบแขนเดียวไม่วางตา ก่อนจะกล่าวว่า “คนชั้นต่ำ เ้ากล้าดียังไงมาตัดแขนข้า ข้าจะทำให้เ้าต้องตายอย่างน่าอนาถ สวะอย่างเ้าก็ด้วย!”
ทว่านักดาบแขนเดียวไม่สนใจจ้าวเฉินแม้แต่นิดเดียว ความเฉยชาเช่นนั้นถึงกับทำให้จ้าวเฉินกราดเกรี้ยว
“สุนัขบ้าก็คือสุนัขบ้า ถูกตัดแขนก็ยังไม่สำนึกผิดอีก ข้าก็อยากเห็นนักว่าเ้าจะทำให้ข้าสองคนตายอย่างไร!” เย่เฟิงมองจ้าวเฉินด้วยสายตาเหยียดหยาม ก่อนจะพูดต่อไปว่า “ฆ่าสุนัขบ้าที่ไม่รู้จักมารยาทนี่ซะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น นักดาบแขนเดียว ฉู่หาน และศิษย์พรรคเทียนเสวียนสองสามคนเคลื่อนไหวทันที พวกเขาปิดล้อมจ้าวเฉินพร้อมกับปลดปล่อยไอสังหาร
จ้าวเฉินเผยสีหน้าย่ำแย่ ตอนนี้เขามีเพียงแขนข้างเดียว พลังต่อสู้จึงลดลงไปมาก แล้วจะรับมือกับคนเหล่านี้ได้อย่างไร มีเพียงความคิดเดียวที่ผุดขึ้นในหัว นั่นคือหนี แต่นาทีที่เขาก้าวเท้า ก็เห็นเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวที่ด้านหน้าเขาอย่างฉับพลัน
“ท่านอ๋องเล็กช้าก่อน ข้าจะจัดการคนคนนี้เอง!” ผู้มาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็เว่ยจี้ที่ตามหาร่องรอยของเย่เฟิงไปทั่วทุกที่
ทันทีที่สิ้นเสียงก็เห็นเว่ยจี้หายตัวไปอีกครั้ง ก่อนจะไปปรากฏตัวเบื้องหน้าเย่เฟิง พร้อมกับปลดปล่อยพลังปราณออกมา จากนั้นเว่ยจี้ใช้ฝ่ามือที่แปรเปลี่ยนเป็กรงเล็บอันแหลมคมตรงเข้าตะปบหน้าอกเย่เฟิงด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
รูม่านตาของเย่เฟิงหดแคบลง และคิดในใจว่า “เว่ยจี้ผู้นี้โหดร้ายอย่างที่คิดไว้ บุกเดี่ยวอย่างไม่ลังเล แล้วลงมือจัดการทันทีด้วยกระบวนท่าสังหาร!”
พลันพลังปราณปะทุออกจากร่างเย่เฟิง ก่อนจะปล่อยฝ่ามือภูผาพิฆาตเข้าปะทะกับกรงเล็บของเว่ยจี้ ตามมาด้วยเสียงดังสนั่น ห้วงอากาศสั่นไหว คลื่นทำลายล้างแพร่กระจายเป็วงกว้าง ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์รอบข้างต่างถอยหนีเพื่อหลีกเลี่ยงการกัดกร่อนจากคลื่นพลังที่น่าสะพรึงกลัวนั่น
จากแรงกระแทกนั่น ทำให้เย่เฟิงและเว่ยจี้ถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“สามารถสังหารศิษย์พรรคเทียนจีได้มากขนาดนี้ เ้าแข็งแกร่งอย่างที่คาดไว้ แต่ต่อหน้าข้าเว่ยจี้ผู้นี้ เ้าก็ยังต้องตายอยู่ดี!”
เว่ยจี้ต้องหน้าเปลี่ยนสีเมื่อเห็นเย่เฟิงต่อต้านการโจมตีที่มีพลังแปดส่วนของเขา ก่อนจะกล่าวออกมาเช่นนั้น