ความรู้สึกเบาหวิวเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ ถัดจากนั้นขาสองข้างก็รู้สึกถึงน้ำหนักตามเดิม มีกลิ่นเขียวขจีสดชื่นเบาบางโชยมาเตะจมูก ทั้งยังมีกลิ่นพลังปราณหนาแน่น
โหยวเสี่ยวโม่ลืมตาขึ้น พบว่าพวกเขามายืนอยู่ตรงแท่นหินวงกลมขนาดใหญ่ ลานแท่นหินนั้นมีขนาดครึ่งหนึ่งของลานกว้างทัพพิภพ หั่นมาจากหินชนิดหนึ่งไม่รู้จักชื่อ ้ามีลวดลายแปลกประหลาด คล้ายกันกับค่ายกลส่งตัวเมื่อครู่
มองไปรอบทิศมีเพียงหมอกสีขาวลอยอยู่รอบขอบวงของแท่นหิน บดบังวิสัยทัศน์ของพวกเขาจนแยกทิศทางไม่ออก
โชคดีที่หลิงเซียวนั้นหลักแหลม ใช้หินคุ้มกันแลกข้อมูลกับพวกนักฝึกตนสันโดษมา จึงรู้ว่าหลังส่งตัวเข้ามาจะเจอเหตุการณ์เช่นนี้
โหยวเสี่ยวโม่มองดูรอบๆ ไม่เห็นคนกลุ่มแรกที่ส่งตัวเข้ามา
หลิงเซียวเห็นสัญลักษณ์เฉพาะของสำนักเทียนซินที่พวกเหลยจวี้ทำไว้ให้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ชี้ให้เห็นว่าพวกเขาล่วงหน้าไปยังทิศนั้น
ส่วนคนของสำนักชิงเฉิง พวกเขาไม่เห็นสัญลักษณ์ใดๆ ชัดว่าลั่วซูเหอไม่้าให้ใครรู้ถึงทิศทางที่พวกเขาไป
ขณะที่พวกเขาสำรวจกัน คนกลุ่มหลังก็ตามเข้ามา
คนของสำนักเทียนซินที่ตามเข้ามาเมื่อเห็นหลิงเซียวยังไม่ไป ก็ดีใจยกใหญ่ แล้วเดินมาทางเขา ส่วนคนของสำนักชิงเฉิงตกลงกันชั่วครู่ จากนั้นเลือกทิศทางได้ก็ออกไปทันที
หลิงเซียวสังเกตเห็นพวกเขาเดินไปทางทิศใต้ ไม่ห่างจากทิศตะวันตกเฉียงใต้มากนัก
จากนั้นก็มีคนและม้าตามมาเพิ่มอีกหลายกลุ่ม นอกจากทั้งสองสำนักใหญ่ ก็มีคนของพรรคซิงหลัวอีกห้าคน
เนื่องจากหนนี้พรรคซิงหลัวไม่ได้มีความดีความชอบในการลงแรง ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับสามเ้าอำนาจอย่างพรรคเซียวเหยา รวมถึงนักฝึกตนสันโดษอีกห้าคน ทั้งหมดจึงรวมกันเข้ามา
ในกลุ่มคนพวกนี้ โหยวเสี่ยวโม่รู้จักสามคน นั่นก็คือติงสือแห่งพรรคซิงหลัว มู่เหยาจากพรรคเซียวเหยว และมู่อวิ๋นเทียนจากหอจี๋เล่อ แต่ตอนนั้นเขากับหลิงเซียวแปลงโฉม ดังนั้นทั้งสามจึงดูพวกเขาไม่ออก
เวลาที่ผ่านไป คนที่ถูกส่งตัวเข้ามาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แต่คนที่อยู่บนแท่นหินมีไม่มากนัก คนส่วนใหญ่กังวลว่าคนที่เข้ามาก่อนจะได้หญ้าเซียนกับสัตว์ปีศาจไปก่อน ดังนั้นจับกลุ่มเสร็จก็รีบร้อนเลือกทิศทางแล้วแยกย้ายไปทันที
ไปๆ มาๆ จนคนทั้งหมดถูกส่งเข้ามาเรียบร้อย หลิงเซียวกับโหยวเสี่ยวโม่ก็ยังไม่ได้ไปไหน
ดูจากผิวเผินนั้นหลิงเซียวมีพลังเพียงชั้นดวงดาวสองดาว แต่ตำแหน่งของเขาไม่ได้สูงสุดในกลุ่มคนสำนักเทียนซิน ความเป็จริงยังมีผู้าุโอีกสองท่านที่มีพลังสูงสุดอยู่ชั้นดวงดาวเจ็ดดาว ภารกิจครั้งนี้ต้องฟังคำสั่งจากพวกเขา
รอจนคนออกไปพอสมควร ในที่สุดผู้าุโแซ่สือท่านหนึ่งก็กล่าวขึ้น “หลินเซียว ตอนที่พวกเ้าถูกส่งตัวเข้ามา เห็นทิศทางที่ลั่วซูเหอไปหรือไม่?”
หลิงเซียวส่ายหัว “ไม่เลย”
ลั่วซูเหอไม่ใช่คนโง่เขลา สำนักชิงเฉิงขโมยตำรับสูตรยาขั้นเก้าของพวกเขา อยู่ด้านนอกไม่อาจเปิดเผยได้ก็จริง แต่ในแดน์วิมานนั้นไม่เหมือนกัน ด้านในเต็มไปด้วยอันตราย ชีวิตขึ้นอยู่กับ์บัญชา หากว่าสำนักเทียนซินส่งคนไปกำจัดพวกเขา ออกไปก็คงไม่มีใครสงสัยพวกเขาแน่
แต่สิ่งทีสำนักเทียนซินคิดออก ก็ใช่ว่าจิ้งจอกเฒ่าเ้าเล่ห์อย่างลั่วเฉิงหยวนจะคิดไม่ได้ เดาว่าพวกเขาคงมีแผนรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นแม้หลิงเซียวจะเห็น ก็ใช่ว่าพวกเขาจะไปทางนั้นจริง อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่อาจมองเห็นสถานการณ์รอบนอกแท่นหินได้
ผู้าุโสือมองไปยังศิษย์คนอื่น พวกเขาก็ส่ายหัวสื่อว่าไม่เห็นเช่นกัน
ภาพนี้หนีไม่พ้นสายตาหลิงเซียว รอยยิ้มมุมปากไม่ได้ลดลง แต่กลับยิ้มกว้างเริงร่า
ที่ผู้าุโสือทำเช่นนี้ แน่นอนว่าถูกทังฝานกำชับมา คงไม่ไปไล่ถามศิษย์คนอื่นหลังจากที่เขาปฏิเสธแล้วหรอก แสดงออกชัดเจนว่าไม่เชื่อคำพูดของเขา
“ในเมื่อไม่รู้แน่ชัดว่าลั่วซูเหอไปทางไหน งั้นต่อจากนี้เราจะแบ่งคนออกเป็สี่กลุ่มไปยังสี่ทิศ ข้ากับผู้าุโเวิงแยกกลุ่มละหกคน หวงเจี๋ยกับฉินซื่ออวี๋กลุ่มละสิบคนไปยังทิศใต้กับตะวันตก หลินเซียวกับคนที่เหลือไปยังทิศเหนือ มีใครคัดค้านอะไรมั้ย?” ผู้าุโสือจ้องมองทุกคน ท้ายสุดหยุดอยู่ที่หลิงเซียว
หลิงเซียวเอ่ยแล้วยิ้ม “ผู้าุโสือวางแผนได้เยี่ยมยอด งั้นก็ตามนี้แหละ”
ผู้าุโสือพยักหน้ารับ จากนั้นเริ่มแบ่งคน เนื่องจากหวงเจี๋ยกับฉินซื่ออวี๋ฝีมืออ่อนกว่าหลิงเซียว ดังนั้นจึงแบ่งลูกศิษย์ที่พลังชั้นสูงหน่อยไปกับพวกเขา ปรากฏว่าเมื่อพวกเขาเลือกเสร็จ ที่เหลือก็ยกให้หลิงเซียว พลังนั้นอ่อนด้อยพอควร ล้วนเป็พลังชั้นตะวัน มีเพียงคนเดียวที่มีพลังชั้นจันทรา ทั้งจำนวนคนก็น้อยกว่ากลุ่มหวงเจี๋ยกับฉินซื่ออวี๋สี่คน
รวมหลิงเซียวและโหยวเสี่ยวโม่ กลุ่มพวกเขามีเพียงเจ็ดคน นักฝึกตนห้าคนและนักหลอมยาสองคน นักหลอมยาอีกคนอยู่ขั้นสาม เป็ศิษย์ทัพวิหค ส่วนฟางเฉินเล่อกับฝูจื่อหลินนั้นถูกผู้าุโสือกับผู้าุโเวิงเลือกตัวไป
ฟางเฉินเล่อนั้นอยากอยู่กลุ่มเดียวกับโหยวเสี่ยวโม่ แต่เขาเป็เพียงศิษย์รุ่นสาม ไม่อาจขัดคำสั่งของผู้าุโสือ ก่อนจากไป จึงกำชับหลิงเซียวให้ดูแลโหยวเสี่ยวโม่ให้ดี
ส่วนฝูจื่อหลินจอมขี้เก๊ก เขาเพียงหันมาส่งสายตาเตือนหลิงเซียว จากนั้นเดินตามผู้าุโเวิงไป
เมื่อหวงเจี๋ยและฉินซื่ออวี๋จากไป ทั้งแท่นหินจึงเหลือเพียงกลุ่มของหลิงเซียว ทุกคนมองหน้าหลิงเซียว รอคำสั่งจากเขา
หลิงเซียวคิดอยู่ชั่วครู่ พลันเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น “ศิษย์น้องทุกคนคงรู้อยู่แล้ว ทิศเหนือเป็สถานที่อันตรายที่สุด ที่นั่นมีโอกาสเจอสัตว์ปีศาจที่พลังแกร่งกล้าน่าเกรงขาม ลำพังข้าคนเดียว หากพบเจอเข้าจริง คงคุ้มกันได้ไม่ทั่วทุกคน”
เมื่อพูดจบ ทุกคนต่างหน้าถอดสียกเว้นโหยวเสี่ยวโม่ ที่หลิงเซียวพูดไม่มีผิด ทิศเหนือเป็เขตอากาศหนาว มีแต่หิมะ อากาศหนาวเย็น ไม่ต้องพูดถึงว่าหญ้าเซียนจะขึ้นได้หรือเปล่า กระทั่งพวกที่มีพลังอ่อนด้อยนั้นก็คงไม่สามารถทนอยู่ในนั้นได้เกินสามวัน
ทั้งห้าคนไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลิงเซียวถึงพูดเช่นนี้ จึงมองมาทางเขา หนึ่งในนั้นเอ่ยถามขึ้น “ศิษย์พี่ใหญ่ จากคำพูดของท่าน พวกข้าควรทำอย่างไรดี?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็รู้ว่าพวกเขาเห็นด้วยกับหลิงเซียว
หลิงเซียวเอ่ยเสียงเอื่อย “ข้ากับศิษย์น้องโหยวจะไปทางทิศเหนือเอง ส่วนศิษย์น้องทั้งห้า พวกเ้าเลือกสักทางที่อยากไป”
“งั้นคงไม่ได้ หากผู้าุโสือรู้เข้า...” ศิษย์น้องคนหนึ่งรีบส่ายหัว ท่าทางแบบนี้คือกลัวตาย หากผู้าุโรู้เข้า อีกหน่อยพวกเขาคงไม่มีหน้าอยู่สำนักเทียนซินต่อ
“ขอเพียงพวกเ้าไม่พูดออกไป ก็ไม่มีใครรู้ หากมีคนถามขึ้น พวกเ้าก็บอกว่าหลงทางกัน อีกอย่างข้าเป็คนเสนอขึ้นเอง ไม่ได้เกี่ยวกับพวกเ้าอยู่แล้ว” หลิงเซียวเอ่ยอย่างเชื่องช้า
ทั้งห้านั้นใจเต้นกับคำพูดเขา ท้ายสุดจึงตกลง แต่พวกเขากังวลว่าผู้าุโจะพบเจอเข้า จึงเลือกไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่กลุ่มเหลยจวี้ไป กลุ่มผู้าุโสือรู้ว่ามีคนไปทิศนี้อยู่แล้ว จึงไม่ได้ส่งคนไปเพิ่ม
เมื่อพวกเขาจากไป หลิงเซียวจึงค่อยหยิบแผ่นที่ขาดๆ ออกมาจากในอก
โหยวเสี่ยวโม่รีบปรี่เข้าไป เขารู้อยู่แล้วว่าทำไมหลิงเซียวถึงล่อพวกนั้นออกไป ก็เพื่อสิ่งนี้ เพราะการพาทั้งห้าคนไปด้วย รังแต่จะเป็ภาระในการค้นหาหญ้าเจ็ดดาวเปล่าๆ
แม้แผนที่จะมีแค่ส่วนขาดๆ แต่มีระบุทิศทางไว้ ตอนที่ถังฮุยได้แผนที่มาก็สืบมาคร่าวๆ แล้ว โชคไม่ดีตรงที่เป็ทิศทางเดียวกับที่ผู้าุโสือไปพอดี นันก็คือทิศตะวันออก
“ศิษย์พี่หลิง ต่อจากนี้พวกเราจะไปทิศตะวันออกใช่มั้ย? งั้นทิศเหนือทำไงดี?” โหยวเสี่ยวโม่ขมวดคิ้วถาม หากผู้าุโสือรู้เข้าว่าพวกเขาไม่ได้ไปทิศเหนือ ออกไปแล้วคงฟ้องทังฝานแน่
“เ้าคิดว่าคนของสำนักชิงเฉิงจะไปทิศเหนืองั้นหรือ?” หลิงเซียวมุมปากกระตุกขึ้น
โหยวเสี่ยวโม่คิดๆ ดูแล้วส่ายหัว “คงไม่”
ฤดูในแดน์วิมานนั้นแปลกประหลาด ทิศเหนือใต้ออกตกนั้นแบ่งเป็สี่ฤดู ซึ่งก็คือฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ยากที่จะจินตนาการได้ว่าสถานที่แห่งเดียวกันกลับมีทั้งสี่ฤดู แต่มันก็มีอยู่จริง
ทิศเหนือนั้นคือฤดูหนาว มีหิมะปกคลุมทั้งปี มีเพียงสัตว์ปีศาจสายน้ำแข็งถึงเลือกอาศัยอยู่ทิศเหนือ ด้วยอากาศอันหนาวเหน็บ หญ้าเซียนจึงไม่ค่อยเติบโต ดังนั้นคนส่วนน้อยถึงจะเลือกไปทิศเหนือ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีคนไปเลย
แม้ทิศเหนือจะดูตรากตรำ แต่หากมีหญ้าเซียนเติบโตออกมา ก็ต้องเป็หญ้าเซียนชั้นสูงแน่นอน เพราะคงมีเพียงหญ้าเซียนชั้นสูงที่มีพลังชีวิตแกร่งกล้าขนาดนั้น
เสียดาย ตรงที่คราวก่อนแดน์วิมานเปิดออกนั้น เคยมีคนใช้เวลาทั้งเดือนไปกับการค้นหาในทิศเหนือ แต่ดวงพวกเขานั้นไม่ดีนัก ถึงขั้นหาหญ้าเซียนไม่เจอสักต้น ทั้งยังสูญเสียคนไปไม่น้อย นับแต่นั้นมา นักฝึกตนมากมายจึงล้มเลิกที่จะไปทิศเหนือ
หลิงเซียวเก็บแผนที่ขาดๆ จากนั้นหันมายิ้มอ่อนโยนแล้วหัวเราะ และหันไปทางทิศตะวันออก แล้วเอ่ยเสียงแ่เบา “ขอเพียงไม่เจอผู้าุโสือก็พอแล้ว แต่หากดวงไม่ดีเจอกันเข้า ก็คงต้องฆ่าปิดปากเท่านั้น”
โหยวเสี่ยวโม่นิ่งเงียบ ในฐานะที่เป็มนุษย์โลกศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ในใจพลันเกิดคัดค้านเล็กน้อย
หลิงเซียวเหมือนเห็นความขัดแย้งในใจเขา เอ่ยท่าทีหัวเราะสบายๆ “ศิษย์น้องเล็ก เื่พวกนี้หากเ้าเจอบ่อยเข้า เดี๋ยวก็ค่อยๆ เคยชินเอง หากเ้ายังไม่ชินละก็ อย่างมาก อีกหน่อยข้าก็แค่ฆ่าคนต่อหน้าเ้าอีกไม่กี่คน แบบนี้เ้าก็จะเคยชินเอง”
โหยวเสี่ยวโม่ “...”
โหยวเสี่ยวโม่ตัวจิ๋วในใจยกนิ้วกลางให้เขา ให้ตายเถอะ!
มีอย่างที่ไหนต้องบังคับกันขนาดนี้ หากทำแบบนั้นจริง แม้เขาไม่ชินก็ต้องชินไปเองงั้นสิ เขานึกว่าหลิงเซียวจะบอกว่าอีกหน่อยจะไม่ฆ่าคนต่อหน้าเขาอีก แต่ผลคือคำตอบนั้นผิดจากที่คาดไปไกลโข
“ข้าคิดว่าที่ท่านพูดมามีจุดนึงไม่ถูกต้อง” โหยวเสี่ยวโม่ก็เอ่ยโพลงขึ้น
“ตรงไหนไม่ถูก?” หลิงเซียวไม่คิดว่าเขาจะตอบโต้ตัวเอง คิ้วกระตุกอย่างสนใจ
โหยวเสี่ยวโม่รีบอธิบายทันควัน “ที่ท่านพูดว่าเคยชินไง ฆ่าคนจะใช้คำว่าเคยชินมาบรรยายได้ยังไง งั้นอีกหน่อยก็กลายเป็ว่าไม่ได้ฆ่าคนแล้วจะไม่ชิน ไม่ใช่รึไง? ข้าคิดว่าท่านใช้คำนี้ไม่ถูก ท่านควรพูดว่าปรับตัวได้ต่างหาก”
หลิงเซียวมุมปากยกสูงขึ้นกว่าเดิม “น้อมรับคำสอน งั้นข้าพูดใหม่อีกรอบก็ได้ อีกหน่อยข้าจะฆ่าคนต่อหน้าเ้าเพิ่มอีกไม่กี่คน ข้าเชื่อว่าเ้าคงปรับตัวได้”
โหยวเสี่ยวโม่เห็นท่าทางเขาเหมือนจะเปล่งประกายสว่างจ้า ท่าทางนี้เหมือนกับวันรุ่งขึ้นหลังจากที่เขาปล่อยให้หลิงเซียวตากลมหนาวนอนคนเดียวบนหลังนกขนส่งทั้งคืนไม่มีผิด ทันใดเขาก็รู้สึกว่าตัวเองเป็หมูโง่ “หรือไม่...ท่านคิดเสียว่าข้าไม่ได้พูดก็แล้วกัน”
หลิงเซียวเลียริมฝีปากล่างอย่างชั่วร้าย “ไม่ๆๆ ข้าคิดว่าเ้าพูดมีเหตุผลทีเดียว เพียงแต่ว่าศิษย์น้องเล็ก เ้าทำให้ข้ายิ่งอยู่ยิ่งคาดหวังเสียแล้ว!”
โหยวเสี่ยวโม่กะพริบตา ที่จริงท่านไม่ต้องคาดหวังอะไรกับข้าก็ได้ จริงๆ นะ!
มีชีวิตอยู่มาสองภพ นี่เป็ครั้งแรกที่โหยวเสี่ยวโม่จำกัดลักษณะของตัวเองได้ ที่แท้เขาก็คือ คนโง่เง่า
ท้ายสุด คนโง่เง่าคนนี้ก็ถูกหลิงเซียวอุ้มไปหาหญ้าเจ็ดดาวด้วยความมึนงง
หลังจากที่พวกเขาจากไปราวครึ่งชั่วยาม กลุ่มคนประหลาดที่ปกปิดตัวเองภายใต้ชุดดำก็ปรากฏตัวขึ้นบนแท่นหิน คนประหลาดนั้นรูปร่างสูงใหญ่ ราวสิบห้าคน เห็นเพียงพวกเขาแบ่งออกเป็จำนวนสามกลุ่ม แล้วหายลับไปยังสามทิศ ซึ่งก็คือทิศใต้ ตะวันออกและตะวันตก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้