รอบด้านมืดสนิท ระหว่างที่นางกำลังมึนงง มีใครบางคนกำลังส่งเสียงเรียกนางเบาๆ “อวี้เอ๋อร์!”
เหยียนอู๋อวี้ที่จิตใจล่องลอยยามนี้นางรู้สึกสับสนเล็กน้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้ อวี้เอ๋อร์คือผู้ใด?
ทั้งในยามนี้ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาจากระยะไกล และมีคนกล่าวเสียงเบา “เหยียนเป่าหลินปลอดภัยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
สิ้นเสียงนั้นนางพลันคิดออกว่ายามนี้ตนเองคือเหยียนอู๋อวี้ มิใช่อวิ๋นอู๋เหยียน
อีกทั้งตอนนี้นางเลื่อนขั้นเป็สนมเป่าหลินแล้ว หากกล่าวถึงอำนาจ ขอเพียงนางเลื่อนอีกเพียงขั้นเดียวก็จะได้เป็พระสนม
ทว่าเป้าหมายของนางมิใช่เพื่อเป็พระสนมของซ่งอี้เฉิน
นางคืออวิ๋นอู๋เหยียนที่กินยาพิษร้ายแรงจนมีรูปโฉมเปลี่ยนไปงดงามเลอโฉมจนหามีผู้ใดทัดเทียมและกลายเป็เหยียนอู๋อวี้เพื่อกลับมาแก้แค้นซ่งอี้เฉิน แก้แค้นโจรชั่วที่ลงมือฆ่าตระกูลอวิ๋นทั้งตระกูล
ขณะที่นางคิดถึงเื่นี้ ความหวังพลันพวยพุ่งขึ้นมาในใจ
นางยังตายไม่ได้ นางต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป
หลังจากมีความศรัทธา จิตสำนึกของนางจึงยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ทันทีที่นางลืมตาตื่น ใบหน้าของซ่งอี้เฉินพลันปรากฏเบื้องหน้านาง โดยเฉพาะในดวงตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยความกังวล
“อวี้เอ๋อร์ ในที่สุดเ้าก็ฟื้นแล้ว” เสียงของซ่งอี้เฉินเบายิ่งนัก กระทั่งร่องรอยความเหนื่อยล้ายังปกปิดไว้ไม่อยู่
“หม่อมฉันทำให้ฝ่าาทรงเป็กังวลแล้ว” เหยียนอู๋อวี้หลุบตาลง
“ไม่เป็ไร เจิ้นเพียงแค่ไม่ได้นอนทั้งคืนเท่านั้น” เขาเอ่ยเสียงแ่เบา
เป็ผู้ใดก็รู้สึกซาบซึ้ง การปกป้องในรูปแบบนี้เมื่อเข้าสู่ภายในใจของเหยียนอู๋อวี้ กลับไม่สามารถทำให้นางประทับใจอันใดได้เลย
นางคือเหยียนอู๋อวี้จึงได้รับการดูแลเป็พิเศษ หากนางยังคงเป็อวิ๋นอู๋เหยียนในอดีตที่ใบหน้าอัปลักษณ์มีปานขนาดใหญ่ย่อมไม่ได้รับการดูแลเช่นนี้อย่างแน่นอน
คล้ายนางนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ จู่ๆ นางพลันเอ่ยถามเสียงแ่ “ซูเฟยอยู่ที่ใดเพคะ?”
“ถูกกักบริเวณแล้ว” สุ้มเสียงของซ่งอี้เฉินเ็าราวกับไร้ซึ่งความรู้สึก
กักบริเวณ?
นางพึมพำคำนี้ในปากหนึ่งรอบ ชีวิตของนางแขวนอยู่บนเส้นด้าย นึกไม่ถึงว่าสิ่งที่แลกมานั้นจะเป็เพียงการกักบริเวณเท่านั้น
ท้ายที่สุดอย่างไรเสียมนุษย์ย่อมมีจิตใจลำเอียงดังที่คาดไว้ หากยามนี้ผู้ที่นอนอยู่บนเตียงคือฮวารั่วซี เกรงว่าคงมิใช่เพียงแค่การกักบริเวณง่ายๆ เพียงนี้กระมัง!
มีเพียงซ่งอี้เฉินเท่านั้นที่รู้ วินาทีที่เขาเห็นเหยียนอู๋อวี้เป็ลมล้มพับไป หัวใจของเขาถึงกับบีบรัดอย่างอธิบายไม่ได้ ร่างของอวิ๋นอู๋เหยียนในอดีตพลันโผล่ออกมาอยู่เบื้องหน้าโดยมิได้ตั้งใจ
“เจิ้นจะตรวจสอบเื่นี้อย่างละเอียดเพื่อล้างมลทินให้เ้าอย่างแน่นอน!” เขากลับมามีสติพลางบีบมือเรียวเล็กนี้เอาไว้
อุณหภูมิจากฝ่ามือหนาถูกส่งมาที่มือของนาง สีหน้านางแน่วแน่ มุมปากเผยรอยยิ้มขมขื่น “หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นคงจะมิใช่การใช้นางกำนัลเพียงหนึ่งคนเป็สิ่งตัดสินอีกนะเพคะ!”
คำพูดนี้มีความหมายประชดประชันเล็กน้อย นางมิได้ลืมสิ่งที่คราแรกตนเองเรียกว่า ‘โรคเก่ากำเริบ’ ล้วนต้องขอบคุณฮวารั่วซี ทว่ายามที่ต้องซักไซ้เอาความกลับมีนางกำนัลผู้หนึ่งออกมารับผิดแทนทั้งหมดเสียอย่างนั้น ส่วนฮวารั่วซีเพียงแค่ถูกกักบริเวณหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นก็ออกมาเดินเชิดหน้าได้เหมือนเดิม
หากวันนี้ยังสั่นคลอนตำแหน่งนางไม่ได้ ก็เท่ากับว่าได้ไม่คุ้มเสียมิใช่หรือ?
เหยียนอู๋อวี้น้ำเสียงราบเรียบ ผู้ที่สายตาเฉียบคมมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่านางกำลังสงสัยซูเฟย
เหล่านางกำนัลเบื้องล่างต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่กล้าส่งเสียงใด
นางกำนัลผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ด้านนอกค่อยๆ ถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ
เหยียนอู๋อวี้นอนฟังเสียงฝีเท้าอยู่บนเตียงโดยแสร้งทำเป็ไม่ได้ยิน เพียงแค่ก้มศีรษะลงเล็กน้อยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ เห็นแล้วชวนให้รู้สึกเ็ปใจยิ่งนัก
ป้าโฉ่วที่อยู่ด้านข้างคำนวณเวลาไว้นานแล้วว่านายหญิงของตนจะฟื้นขึ้นมายามใด จึงได้ต้มโจ๊กข้นมาหนึ่งชามไว้แต่เช้าตรู่ เมื่อเห็นว่าเ้านายทั้งสองคนอารมณ์ดีจึงกล้าเอ่ยเสนอแนะไปว่า “ทูลฝ่าา บ่าวต้มโจ๊กให้นายหญิงแล้ว นายหญิงท่านหมดสติไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ควรทานอาหารสักหน่อยเพคะ”
ขณะที่มัวแต่พูดคุยกัน ซ่งอี้เฉินกลับลืมเื่นี้ไปเสียสนิท
อวัยวะภายในของเหยียนอู๋อวี้ร้องโครกครากขึ้นมาอย่างเหมาะเจาะพอดี ทำให้ใบหน้างดงามของเหยียนอู๋อวี้แดงระเรื่อขึ้นมาทันที
“เป็ความสะเพร่าของเจิ้น เ้าไปยกมาเถิด” ซ่งอี้เฉินโบกฝ่ามือให้ป้าโฉ่วรีบไปยกมา
ป้าโฉ่วเคลื่อนไหวรวดเร็ว ไม่นานก็ถือโจ๊กร้อนอยู่ข้างเตียงแล้ว
ซ่งอี้เฉินเหลือบมองไปทางด้านข้าง ก่อนจะยื่นมือหนุ่มแน่นออกไปรับโจ๊กสีขาวมาถือไว้ในมือพลางเป่าเบาๆ พร้อมกับป้อนให้เหยียนอู๋อวี้
เหยียนอู๋อวี้สุขภาพไม่แข็งแรงนัก ทานไปได้เพียงครึ่งถ้วยเล็กก็ไม่รู้สึกอยากอาหาร พลางแสดงท่าทางส่ายศีรษะแลดูน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกินในสายตาของซ่งอี้เฉิน ชั่วพริบตาคล้ายว่าเคยมีสตรีนางอื่นที่ทำแบบนี้เช่นเดียวกัน
ภายในใจของเขาพลันรู้สึกสับสน เขากรอกโจ๊กสีขาวที่นางทานไม่หมดลงท้องไป
เมื่อเห็นการกระทำของซ่งอี้เฉิน ใบหน้างดงามของเหยียนอู๋อวี้พลันแดงระเรื่อ พร้อมเอ่ยเสียงเบาว่า “แต่หม่อมฉันทานไปแล้วนะเพคะ”
ซ่งอี้เฉินไม่สนใจ เขาหยิบผ้าด้านข้างมาเช็ดปากให้เหยียนอู๋อวี้ด้วยความเอาใจใส่
เว่ยหรูไห่ที่อยู่ด้านนอกเดินเข้ามาด้วยท่าทางเร่งรีบ
“ฝ่าา ตำหนักิ่ซิ่วรายงานมาว่าซูเฟยถูกพิษพ่ะย่ะค่ะ”
ขณะที่เอ่ยเช่นนี้เขาพลันรับรู้ได้ว่าแววตาคมคู่หนึ่งหยุดอยู่บนร่างของตนเอง มองเสียจนร่างกายเขาแทบจะเป็รูพรุน
ใครๆ ต่างก็รู้ดีว่ายามนี้ฝ่าากับเหยียนเป่าหลินกำลังใกล้ชิดกัน หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า ทว่าตนเองกลับมาเอ่ยถึงผู้ที่ถูกกักบริเวณในเวลานี้ มิใช่ว่าตนเองรนหาที่ตายหรอกหรือ?
“ถูกพิษ?” ความอ่อนโยนมลายหายไปสิ้น เหลือเพียงสีหน้าเ็าที่มองเว่ยหรูไห่
เหยียนอู๋อวี้พลันครุ่นคิดในใจว่าเหตุใดจึงได้บังเอิญถึงเพียงนี้ นางตื่น ฮวารั่วซีก็ถูกพิษ?
ไม่นานนางก็รู้คำตอบ คำตอบนี้เพียงพอให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ
เพราะว่าพิษที่ซูเฟยได้รับนั้นก็คือพิษชนิดเดียวกัน
เนื่องจากสำนักหมอหลวงวินิจฉัยยาถอนพิษออกมาแล้ว ซูเฟยจึงถูกช่วยชีวิตไว้ได้ทันเวลา
อาจเป็เพราะเกิดเื่ผิดปกติขึ้น หลังจากได้ยินรายงานนี้สายตาของซ่งอี้เฉินจึงอึมครึมลง ก่อนจะกำชับให้เหยียนอู๋อวี้พักผ่อนให้มากแล้วเดินจากไป
รอจนกระทั่งเขาเดินไปไกลพอสมควร เหยียนอู๋อวี้จึงปรับสีหน้าพลางเอ่ยกระซิบกับนางกำนัลที่ยังคุกเข่าอยู่บนพื้น “พวกเ้าออกไปให้หมด! ป้าโฉ่วรออยู่ก่อน!”
“เ้าค่ะ”
นางกำนัลพากันออกไปอย่างนอบน้อม และยังไม่ลืมปิดประตูให้สนิท
เมื่อแน่ใจว่ารอบด้านไร้ผู้คนแล้วป้าโฉ่วจึงเดินไปเอ่ยข้างกายเหยียนอู๋อวี้ “นายหญิง บังเอิญเสียจริงที่ซูเฟยถูกพิษในเวลาเดียวกับที่ท่านฟื้นขึ้นมา”
“เฮอะ…...” เหยียนอู๋อวี้หัวเราะเยาะด้วยน้ำเสียงดูถูกสามส่วน รังเกียจอีกเจ็ดส่วน
นางกล้าลงมือกับตนเอง ฮวารั่วซีที่มีจิตใจหมกมุ่นกับเื่นี้มาโดยตลอดจะไม่กล้าได้อย่างไร?
เดิมทีนางมิได้คาดหวังว่าตนเองจะดึงฮวารั่วซีลงมาได้ ไม่รู้ว่าแพะรับบาปในครั้งนี้นางเตรียมพร้อมอย่างดีแล้วหรือยัง?
“พิษถูกกำจัดหมดแล้ว” แววตาของนางหยุดอยู่ที่แจกันดอกไม้ด้านข้างและมองออกไปนอกหน้าต่างพอดี “นางกำนัลชุดสีชมพูที่คุกเข่าอยู่ท้ายสุดผู้นั้น หาจุดผิดพลาดและส่งนางออกไปภายในวันนี้”
ป้าโฉ่วมีสีหน้างุนงง ส่งนางกำนัลออกไปอย่างไม่มีเหตุมีผลเพื่ออันใด?
ราวกับคลี่คลายความสงสัยให้ป้าโฉ่ว นางเอ่ยเสียงเบา “เ้าคิดว่าข่าวที่ข้าฟื้นนี้แพร่งพรายออกไปได้อย่างไร?”
แม้เมื่อครู่นางนอนอยู่บนเตียง ทว่าสำหรับคนที่ฝึกวรยุทธ์ ต่อให้เสียงฝีเท้าเบามากเพียงใด นางย่อมสังเกตเห็นได้
สาเหตุที่นางไม่ได้เปิดโปงทันที ประการแรกคือไม่อยากเปิดเผยตนเอง ประการที่สองคืออยากดูเสียหน่อยว่าฮวารั่วซี้าเล่นลูกไม้อันใด
ป้าโฉ่วแสดงสีหน้าเข้าใจแจ่มแจ้ง จากนั้นจึงถอยกายออกนอกตำหนักไป
เหยียนอู๋อวี้มองตำหนักใหญ่โตมโหฬารเบื้องหน้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเ็า
ประมาณครึ่งชั่วยามต่อมา เว่ยหรูไห่ที่อยู่ด้านนอกพลันเข้ามารายงานว่าคืนนี้ซ่งอี้เฉินอยู่ตำหนักอีหลานไม่มาที่นี่แล้ว
ั้แ่นางเข้าตำหนักมา นี่เป็คืนแรกที่นางอยู่คนเดียว
เดิมทีคิดว่าซ่งอี้เฉินจะบรรทมในตำหนักของฮวารั่วซี ไม่คาดคิดเลยว่าจะไปที่ตำหนักของลี่เจาอี๋
จากครั้งก่อนที่ลี่เจาอี๋ได้รับอำนาจและถูกลงโทษด้วยการคุกเข่า เซียวซิ่งเสวี่ยกับฮวารั่วซีก็เป็ศัตรูกัน
นางไม่คิดว่าคนอย่างฮวารั่วซีจะยอมให้ลี่เจาอี๋ได้เปรียบ
ตึกตึก…...นางเคาะมือลงบนโต๊ะเบื้องหน้าเบาๆ แววตานางปรากฏความเข้าใจแจ่มแจ้ง
เป็ดังที่คาดเอาไว้...…
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้