ถาวหวงเอาเื่ที่เกิดขึ้นในสองวันนี้ รายงานให้อวิ๋นอี้รู้ทุกเื่
อวิ๋นอี้ได้ฟังก็ตาค้างปากค้างไปเลย
คิดไม่ถึงเลยว่านางเพียงแค่หลับไปหนึ่งตื่นเท่านั้น จะพลาดเื่สนุกที่ยอดเยี่ยมมากมายเช่นนี้
จากที่ได้ฟังงานเลี้ยงเมื่อวาน ใต้เท้าเฉาใช้เงินก้อนโตมาจัด จัดอาหารชั้นเลิศไว้เต็มโต๊ะ ทั้งยังเชิญคณะละครมาแสดงด้วย บรรยากาศครื้นเครงและดูหรูหราไม่น้อย
ในขณะที่ทุกอย่างเป็ไปได้ด้วยดีอยู่นั้น พระชายารองหว่านฉือก็เกิดไม่สบายและล้มลงไปทางหรงซิว ตกลงไปในอ้อมกอดของเขาอย่างพอดิบพอดีไม่มีเอนเอียง
ใต้เท้าเฉาเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ก็ใมาก รีบร้อนให้คนไปเรียกหมอมา
หรงซิวไปส่งหว่านฉือที่เรือประจิม หมอก็พากันมาอย่างรวดเร็ว หลังจากการตรวจอย่างละเอียดแล้ว ก็วินิจฉัยว่าร่างกายของพระชายากระดูกเปราะ ประกอบกับการใช้งานหนัก และอากาศร้อยทำให้เกิดเป็ลมหมดสติ
การเป็ลมหมดสติไม่ใช่เื่ใหญ่กระไร ทุกคนก็ล้วนพากันถอนหายใจได้บ้าง
ใต้เท้าเฉาเป็คนจัดแจงทุกอย่าง บอกให้คนป่วยพักผ่อนให้ดี แล้วสั่งให้หมอดูแลอย่างใกล้ชิด จากนั้นถึงได้ลากหรงซิวกลับเข้าไปที่โต๊ะอาหาร
ไม่นานนัก บรรยากาศก็กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง
ทุกคนพากันดื่ม ชนแก้วกันไปมา ไม่รู้ว่าดื่มไปเยอะเท่าใดกัน กลายเป็ว่าพวกเขาทั้งสองยังไม่เมา แต่ซูเมี่ยวเออร์เมาแล้ว ให้หัวเขกลงบนโต๊ะ จนทำให้ทั้งสองที่พูดคุยกันอยู่ใ
ใต้เท้าเฉาจะคิดได้ที่ใดว่าเกิดเื่อีกแล้ว เขาโบกมือให้คนไปดูสถานการณ์ด้วยใบหน้าหงุดหงิด กลับได้เห็นว่าคนที่พับตัวลงบนโต๊ะแล้วจู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาอีก วินาทีก็มาก็มองหรงซิวอย่างหลงใหล
กลิ่นเหล้าบนตัวนางหึ่ง แก้มทั้งสองข้างแดงก่ำ ตาทั้งสองพร่ามัว นางเมามากแล้วจริงๆ
ภายใต้สายตาหวาดกลัวของทุกคน ซูเมี่ยวเออร์ยืนโอนเอนไปมา อ้าแขนออกทั้งสองข้าง ยิ้มแล้วเอนตัวเข้าไปหาหรงซิว
หรงซิวขมวดคิ้ว เขาหลบตัวออกอย่างรวดเร็ว นางพุ่งไปในอากาศแล้วหันกลับมาอย่างไม่พอใจ ผู้ใดจะรู้ว่าการเคลื่อนไหวนั้นรวดเร็วเกินไป แล้วนางก็กรีดร้องดังลั่น จากนั้นนางก็หงายหน้า ตกลงไปในไม่น้ำ
ค่ำคืนฤดูร้อน น้ำในแม่น้ำนั้นเย็นราวน้ำแข็ง ซูเมี่ยวเออร์ตื่นขึ้นครึ่งหนึ่ง ก็รู้สึกได้ว่าเท้ามิได้อยู่บนดิน ก็ทั้งใและรีบร้อน อ้าปากกว้างแล้วร้องไห้ออกมา
“จากนั้นเล่า?” เพียงแค่คิดถึงภาพนั้น ก็หัวเราะออกมาอย่างอดใจไม่ไหว อวิ๋นอี้ถามเกี่ยวกับเื่ที่เกิดขึ้นถัดไป
ถาวหวงสอดปิ่นหยกเข้าไปในมวยผมของนาง ยิ้มพลางพูด “ฝ่าาให้คนพาคุณหนูไปเพคะ ส่งเข้าเรือนไปแล้ว สองท่านนั้นคนหนึ่งร่างกายอ่อนแอ อีกคนก็ลมหนาวเข้าปอด ทั้งสองยังนอนพักอยู่เลยเพคะ”
แววตาของอวิ๋นอี้แฝงไปด้วยรอยยิ้ม “กระนั้นทานอาหารเสร็จแล้วข้าจะไปเจอน้องทั้งสองเสียหน่อย”
ไมตรีจิตของใต้เท้าเฉาดีมาก ราวกับว่าเขาสอบถามมาแล้วว่าผู้ใดชอบทานกระไร อาหารที่นำมาส่งให้นั้นถูกใจอวิ๋นอี้ทั้งสิ้น
เหล้าถึงท้องอิ่ม สบายเสียจนนางอยากจะนอนเพียงอย่างเดียว
ถาวหวงนำของขวัญออกมาเตรียมล่วงหน้าแล้ว ก็พูดเตือนนางที่หน้าประตู “พระชายาเพคะ เราจะไปกันตอนใดเพคะ?”
อวิ๋นอี้เงยหน้าขึ้น เวลาที่นั่งขึ้นมาตาก็สดใสขึ้น “ไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
พวกนางไปหาซูเมี่ยวเออร์กันก่อน หลังจากรายงานแล้วก็เห็นนาง
สีหน้าของซูเมี่ยวเออร์ซีดโพลน นั่งพิงอยู่บนเบาะ ดูแล้วดูอ่อนล้ามาก ไอค่อกแค่กมิได้หยุด เอวเรียวของนางขยับขึ้นๆ ลงๆ เมื่อมองดูเช่นนี้ ใบหน้าใบนั้นยิ่งดูใหญ่มากขึ้นไปอีก..
อวิ๋นอี้ละสายตาออกไป “ได้ยินว่าเ้าตกน้ำไปไม่สบาย ข้าเตรียมรังนกมาให้ เอามาบำรุงให้เ้า”
“ท่านใจดีถึงเช่นนี้เลยหรือเพคะ?” ซูเมี่ยวเออร์ยิ้มะเื “ข้าว่าท่านมาดูละครของข้าเสียมากกว่า!” [1]
“จะดูละครก็ต้องมีคนร้องคนแสดงสิถึงจะถูก” อวิ๋นอี้กลอกตาขาวต่อหน้านาง “สตรีมากความสามารถอย่างเ้าไม่สบายอยู่เช่นนี้ จะรักงานขนาดร้องเล่นให้ข้าฟังสักท่อนเลยหรือ?”
“ท่าน!” ซูเมี่ยวเออร์กัดฟัน "ไปให้พ้น! หากจะมาเพื่อเยาะเย้ยข้า ข้าไม่ต้องรับเพคะ!"
อวิ๋นอี้พึมพำ “คนยียวนก่อนคือเ้านั่นแหละ ข้าใส่ใจเป็ห่วงเ้า จึงมาดูเป็การเฉพาะ แต่เ้ากับทำตัวเช่นนี้ ปั้นหน้ามิรู้ว่าจะให้ผู้ใดชม!”
“ข้าจะไม่รู้หรือไงว่าเ้ามาด้วยเป้าหมายใด?” ซูเมี่ยวเออร์ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจ กัดริมฝีปาก โกรธจนหน้าอกยกขึ้นลง
คืนเมื่อวานนางทานเหล้าไป แต่ยังไม่ถึงขึ้นเมา เดิมทีคิดว่าหว่านฉือจากไปแล้ว อวิ๋นอี้ก็ไม่อยู่ จะใช้โอกาสนี้เป็สาวงามเมาเข้าสู้อ้อมกอดบุรุษหนุ่ม แต่กลับไม่คิดเลยว่าจะติดกับของตนเอง
พี่หรงซิวก็จริงๆ เลย ไม่รักหยกถนอมบุปผาเลย ปล่อยให้นางตกลงไปในน้ำเช่นนั้น..
อวิ๋นอี้ไม่รู้ว่านางคิดกระไรอยู่ เพียงแค่พูดตามหลังจากนาง “ข้าไม่เหมือนเ้า ที่มีหัวใจคิดแต่จะเล่นงานผู้อื่นเสมอ อย่างมากข้าก็แค่มาหัวเราะเยาะเ้า หัวเราะจบแล้ว ข้าก็ไปล่ะ”
“ท่าน! เกินไปแล้วจริงๆ!”
อวิ๋นอี้หัวเราแล้วโบกปัดมือ หลังจากออกมา ก็เดินทางไปที่เรือประจิมที่อยู่ไกลโพ้น
จะเจอหว่านฉือนั้นยากกว่าเจอกับซูเมี่ยวเออร์
เมื่อนางไปถึง ก็ถูกสตรีรับใช้เหลียนเหอรายงานอย่างตั้งใจ บอกว่าหว่านฉือหลับแล้ว อวิ๋นอี้ยืนอยู่กลางแดด คิดอยู่สักครู่หนึ่ง ก็เอาของฝากส่งให้ แล้วกลับไปพร้อมกับถาวหวง
เมื่อรอให้ร่างทั้งสองนั้นจากไป เหลียนเหอถึงได้เข้าไปในห้อง
“นางส่งสิ่งใดมาให้?” หว่านฉือในขณะนั้นมิได้หลับจริงๆ แต่นั่งอยู่ตรงที่โต๊ะเครื่องแป้ง กำลังวาดคิ้วอย่างบรรจงตั้งใจ
เหลียนเหอเปิดกล่องออก แล้วหยิบรังนกชุดหนึ่งออกมา สายตาของนางมีความสงสัย “พระชายาเพคะ ในนี้คงมิได้จะมีพิษอยู่หรอกนะเพคะ?”
“กระนั้นเ้าก็ลองชิมแทนข้าสิ” หว่านฉือหันหน้ามา เหลือบมองนาง พูดกึ่งๆ ล้อเล่น
เหลียนเหอกลัวขึ้นทันใด เบ้าตาคลอเป็สีแดงระเรื่อ “พระชายาเพคะ...พระชายา ข้า...”
“พอได้แล้ว ข้าล้อเ้าเล่นน่ะ!” หว่านฉือเห็นท่าทีที่ไม่เอาไหนของนาง ก็วางที่เขียนคิ้วลง เดินไปจิ้มหน้าผากนาง “รังนกมิมีพิษหรอกน่า อวิ๋นอี้นางมิได้โง่เช่นนั้น”
“อ๋า?” ได้ยินว่ามิมีพิษ เหลียนเหอก็ยิ้มขึ้นทันใด “แต่ว่า จู่ๆ พระชายาก็ส่งของให้ท่านเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไรกันเพคะ? นางกำลังทำดีกับท่านหรือ?”
“ข้าก็ไม่รู้” หว่านฉือส่ายหัว “นางดูโง่เง่า แต่ก็มีบางคราที่ความคิดของนาง ข้ากลับเดามิออก และกับเื่นิสัยของนาง ดูเหมือนจะแตกต่างออกไปจากที่เขาพูดกัน”
สามปีก่อนที่ได้รู้ว่าอวิ๋นอี้เป็ชายาของหรงซิวแล้ว นางยังเคยส่งคนมาฟังเื่ของนาง
เก็บตัว พูดน้อย ถ่อมตน นิสัยดีมาก
นางในสามปีให้หลัง ดูเหมือนกับจะมีหน้ากากหลายใบ บางคราก็เย่อหยิ่ง บ้างก็ถ่อมตน บางครั้งก็ฉะฉาน บ้างก็ปลิ้นปล้อน
หว่านฉือคิดได้ขึ้นมา นางก็พบโดยบังเอิญว่า ดูเหมือนการเปลี่ยนแปลงของอวิ๋นอี้ ดูจะเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมในตอนนั้นๆ
สถานการณ์ที่นางเสียเปรียบ นางจะแสดงความอ่อนแอโดยไม่ลังเล
สถานการณ์ที่นางได้เปรียบ นางก็จะกลับมาเหิมเกริมอีกครั้ง
สตรีผู้นี้ไม่ธรรมดา ไม่ใช่คนเรียบง่ายในแบบที่ด้านนอกพูดกันแน่ นางไม่โง่เง่าเหมือนที่เห็นแน่
หว่านฉือเอามือจับคาง แววตาก็ยิ่งล้ำลึกเข้าไป
อวิ๋นอี้ไม่รู้เลยว่า นางดึงดูดความสนใจของหว่านฉือเข้าแล้ว หลังกลับมาจากเรือนประจิม นางก็ขลุกอยู่แต่ในห้อง
ฤดูคิมหันต์ของเจียงหนานเป็แบบร้อนชื้น ออกไปเดินข้างนอกไม่เท่าไหร่ น้ำเหงื่อก็ไหลติดเต็มไปทั่วตัว ทำให้รู้รู้สึกไม่สบายตัวเป็อย่างมาก
นางอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็ทานแตงโมเย็น ถึงจะคลายความร้อนออกไปได้บ้าง
สตรีรับใช้ถาวหวงมือถือพัด อยู่ข้างกายนาง พัดอย่างช้าๆ
ใน่บ่ายผ่านไปอย่างี้เี
เมื่อถึงเวลาโพล้เพล้ อวิ๋นอี้ที่กำลังอยู่ในอาการเซื่องซึม ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าออกมาจากด้านนอก นางเลิกคิ้ว ถาวหวงก็มองออกไปข้างนอกทันใด แล้วพูด “เป็ฝ่าาเพคะ!”
เสียงพูดจบไปไม่ทันไร บุรุษหนุ่มตัวสูงโปร่งก็มายืนอยู่ที่หน้าประตู ปิดบังพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าไปอย่างมิดชิด เหลือเพียงเงายาวๆ ที่พาดลงบนร่าง
เขามองไปคร่าวๆ ก็เห็นนางเข้าอย่างรวดเร็ว จึงเดินตรงมาที่นาง
ลมหายใจของบุรุษหนุ่มค่อนข้างแรง ความร้อนจากภายนอกก็เข้ามา เอวิ๋นอี้กำลังขมวดคิ้วผลักเขาออก เขาก็ยิ้มเบาๆ แล้วเอามือสอดเข้าไปใต้วงแขนของนาง อุ้มนางขึ้นแล้วจูบ
เชิงอรรถ
[1] มาดูละครของข้าเสียมากกว่า 看我好戏 ในที่นี้เปรียบเปรยถึงการมาดูสภาพของอีกฝ่าย