แม้เมื่อครู่หลิ่วจิ้งจะอยู่ในอาการหลับใหลแต่นางก็ยังพอรู้สึกตัวอยู่บ้างทว่าใน่เวลาพักใหญ่ต่อมา นางกลับหลับไปจริงๆ
อวี้จิ่นใช้ช้อนคันเล็กป้อนยาให้หลิ่วจิ้งแต่กลับไม่เห็นว่านางจะกลืนลงไป
“ฮูหยินต้องทานยาก่อนจึงจะตื่นขึ้นมาหรือหรือว่าเมื่อนางพักพอแล้วก็จะตื่นขึ้นมาเอง”น้ำเสียงเย็นเฉียบของหั่วอี้ดังเข้าหูทุกคนในห้อง แม้จะไม่ได้ขานชื่อแต่ท่านหมอหวังก็รู้ว่าคนที่ท่านแม่ทัพถามอยู่ก็คือตน
จู่ๆ เขาก็รู้สึกกลัวขึ้นมา กลัวว่าหากฮูหยินฟื้นไม่ทันเวลาตามที่เขาคาดเอาไว้แล้วท่านแม่ทัพจะพาลมาโกรธเขาไปด้วย
ท่านหมอหวังรีบเข้าไปจับชีพจรของหลิ่วจิ้งพักใหญ่จึงตอบคำหั่วอี้อย่างวางใจว่า “ท่านแม่ทัพขอรับ ฮูหยินเพียงเหน็ดเหนื่อยเกินไปจึงหลับไปแล้วมิใช่เป็ลมหมดสติขอรับ ขอท่านแม่ทัพโปรดวางใจข้าน้อยคิดว่าอย่างไรก็ให้ฮูหยินพักผ่อนดีๆ ไม่จำเป็ต้องดื่มยาตอนนี้เมื่อฮูหยินพักผ่อนดีแล้ว อาการป่วยก็จะดีขึ้นถึงเจ็ดในสิบส่วนขอรับ”
คำพูดของท่านหมอหวังทำให้หั่วอี้สบายใจขึ้นมาก
“เช่นนั้นก็เอาตามคำท่าน ยานี้นำไปอุ่นที่ห้องครัวก่อน ส่วนท่านหมอหวังก็ไปพักและรออยู่ที่ห้องทางด้านข้างเถิดเมื่อฮูหยินฟื้นก็ให้รีบมาตรวจ”
หั่วอี้พูดจบก็กวาดตาไปยังท่านหมอหวังด้วยสายตาแหลมคมเป็การส่งสัญญาณว่าให้อีกฝ่ายออกไปได้แล้ว
“อวี้จิ่นเ้าออกไปกับท่านหมอหวังถามเขาดูว่าควรเตรียมสิ่งใดไว้ให้ฮูหยินทานแล้วไปบอกกล่าวกับเด็กรับใช้ที่ห้องครัวว่าให้ไปจัดหาเดี๋ยวนี้”
หลังจากสั่งความท่านหมอหวังเสร็จ หั่วอี้ก็สั่งอวี้จิ่นต่อ
“เ้าค่ะ บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”อวี้จิ่นย่อตัวคำนับหั่วอี้แล้วออกไป
ในห้องนอนเหลือเพียงหั่วอี้และหลิ่วจิ้งที่ยังคงหลับใหลอยู่ทันใดนั้นเองภายในห้องก็เงียบสงัดราวกับไม่มีคนอยู่เช่นนั้น
“ข้าควรทำเช่นใด ทำเช่นใดจึงจะเป็สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับท่านจึงจะเป็สิ่งที่ท่าน้าที่สุด” หั่วอี้มองโฉมงามที่นิทราอยู่บนเตียงแล้วรำพึงกับตนเองเอ่ยสิ่งที่เขาอยากถามนางในคืนนี้
แต่คนบนเตียงกลับไม่ได้ยินคำเขา
หลิ่วจิ้งที่อยู่บนเตียงไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลยหั่วอี้ถอดเสื้อตัวนอกออกก่อนขึ้นไปบนเตียง ขยับเข้าใกล้ชิดนางแล้วหลับตาลงนอนพัก
อวี้จิ่นถามท่านหมอหวังตามคำสั่งของหั่วอี้จากนั้นไปบอกกับอิ๋งเหอในครัวว่าให้ต้มโจ๊กใส่เนื้อเอาไว้ให้หลิ่วจิ้งเมื่อกลับเข้ามาในห้องก็เห็นภาพหวานชื่นเช่นนี้
นางถอยออกจากประตูห้องนอนไปอย่างเงียบเชียบแล้วคอยเฝ้าอยู่ตรงหน้าประตู
อวี้จิ่นดีใจแทนหลิ่วจิ้ง ไม่ว่าอย่างไรด้วยสถานการณ์ตรงหน้าการได้อยู่ในจวนแม่ทัพก็ดีกว่าอยู่ในวังหลวงมากนักโดยเฉพาะในคืนนั้นที่นางเป็นางกำนัลติดตามหลังอภิเษกขององค์หญิงนางโชคดีที่ได้เห็นความเหลวแหลกไร้ยางอายภายในวังหลวง
นกน้อยส่งเสียงจิ๊บๆ ออกหาอาหาร เป็การประกาศต่อผู้คนว่าวันใหม่เริ่มขึ้นแล้ว
ดวงอาทิตย์เผยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มผ่านหมอกบางลำแสงสีทองนับพันนับหมื่นเส้นส่องทะลุกิ่งก้านต้นไม้ ผ่านหน้าต่างส่องลงมาที่เตียงในห้อง
แสงอาทิตย์แสนอบอุ่นความนุ่มนวลในแสงบางเบาไล้ที่ใบหน้าของหลิ่วจิ้งร่างกายที่อบอุ่นขึ้นทำให้นางรู้สึกตัว
หลิ่วจิ้งค่อยๆ ลืมตาเพราะนางหมดสติไปนานจึงยังปรับตัวกับโลกภายนอกไม่ได้ในทันที
หลังจากลืมตาขึ้นสิ่งแรกที่นางเห็นกลับคือหั่วอี้ที่นอนอยู่ข้างกายตน นางพลันตกตะลึงไม่รู้ว่านี่มันเื่ใดกัน
เดิมทีหั่วอี้แค่หลับตาพัก แต่ยามนอนอยู่ข้างกายหลิ่วจิ้งก็กลับรู้สึกสุขสงบอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อนทำให้เขาลืมเื่วุ่นวายนานาในโลกมนุษย์ไปได้ชั่วขณะ ไม่ทันรู้ตัวก็เผลอหลับไปยามใดไม่อาจทราบ
เมื่อหลิ่วจิ้งเห็นชัดแล้วว่าคนที่นอนร่วมเตียงกับนางคือหั่วอี้ก็ตัวแข็งทื่อรีบก้มหน้าลงสำรวจเสื้อผ้าของตนเอง เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าบนตัวยังคงเรียบร้อยดีอยู่และร่างกายนางก็มิได้มีความผิดปกติใด จึงค่อยวางใจลง
หลิ่วจิ้งเอาแต่ตรวจดูร่างกายของตนกลับไม่ได้สังเกตว่าหลังจากนางตื่นได้ไม่นานหั่วอี้ก็ตื่นแล้วนั่นเพราะผู้ทำการศึกย่อมหลับไม่ลึก พอหลิ่วจิ้งขยับตัวเขาจึงตื่นตามไปด้วย
หั่วอี้เห็นว่าพอหลิ่วจิ้งตื่นขึ้นมาก็สำรวจร่างกายของตนทั้งบนทั้งล่างพลันรู้สึกราวกับเขาฉวยโอกาสกับนาง และความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เขาไม่พอใจอย่างยิ่ง
เขาอยากถามองค์หญิงว่าตอนนี้ร่างกายเป็เช่นใดบ้างแต่กลับระงับความคิดนั้นไว้เดิมทีคิดจะลุกขึ้นทว่ายั้งตัวเอาไว้ก่อน พลางเอาสองมือประสานไว้ที่ท้ายทอยแกล้งทำเป็นอนมองหลิ่วจิ้ง
หลิ่วจิ้งเพิ่งเห็นในภายหลังว่าหั่วอี้ตื่นแล้วก็หน้าแดงขึ้นทันทีนางไม่คุ้นกับการเผชิญหน้ากับหั่วอี้ในลักษณะเช่นนี้โดยเฉพาะที่พวกเขาสองคนนอนร่วมเตียงกัน
นางไม่สนใจว่าตนเองเพิ่งลืมตาตื่นแล้วรีบร้อนลนลานลงจากเตียงกลับลืมไปว่าตนนอนอยู่เป็เวลานาน ร่างกายยังปรับตัวให้รับกับการเคลื่อนไหวรุนแรงไม่ได้ความวิงเวียนเหมือนฟ้าหมุนประดังเข้ามา ทำเอานางยืนไม่ตรงเดินโซเซไปหลายก้าวมือเท้าสะเปะสะปะอยากคว้าบางสิ่งยึดตัวไว้ไม่ให้ล้ม แต่กลับคว้าได้สองมือใหญ่แสนอบอุ่นจากนั้นก็ถูกคนรวบเข้าไปกอดไว้ในอก
หลิ่วจิ้งหลับตาแน่น รอให้อาการวิงเวียนหายไปที่จมูกกลับได้กลิ่นหอมแสนผ่อนคลายนางหลงใหลอยู่ในความอบอุ่นแห่งอ้อมแขนของคนผู้นี้ ไม่ยอมลืมตาสักที
แต่หั่วอี้กลับถูกนางทำเอาใแทบแย่ เขาไม่คิดว่าจู่ๆ หลิ่วจิ้งจะลุกพรวดพราดขึ้นมานางขยับตัวอย่างรีบร้อนความเร็วเช่นนั้นราวกับ้าจะออกไปให้พ้นจากสัตว์ประหลาดกินคนก็มิปาน
ชายหนุ่มยังไม่ทันตั้งตัวก็เห็นหลิ่วจิ้งโซเซไปมาดีที่เขามือไม้ว่องไวจึงรับตัวหลิ่วจิ้งเอาไว้อย่างเฉียดฉิวก่อนนางจะล้มลงพื้น
หั่วอี้เอ่ยปากอย่างไม่พอใจ“ดูท่าว่าเรี่ยวแรงขององค์หญิงจะฟื้นคืนมาได้ไม่เลวแล้ว ฝีมือของท่านเมื่อครู่นี้คนไม่รู้จะนึกว่าองค์หญิงเป็ผู้มีวรยุทธ์เสียอีก”
ทว่าพูดก็ส่วนพูด แต่หั่วอี้ก็ยังพาตัวหลิ่วจิ้งลงมานอนที่เตียงอย่างนุ่มนวล
อวี้จิ่นคอยเฝ้าอยู่ข้างนอกได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้อง นึกอยากเข้าไปแต่ก็กลับได้ยินน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของท่านแม่ทัพจึงเกิดความลังเลขึ้นมา
หลิ่วจิ้งกลับมานอนบนเตียง อาการวิงเวียนเมื่อครู่บรรเทาลงมากแล้วแต่กลับรู้สึกว่าร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงเลย
เดิมทีหั่วอี้ยังคิดจะหยอกล้อกับหลิ่วจิ้งต่อแต่เมื่อเห็นว่าหลังจากหลิ่วจิ้งขยับตัวสองสามครั้ง สีหน้าที่พอจะมีเืฝาดก็กลับมาซีดขาวไม่มีสีเือีกหนจึงอดรู้สึกเสียใจกับความคิดเช่นเด็กเล็กของตนเองขึ้นมามิได้
“ข้างนอกเป็ผู้ใดเฝ้าอยู่ ฮูหยินตื่นแล้ว รีบเข้ามาปรนนิบัติเร็ว”หั่วอี้ร้องออกไปนอกประตู
เมื่อได้ยินท่านแม่ทัพเรียก อวี้จิ่นก็รีบเข้ามาในห้องยกน้ำร้อนมาให้หลิ่วจิ้งล้างหน้าล้างตาอย่างคล่องแคล่ว
หั่วอี้เห็นอวี้จิ่นทำงานคล่องแคล่วนักจึงเริ่มสังเกตอวี้จิ่นขึ้นมาเป็ครั้งแรก
เขาจำได้ชัดเจนว่าตอนที่กลับมาคืนวานนี้ สาวใช้ที่ชื่ออิ๋งเหอเอาแต่ร้องห่มร้องไห้มีเพียงอวี้จิ่นผู้นี้เป็คนคอยปรนนิบัติั้แ่ต้นจนจบ
อย่างน้อยเขาก็นอนหลับกับหลิ่วจิ้งมาตื่นหนึ่งแม้เขาเองก็ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าใด แต่ก็นับว่าได้หลับแล้ว
ทว่าเมื่อเห็นดวงตาทั้งคู่ของอวี้จิ่นเต็มไปด้วยเส้นเืสีแดงหั่วอี้ก็รู้ว่าสาวใช้ผู้นี้ไม่ได้นอนมาทั้งคืน
ไม่นึกว่านางกำนัลที่องค์หญิงพามาด้วยจะมีความภักดีและอดทนถึงเพียงนี้หั่วอี้อดรู้สึกประทับใจในตัวอวี้จิ่นขึ้นมามิได้
อวี้จิ่นช่วยเช็ดเนื้อตัวให้หลิ่วจิ้งอย่างเป็ขั้นเป็ตอนรอบหนึ่งจึงเอ่ยกับนางว่า “ฮูหยินเ้าคะ ข้าจะให้อิ๋งเหอเอาโจ๊กเข้ามาส่ง ท่านทานสักหน่อยดีหรือไม่เ้าคะ”
“ใช่ๆๆ ฮูหยินท่านทานอะไรสักหน่อยค่อยทานยาวานนี้ท่านหมอหวังสั่งยาช่วยผ่อนคลายให้ท่าน แต่ไม่อาจทานตอนท้องว่างอย่างไรก็ทานอาหารเช้าเสียก่อนเถิด”
เดิมทีหลิ่วจิ้งไม่รู้สึกอยากอาหารสักนิดแต่หลังจากนอนหลับตื่นหนึ่งนางก็พอจะมีกำลังวังชาขึ้นบ้างความคิดแสนหนักอึ้งเมื่อคืนวานล้วนหายไปจากสมองจนหมดสิ้น เวลานี้นางคิดเพียงว่ามิอาจล้มลงเช่นนี้เพราะนางยังมีหนี้เืลึกล้ำดั่งทะเลที่ยังไม่ได้สะสาง
_____________________________
