ใน่เวลานี้ ทุกวันหลังจากที่อวี้ฉู่จาวรับประทานอาหารเช้ากับหลินหร่านเรียบร้อย เขาจะไปส่งหลินหร่านที่โรงยาของซูชิงเฟิง หลังจากนั้นตนเองถึงไปจัดการกิจการทหารต่อ
ตอนนี้หลินหร่านมีหน้าที่ของตนเองแล้ว อวี้ฉู่จาวจึงไม่ต้องคอยมาอยู่กับหลินหร่านเสมอ ให้หลินหร่านได้มีเวลาของตนเองและมีเวลาได้เรียนรู้
จนเวลาคล้อยมา่เย็น อวี้ฉู่จาวจึงได้มารับหลินหร่านเพื่อกลับตำหนัก
“ข้าเคยบอกไปหลายรอบแล้วว่าตรงนี้เชื่อมต่อกับประสาท ต้องฝังเข็มเข้าไปตรงนี้ถึงจะถูกต้อง อีกทั้งตรงนี้ต้องคำนึงถึงอาการที่เกี่ยวข้องกันด้วย มิเช่นนั้นหากฝังเข็มผิดที่หรือเทียบยาผิดจะทำให้คนป่วยถึงแก่ชีวิต”
ยามเย็นของวันนี้ อวี้ฉู่จาวมารับหลินหร่านกลับบ้าน แต่ยังไม่ทันจะเดินเข้าประตูโรงยาก็ได้ยินเสียงตักเตือนดังออกมา แน่นอนว่าเสียงของซูชิงเฟิงที่เอ่ยออกมาดังอยู่พอควร ฟังดูแล้วคงกำลังโกรธอยู่
ไม่รู้ว่าอวิ๋นซีของเขาจะเป็อย่างไรบ้าง จะไม่สะทกสะท้านหรือว่าใจนร้องไห้อยู่กันแน่?
“ข้าทราบแล้วท่านอาจารย์ ท่านอย่าโกรธสิ ข้าจะจำให้ได้ ข้าจะจำให้ได้เดี๋ยวนี้ขอรับ” เมื่อก้าวเข้าประตูมา อวี้ฉู่จาวพลันได้ยินเสียงหลินหร่านที่กำลังเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ยอมรับถึงข้อผิดพลาดของตนเองอย่างนอบน้อม
น้ำเสียงนั้นมิได้แสดงออกถึงความะเืใจ กลับเต็มไปด้วยท่าทีเชื่อฟังและเปิดรับการสั่งสอนอย่างเต็มที่
ถึงแม้อวี้ฉู่จาวจะรู้สึกสงสารที่หลินหร่านถูกตำหนิ แต่ตัวเขาก็รู้สึกปลื้มใจเพราะว่าอวิ๋นซีของเขาขยันขันแข็งยิ่งนัก
อย่างไรก็ตาม ในความเป็จริงนั้น สีหน้าของหลินหร่านก็มิได้สู้ดีนัก ใครที่ถูกตำหนิก็คงจะรู้สึกไม่ดีทั้งนั้น ทว่าซูชิงเฟิงก็ตำหนิเป็ครั้งคราวในขณะเรียน ซึ่งหลินหร่านก็คุ้นชินเสียแล้ว
ท่านอาจารย์ของเขาเป็คนดี ที่ตำหนิต่อว่าเพียงเพราะอยากกระตุ้นและผลักดันให้เขามีความก้าวหน้า หลังจากตำหนิก็กลับมาสอนเขาด้วยความอดทนอีกครั้ง
เมื่ออวี้ฉู่จาวก้าวเข้าไป ซูชิงเฟิงก็หันมาเห็นพอดี
“ถวายบังคมท่านอ๋อง” ซูชิงเฟิงรวบพัดพร้อมถวายความเคารพ
หลังจากได้ยินถ้อยคำของซูชิงเฟิง หลินหร่านรีบเงยหน้าขึ้นทันที ก่อนที่เขาจะพบกับท่านอ๋องกำลังยืนยิ้มอยู่
ทันใดนั้น แก้มใสของหลินหร่านพลันรู้สึกร้อนผ่าว ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่ท่านอ๋องได้ยินที่เขาโดนต่อว่าหรอกนะ
“ท่านอ๋อง...มาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”
อวี้ฉู่จาวพยักหน้าเล็กน้อยให้กับซูชิงเฟิง ก่อนเดินตรงไปหาหลินหร่าน
“อวิ๋นซี เรียนเป็อย่างไรบ้าง?”
หลินหร่านกำลังถือเข็มไว้ในมือเพื่อเตรียมหาจุดไป่ฮุ้ย1
“อื้อ ข้ากำลังพยายามพ่ะย่ะค่ะ”
อวี้ฉู่จาวดึงเข็มในมือของหลินหร่านออกก่อนวางเอาไว้บนโต๊ะแล้วเอ่ย “ขยันย่อมเป็การดี อย่างไรนี่ก็เป็สิ่งที่เ้าตัดสินใจเอง หากโดนตำหนิก็ต้องยอมรับ”
หลินหร่านมองอวี้ฉู่จาวที่หยิบเข็มในมือของตนออกก่อนยื่นฝ่ามือมากุมมือของตนเองไว้
ท่านอ๋องได้ยินที่ตนถูกตำหนิ อย่างนั้นสินะ
หลินหร่านพยักหน้าพลางก้มหน้าลงเงียบๆ
เมื่อเห็นพระชายาตัวน้อยมีท่าทีหดหู่ใจเช่นนี้ อวี้ฉู่จาวจะไม่ปลอบโยนได้อย่างไรกันล่ะ
ครู่ต่อมา อวี้ฉู่จาวก้มลงจูบอย่างแ่เบาบนหน้าผากของหลินหร่านไปหนึ่งที “เป็เพราะชิงเฟิงให้ความสำคัญกับเ้า เขาถึงได้เข้มงวดเช่นนี้ เ้าไม่ต้องกลัวไปหรอก ขอเพียงเ้าตั้งใจอย่างเต็มที่ ไม่ว่าเ้าจะเรียนเป็อย่างไร แต่การที่เ้าเป็ศิษย์ของซูชิงเฟิงจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง หลังจากนี้ ต่อให้เ้าทำอะไรขายหน้า อย่างไรก็ถือว่าเ้าเป็ศิษย์ของสำนักเป่ยเทียนอยู่ดี”
ซูชิงเฟิงที่ฟังอยู่ข้างๆ แอบรู้สึกไม่สบายใจ จากนั้นก็ได้แต่กลอกตาก่อนจะกางพัดออก “ท่านอ๋องช่างใจร้ายกับกระหม่อมเหลือเกิน ไหนจะมาสอนศิษย์ของกระหม่อม ทำให้กระหม่อมอาจต้องขายหน้าอีก ท่านอ๋องไม่กลัวหรือพ่ะย่ะค่ะ สองประโยคที่ท่านตรัสออกมาจะยิ่งทำให้พระชายารู้สึกกดดัน”
“จะกลัวหรือไม่กลัว อย่างไรก็มีข้าอยู่ เ้าไม่ต้องทำอะไร ข้าเชื่อว่าอวิ๋นซีของข้าไม่กลัวเพียงเพราะคำพูดของเ้าหรอก เ้าเพียงแค่ทำหน้าที่นำความรู้ทางการแพทย์ที่เ้ามีอยู่มาสอนอวิ๋นซีก็พอแล้ว” อวี้ฉู่จาวลูบหน้าผากของหลินหร่าน สบตาอีกคนแล้วเอ่ยขึ้น
ซูชิงเฟิงถอนหายใจก่อนหมุนตัวเดินกลับไปที่นั่งของตนเอง
ท่านอ๋องนำชื่อเขามาใช้ปลอบโยนพระชายา เขาจึงถูกทั้งคู่ทำให้เ็ปใจเป็อย่างมากเลยทีเดียว
หลินหร่านเองก็มองออก ท่านอ๋อง้าที่จะปลอบใจเขา
“ข้าไม่กลัวท่านอาจารย์ ที่ท่านอาจารย์ตำหนิเพราะอยากจะให้ข้าดีขึ้น”
ประโยคนี้ทำให้อวี้ฉู่จาวกับซูชิงเฟิงรู้สึกประทับใจ
ซูชิงเฟิงยกพัดขึ้นมาก่อนจะโบกด้วยรอยยิ้ม “เ้านี่ช่างคู่ควรกับการเป็ศิษย์ของข้าจริงเชียว เ้าทำให้ข้าเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความพากเพียรของการเป็อาจารย์”
อวี้ฉู่จาวยกยิ้มเช่นกัน “เอาล่ะ เรากลับตำหนักกันเถิด”
“อื้อ” จากนั้น ซูชิงเฟิงจึงเดินมาส่งทั้งคู่ที่หน้าประตู
ก่อนเดินทางกลับ อวี้ฉู่จาวได้เอ่ยถามขึ้นมา “แล้วจวินเชียนโม่ ศิษย์น้องของเ้าล่ะ”
ซูชิงเฟิงตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก “เขาหรือ ทำตัวเป็ัไม่เห็นหาง คาดว่าอาจเกิดเื่กับสำนักของตนเอง หากไม่มีอะไรร้ายแรง ไม่เกินสองวันก็คงโผล่หัวมาเองพ่ะย่ะค่ะ”
อวี้ฉู่จาวพยักหน้าก่อนเอ่ยถามอีก “สำนักของเขาคือ…”
“สำนักเฉียนจวินพ่ะย่ะค่ะ”
“ในเจียงหู…”
“ไม่ผิดพ่ะย่ะค่ะ ปีศาจเืเย็น”
ถึงแม้อวี้ฉู่จาวจะเป็เชื้อพระวงศ์ แต่เขาก็เคยได้ยินเื่ราวของเจียงหู
สำนักเฉียนจวินเป็สำนักที่ใช้ความรุนแรงเพื่อกำจัดความรุนแรง ถูกสร้างขึ้นมาด้วยน้ำมือของจวินเชียนโม่ ชายผู้ถูกขนานนามว่าเป็ปีศาจเืเย็นที่แสนโหดร้าย
สำนักนี้มีความดีความชั่วเสมอตัว เกลียดชังความชั่วประหนึ่งเป็ศัตรู
สำนักเฉียนจวินมักใช้ความรุนแรงสยบความรุนแรง หากทำผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจสูญเสียเวลาไปทั้งชีวิต
เพียงแค่ในเจียงหูเกิดเื่ชั่วร้าย พวกเขาจะปรากฏตัวขึ้นมา นอกจากนี้ หากได้ลงมือแล้วย่อมเกิดเหตุนองไปด้วยเื หรือถ้าให้เปรียบเทียบง่ายๆ ดั่งทางใต้มีโจรผู้ร้าย ปล้นทรัพย์สินและทำลายดอกไม้อันสวยงาม
หากสำนักเฉียนจวินต่อสู้กับความชั่วร้าย เหล่าโจรร้ายที่ทำลายดอกไม้แสนสวยเ่าั้ก็ไม่ควรมีทางเลือกอื่นในชีวิต คงถือได้ว่าการกระทำเ่าั้อาจเป็อันตรายต่อคนในครอบครัว แม้แต่หลุมศพบรรพบุรุษของพวกเขาก็อาจถูกขุดขึ้นมาจากหลุมเพื่อลบล้างมลทินให้ลูกหลานเป็เวลาร้อยวัน
อวี้ฉู่จาวรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของจวินเชียนโม่เป็อย่างไร และเขารู้ด้วยว่าเมื่อชาติก่อน อีกฝ่ายพร้อมที่จะสังหารทุกคนเพื่อแก้แค้นให้กับซูชิงเฟิง
อวี้ฉู่จาวไม่เอ่ยอะไรมากไปกว่านั้น เวลาต่อมา เขาพาหลินหร่านกลับตำหนัก
ขณะที่ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันไปตามถนนสายหนึ่งที่มีต้นไม้เรียงรายอยู่ข้างทาง
“ท่านอ๋อง วันนี้ข้าให้ท่านอาจารย์ตรวจชีพจรให้ข้าด้วย”
“เหตุใดถึงต้องตรวจชีพจร เ้าไม่สบายหรือ?” อวี้ฉู่จาวหยุดเดินในทันทีก่อนถามกลับด้วยความเป็ห่วง
“ไม่ใช่ ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ ข้าเพียงถามเื่การตั้งครรภ์เท่านั้น”
อวี้ฉู่จาวนึกขึ้นมาได้โดยพลัน ก่อนหน้านี้ตนเองเพิ่งคุยเื่นี้กับหลินหร่านไป ไม่คิดเลยว่าหลินหร่านจะเก็บมาใส่ใจ
ไหนๆ ก็ถามออกไปแล้ว คงไม่มีอันใดหรอก
“เขาว่าอย่างไรบ้าง” อวี้ฉู่จาวถามต่อ
“ท่านอาจารย์บอกว่าร่างกายของข้าไม่มีปัญหาพ่ะย่ะค่ะ การตั้งครรภ์อาจต้องรอเวลา อาจเกี่ยวข้องกับที่ข้าเป็ชาย อีกทั้ง….ยังบอกอีกว่าให้เราทั้งคู่ขยันเข้าไว้ อย่างไรช้าหรือเร็วก็ต้องตั้งครรภ์อย่างแน่นอน”
ใบหูของหลินหร่านแดงเรื่อ แต่เขากลับมีความหนักแน่นต่อคำพูด
อวี้ฉู่จาวสบตาหลินหร่าน ในแววตานั้นแสดงถึงความวางใจ ดวงตาเต็มไปด้วยดวงดาวที่ส่องประกายระยิบระยับ
“ไม่เป็ไร โอรสของเรากำลังให้เวลากับเราทั้งสอง เขาอยากมาตอนไหนก็คงมาเอง” อวี้ฉู่จาวโอบไหล่หลินหร่าน เขาพาเดินกลับตำหนักต่อแล้วเอ่ยขึ้น “ข้ายังไม่ได้มีเวลาอยู่กับเ้าอย่างเพียงพอเลย เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้อีกนาน เื่เล็กๆ เ่าั้มากวนใจพวกเราไม่ได้หรอก”
ถ้อยคำของอวี้ฉู่จาวยังคงเป็ดังเดิม
สำหรับหลินหร่าน ทุกการกระทำของท่านอ๋องคือการมอบความรักให้เขาอย่างเต็มที่ คำพูดเ่าั้จึงทำให้ภายในใจเขารู้สึกอบอุ่นเป็อย่างมาก
“อื้อ” หลินหร่านพยักหน้าอย่างเชื่อฟังก่อนจะอิงแอบร่างกายของอวี้ฉู่จาว
การได้อยู่ด้วยกันเช่นนี้ทำให้เขาคิดว่าชีวิตนี้ช่างงดงามนัก
“ตอนนี้เ้ากำลังตั้งใจเรียนรู้ หากผ่าน่นี้ไปแล้ว มีโอกาสข้าจะพาเ้าไปดู หรือรอให้ถึง่หน้าร้อนข้าอาจกราบทูลขอฝ่าาไปหลบร้อนที่พระราชวังทางเหนือ เ้าอยู่ที่อวี้อันมาั้แ่เกิดคงจะเบื่อน่าดูกระมัง”
ทั้งคู่เดินแนบชิดกันไปเรื่อยๆ บนเส้นทางเล็กที่จะนำไปสู่ตำหนัก
-----------------------------------------------------
1 จุดไป่ฮุ้ย คือ เป็จุดฝังเข็มกลางศีรษะ โดยลากเส้นเชื่อมระหว่างยอดใบหูทั้งสองข้างตัดกับเส้นแกนกลางลำตัว
