“ชีเหนียงกลับมา”
หลิงชางไห่เรียกชีเหนียงกลับมา ส่วนตนเองก็เดินขึ้นหน้าไปคุยกับจ้าวเหลย
“ข้าคือหมอที่ทำการรักษาจ้าวจือชิง ที่มาครั้งนี้…”
“พวกข้าไม่มีเงินให้เ้า หากเ้า้าเงินค่ารักษาก็ไปขอกับจ้าวจือชิงเอง!” ไม่ทันรอให้คนอื่นพูดจบ หลี่ชุนฮัวก็แทรกมาขัด
หลิงชางไห่ปั้นสีหน้าไม่ยอมเสวนากับสตรีต่ำต้อยผู้นี้ เพียงแต่หันไปเอ่ยกับจ้าวเหลยต่อ “ที่มาครั้งนี้เพราะ้าทำการรักษาต่อให้เขา ไม่ทราบว่าเขาอยู่บ้านหรือไม่?”
จ้าวเหลยมองหลี่ชุนฮัวแวบหนึ่ง เมื่อวานจ้าวจือชิงกลับมาหรือ?
หลี่ชุนฮัวแสร้งหลุบตาลงทำเป็ไม่เห็นว่าเขาถาม จ้าวเหลยจึงรู้ว่านางต้องมีเื่ปิดบังเขาแน่ แต่มีคนนอกอยู่ ก่อนอื่นควรไล่คนนอกไปก่อนจะดีกว่า
“ที่แท้ท่านก็คือหมอหลิงนี่เอง ทว่าจือชิงของเราไม่ได้กลับมาบ้าน่นี้ หากท่าน้าหาคน เกรงว่าคงต้องถามคนที่อยู่ด้านหลังท่าน”
คำพูดของจ้าวเหลยมีวัตถุประสงค์เหมือนกับหลี่ชุนฮัว เื่ที่ครอบครัวตนเองไม่ทราบแต่ให้ถามหญิงม่ายบ้านนอกคนหนึ่ง มิใช่เป็การบ่งบอกว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาหรอกหรือ
นี่ทำให้หลิงชางไห่โมโหแทบแย่ ฉับพลันเขาก็สะบัดแขนเสื้อ
“ข้าอาศัยที่บ้านสกุลลั่วมาหลายวัน ต้องไปรักษาจ้าวจือชิงที่บ้านผู้ใหญ่บ้านทุกวัน แล้วนี่เกี่ยวอะไรกับสะใภ้สกุลลั่ว?”
หลี่ชุนฮัวอยากโต้กลับ แต่เห็นท่าทางบึ้งตึงของหลิงชางไห่ก็หวาดกลัวเล็กน้อย ลูกชายเคยบอกว่าคนผู้นี้เป็ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ อย่าได้ล่วงเกินดีกว่า
“ครอบครัวของพวกเ้าแท้ๆ ดูแลยังไม่ดี เหตุใดจึงกล้าเรียกตัวเองว่าเป็พ่อแม่กัน!”
หลิงชางไห่สบถอย่างโกรธเคืองและพาชีเหนียงออกจากสถานที่อันน่ารังเกียจแห่งนี้
......
หลี่ชุนฮัวนึกว่าตนเองโต้เถียงชนะเลยกลับเข้าบ้านอย่างอารมณ์ดี แต่กลับเห็นใบหน้ามืดมนของจ้าวจือจุ่น ในดวงตาฉายแววมืดมิด ใจของหลี่ชุนฮัวหล่นลงไปอยู่บนตาตุ่มทันใด
“จุ่นเอ๋อร์ นี่เ้าเป็อะไรไป?” หลี่ชุนฮัวสำรวจเขาอย่างระมัดระวังและไม่ประมาท
จ้าวจือจุ่นขยับริมฝีปากเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
หัวใจของหลี่ชุนฮัวจึงหายเกร็ง ใครจะรู้ว่าพอคิดว่าจบเื่ เสียงตำหนิของจ้าวเหลยก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“ข้าถามเ้า ตกลงเมื่อวานเ้าทึ่มกลับมาบ้านหรือไม่?”
“เ้าพูดอะไรกัน? เมื่อวานเ้าอยู่บ้านตลอด เขากลับมาหรือไม่ เ้าจะไม่รู้เลยหรือ?”
หลี่ชุนฮัวส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆ จากนั้นโยกย้ายร่างเ้าเนื้อไปยังด้านนอก “ไม่อยากเห็นข้า ข้าออกไปก็ได้”
เมื่อนางจากไป จ้าวเหลยก็ไม่ได้ห้ามไว้ “เ้าคิดจะทำอะไร ข้าไม่สน แต่หากขวางทางจุ่นเอ๋อร์ เ้าก็ไสหัวกลับบ้านเก่าเ้าไปเสีย”
เสียงคำรามของจ้าวเหลยถูกหลี่ชุนฮัวเมิน เขามองไปทางประตูที่หลี่ชุนฮัวออกไปและคิด ‘เมียสติไม่ดีคนนี้ไม่อยู่บ้านก็ดี จุ่นเอ๋อร์จะได้ทบทวนตำราอย่างสงบสุข’
......
หลี่ชุนฮัวออกจากบ้านก็ลูบหน้าอกไม่หยุด เมื่อครู่หากไม่ใช่ตนเองตอบสนองเร็ว คงถูกจับได้แน่
พอนางคิดได้ จึงเดินไปยังสวนผักด้านหลังบ้าน ในสวนผักมีบ้านหญ้าฟางเตี้ยๆ อยู่หลังหนึ่ง นี่คือสถานที่อาศัยในอดีตของจ้าวจือชิง ต่อมาจ้าวจือชิงรู้สึกถึงความไม่ชอบของคนในครอบครัว จึงไม่ได้มาที่นี่อีก
หลี่ชุนฮัวเห็นว่าไม่มีใคร จึงแอบย่องเข้าบ้านหญ้าฟาง
นางมองดูจ้าวจือชิงที่นอนราบอยู่บนพื้นเย็นเฉียบและยิ้มอย่างอิ่มเอมใจ
ก่อนที่คนของราชสำนักจะมาก็ให้เขาอยู่ที่นี่ไปก่อน หากแข็งตายหรือหนาวตายจริงก็จะได้ประหยัดแรงของนาง ถึงเวลานางจะได้บอกกับคนของทางการว่าเ้าทึ่มเห็นใจที่บ้านและห่วงว่าจะมีคนแอบขโมยผักที่ จึงมาเฝ้าแปลงผักที่นี่
เพราะถึงอย่างไร เ้าทึ่มเองก็ไม่รู้เื่อาการไม่สบายของตัวเอง คนของทางการก็ไม่สามารถจับตาดูเขาได้ตลอด ย่อมไม่มีทางรู้ว่าเขาป่วย
หลี่ชุนฮัวที่คิดวิธีรับมือไว้แต่แรก อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปอังที่จมูกว่าคนยังหายใจอยู่หรือไม่ เมื่อรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่แ่เบา ก็รีบชักมือกลับด้วยความขยะแขยง
“สมกับเป็ชีวิตชั้นต่ำ ดวงแข็งนัก!”
หลี่ชุนฮัวเดินออกไปพร้อมกับความรังเกียจ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลังจากนางจากไป คนบนพื้นกลับลืมตาขึ้นทันใด
จ้าวจือชิงพลิกหญ้าฟางที่ปูบนพื้นออกอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นคว้าหมั่นโถวเย็นชืดและแข็งกระด้างออกมาหนึ่งลูก เดิมทีเขาอยากบอกกับคนสกุลจ้าวให้ชัดเจน เพื่อตั้งใจจะแยกกันอยู่และไม่รบกวนกันอีกต่อไป
ใครจะรู้ว่าเพิ่งเดินมาถึงประตูก็ถูกหลี่ชุนฮัวเห็นเข้า แผนชั่วร้ายในแววตาของนาง เขามีหรือจะอ่านไม่ออก ฉับพลันจึงอยากลองเสี่ยงเพื่อดูว่านาง้าทำอะไร คิดไม่ถึงเลยว่า หลี่ชุนฮัวถึงขั้นอยากให้เขาตาย
ในเมื่อนางไม่เมตตาปรานีก็อย่าโทษที่เขาไม่มีคุณธรรม หลายปีมานี้เขาคิดว่าชดใช้บุญคุณให้กับสกุลจ้าวหมดแล้ว
......
ลั่วชีเหนียงกับหลิงชางไห่คว้าน้ำเหลวกลับบ้าน ในใจยิ่งเป็กังวล แม้จะไปที่ร้านค้า แต่ก็ยากจะปกปิดเื่ในใจ ประเดี๋ยวก็ลืมเติมฟืน ประเดี๋ยวก็ลืมใส่ใบชา กระทั่งใช้เกลือแทนน้ำตาลอยู่หลายครั้ง
หลายวันมานี้ตู้ิเจวียนมักจะแวะเวียนมาที่ร้าน เมื่อเห็นนางเป็เช่นนี้จึงยื่นมือเข้าห้าม
“เกิดเื่ที่บ้านหรือ? ทั้งวันมานี้เ้าดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว”
ชีเหนียงจึงได้สติคืนมาและคิดจะนำชานมที่ทำผิดไปเททิ้ง แต่กลับถูกตู้ิเจวียนห้ามไว้
“เื่เหล่านี้ให้สี่เอ๋อร์หาคนมาทำได้ เ้าต่างหาก ลองเล่ามาสิว่าไปเจอเื่ยากลำบากอะไรมา?”
ชีเหนียงไม่รู้ควรพูดอย่างไรดี แต่น้ำใจของตู้ิเจวียน นางไม่อาจปฏิเสธได้
“ท่านช่วยครอบครัวข้ามามากแล้ว ลูกชายคนโตเข้าสถานศึกษาได้ เื่นี้เพราะได้ท่านช่วย ตอนนี้ในบ้านเกิดเื่บางอย่าง แต่ไม่ได้สำคัญถึงเพียงนั้น…”
“ยังไม่สำคัญอีกหรือ ชีเหนียงที่สุขุมใจเย็นมาตลอดกลับเริ่มทำผิดพลาด หรือว่าคนในดวงใจของเ้ามีปัญหา?”
ตู้ิเจวียนเห็นนางผ่อนคลายลง จึงหยอกเย้าเอ่ย
ใครจะรู้ว่าชีเหนียงกลับที่ถูกพูดจี้ใจ กลับปฏิเสธอย่างต่อเนื่อง
“คนในดวงใจอะไรที่ไหนกัน ก็แค่จ้าวจือชิงที่ติดตามมาหลายวันก่อน แม้ว่าเขาจะสติไม่ดี แต่ก็เป็คนใช้ได้ หลายวันก่อนข้าไล่เขาไป โดยที่ไม่รู้ว่าเขายังมีอาการเจ็บป่วยอยู่ แล้วตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ใด หากเกิดเื่ขึ้น ข้าคงยากจะปัดความรับผิดชอบ”
ชีเหนียงบอกเล่าเื่ของจ้าวจือชิงกับนางอย่างง่ายดาย ตู้ิเจวียนได้ยินก็หัวเราะร่า
“ก็แค่หาคน จะยากอะไร? นอกจากนี้ จากความหมายของเ้า จ้าวจือชิงเดิมเป็ทหาร เผอิญเมื่อวานมีคนของราชสำนักที่รักใคร่เมตตาทหารเก่ากำลังมาหารือเื่ขั้นตอนการตรวจสอบกับสามีของข้า มิสู้ให้พวกเขาไปดูที่หมู่บ้านชิงเหอก่อน ไม่แน่ว่าอาจจะเจอคนก็เป็ได้”
ใช่แล้ว มีคนของทางการอยู่ การตามหาคนก็ต้องเร็วขึ้น
“จะเหมาะสมหรือ? จะไม่ดีกับใต้เท้าหยางหรือไม่”
แม้ว่าช้าเร็วก็ต้องไปหมู่บ้านชิงเหอ แต่ขั้นตอนก็ดูน่าจะต้องใช้เวลาและความละเอียดรอบคอบ หากสร้างความลำบากให้ใต้เท้าหยางคงไม่ดีนัก
“จะไปมีอะไร ก็แค่เื่ขั้นตอนที่ช้าเร็วสักวันก็ต้องทำ” ตู้ิเจวียนรับหน้าที่ไปหาใต้เท้าหยาง
......
บังเอิญหยางหนิงกับพวกพ้องกำลังวางแผนลำดับขั้นอยู่พอดี
“ฮูหยินรู้ได้เยี่ยงไรว่าเราจะไปที่หมู่บ้านชิงเหอเป็ด่านแรก? คงไม่ใช่ว่าแอบส่งคนสอดแนมข้างกายข้าหรอกนะ?” หยางหนิงหยอกล้อ แต่กลับเห็นตู้ิเจวียนทำหน้าประหลาดใจ
“ด่านแรกของพวกท่านคือหมู่บ้านชิงเหอหรือ? มีเื่บังเอิญเช่นนี้ด้วยหรือ?”
หยางหนิงอยากถามนางว่าเกิดอะไรขึ้น ใครจะรู้ว่านางมาและจากไปดั่งสายลม
ชีเหนียงได้รับข่าวนี้ก็เริ่มนั่งไม่ติด
“นั่นไม่กลายเป็ว่าจะไปหมู่บ้านชิงเหอบ่ายวันนี้หรอกหรือ?”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ขุนนางที่มาครั้งนี้คือคนทำงานซื่อตรง สามีข้าชมเขามิขาดปาก จำต้องตามหาจ้าวจือชิงเจอแน่”
ตู้ิเจวียนรู้ว่าปลอบโยนไปก็ไม่เป็ผล จึงให้นางกลับไปบ้านก่อน ตอนนี้ร้านค้ามีกฎระเบียบแบบแผน แม้ว่านางจะไม่อยู่ชั่วคราวก็ไม่สำคัญนัก
ทางด้านนี้ชีเหนียงที่เพิ่งกลับบ้านไป ก็เห็นหลิงชางไห่ทำสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อถามเขา กลับไม่เห็นเขาตอบ บอกแต่เพียงไม่เป็ไร จวบจนทั้งสองจะไปหมู่บ้านชิงเหอ นางจึงสังเกตเห็นท่าทางที่คิดมากของชายชราซึ่งน่าจะเกี่ยวกับจ้าวจือชิง
-----
