ซูจ้งเป็ผู้รับผิดชอบรักษาโรคของฮองเฮามาโดยตลอดเขารู้ดีที่สุดว่าอาการป่วยของฮองเฮานั้นค่อนข้างจัดการยาก หากสามารถรักษาได้ เขาคงรักษาให้หายไปนานแล้ว
ตอนที่อยู่ตระกูลซู ซูจ้งไม่เคยถ่ายทอดความรู้ทักษะการแพทย์ให้กับซูจิ่นซีเลยซูจิ่นซีนั้นโง่เขลาและไม่เคยได้ััตำราการแพทย์ใดๆ มาก่อนเช่นกันแล้วโรคของฮองเฮา นางจะสามารถรักษาให้หายได้อย่างไร?
เป็ไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด!
ซูจ้งรีบเข้าไปในห้องของฮองเฮาด้วยใบหน้าที่ยากจะเชื่อถือ ้าดูเสียหน่อยว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอันใดขึ้นกันแน่
ทว่าเขายังไม่ทันได้ก้าวเข้าไป ก็ถูกนางกำนัลข้างพระวรกายของฮองเฮาขวางไว้ก่อน
“หัวหน้าสำนักหมอหลวงซู นี่เป็ด้านในห้องของฮองเฮาไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามาโดยที่ไม่ได้เรียกพบ ท่านโปรดหยุดอยู่ตรงนั้น! ”
ซูจ้งไม่เต็มใจ เขามองไปที่ซูจิ่นซีด้วยความโกรธเคือง
ซูจิ่นซีเหลือบมองไปที่ซูจ้งอย่างได้ใจและทั้งดูิ่ดูแคลน ก่อนจะหันหลังกลับเข้าห้องชั้นในของฮองเฮา
รอจนจัดการเก็บกวาดคราบเืให้เรียบร้อย ซูจิ่นซีที่หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสก็เดินออกมาอย่างอารมณ์ดีและเชิญให้ฮ่องเต้เข้าไปตรวจดู
ในเวลานี้ฮองเฮาได้ทรงฟื้นขึ้นมาแล้ว เมื่อได้ยินเสียงฮ่องเต้และฮองเฮาสนทนากันอยู่ด้านในซูจิ่นซีก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที
นางบิดี้เีอย่างแรงคราหนึ่ง
ทุกครั้งที่ได้เห็นคนไข้หายป่วยด้วยมือของตนเอง ซูจิ่นซีก็อยากเป็หมอขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแม้ว่านางจะมีความสุขมาก ทว่าร่างกายก็เหนื่อยมากเช่นกัน จากนี้ความรู้สึกเหนื่อยทั้งกายและใจกำลังจะหมดไป
หลังจากทำการรักษามาเป็เวลานานถึงเพียงนี้ ในที่สุดนางก็จะได้กลับไปแช่ตัวชำระร่างกายและพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
ซูจิ่นซีอาบน้ำและเดินออกไปนอกตำหนักจ้งหวาท่ามกลางแสงแดดอันอบอุ่นอวิ๋นจิ่นวิ่งตามมาจากทางด้านหลัง และเอ่ยถามอย่างสุภาพนอบน้อม “พระชายาข้าน้อยมีเื่บางอย่างที่ไม่เข้าใจ อยากจะขอคำแนะนำจากพระชายาพ่ะย่ะค่ะ! ”
ซูจิ่นซียังไม่ได้ยินที่อวิ๋นจิ่นพูดว่าจะขอคำแนะนำเื่อันใดก็ปฏิเสธไปทันที “หากจะถามเื่เกี่ยวกับการรักษาโรคของฮองเฮาเ้าก็ไม่ต้องพูดแล้ว นั่นเป็ความสามารถเฉพาะบุคคลศิลปะฝีมือที่ยอดเยี่ยมเฉพาะบุคล ไม่สามารถเปิดเผยได้! ”
“พระชายา ข้าน้อยไม่ได้จะถามคำถามนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“อ่าว? เช่นนั้นเ้าอยากถามสิ่งใด? พูดมาเถิด! ”
“ข้าน้อยอยากขอคำแนะนำจากพระชายา หากจื่อจูยังเติบโตไม่เต็มที่ประสิทธิผลก็จะไม่ดี สมุนไพรที่ใช้ห้ามเืทั่วไปไม่มีประโยชน์ต่อฮองเฮา ทว่าพระชายาท่านห้ามเืของฮองเฮาได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ? ”
“หมอหลวงอวิ๋น สองคำถามนี้แตกต่างกันหรือไม่? ”
ซูจิ่นซีค้นพบแล้วว่า อย่ามองความอบอุ่น อ่อนโยน และลักษณะที่ซื่อสัตย์ของอวิ๋นจิ่นเพียงภายนอกเพราะความจริงแล้วภายในเขาก็ชั่วร้ายอยู่เหมือนกันทว่ายังมีบางสิ่งที่นางมีเส้นแบ่งที่ชัดเจนอยู่ หากไม่สามารถพูดได้ก็จะไม่พูด
“พูดแล้วว่าเป็ความสามารถเฉพาะบุคคลก็คือเป็ความสามารถเฉพาะบุคคลหมอหลวงอวิ๋น เ้าละทิ้งความคิดนี้ออกไปจากหัวเถิด! แม้เ้าจะไม่ยกโทษให้ ข้าก็บอกไม่ได้อยู่ดี! ”
ใบหน้าของอวิ๋นจิ่นมีแต่ความสงสัย ซูจิ่นซีแอบยิ้มที่มุมปากอย่างชั่วร้าย นางฮัมเพลงแล้วเดินออกไปอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
ทว่าความจริงแล้ว การลำพองใจเร็วเกินไปก็เป็จุดจบที่ไม่ดี
“ซูจิ่นซี ท่านจงหยุดอยู่ตรงนั้น!”
ซูจิ่นซียังไม่ทันเดินออกจากตำหนักจ้งหวาก็ถูกเยี่ยเซินสั่งให้องครักษ์มาขวางไว้
“ไท่จื่อ นี่ท่านกระทำสิ่งใด? ”
ใบหน้าร่าเริงของซูจิ่นซีราวกับถูกราดด้วยน้ำเย็น หายวับไปในชั่วพริบตา
“คิดจะทำสิ่งใด? ซูจิ่นซี ท่านปิดบังหลอกลวงฮ่องเต้สร้างอุบายลอบปลงพระชนม์ทายาทฮ่องเต้นี่เป็ความผิดที่ไม่ว่าจะตายเป็สิบครั้งก็มิอาจชดเชยได้เรียกคนจับตัวนางมาให้ข้า นี่เป็คำสั่งของฮ่องเต้ หากกล้าขัดขืน ให้ฆ่าทิ้งทันที!”
ฝ่าา?
นี่เป็คำสั่งของฝ่าาอย่างนั้นหรือ?
ซูจิ่นซีไม่อยากที่จะเชื่อ คาดไม่ถึงว่าฮ่องเต้ตรัสแล้วตระบัดสัตย์เป็ผู้ที่ข้ามฟากได้แล้วก็ถีบเรือส่ง [1]
เหล่าทหารองครักษ์เมื่อได้รับคำสั่ง ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับกุมซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว อาศัยมุมของกำแพงยืนอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างจะปลอดภัย“ฝ่าาเล่า? เยี่ยเซิน ข้า้าพบฝ่าา จงพูดให้ชัดเจนว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอันใดขึ้น? ”
“ซูจิ่นซี เ้าคิดว่าฝ่าาจะฟังคำพูดให้ร้ายของเ้าหรือ? ในท้องของฮองเฮาก็เห็นชัดเจนว่าเป็ทายาทฮ่องเต้เ้ากล้าดีอย่างไรลอบปลงพระชนม์ทายาทฮ่องเต้ นังทรยศยังไม่ยอมรับโทษอีกอย่างนั้นหรือ? ”
ซูจ้งเดินออกมาจากด้านหลังเยี่ยเซิน แล้วพูดด้วยเสียงอันดัง
“ถุย ในท้องของฮองเฮาเป็พิษตัวกู่อย่างแน่นอน ซูจ้ง ท่านตรวจชีพจรอย่างไรแม้แต่อาการของโรคเช่นนี้ก็ยังวินิจฉัยผิดได้? ” ซูจิ่นซีกล่าว
นางเคยเจอพ่อเลี้ยงที่ใจร้าย ทว่าซูจิ่นซีก็ไม่เคยเจอบิดาแท้ๆ ให้ร้ายบุตรสาวโดยไม่ไว้หน้านางเลยสักนิดเช่นกัน
“พูดจาเหลวไหล! คนแก่อย่างข้าเป็หมอมาเกือบทั้งชีวิตชีพจรคนท้องคือชีพจรที่ปกติที่สุด แล้วจะวินิจฉัยผิดได้อย่างไร? ซูจิ่นซี เป็เ้าที่ความชำนาญในการรักษาไม่ดี ลอบปลงพระชนม์ทายาทฮ่องเต้เ้ายังจะเล่นลิ้นกลับคำราวกับตัวหวง [2] อีกหรือ? หรือเป็เพราะหมอหลวงทุกคนในสำนักหมอหลวงของข้ามีทักษะทางการแพทย์ไม่เทียบเท่ากับเ้าทำความผิดพลาดโดยการนำพิษตัวกู่มาสลับให้กลายเป็ชีพจรที่เต้นราบรื่นไม่ติดขัดอย่างนั้นหรือ?”
ในเวลานี้ฮ่องเต้กำลังเสด็จออกมาจากห้องชั้นในของฮองเฮาซูจิ่นซีไม่มัวเปลืองน้ำลายกับซูจ้ง อธิบายกับฮ่องเต้โดยตรง
“ฝ่าา ในท้องของฮองเฮาความจริงแล้วคือพิษตัวกู่หม่อมฉันมีหมอหลวงอวิ๋นเป็พยาน ไม่ได้ทรงตั้งครรภ์อย่างแน่นอนเพคะ! ”
พอซูจิ่นซีเริ่มพูด อวิ๋นจิ่นก็รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ฝ่าาข้าน้อยเป็พยานได้พ่ะย่ะค่ะ ในท้องของฮองเฮามีพิษตัวกู่จริงๆและไม่ได้ทรงตั้งครรภ์แต่อย่างใดพ่ะย่ะค่ะ”
“หมอหลวงอวิ๋น ท่านสมรู้ร่วมคิดกับซูจิ่นซีด้วยอย่างนั้นหรือ? ก่อนหน้านี้ท่านและซูจิ่นซีรักษาโรคให้ฮองเฮาเพียงลำพังหลังจากนั้นข้าได้เข้าไปขัดขวาง ทว่ากลับไม่ยอมให้ข้าเข้าไปดูอาการของฮองเฮาผู้ใดจะรู้ว่าพวกท่านสองคนร่วมมือกันทำสิ่งใดกับทายาทของฮ่องเต้ ท่านยังมีหน้ามาเป็พยานให้ซูจิ่นซีอีกหรือ?ท่านจะพูดความจริงหรือไม่? ”
“หัวหน้าสำนักหมอหลวงซู ท่านไม่สามารถพูดใส่ร้ายผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐานเช่นนี้!”
“ฝ่าารวมถึงไท่จื่อ อีกทั้งยังมีคนในตำหนักจ้งหวาล้วนกำลังเฝ้าดูและรักษาความปลอดภัยอยู่ข้างนอกห้องของฮองเฮาโดยตลอดยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังเห็นด้วยตาตนเองว่าท่านและซูจิ่นซีมีบางอย่างปิดบังทุกคนอยู่ข้างในหมอหลวงที่เหลือของสำนักที่เคยตรวจอาการของฮองเฮาล้วนสามารถเป็พยานได้ว่าฮองเฮาทรงมีพระครรภ์หมอหลวงอวิ๋น พยานเหล่านี้ เพียงพอแล้วหรือไม่? ”
“หัวหน้าสำนักหมอหลวงซู ท่านไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย หากฮองเฮาทรงพระครรภ์จริงๆเหตุใดจึงใช้เวลาได้ถึงสองปีเล่า การตั้งครรภ์นานกว่ายี่สิบเดือนล้วนไม่นับว่าเป็การตั้งครรภ์แล้วใช่หรือไม่? ”
“แปลกอันใด? ในปีที่พระมารดาของฮ่องเต้ทรงพระครรภ์ พระองค์ใช้เวลาถึงยี่สิบสี่เดือนจึงจะคลอดยิ่งกว่านั้นมารดาของข้าตั้งครรภ์แปดสิบเอ็ดปีจึงจะมาเกิดบนโลกมนุษย์ในท้องของฮองเฮาเป็ครรภ์ที่ประเสริฐ ย่อมมาเกิดเหมือนคนธรรมดามิได้”
“หัวหน้าสำนักหมอหลวงซู ท่านช่างไม่มีเหตุผล ที่พูดออกมาเช่นนี้ตัวท่านเองเชื่อหรือไม่? ”
“หมอหลวงอวิ๋น ต่อหน้าความจริงท่านถึงกับพูดไม่ออกเลยหรือ?”
......
อวิ๋นจิ่นและซูจ้งยังคงโต้เถียงกันทว่าซูจิ่นซีกลับมองดูฮ่องเต้อย่างเงียบๆ ั์ตาที่สว่างไสวราวเปลวไฟของทั้งสอง ต่างกำลังครุ่นคิด
เดิมทีซูจิ่นซีคิดว่า ซูจ้งที่คอยดูแลอาการป่วยของฮองเฮา แต่เนื่องจากอาการป่วยนั้นค่อนข้างจัดการยากเขาจึงไม่สามารถรักษาให้หายได้มาโดยตลอด ทว่าในระหว่างนั้นกลับถูกสตรีที่ตนเองไม่เคยเห็นค่าทำการรักษาให้หายได้ในระยะเวลาไม่นาน ซูจ้งที่หน้าหนาจนดึงไม่ออก จึงตั้งใจยุยงสร้างความบาดหมางให้กับฮ่องเต้
ทว่าหลังจากที่มองดูฮ่องเต้อยู่นาน ซูจิ่นซีก็เข้าใจได้ในทันทีว่าความเป็จริงมันไม่ง่ายเพียงนั้น
ไม่ว่าจะเป็พิษตัวกู่ในท้องของฮองเฮาก็ดี การตั้งครรภ์ก็ดี ในพระทัยของฮ่องเต้ที่มองซูจิ่นซีว่าปิดบังหลอกลวงพระองค์ได้มีโทษตัดสินว่านางเป็ฆาตกรฆ่าทายาทของฮ่องเต้ปักไว้บนแผ่นเหล็ก มัดตัวไว้อย่างหนาแน่นแล้ว
ฮ่องเต้คิดจะถอนรากถอนโคลนเยี่ยโยวเหยาตั้งนานแล้ว พระองค์้ายืมโอกาสนี้ฆ่าเยี่ยโยวเหยาให้ตายกำจัดอำนาจของหนานย่วนและจวนโยวอ๋องให้สิ้น!
ที่แท้ก็ต่อหน้าทำอีกอย่างลับหลังทำอีกอย่าง
ไม่แน่ว่า ที่ฮ่องเต้เรียกนางให้มารักษาฮองเฮานั้นคือเื่หลอกลวง พระองค์ถือโอกาสนี้ทำให้นางติดกับดักหลอกใช้นางรับมือกับเยี่ยโยวเหยา นั่นถึงจะเป็เื่จริง
นางโง่เสียจริง โง่เง่าเสียจริง!
กว่าจะรู้ว่าถูกวางกับดักก็โสายเกินไปแล้ว อยากตบปากตัวเองให้ได้
ทว่าตอนนี้เสียใจไปก็ไม่ได้ประโยชน์อันใด?
นางติดกับดักเรียบร้อยแล้ว!
ไม่รู้ว่าเยี่ยโยวเหยามองเห็นเล่ห์อุบายของฮ่องเต้หรือไม่
นางควรจะทำอย่างไรดี?
จะชดเชยความผิดพลาดที่โง่เขลาของตนเองได้อย่างไร?
......
เชิงอรรถ
[1] ข้ามฟากได้แล้วก็ถีบเรือส่ง คือสำนวนจีน หมายความว่า หลอกใช้ผู้อื่นแล้วก็ถีบหัวทิ้ง หรือสลัดไมตรีไม่เอาเป็ธุระด้วย ไล่ไปให้พ้นหน้า
[2] หวง หมายความถึง แผ่นบางๆที่เป็ลิ้นเสียงของเครื่องดนตรี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้