สิบปีในนิรวาน เสิ่นิได้เรียนรู้การแสดงผาดโผนมากมายที่คนทั่วไปอาจจินตนาการไม่ถึง การมองเห็นแบบไดนามิกของเขา ทำให้เขารู้โหมดการโจมตีล่วงหน้าได้ด้วยการสังเกตความกว้างในการหดตัวของกล้ามเนื้อของคู่ต่อสู้
แต่เขาก็ยังพลาด เพราะไพรที่อยู่ตรงหน้านี้ดูเหมือนไม่ใช่เด็กสาวที่จะอาบน้ำได้ภายใน 25 นาที เพียงแค่แกะเปียที่ยาวจนถึงเอวของเธอ คลายออกจากกัน และสระล้างให้สะอาด พระเ้าจะทราบไหมว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน?
ไม่ต้องพูดถึงว่า เธอเพิ่งจะออกกำลังกายตอนเช้าเสร็จ เหงื่อไคลก็ต้องขัดล้างให้สะอาดใช่ไหม?
“วันนี้จะต้องท้าทายขีดจำกัดของร่างกายอีกครั้งหรือไม่นะ?” เสิ่นิอยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา ครู่หนึ่งที่ชายหนุ่มไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร จะว่าไป ไพร ในฐานะที่เป็หญิงสาวเพียงคนเดียวในจตุปีศาจแห่งพสุธา เพิ่งเบ่งบานมาเพียงสองทศวรรษ เธอมักจะใส่ชุดราชวงศ์ถังตัวหลวมโคร่ง เมื่อมองแบบนี้ ร่างของเธอก็เกือบเหมือนถูกแกะสลักมาจากมีดเหล็กอันแหลมคม ราวกับชุนหลีในเกม Street Fighter เวอร์ชันผิวสีข้าวสาลีตอนที่ไม่สวมใส่เสื้อผ้า
ไม่รู้ว่าเสิ่นิจ้องเสือขาวอยู่นานแค่ไหน หรือบ่อน้ำแร่นั้นร้อนเกินไป เืกำเดาของเขาถึงเกือบพุ่งออกมา
“เฮ้อ เ้าคู่หูผู้ยุ่งยาก รู้สึกว่าจะโตขึ้นอีกแล้วนะ ก็ไม่ได้ดื่มนมมานานแล้วนี่นา ทำไมถึงยังไม่หยุดโตอีก?” ในบ่อน้ำแร่ ไพรถอนหายใจพลางลูบลูกกลมๆ ทั้งสองบนหน้าอกของเธอ ขนาด 34E นั้น ช่างเป็ภาระของผู้ที่ฝึกศิลปะการต่อสู้เหลือเกิน ต่อให้ฝึกได้ ส่วนประกอบหลักของเต้านมก็ยังคงเป็ไขมัน ยากต่อการควบคุมการเคลื่อนไหว ส่งผลต่อประสิทธิภาพของความคล่องแคล่ว
“อย่าแตะน้องสาวนะ... คนได้ตายกันพอดี!” ทั้งอุณหภูมิของน้ำแร่และใบหน้าอันร้อนระอุกระตุ้นให้หัวใจของเสิ่นิเต้นระรัว สิ่งนี้ส่งผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพในการกลั้นหายใจใต้น้ำของเขา
เรียกได้ว่าซวยไม่จบไม่สิ้น ในขณะที่เสิ่นิหมดสิ้นความละอาย ณ ลานหินสูงตระหง่านดุจูเา นกกระยางตัวหนึ่งกระโจนลงมาเกาะที่ลานหินของบ่อน้ำพุร้อน แค่กระพือปีกเพียงครั้งเดียว มันก็ยืนอยู่ท่ามกลางบ่อน้ำพุแล้ว
“แพนด้า? มาบ่อน้ำพุร้อนเหมือนกันเหรอ?” เสียงของไพรเหมือนเด็กสาวผู้มีความสุข นกกระยางตัวนี้เป็สัตว์เลี้ยงในคฤหาสน์จักรพรรดิ มันดูหยิ่งอยู่เสมอ ไม่กลัวคนแปลกหน้า ไม่เพียงสามารถกินอาหารจากมือเปล่าๆ ได้ มันยังชอบน้ำพุร้อนอีกด้วย ได้ยินมาว่ามันสามารถล้างมือหลังจากเข้าห้องน้ำได้อีกด้วย เกือบจะเหมือนกับ Chopper ในเื่ One Piece ที่กินผลไม้ของทุกคน
“พึ่บ พึ่บ!” แพนด้ากางปีก มันใช้จะงอยปากแหลมจุ่มไปที่บ่อน้ำพุร้อนแล้วเอามาล้างขน มันดูไม่สนและไม่แคร์หญิงสาวที่เปลือยกายตรงหน้า
“เวร ไปให้พ้น ไอ้นกบ้า!” เสิ่นิจ้องไปที่ขาเรียวยาวทั้งสองข้างของนก นกกระยางขาวพวกนั้นสายตาดีมาก แม้น้ำจะขุ่น ก็ยังสามารถจับปลาตัวเล็กใต้ผิวน้ำได้อย่างแม่นยำ มันใช้จะงอยปากอันแหลมยาวของมันจิกเหยื่อ แค่นี้ก็สามารถรับประทานปลาเป็อาหารได้แล้ว
และเมื่อผู้ทำความสะอาดขนก้มหน้าลงมา ทันใดนั้น มันก็เห็นอะไรบางอย่างที่ผิวน้ำ ท่ามกลางกลุ่มพืชน้ำสีดำ มีปลาตัวยาว 18 เิเ กำลังกวัดแกว่งไปมาอย่างน่าเย้ายวนใจ ปลาตัวนี้กำลังยืดขยาย ดูแน่นไปทั้งตัว รูปร่างเหมือนกับงู ดูแล้วรสชาติน่าจะไม่เลว?
จะงอยปากของแพนด้าจิก จิก จิก ลงไป หัวของนกก็จุ่มลงมาในน้ำด้วย หลังจากใช้ความเร็วในการล่าเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์…
“อ้า!!!” เสิ่นิไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป เขาแหกปากและกระโจนขึ้นมาจากน้ำ
“ไอ้นกชั่ว! จิกหาอะไร! เวร! ฉันจะถอนขนแล้วจับแกไปทำนกย่าง!” เสิ่นิเจ็บจนน้ำตาไหล ชายหนุ่มกำนกเขาของตัวเองไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ขณะที่อีกมือหนึ่งก็กำนกตัวใหญ่ตรงหน้าไว้
คอของแพนด้าถูกรวบไว้ เสียงร้องดังแคว้ก แคว้ก แคว้ก พร้อมกับกระพือปีก มันใช้ภาษานกด่าทอไม่ขาดปาก “แม่แกตาย! แม่แกตาย!”
หนึ่งคน หนึ่งนก ปล้ำกันสนุกสนาน จนเสิ่นิลืมไปว่าในสระยังมีอีกคนหนึ่งอยู่ กระทั่งมีเสียงถามขึ้นว่า “คุณทำอะไรน่ะ?!” เสิ่นิถึงนึกขึ้นได้ว่าก้นตัวเองเปลือยเปล่า!
“คุณฟังผมอธิบายก่อน เื่ทุกอย่างมันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด!” เสิ่นิปล่อยนกบ้าตัวนั้นไป เขาเอามือป้องนกเขาของตนเองไว้อย่างระมัดระวัง ก่อนจะหันกลับมา
“อย่าหันมา! ไอ้โรคจิต!” ไพรแทบกรี๊ดลั่น เสิ่นิได้แต่หันคอกลับมาพูด “สงสัยวิธีเปิดดันเจี้ยนวันนี้จะไม่ถูกต้อง” ไพรซึ่งถนัดในการควบคุมกำลังภายใน แต่หญิงสาวกลับแก้มแดง ั์ตาขี้อายส่องประกายไปทั่วทั้งตา “นายเห็นอะไรในน้ำ!”
“ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น!” เสิ่นิพูดโกหกคำโตที่สุดในชีวิต
“โกหก!” ไพรพันตัวด้วยผ้าขนหนูก่อนจะยืนขึ้นที่ขอบบ่อ หญิงสาวหยิบหอกสีเงินวาวข้างสระน้ำมา และจ่อไปที่หลังคอของเสิ่นิ
“ก็ได้...ผมยอมรับ...ผมเห็นเสือขาวหนึ่งตัว” ตายเป็ตาย เสิ่นิพยายามเต็มที่แล้ว ต่อให้ขาและเท้าเร็วแค่ไหน เขาก็ไม่มีโอกาสรอดอยู่ดี
“นาย...นายเห็นมันจริงๆ” เสิ่นิซึ่งเดิมทีคิดว่าจะต้องสู้กันด้วยร่างที่เปลือยเปล่ากลับคิดไม่ถึงว่าไพรผู้ถือหอกยาวอยู่นั้นจะร้องไห้ออกมา เธอหมุนตัวและวิ่งออกไปจากบ่อน้ำพุร้อนพร้อมกับหอก ปล่อยให้เสิ่นิยืนกุมแก้มอยู่ในบ่อน้ำพุนั้นเพียงลำพัง
“เปิดดันเจี้ยนผิดวิธี? เอาไงดี?” ในขณะที่เสิ่นิสงสัย แผละ เสียงของเหลวอุ่นสีขาวหยดลงบนศีรษะของเขา
เขาใช้นิ้วแตะดู “เวร! ขี้นก!”
“แคว้ก แคว้ก!” แพนด้าอึรดหน้าผากเสิ่นิพร้อมกล่าวคำสาปแช่งในภาษานก “แม่แกตาย...”
เสิ่นิได้แต่ล้างหน้าล้างตาอีกครั้ง ถือว่าลองกันซักตั้งกับเ้านกบ้านี่ เผื่อมีโอกาสได้ชิมนกกระยางขาวดูบ้าง
กระทั่งถึงเวลาทานอาหารเช้า เสิ่นิก็ยังไม่เห็นหน้าของไพรซึ่งหนีหายไปด้วยความอับอาย ต่อให้เจอหน้ากัน เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำสีหน้าเช่นไร ต่อผู้หญิงที่เขาเห็นเธอตอนเปลือย แต่พอหวนกลับไปคิด ก้นของตัวเองก็ถูกเธอเห็นเข้าเหมือนกันไม่ใช่หรือ? ไม่ถือว่าเสียเปรียบหรอกมั้ง? ในเมื่อเป็คนฝึกศิลปะการต่อสู้ ก็ไม่น่าจะขี้อายได้ขนาดนั้น?
พ่อบ้านไท่จัดโต๊ะอาหารเช้าแบบจัดเต็ม โจ๊กที่มีรสชาติของหม้อไฟทำเอานิ้วชี้ของเซี่ยวอี๋ขยับเป็การใหญ่ อากาศในชนบทช่างแสนบริสุทธิ์และเงียบสงบ เซี่ยวอี๋นอนหลับจนรุ่งสาง
เฝิงเฉวียนสนใจอาหารเช้าแบบแซนด์วิชมากกว่า นายน้อยผู้นี้อยู่ในตระกูลเฝิงมานานกระทั่งชินชากับอาหารจีน
ดูเหมือนว่าผู้ใหญ่บ้านเจิ้นถิงจะนอนหลับไม่ค่อยดีเท่าไร สีหน้าของเขาซีดเซียวเล็กน้อย อายุของเขามากแล้ว และยังมีคน้าศีรษะของเขา ถ้านอนหลับสบายก็คงจะแปลกแล้ว
“นายกินไอ้นี่หรือเปล่า?” นั่งล้อมรอบโต๊ะกลม เฝิงเฉวียนชี้ไปที่ช็อกโกแลตพุดดิ้งตรงหน้าเสิ่นิ
“นายเอาไปทานเถอะ” เสิ่นิโบกมือให้อย่างรำคาญใจ เสิ่นิถามขึ้น “ทำไมไม่เห็นไพรเลย? เธอทานข้าวแล้วหรือยัง?”
“พี่ชาย ถึงผมจะเป็แค่นายน้อยครึ่งหน้า แต่ยังไงผมก็เป็นายน้อยของตระกูลเฝิงนะ ไพรเป็ลูกน้องของผมคนเดียว นายจะห่วงเธอทำไมกัน?” เฝิงเฉวียนกล่าวในขณะที่ทานพุดดิ้ง
“พวกตระกูลเฝิงชอบทำตัวลึกลับ กฎเกณฑ์อะไรมากมายน่ารำคาญนะ?” เสิ่นิเริ่มทนไม่ไหวกับความมีพิธีรีตอง
“จะทานข้าวก็ต้องทานตามลำดับก่อนหลังสิ ถ้านายอยากทานอาหารจานใหญ่ ตามกฎแล้วก็ต้องรอให้ผู้าุโทานก่อนใช่หรือไม่? ถ้าไม่ทำให้นายปวดใจก็คงทำให้ใจสลาย” ในที่สุดเฝิงเฉวียนก็เจอคนที่ปรับทุกข์ด้วยได้ เหมือนกับได้เปิดประเด็นการสนทนา
“เวอร์ไปหรือเปล่า?” เซี่ยวอี๋ร่วมวงสนทนาด้วย
“เวอร์? ผู้หญิงในตระกูลเราไม่ได้รับอนุญาตให้ร่วมรับประทานอาหารกับผู้ชาย ถ้ามีเศษเสี้ยวของสังคมศักดินาที่ผู้ชายยังคงเป็ใหญ่อยู่ ก็คือพวกเรานี่ล่ะ” เฝิงเฉวียนกล่าวอย่างจริงจัง
“แล้วถ้าผู้หญิงของพวกคุณถูกผู้ชายเห็นตอนเปลือยผ้าล่ะ?” จู่ๆ เสิ่นิก็โพล่งประโยคดังกล่าวขึ้นมา
“เหอๆ นั่นถือเป็การสูญเสียพรหมจรรย์แล้ว การเสียพรหมจรรย์ในตระกูลเฝิงถือเป็เื่ใหญ่ ถ้าผู้ชายคนนั้นยังไม่ได้แต่งงานก็ดีไป จะได้ตกแต่งหญิงสาวมาเป็ภรรยา แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่้าหรือมีภรรยาอยู่แล้ว เหอๆ เป็ไปได้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะถูกขังในกรงสุกร จับขี่ม้าไม้ หรือไม่ก็จับไปจุดเป็โคมลอย” เฝิงเฉวียนแสยะยิ้ม
“น่ากลัวขนาดนั้น แล้วถ้าผู้ชายคนนั้นทำเหมือนกับว่าไม่เคยมีเื่อะไรเกิดขึ้นล่ะ ไม่ได้หรือ?” เซี่ยวอี๋เสนอทางออกอื่น
“จะเป็ไปได้ยังไง? พรหมจรรย์ก็เหมือนถุงบรรจุภัณฑ์ คุณคิดว่าปิดผนึกแล้วจะกลับไปเป็เหมือนเดิมได้หรือเปล่าล่ะ? ในตระกูลเฝิง นอกจากพ่อของผมแล้วก็ไม่มีใครสามารถมีภรรยาได้หลายคน โดยพื้นฐานแล้ว ผู้ชายในครอบครัวจะถูกจัดให้แต่งงานทันทีหลังจากที่พวกเขาก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ดังนั้น ผู้หญิงจำต้องปกป้องความบริสุทธิ์ของตนเอาไว้ หากชายอื่นเห็นตอนเปลือยกายเข้าแม้เพียงครึ่งเดียว นั่นก็หมายถึงความตาย” เฝิงเฉวียนไม่ใช่พวกกระต่ายตื่นตูม เขาพูดจนเสิ่นิกลืนน้ำลายดังเอือก
“ที่หลานชายกล่าวก็ดูจะเวอร์เกินไป ธุรกิจที่ตระกูลเฝิงทำคือการปัดเป่าภัยร้ายให้ผู้อื่น ยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เสื้อผ้าถูกฉีกขาดในสนามรบได้ หากต้องตายเพราะผิดกฎข้อนี้ บรรดาหญิงสาวจะกล้าออกมาปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างไร?” ผู้ใหญ่บ้านเจิ้นถิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ด้วยเหตุนี้ กฎนี้จึงได้ถูกเพิกเฉยไป คนยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ดังนั้นผู้หญิงในตระกูลเฝิง แม้ว่าจะถูกเห็นหน้าอกอันเปลือยเปล่าแล้ว โดยทั่วไปก็จะปิดตาข้างเดียวกัน กฎของตระกูลพอจะละเว้นให้ได้” เฝิงเฉวียนพูดประโยคเดียวทำให้เสิ่นิโล่งใจ “แต่ถ้าเห็น ‘น้องสาว’ ล่ะก็ถือว่าต้องตายแน่...”
“เวร...” สีหน้าของเสิ่นิเหมือนกับเพิ่งทานอุจจาระมา
ในขณะที่ทุกคนกำลังรับประทานอาหารกันอยู่นั้น ไพรก็แอบร้องไห้อยู่เงียบๆ ใต้ผ้าห่มพร้อมกับหอกในอ้อมแขน “พ่อ...แม่ ลูกอกตัญญู ลูกยังไม่ได้ล้างแค้นให้ท่านทั้งสองเลย คนค่ายเดียวกับศัตรูก็มาเห็นร่างอันเปลือยของลูกอีก ลูกสูญเสียพรหมจรรย์ไปแล้ว ลูกควรทำอย่างไรดี? พ่อ แม่ โปรดชี้นำลูกด้วยว่าควรทำเช่นไร…”
ในเมื่อเป็คนเลวไปแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเสียใจอีก เสิ่นิเก็บข้าวของและจัดการกับอารมณ์ เขาพกปืนไรเฟิล Mosin–Nagant ซึ่งเปลี่ยนเป็ลายพรางไปด้วย เขาได้พบกับเจิ้นถิงซึ่งกำลังวาดภาพ
“คุณจะออกไปล่าสัตว์เหรอ?” เมื่อเห็นชุดนั้น เฝิงเฉวียนก็ยิ้มด้วยความพอใจ แต่แววตาของไพรซึ่งยืนอยู่ที่ด้านหลังเขานั้นกลับสลักซับซ้อน
“ผมพยายามปรับปรุงปืนอย่างเต็มที่แล้ว แต่มันก็ยังมีช่องว่างอยู่ เมื่อเทียบกับอุปกรณ์ของผีูเา ผมเลย้าให้คนมาช่วย” เสิ่นิยอมรับข้อบกพร่องของตนเองอย่างตรงไปตรงมา
“ฉันไม่ได้เป็คนเหรอ?” เซี่ยวอี๋กล่าวพลางตบไหล่เสิ่นิ
"ไม่ได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ครั้งนี้” เสิ่นิส่ายหัว
“นายดูถูกฉันเหรอ?” เซี่ยวอี๋ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่งดงามอีกต่อไป
“มันไม่เกี่ยวกับการดูถูกคุณ มันเป็เื่ของช่องว่างของพารามิเตอร์ ผมประเมินว่าเขาเป็สไนเปอร์ที่สามารถซุ่มยิงได้ในระยะ 2 กิโลฯ Mosin–Nagant ของผม หลังจากดัดแปลงแล้ว มีระยะควบคุมได้สูงสุดแค่เพียง 1,500 เมตร ช่องว่าง 500 เมตรนี้ ผม้าใครสักคนที่จะมาช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของผีูเา หรือกระทั่งดึงดูดความสนใจของเขาไป เื่นี้ต้องให้บุคคลที่มีความยืดหยุ่นในการเคลื่อนไหวบนูเา หรือมีทักษะในการปีนข้ามกำแพงมาเป็ผู้กระทำ
คุณมีศักยภาพ แต่ยังไม่สุกงอม” เสิ่นิถอนหายใจ
“วิชาตัวเบา? ้าความช่วยเหลือจากพ่อบ้านไท่ไหม?” ผู้ใหญ่บ้านเจิ้นถิงกล่าวอย่างเคอะเขิน
“พ่อบ้านไท่เป็ตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ชายชราแก่เกินไป การล่าสัตว์เป็การต่อสู้ที่ยากลำบากและเหนื่อยล้าทั้งร่างกาย ด้วยวัยของเขาทำให้ไม่เหมาะสม มีเพียงสองคนในอุดมคติของผม หนึ่งคือนาย อีกหนึ่งคือเธอ” เสิ่นิมองเฝิงเฉวียนแล้วก็ไพร