อาจเพราะคำพูดเมื่อตอนนั้นของเสิ่นอิ๋นหวนที่ทำให้หลี่อันหรานตระหนักได้ว่าตัวเองไม่ควรรั้งเจียงเฉิงไว้ที่นี่อย่างเห็นแก่ตัว เพราะถึงอย่างไรเขาก็มีภาระหน้าที่ของตัวเองที่ต้องไปทำ
นางเป็เพียงคนผ่านทางคนหนึ่งในชีวิตเขา เช่นนั้นก็ควรปล่อยเขาไปตามโชคชะตา
เช้าวันรุ่งขึ้น หลี่อันหรานปรับสภาวะอารมณ์ตัวเองเรียบร้อย นางเริ่มเตรียมตัวทำในสิ่งที่ควรทำ แต่ในตอนที่นางเตรียมจะไปจัดการกับพริกในลานบ้านต่อหลังจากที่แต่งตัวและทานมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยนี้เอง…
นางเห็นหลี่เยวี่ยซือเดินมาทางนี้จากนอกรั้ว หลี่อันหรานหยุดพับแขนเสื้อทันที นางเท้าเอวเหยียดยิ้มเย็นเยียบ พร้อมเดินออกไปขวางหลี่เยวี่ยซือไม่ให้เข้ามา
“วันนี้ตื่นเช้าเหมือนกันนี่ มาทำอะไรที่บ้านข้าแต่เช้า?” หลี่อันหรานกระแทกเสียงประชดประชัน ปกติแล้วหลี่เยวี่ยซือรังเกียจที่จะมาบ้านหลี่อันหรานจะตายไป
แน่นอนว่าหลี่เยวี่ยซือย่อมไม่ไว้หน้าหลี่อันหรานเช่นกัน นางชำเลืองมองชุดผ้ากระสอบและรองเท้าที่แทบจะขาดวิ่นอยู่แล้วของหลี่อันหราน จากนั้นแค่นเสียงเย็นว่า “แม่ข้าให้มาเอาของ”
หลี่อันหรานขมวดคิ้ว “ของอะไร? พวกข้าไม่มีของของบ้านเ้า”
จังหวะนี้เอง เสิ่นอิ๋นหวนยกกะละมังออกมาเทที่ลานบ้าน นางมึนงงเล็กน้อยเมื่อเห็นหลี่อันหรานกับหลี่เยวี่ยซือยืนอยู่หน้าบ้าน นางกลัวว่าหลี่อันหรานจะถูกรังแกอีกจึงเดินเข้าไปใกล้ ทำให้ได้ยินสิ่งที่หลี่เยวี่ยซือพูดอย่างพอดิบพอดี
“ครั้งก่อนได้ยินว่าพวกเ้าจะทำอะไรแล้วนะ? มาขอยืมเครื่องมือจากบ้านข้า บอกว่าอีกสามวันจะนำมาคืน แต่นี่มันผ่านมากี่วันแล้ว เกือบจะสิบวันอยู่แล้ว ไม่รู้จักคิดได้เองเสียบ้างว่าต้องนำของมาคืน หรือพวกเ้าคิดว่าของที่ยืมมาเป็ของของตัวเอง? ไร้ยางอายจริงๆ หยิบยืมมาใช้ให้รีบคืน ภายหน้ายืมอีกจะได้ง่าย หลักการแค่นี้ก็ไม่เข้าใจหรือ?”
หลี่อันหรานขมวดคิ้วแน่นทันที “ผู้ใดยืมเครื่องมือจากบ้านเ้ากัน พวกข้าไม่้าหรอก”
ในตอนที่หลี่เยวี่ยซือกำลังจะสวนกลับ เสิ่นอิ๋นหวนรีบแทรกขึ้นมาเสียก่อน “แม่รู้เื่นี้ แม่ไปขอยืมมาเอง!”
หลี่อันหรานชะงักทันที นางหันไปมองเสิ่นอิ๋นหวน “ท่านแม่ ท่านไปยืมสิ่งใดมา? คุยกันแล้วมิใช่หรือว่าจะไม่ยืมของของพวกเขา”
หลี่เยวี่ยซือแค่นเสียงว่าต่อ “ท่านป้า อย่าถือโทษว่าข้าตระหนี่ถี่เหนียวเลยนะเ้าคะ ถึงอย่างไรครอบครัวข้าก็มีงานต้องทำเยอะเช่นกันและต้องใช้เครื่องมือชิ้นนั้น หากท่านไม่ได้ใช้แล้วก็ช่วยคืนให้พวกข้าได้หรือไม่?”
เสิ่นอิ๋นหวนพยักหน้ารัวเร็ว “ได้ๆ เ้ารอประเดี๋ยว ป้าผิดเอง ยืมมาแล้วแต่ลืมนำไปคืนเสียได้!”
เสิ่นอิ๋นหวนรีบกลับเข้าบ้านไปนำเครื่องมือที่ยืมมาจากบ้านของหลี่เยวี่ยซือออกมา
หลี่อันหรานขมวดคิ้วเมื่อเห็นเครื่องมือชิ้นนี้ นางคว้ามือที่ยื่นออกไปของเสิ่นอิ๋นหวน “เครื่องมือนี่เป็ของบ้านพวกเรามิใช่หรือ? มันกลายเป็ของพวกเขาั้แ่เมื่อใดกัน?”
เสิ่นอิ๋นหวนได้แต่หัวเราะเสียงจืดเจื่อน จำใจอธิบายอย่างกระอักกระอ่วน “เดิมทีเครื่องมือชิ้นนี้ก็เป็ของพวกเขา วันก่อนแม่เห็นเ้าทำงานเหน็ดเหนื่อยและไม่มีอุปกรณ์ที่คล่องมือจึงไปยืมมาให้ใช้ ไหนเลยจะรู้ว่าจะลืมนำไปคืนเสียได้!”
นางพูดจบแล้วเตรียมจะคืนเครื่องมือให้หลี่เยวี่ยซือแต่กลับถูกหลี่อันหรานห้ามไว้อีกครั้ง ส่งผลให้มือของหลี่เยวี่ยซือต้องค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ นางถลึงตาใส่หลี่อันหรานด้วยความโมโห “เ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ยืมของของบ้านพวกข้าไปแล้วแต่ไม่คิดจะคืนใช่หรือไม่ ช่วยมียางอายหน่อยได้หรือไม่? นี่เป็ของของบ้านพวกข้า”
ถึงแม้จะเป็เพียงเครื่องมือชิ้นเล็กๆ แต่หลี่อันหรานกลับจำมันได้ดี เพราะนางเคยอ่านสมุดบัญชีแยกบ้านเล่มนั้น ในนั้นเขียนไว้ชัดเจนว่าเครื่องมือชิ้นนี้เป็ของครอบครัวหลี่อันหราน อยู่ดีๆ จะกลายเป็ของบ้านพวกเขาได้อย่างไร?
“เดิมทีเครื่องมือชิ้นนี้ก็เป็ของบ้านพวกข้า พวกเ้าต่างหากที่เป็ฝ่ายยืมไปแล้วยึดเป็ของตัวเอง ยามนี้พวกข้าแค่นำกลับมาใช้งานหน่อยก็ถูกเข้าใจว่าเป็ของพวกเ้าเสียนี่ ฝ่ายที่ไร้ยางอายคือเ้าต่างหาก” หลี่อันหรานถลึงตาใส่หลี่เยวี่ยซือเช่นกัน
“ท่านแม่ เอากลับไปเก็บเ้าค่ะ อย่าเอาแต่ยอมรับในสิ่งที่พวกเขาพูด” หลี่อันหรานพยายามสงบสติอารมณ์ลง ก่อนดันแผ่นหลังเสิ่นอิ๋นหวนเข้าบ้าน
หลี่เยวี่ยซือเบิกตากว้างกับสิ่งที่เห็น ขณะที่นางกำลังจะโต้เถียงกับหลี่อันหรานต่อ นางก็เหลือบไปเห็นเจียงเฉิงที่เดินออกมาจากในบ้านพอดี หลี่เยวี่ยซือรีบเปลี่ยนสีหน้าเกรี้ยวกราดเป็รอยยิ้ม พลางลอบชำเลืองตาใส่หลี่อันหรานนิ่งๆ “เชอะ ข้ากลับไปแล้วจะบอกเื่นี้กับท่านแม่ คอยดูเถอะว่าจะเป็อย่างไร ี้เีถกเถียงกับพวกเ้าแล้ว”
นางพูดจบแล้วก็เดินผ่านหลี่อันหรานไปหาเจียงเฉิง “ท่านพี่ฉาง ท่านตื่นแล้วหรือเ้าคะ?”
เจียงเฉิงชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นหลี่เยวี่ยซือ เขามองมาทางประตูบ้าน เห็นเสิ่นอิ๋นหวนกับหลี่อันหรานอยู่ที่นั่นพอดี สีหน้าของหลี่อันหรานไม่สู้ดีอย่างผิดปกติ แต่เจียงเฉิงยังไม่ทันได้พูดอะไร หลี่อันหรานก็ไล่ตามหลี่เยวี่ยซือมาแล้ว
นางคว้าแขนหลี่เยวี่ยซือ “หลี่เยวี่ยซือ เ้าดีแต่บอกว่าผู้อื่นไม่มีมารยาท วันนี้สมองเ้ามีปัญหาหรือ? ที่นี่คือบ้านข้า ผู้ใดให้เ้าเข้ามา? ไสหัวออกไปเสีย”
“เหอะ แค่ได้อยู่บ้านใหม่หน่อยก็เหิมเกริมแล้วหรือ? ต่อให้พวกเ้าย้ายไปอยู่บ้านใหม่ ข้าก็ไม่อยากไปเหยียบหรอก ข้าแค่มาคุยกับท่านพี่ฉางก็เท่านั้น อีกอย่าง พวกเ้ายังไม่คืนของที่ข้า้ามาเลยมิใช่หรือ?” หลี่เยวี่ยซือกลอกตาใส่หลี่อันหราน
“ข้าบอกไปแล้วว่าเดิมทีของสิ่งนี้ก็ไม่ใช่ของเ้า ในสมุดบัญชีแยกบ้านเขียนไว้ชัดเจนว่าเป็ของพวกข้า”
หลี่เยวี่ยซือฮึดฮัดเสียงเบาแล้วเดินไปยืนข้างเจียงเฉิง “ท่านพี่ฉาง ดูนางสิเ้าคะ ทั้งหยาบคายทั้งเอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผลสักนิด หากในสมุดบัญชีมีเขียนไว้จริง เ้าก็นำสมุดบัญชีออกมาสิ”
เสิ่นอิ๋นหวนเห็นทั้งสองคนทำท่าจะทะเลาะกันอีกครั้งก็รีบเข้าไปห้ามหลี่อันหราน “ช่างเถอะๆ ก็แค่เครื่องมือชิ้นเดียว คืนให้พวกเขาไปเถิด เอาไว้หากพวกเราจะใช้งานอีกก็ค่อยไปยืมมาใหม่”
ความจริงหลี่อันหรานไม่ได้อยากทะเลาะด้วยเื่แค่นี้เช่นกัน แต่กรณีนี้นางมิได้เป็ฝ่ายผิด หรือต่อให้ต้องคืนของชิ้นนี้ไปก็ไม่ถือสา เพราะวันหน้าค่อยหาใหม่ก็ยังได้ ทว่านางทนเห็นยอมให้บ้านลุงใหญ่กับลุงรองเอาเปรียบแบบนี้ไม่ได้จริงๆ สิ้นความคิด นางก็สลัดมือของผู้เป็แม่ทิ้ง “ท่านแม่ เพราะท่านเอาแต่ยอมให้พวกเขาเช่นนี้ พวกเขาถึงได้เอาแต่รังแกท่าน”
“ข้าจะบอกอะไรให้นะ…” หลี่อันหรานหันไปมองหลี่เยวี่ยซือ “ข้าไม่ได้้าแค่อุปกรณ์ชิ้นนี้เท่านั้น แต่ยัง้าความถูกต้องด้วย ต่อให้เรียกป้าสะใภ้ใหญ่กับป้าสะใภ้รองมา หรือจะไปให้ท่านย่าเป็ผู้ตัดสิน ข้าก็จะยืนยันคำเดิมอยู่ดี”
ตอนแรกหลี่เยวี่ยซือคิดเพียงว่าจะใช้โอกาสนี้มาพบเจียงเฉิง นึกไม่ถึงว่าหลี่อันหรานจะจริงจังขนาดนี้ นางกลอกตาด้วยความโมโห “คุยก็คุยสิ ข้าอยากรู้เหมือนกันว่าผู้ใดกันแน่ที่จะมีเหตุผล”
ทว่านางพูดจบแล้วกลับรู้สึกว่าตัวเองเป็ฝ่ายไร้เหตุผล จึงหันไปพูดกับเจียงเฉิงแทน “ท่านพี่ฉาง วันนี้ข้าขอตัวก่อน ไม่อยากคุยกับคนไร้ยางอายพวกนี้”
หลี่เยวี่ยซือเดินออกไปทันทีพูดจบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้