ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น ความรู้สึกตื่นตระหนกอย่างไม่เคยมีมาก่อนก็เกิดขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจของกุ่ยเม่ย
ในทางกลับกัน หลงเซี่ยวเจ๋อก็ตัวแข็งอยู่กับที่ราวกับรูปปั้น
เขาค่อยๆ ปล่อยมือที่จับคอเสื้อขององครักษ์เงาออก ิญญาเหมือนจะหลุดออกจากร่างจริงๆ เขายืนนิ่งเฉย ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร
ท่าทีที่อ่อนโยนสง่างามตามปกติของเล่อเทียนในยามนี้กลับดูจริงจังมาก
เขาระงับความตื่นตระหนกในใจ ขมวดคิ้ว แล้วถามเสียงทุ้มว่า “นอกจากศพพบอะไรอีกหรือไม่?”
หลงเซี่ยวเจ๋ออยู่ใกล้แค่เอื้อม แม้ว่าองครักษ์เงาจะได้รับการฝึกฝนมาเป็อย่างดี แต่ในยามนี้เขากลับไม่อาจทนต่อการบีบคั้นของสิงโตน้อยตรงหน้าที่กำลังโกรธเกรี้ยว
เขาจึงค่อยๆ ก้าวไปด้านข้าง จากนั้นจึงพูดอย่างระมัดระวัง “ข้าน้อยยังคงพบสิ่งเหล่านี้ที่นั่น มีดเล่มนี้ตรงกับาแบนร่างกายหญิงผู้นั้น มันเป็อาวุธที่ใช้สังหาร”
ขณะที่องครักษ์เงาพูด เขาก็ยื่นมีดและถุงมือที่เปื้อนเืมาให้
หากศพหญิงสาวก่อนหน้านี้เพียงแค่ถูกมีดแทงจนปักอยู่ในาแ มีดและถุงมือในยามนี้ก็เป็สิ่งที่ดึงออกมาแล้วแทงเข้าที่าแเดิมของพวกเขาอย่างแรง
แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะไม่เชื่อว่าศพหญิงสาวคือมู่จื่อหลิง แต่สิ่งเหล่านี้...
ยามเล่อเทียนเห็นมีดและถุงมือ เขาก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าของเขาซีดเผือดด้วยความใ หน้าซีดราวกับกระดาษ
คนอื่นอาจไม่คุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ แต่เล่อเทียนคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้มาก
ทั้งหมดนี้คือสิ่งของของมู่จื่อหลิง มู่จื่อหลิงเคยบอกเขาว่ามีดผ่าตัดของนางนั้นไม่เหมือนผู้ใดในใต้หล้า
กุ่ยเม่ยใมากจนมือเท้าอ่อนปวกเปียก
อยู่กับมู่จื่อหลิงมานานเพียงนี้ เขาย่อมจำสิ่งเหล่านี้ได้
ไม่สำคัญว่าศพหญิงสาวจะเป็มู่จื่อหลิงหรือไม่ แต่กุ่ยเม่ยมั่นใจได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับหวางเฟยของเขา!
แต่ในเวลานี้ หลงเซี่ยวเจ๋อกลับทำเพียงหันศีรษะอย่างแข็งทื่อ มองมายังพวกเขา...
เมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียวของเล่อเทียนและกุ่ยเม่ย อีกทั้งเมื่อมองไปที่สิ่งเ่าั้ที่ล้วนเปื้อนเื หลงเซี่ยวเจ๋อรู้สึกราวกับว่าเขาถูกโจมตี ทั้งร่างกายของเขาตื่นตระหนก
ในเวลาต่อมา หลงเซี่ยวเจ๋อสั่นสะท้านไปทั้งตัวราวกับว่าเขาถูกฉีดเืไก่ เขาะโใส่พวกเล่อเทียน “พวกเ้ากลัวอะไรกัน? ตื่นตระหนกกับสิ่งใด? เพียงแค่ถุงมือเน่าๆ กับมีดพังๆ เหตุใดถึงต้องกลัว? กลัวอะไร...”
ไม่มีใครรู้ว่าในขณะที่หลงเซี่ยวเจ๋อกำลังคำราม เขารู้สึกกลัวมากกว่าคนอื่น
เล่อเทียนลากเท้าหนักอึ้งไปข้างหน้า หยิบมีดและถุงมือจากองครักษ์เงาด้วยนิ้วที่สั่นเทา พูดทั้งที่ตัวสั่นสะท้านว่า “สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็ของเสี่ยวหลิงเอ๋อร์”
องครักษ์เงาผู้สง่างามตอบอย่างไม่กลัวตาย “ด้วยเหตุนี้ข้าน้อยจึงเดาว่าศพหญิงสาวน่าจะ...”
แต่ใครจะรู้ องครักษ์เงายังไม่ทันได้พูดคำสุดท้าย
ทันใดนั้น หลงเซี่ยวเจ๋อก็ยื่นมือออกมาอีกครั้ง จากนั้นจึงบีบคอของเขาแน่น บังคับให้เขากลืนคำพูดสุดท้ายลงไปในลำคอ
“หุบปาก! หุบปาก!” หลงเซี่ยวเจ๋อแสดงความโกรธเกรี้ยวเ็าพร้อมด้วยสายตาอาฆาต จ้องมององครักษ์เงาอย่างกระหายเื
ในขณะนี้ ดูเหมือนว่าตราบใดที่องครักษ์เงากล้าส่งเสียง เขาก็จะตายลงทันที
เมื่อมองดูของที่เปื้อนเืสองสามชิ้นในมือของเขา เล่อเทียนก็ยิ่งตื่นตระหนก แต่เขาจับใจความคำพูดขององครักษ์เงาได้อย่างดี
หมายความว่า...องครักษ์เงายังไม่อาจยืนยันได้ว่าศพหญิงสาวคือมู่จื่อหลิง
หากไม่อาจยืนยันได้เช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?
นี่แสดงให้เห็นว่าปัญหาอยู่ที่ศพหญิงสาว ปัญหาคือไม่สามารถจำศพหญิงสาวได้เลย ดังนั้นจึงอาจไม่ใช่มู่จื่อหลิง
ร่องรอยความสงสัยฉายแววในดวงตาของเล่อเทียน เขาจ้องมองที่องครักษ์เงาที่ถูกหลงเซี่ยวเจ๋อบีบคอจนหายใจไม่ออก แล้วถามเสียงเย็น “มีอะไรผิดปกติกับศพนั้นหรือไม่? ไม่อาจระบุตัวตนได้ใช่หรือไม่?”
องครักษ์เงาผู้น่าสงสารถูกหลงเซี่ยวเจ๋อบีบคอจนพูดไม่ออก แทบจะหยุดหายใจแล้ว
องครักษ์เงากะพริบตาถี่ๆ ตอบได้เพียงเท่านี้
เล่อเทียนพยักหน้าอย่างเข้าใจ จากนั้นจึงมองหลงเซี่ยวเจ๋อที่กำลังหงุดหงิด “ปล่อยก่อน”
แต่ใครจะรู้ ดวงตาของหลงเซี่ยวเจ๋อเป็สีแดง เขาเกือบจะเสียสติจนกลายร่างเป็สัตว์ร้ายที่ถูกขังอยู่ในกรง [1] เขาโกรธมากจนไม่ฟังสิ่งใด
ราวกับว่าคนตรงหน้าเขาเป็ฆาตกรที่ฆ่ามู่จื่อหลิง หลงเซี่ยวเจ๋อไม่เพียงแต่ปฏิเสธที่จะปล่อยมือ แต่ยังจับแน่นขึ้นอีกด้วย
ใครจะคิดว่าหลงเซี่ยวเจ๋อที่ทั้งขี้เล่นและไร้หัวใจจะมี่เวลาแห่งความโกรธ อีกทั้งในยามที่เขาโกรธเขาถึงกับหลุดการควบคุม
รู้จักกันมาหลายปี แต่นี่เป็ครั้งแรกที่เห็นเช่นนี้...เล่อเทียน แอบถอนหายใจ
เขาจับแขนหลงเซี่ยวเจ๋อด้วยมือข้างหนึ่ง ปลอบโยนเบาๆ “สิ่งเหล่านี้เป็ของนาง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าศพเป็ของนาง นอกจากนี้ เหตุใดนางถึงทำร้ายตัวเองด้วยมีดของนางเอง? ไปดูสถานการณ์กันก่อน”
แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้น แต่เล่อเทียนรู้ดีกว่าใคร แม้ว่าศพจะไม่ใช่มู่จื่อหลิง แต่หากสิ่งของของนางปรากฏขึ้นในยามนี้ นี่หมายความว่านางกำลังตกอยู่ในอันตราย เป็ลางร้ายยิ่งกว่าลางร้าย
นี่เป็สาเหตุที่ทำให้เล่อเทียนใจสั่นยามเห็นมีดผ่าตัดและถุงมือเมื่อครู่นี้
ต้องรู้ว่า หากมีบางอย่างเกิดขึ้นกับมู่จื่อหลิง ยามหลงเซี่ยวอวี่กลับมา...เล่อเทียนไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงผลที่ตามมา
หลังจากฟังคำพูดของเล่อเทียน หลงเซี่ยวเจ๋อก็หายใจเข้าลึกๆ ระงับอารมณ์ของตน
จากนั้นเขาก็โยนองครักษ์เงาทิ้งอย่างไร้ความปรานี วิ่งเข้าไปในป่าทึบโดยไม่หันกลับมามอง ความเร็วนั้นเร็วมากจนแม้แต่เล่อเทียนก็แทบตามไม่ทัน
เล่อเทียนซึ่งติดตามหลงเซี่ยวเจ๋อ รู้สึกว่ามีน้ำหนึ่งหรือสองหยดกระทบใบหน้าของเขาเป็ครั้งคราว
ชั่วขณะหนึ่งเล่อเทียนรู้สึกคันที่ใบหน้า เขาจึงยื่นมือออกไปเพื่อเช็ดออกโดยไม่สนใจ
ตอนแรกนึกว่าฝนตก
คาดไม่ถึง เขาเห็นหลงเซี่ยวเจ๋อที่วิ่งอยู่ข้างหน้ายกมือขึ้นตลอดเวลา ดูเหมือนว่าจะเป็ท่าทางของการเช็ดหน้า...
หยดน้ำลอยมาจากทิศทางนั้น
เล่อเทียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เข้าใจ
อันธพาลผู้ไม่เคยสนใจสิ่งใดถึงกับหลั่งน้ำตา...นี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้เห็นมันเช่นกัน
—
เมื่อหลงเซี่ยวเจ๋อเห็นศพที่น่าสยดสยองตรงทางเข้าถ้ำศพจากระยะไกล สิ่งก่อสร้างทางจิตใจที่เขาสร้างขึ้นระหว่างทางก็พังทลายลงในทันที
หลงเซี่ยวเจ๋อไม่กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อดูศพอย่างชัดเจนอีกต่อไป
ไม่ ไม่ใช่นาง ต้องไม่ใช่นาง ไม่ใช่...
หลงเซี่ยวเจ๋อไม่เพียงแต่ไม่ก้าวไปข้างหน้าเท่านั้น เขายังคงส่ายหัว ถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว
์ทราบดีว่าในยามนี้หลงเซี่ยวเจ๋อหวาดกลัวมากเพียงใด เขากลัวว่าคนผู้นั้นคือพี่สะใภ้สามของตน
หากเป็เช่นนั้นควรทำอย่างไร?
ข้าควรทำอย่างไรดี...
เล่อเทียนกับกุ่ยเม่ยที่เดินแซงหน้ามาก็หยุดระหว่างทางเช่นเดียวกัน
พวกเขามองดูสิ่งที่เรียกว่าศพหญิงสาวด้วยความประหลาดใจและไม่เชื่อ
ศพนั้นยังเรียกว่าศพได้หรือ?
ไม่ต้องพูดถึงว่าเนื้อบนขาถูกตัดไปทั่วไม่มีเหลือ เผยให้เห็นไปถึงกระดูกที่เปื้อนเื แต่เมื่อหันมองใบหน้า
ใบหน้านั้นราวกับถูกเครื่องบดเนื้อบดละเอียด ไม่ต้องพูดถึงลักษณะใบหน้า ด้วยไม่อาจเห็นได้แม้กระทั่งสีเนื้อหนัง ทั้งหน้าล้วนเป็สีแดงเื น่าขยะแขยงจนอยากจะอาเจียนเป็เื
วิธีการสุดโต่งนี้ช่างโหดร้ายเสียเหลือเกิน!
อย่างไรก็ตาม เมื่อกุ่ยเม่ยเห็นว่าศพสวมชุดสีดำก็ใกลัวทันที
“หวางเฟย!” ยามที่เขาแยกทางกับมู่จื่อหลิงเป็ครั้งสุดท้ายเมื่อวานนี้ มู่จื่อหลิงสวมชุดย้อมด้วยสีดำ
เมื่อวานนี้มู่จื่อหลิงวิเคราะห์กับเขาด้วยซ้ำ สีดำนี้แตกต่างจากสีดำปกติ ดังนั้นกุ่ยเม่ยจึงจำได้อย่างรวดเร็ว นี่คือสีดำที่ย้อมด้วยน้ำยาดำ
แต่ใครจะรู้ หากกุ่ยเม่ยไม่พูดก็คงไม่เป็ไร แต่เมื่อเขาส่งเสียงขึ้นมา จึงเป็การจุดชนวนคนด้านข้างในทันที
ด้านข้างหลงเซี่ยวเจ๋อ ซึ่งดูซีดเซียวอยู่แล้ว ในพริบตาเดียวโลกของเขาก็ะเิออก เปลวเพลิงแผดเผาหัวใจ เขาชูกำปั้นขึ้นใส่กุ่ยเม่ยทันที
“หวางเฟยอะไรกัน!” หลงเซี่ยวเจ๋อผลักร่างสูงของกุ่ยเม่ยลงกับพื้นอย่างอุกอาจ ต่อยกุ่ยเม่ยหมัดแล้วหมัดเล่า
ในขณะที่ปล่อยกำปั้น เขาก็ะโด้วยเสียงแหบแห้ง “ข้าบอกเ้าแล้ว คนคนนั้นไม่ใช่มู่จื่อหลิง นางไม่ใช่มู่จื่อหลิง พี่สะใภ้สามของข้าไม่ใช่คนขี้เหร่ นางไม่ใช่พี่สะใภ้สามของข้า...”
ในขณะนี้ กุ่ยเม่ยเต็มไปด้วยการตำหนิตนเอง เขานอนราบกับพื้นโดยปราศจากการขัดขืนใดๆ ปล่อยให้หลงเซี่ยวเจ๋อปล่อยกำปั้นใส่ตน
มีบางอย่างเกิดขึ้นกับหวางเฟย เมื่อนายท่านกลับมาจะอธิบายกับนายท่านได้อย่างไร?
มีบางอย่างเกิดขึ้นกับหวางเฟย ฟ้าถล่มแล้ว!
หวางเฟยพบเหตุร้าย หมัดเล็กๆ เหล่านี้จะมีความหมายอะไร แม้ว่าเขาจะตกนรก เขาก็ยังไม่ปลอดภัย
ความสิ้นหวังมืดมนปรากฏขึ้นในใจกุ่ยเม่ย
ใน่เวลาสั้นๆ กุ่ยเม่ยก็ถูกหลงเซี่ยวเจ๋อตีจนหน้าฟกช้ำและบวมเป่ง เป็ภาพที่น่าสยดสยอง
องครักษ์เงาคนอื่นๆ ต่างอ้าปากค้าง พวกเขาใซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับปฏิกิริยาอันน่าประหลาดใจของหลงเซี่ยวเจ๋อ
ต้องรู้ว่าองค์ชายหกในยามปกติ เมื่ออยู่ต่อหน้ากุ่ยเม่ยพระองค์ไม่ต่างจากไก่ เป็เพียงผู้ถูกไล่จับเท่านั้น แต่แล้วยามนี้เล่า?
ในยามนี้คนหนึ่งตั้งใจทุบตี อีกคนเต็มใจทนทุกข์ ทั้งสองคนอยู่ในสภาพไม่รับรู้สิ่งใดโดยสมบูรณ์ ดังนั้นเล่อเทียนซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับศพจึงต้องบังคับตัวเองให้สงบลงแม้ว่าเขาจะไม่สงบก็ตาม
นอกจากนี้ เขาไม่เคยเชื่อเลยว่าฉีหวางเฟยผู้ซึ่งเขามองเหมือนเทพเ้าผู้ยิ่งใหญ่มาโดยตลอด จะตายอย่างน่าอนาถ
หากหลงเซี่ยวเจ๋อยังคงทำเช่นนี้ต่อไปย่อมมีคนตาย...ในขณะที่เล่อเทียนเดินไปตรวจสอบศพ เขารีบขอให้องครักษ์เงาหลายคนดึงหลงเซี่ยวเจ๋อออก
แต่ใครจะไปรู้ว่าความแข็งแกร่งของหลงเซี่ยวเจ๋อในเวลานี้นั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ เขาดิ้นจนหลุดจากองครักษ์เงาที่แข็งแกร่งหลายคนได้อย่างง่ายดาย
แต่หลงเซี่ยวเจ๋อไม่ได้พุ่งเข้าทุบตีกุ่ยเม่ยอีกต่อไป เขายกมือขึ้นเช็ดของเหลวที่ล้นออกจากเบ้าตา แล้ววิ่งไปที่ศพ
แต่สุดท้ายแล้ว ฝีเท้าของหลงเซี่ยวเจ๋อดูเหมือนจะเต็มไปด้วยสิ่งทำลายล้าง ทุกย่างก้าวหนักอึ้ง ดูเหมือนว่าระยะทางสั้นๆ ไม่กี่ก้าวนี้ เขาต้องใช้เวลามากกว่าสิบปีกว่าจะไปถึง
แม้ว่าจะใช้เวลาราวสิบปีแต่มันก็เป็เพียงไม่กี่ก้าวสั้นๆ หลงเซี่ยวเจ๋อยืนอย่างมั่นคงอยู่หน้าศพ จ้องมองโดยไม่กะพริบตา
ในขณะนี้เขาดูไม่เปลี่ยนไปเลย เงียบสงบผิดปกติ แต่ความสงบของเขาทำให้เล่อเทียนที่อยู่ข้างๆ เขาแทบจะจำเขาไม่ได้
เล่อเทียนชำเลืองมองหลงเซี่ยวเจ๋อโดยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นเขาก็นั่งยองๆ ข้างศพ ตรวจสอบอย่างระมัดระวัง พยายามดูบางอย่างจากใบหน้าของศพ
น่าเสียดายที่ใบหน้านั้นได้รับความเสียหายอย่างมากจนมองไม่เห็นอะไรเลย
แต่รูปร่างนี้ ดูเหมือนว่าไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันแตกต่างจากมู่จื่อหลิง...เล่อเทียนขมวดคิ้ว เขาหันหน้าไป โบกมือให้กุ่ยเม่ย “กุ่ยเม่ย มาดูสิ”
กุ่ยเม่ยดูเหมือนจะถูกทุบตีอย่างรุนแรง แต่ทั้งหมดล้วนเป็อาการาเ็เพียงผิวเผิน ประกอบกับนิสัยที่แน่วแน่มั่นคง อาการาเ็เหล่านี้ไม่ได้นับเป็อะไรสำหรับเขา
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของเล่อเทียน กุ่ยเม่ยก็พยุงกายลุกขึ้นจากพื้นด้วยความลำบากใจ ก่อนก้าวเข้าไป
แต่ก่อนที่เล่อเทียนจะถาม กุ่ยเม่ยก็เห็นศพ
ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็สั่นเทา ดวงตาของเขาบวมเป่งเหมือนเปาจึ [2] เขาเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าคนผู้นี้......
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] สัตว์ร้ายที่ถูกขังอยู่ในกรง (犹似被困的凶兽般) เป็วลี มีความหมายว่า คนไร้เหตุผล ไม่อาจควบคุมได้ หรือคนที่มีใจโเี้อย่างสัตว์
[2] เปาจึ (包子) มีความหมายว่า ซาลาเปา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้