มู่จื่อหลิงเพื่อเอาชีวิตรอด ก็เร่งความเร็วของฝีเท้าจนถึงระดับสูงสุด วิ่งตะบึงเข้าไปในป่าอันมืดมิดสุดแรงเกิด ขอแค่มีหนทางนางก็จะวิ่งไปด้วยความเร็วอันบ้าคลั่ง
ด้านหลังก็มีฝูงหมาป่าไล่ตามอย่างไม่ลดละ ส่งเสียงขู่คำรามข่มขวัญผู้คน
มู่จื่อหลิงรู้ว่าขอเพียงแค่หยุดลง นางก็จะกลายเป็อาหารในท้องของหมาป่าสิบกว่าตัวข้างหลัง นางจึงไม่กล้าหันไปมองสถานการณ์ข้างหลังแม้แต่วินาทีเดียว
นางรู้ว่า จากความสามารถของนางคงยื้อต่อไปได้ไม่นาน พละกำลังจะถูกเผาผลาญอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จะล้มลงกับพื้น
ถ้า้าเอาชีวิตรอด ก็มิอาจวิ่งอย่างม้าไม่หยุดฝีเท้าเช่นนี้ได้ สิ้นเปลืองพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์
ในยามอันตรายเหลือแสนเช่นการถูกหมาป่าไล่ตามนี้ สมองของมู่จื่อหลิงก็วิ่งอย่างเร็วจี๋ หวังว่าจะสามารถคิดวิธีแก้ปัญหาได้ก่อนหมาป่าจะพุ่งเข้ามา
เพียงแต่ ยังไม่รอให้นางคิดวิธีออก จู่ๆ ก็รู้สึกว่าชายกระโปรงที่พลิ้วอยู่ด้านหลัง ถูกกัดไว้อย่างแรง
ตามมาด้วย
‘แควก’
เสียงฉีกขาดดังขึ้น กระโปรงสีขาวของมู่จื่อหลิงถูกฉีกไปส่วนใหญ่
มู่จื่อหลิงอดตื่นตระหนกขึ้นมาไม่ได้ เพียงแต่ตอนนี้เป็่เวลาคาบเกี่ยวของเส้นแบ่งความเป็ตาย นางมิอาจตื่นตระหนก ไม่อาจดิ้นสะเปะสะปะ
มิเช่นนั้น...
มู่จื่อหลิงพยายามข่มความตื่นตระหนกในใจลงไป ให้จิตใจตนเองเยือกเย็นลงอย่างช้าๆ
ตอนนี้ไร้เรี่ยวแรงพลิกสถานการณ์ สิ่งสุดท้ายที่สามารถใช้และพึ่งพาได้ ก็คือยาพิษกองหนึ่งที่สกัดในระบบซิงเฉิน
ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้ได้แต่พึ่งความหวังสุดท้ายแล้ว
ดังนั้น มู่จื่อหลิงจึงวิ่งไปด้วยล้วงขวดยาพิษออกมาจากระบบซิงเฉินไปด้วยอย่างไม่สนใจ และยังไม่ทันดูว่าเป็ยาพิษอะไร เพียงเปิดได้ก็โยนไปด้านหลังเต็มแรง
ในชั่วขณะนั้น ด้านหลังก็มีหมาป่าสองตัวส่งเสียงโหยหวนอันน่าเวทนา และมีเสียงฉี่ๆๆ จากต้นไม้ใบหญ้าที่ถูกกัดกร่อน
มู่จื่อหลิงได้ยินเสียงโหยหวนจากหมาป่าด้านหลัง จึงได้รู้ว่าที่นางทิ้งไปอย่างส่งๆ นั้น โยนไปถูกหมาป่าด้านหลังเข้าแล้ว
นางยินดีในใจ ล้วงยาพิษออกมาโยนไปข้างหลังต่อ
การโยนยาพิษไปมั่วซั่ว แม้จะมีอัตราการเข้าเป้าต่ำ แต่ไม่แน่ว่าสุดท้ายอาจจะช่วยชีวิตนางไว้ได้จริงๆ
ความคิดมู่จื่อหลิงสมบูรณ์แบบนัก แต่ความจริงกลับไร้ประสิทธิภาพนัก
มู่จื่อหลิงที่ลอบยินดีในใจกลับไม่รู้เลยว่าเพราะเพื่อนร่วมฝูงล้มไปอย่างกะทันหัน ใบหน้าของฝูงหมาป่าจึงยิ่งดุร้ายและโมโหมากขึ้นไปอีก
มู่จื่อหลิงไม่รู้เลยว่าการกระทำนี้ของนาง ยิ่งไปเสริมความตั้งใจจะ้าฉีกนางเป็ชิ้นๆ ของฝูงหมาป่าให้แรงกล้าขึ้นจนถึงที่สุด
“บราวู้!”
หมาป่าส่งเสียงหอนอย่างดุดันและโกรธแค้น
มู่จื่อหลิงมัวแต่สนใจจะโยนขวดยาพิษไปด้านหลังอย่างเต็มแรง กลับไม่รู้เลยว่า หมาป่าด้านหลังรู้สึกได้ว่าสิ่งที่นางโยนออกมามีอันตราย พวกมันจึงแยกเป็สองทางไล่ตามอย่างชาญฉลาด
ในระหว่างที่วิ่งห้ออยู่นั้น ต่อให้บางครั้งจะมีสิ่งของนิรนามบินผ่านมา หมาป่าก็จะหลบได้ตามสัญชาตญาณ
เพราะต้องหลบหลีกยาพิษ ความเร็วของหมาป่าจึงค่อยๆ ช้าลงเล็กน้อย
มู่จื่อหลิงรู้สึกประหลาดใจ แรกเริ่มนั้นยังสามารถได้ยินเสียงร้องโหยหวนอย่างเ็ปของหมาป่า ทว่าตอนสุดท้ายกลับได้ยินเสียงขู่คำรามด้วยความโกรธแค้นของหมาป่า ไม่ได้ยินเสียงหมาป่าโหยหวนแม้แต่น้อย
พูดเช่นนี้แล้ว แสดงว่ายาพิษที่นางโยนไปมากมายเพียงนั้นไม่เข้าเป้าเลย?
ทว่าั้แ่ต้นจนจบมู่จื่อหลิงกลับไม่ได้ผ่อนการโยนยาพิษเลย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด
กระทั่งมือปวดเมื่อยจนชาหนึบ!
กระทั่งยาพิษที่สกัดไว้ในระบบซิงเฉินใช้จนหมดแล้ว ก็ยังไม่ได้ยินเสียงหมาป่าล้มลงกับพื้น!
มู่จื่อหลิงรู้สึกพ่ายแพ้ราบคาบ ต่อให้วิธีโยนยาพิษของนางจะไม่ถูกต้อง แต่ก็คงไม่อาจโยนยาพิษไปจนหมดแล้ว จะไม่โดนแม้แต่สักตัว!
นางหันศีรษะไปมองตามจิตใต้สำนึกอย่างเร็วๆ
“มารดาเถอะ!”
มู่จื่อหลิงลอบสบถด่า ในใจเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
คาดไม่ถึงว่าฝูงหมาป่าจะแยกวิ่งสองฝั่งอย่างชาญฉลาด แต่นางโยนยาพิษไปตรงกลางอย่างโง่งม
ตอนนี้ใช้ยาพิษหมดแล้ว ไม่อาจใช้ปกป้องชีวิตนางได้แล้ว ไม่ว่าสุดท้ายจะรอดชีวิตไปได้หรือไม่ ในใจมู่จื่อหลิงก็ยังรู้สึกเ็ป
ยาพิษในระบบซิงเฉินที่นางสกัดออกมาได้อย่างขมขื่น ล้วนเป็หยาดเหงื่อแรงกายของนาง โยนจนหมดในคราเดียว
สิ่งที่สำคัญที่สุด คาดไม่ถึงว่าจะโยนไม่ถูกหมาป่าสักตัว ยาพิษทั้งหมดล้วนเป็ความพยายามอันสูญสิ้น ไร้ประโยชน์
“บรู้ว!”
เสียงขู่คำรามของฝูงหมาป่าดังต่อเนื่องกันไม่ขาดสาย เพราะเพิ่งหลบหลีกยาพิษของมู่จื่อหลิง ความเร็วของพวกมันจึงลดลงอย่างเห็นได้ชัด
และยามนี้ยาพิษของมู่จื่อหลิงก็โยนจนหมดแล้ว ฝูงหมาป่าจึงเพิ่มความเร็วขึ้นมาในทันที
‘แควก’ เป็เสียงฉีกขาดของผ้าอีกครั้ง
มู่จื่อหลิงตกตะลึง หมาป่าด้านหลังเข้ามาใกล้ยิ่งนักในชั่วครู่เดียว รอจนกระโปรงถูกกัดขาด คำต่อไปที่ถูกกัดจนหลุดคงเป็เนื้อบนตัวแล้ว!
จากสัญชาตญาณการเอาตัวรอด มู่จื่อหลิงจึงคิดเพิ่มความเร็วของฝีเท้าอีก
เพียงแต่ ทำอย่างไรก็ดูเหมือนจะรวดเร็วขึ้นมาไม่ได้แล้ว
ในชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาของนางก็พร่ามัวไม่ชัดเจน ในความเลือนรางนั้นนางรู้สึกได้ว่าร่างกายนางพลิ้วไหว ราวกับวินาทีถัดมาจะล้มไปข้างหน้า
มู่จื่อหลิงกัดริมฝีปากแน่น ฝืนประคองเอาไว้ แต่ต่อให้ตอนนี้วิ่งได้ ก็คงวิ่งไม่ชนะฝูงหมาป่าที่ไล่ตามอย่างไม่ลดละ
ในวินาทีนี้ มู่จื่อหลิงสามารถจินตนาการได้ว่าคมเขี้ยวแหลมคมของหมาป่าสิบกว่าตัวด้านหลังกัดเข้าไปในผิวพรรณขาวละเอียดของนางอย่างแรง
นางจินตนาการไปถึง หมาป่าแต่ละตัวที่อ้าปากกว้างเผยให้เห็นคมเขี้ยวอันแหลมคม ฉีกเนื้อเนียนนุ่มบนร่างกายนางออกเป็ชิ้นอย่างโเี้ ฉากที่น่าอกสั่นขวัญแขวน อาบชโลมไปด้วยโลหิตสดๆ
นางรับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวนิรนามที่ทะลักเข้ามาในใจอย่างไม่มีที่มาที่ไป ทำให้ใจของนางสั่นระรัวขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
นางต้องตายแบบศพไม่สมบูรณ์จริงหรือ?
มู่จื่อหลิงไม่ยินยอมตายอย่างไม่ชัดเจนเช่นนี้
นางยังมีเื่อีกมากที่ยังไม่ได้ทำ ยังไม่ได้รักษามารดานางให้ฟื้นขึ้นมา ยังไม่สืบหาว่าใครคือคนที่วางยาพิษมารดานาง ยังไม่ได้โค่นล้มคนที่ให้ร้ายนาง...
นางยังมีคนที่อยากพบ นางอยากพบมู่จื่อเย่พี่ชายแท้ๆ ของนาง นางยังอยากพบเ้าคนสารเลวที่แข็งแกร่งทรงอำนาจ ผู้ตักเตือนอย่างดุๆ นับครั้งไม่ถ้วน
ในใจมู่จื่อหลิงขมปร่า ราวกับว่า...ราวกับว่านางจะชอบหลงเซี่ยวอวี่เข้าแล้วจริงๆ
ทว่า...มู่จื่อหลิงแย้มรอยยิ้มขื่นขมอย่างจนปัญญา ค่อยๆ หลุบตาที่พร่ามัวลง
ฝีเท้าที่ห้อตะบึงของนางค่อยๆ เปลี่ยนเป็ช้าลงอย่างไร้สุ้มเสียง
ในขณะนี้ นางลืมเลือนหมาป่าที่ไล่ตามอยู่ด้านหลังไปจนสิ้น
นางลืมเลือนว่าตนเองกำลังอยู่ที่เส้นแบ่งของความเป็ตาย
นางลืมว่าคืนนี้เป็คืนอะไร!
หมอกทึบทั้งสี่ทิศ โลกของนางเงียบสงัด ได้ยินเพียงแค่เสียงลมหายใจอันหนักหน่วงของตนเอง
สมองของนางหนักอึ้งราวกับมีก้อนหินใหญ่ถ่วงเอาไว้ ดวงตาสับสนมึนงง ท้องฟ้ามืดมิด...
ท่ามกลางความมืดมนนั้น มู่จื่อหลิงราวกับเห็นพญายมใบหน้าชั่วร้ายยืนอยู่ไม่ไกล กำลังส่งรอยยิ้มชวนขนลุก โบกมือให้นางอย่างเอื่อยเฉื่อย
ในยามที่เรี่ยวแรงของมู่จื่อหลิงถูกเผาผลาญจนสิ้นสติ เตรียมจะล้มถลาไปข้างหน้า
ในยามที่หมาป่าข้างหลังโผเข้ามาหานาง
เงาร่างสีแดงสดก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางหมอกที่หนาทึบ
เห็นเพียงใบหน้าหล่อเหลาครึ่งเดียวของเขา ริมฝีปากแดงเหมือนดื่มโลหิต หน้ากากโลหะลายผีเสื้อสะท้อนแสงสีเงิน สวมอาภรณ์สีแดงทรงเสน่ห์ ชายอาภรณ์โบกพลิ้วท่ามกลางสายหมอกสีขาว เป็ฉากน่าหลงใหลในแสงสีเงินยามเช้ามืดที่ดึงดูดความสนใจผู้คน
ถ้ายามนี้มู่จื่อหลิงยังมีสติรับรู้อยู่ นางจะต้องร้องอุทานด้วยความใอย่างไม่อยากเชื่อเป็แน่
พ่อค้าหน้าเื!
คนผู้นี้ก็คือพ่อค้าหน้าเืที่นางว่า เย่จื่อมู่
เย่จื่อมู่ยื่นแขนเรียวยาวของเขาออกด้วยความเร็วยิ่งกว่าสายฟ้าแลบ ประคองมู่จื่อหลิงที่แทบจะหมดสติไปแล้วไว้ แต่ไม่อาจหลบการจู่โจมของฝูงหมาป่าได้ทัน
เพื่อไม่ให้มู่จื่อหลิงได้รับาเ็แม้แต่รอยขีดข่วน เขาจึงไม่ลงมือโต้ตอบ
เขาปกป้องมู่จื่อหลิงไว้อย่างแ่า กัดฟันอดทนต่อการฉีกทึ้งอันโหดร้ายของฝูงหมาป่า
เขารวบรวมกำลังภายในสลัดหมาป่าที่กัดไม่ปล่อยออก ทุ่มแรงอุ้มมู่จื่อหลิงขึ้นมา ทะยานกายขึ้นไปบนต้นไม้ที่สูงใหญ่
เย่จื่อมู่มองดวงหน้าขาวผ่องที่สงบราวกับสายน้ำของมู่จื่อหลิง ริมฝีปากแดงก่ำฉีกเป็รอยยิ้มโล่งใจ “เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ โชคดี โชคดีที่เ้าไม่เป็ไร”
แผ่นหลังและแขนของเย่จื่อมู่เป็าแถูกฉีกกัด มีโลหิตสีแดงสดซึมออกมาไม่หยุด ย้อมอยู่บนอาภรณ์สีแดงอันทรงเสน่ห์ ราวกับน่าสยดสยองเป็พิเศษ
ในชั่วพริบตา กลิ่นเืคละคลุ้งไปทั่วบริเวณโดยรอบ หมาป่าด้านล่างส่งเสียงหอนไม่หยุด ล้อมต้นไม้เข้ามา จ้องถมึงทึงไปยังคนทั้งสองบนต้นไม้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด มู่จื่อหลิงที่เดิมหมดสติไปก็ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ สติที่พร่าเบลอกลับมาแจ่มใสทีละน้อย
เพียงแวบแรกก็เห็นใบหน้าสวมหน้ากากผีเสื้อ เขาเองก็จ้องมาที่มู่จื่อหลิงเป็เวลานาน
“ท่าน...ท่านคือพ่อค้าหน้าเื?” มู่จื่อหลิงเบิกตากว้าง ยันกายนั่ง ร้องอุทานอย่างใ
นางมิได้กำลังถูกฝูงหมาป่าไล่ตามหรือ? ไล่ตามไปเรื่อยๆ สุดท้ายจึงหมดสติรับรู้ไปอย่างสิ้นเชิง
เื่ราวหลังจากนั้นนางไม่รู้อะไรเลย
เย่จื่อมู่มาปรากฏกายตรงหน้านางได้อย่างไร? มิได้กำลังฝันอยู่กระมัง?
“เถ้าแก่มู่ พวกเราเพิ่งพบกันเมื่อวานนี้เอง เหตุใดจึงได้ลืมข้าน้อยรวดเร็วเพียงนี้เล่า?” เย่จื่อมู่โค้งริมฝีปากที่ไร้สีเืด้วยรอยยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม
เป็ความจริง ไม่ใช่ความฝัน!
มู่จื่อหลิงบังเกิดความประหลาดใจขึ้นมาโดยพลันจนถึงขั้นยากจะเชื่อ
ใต้ต้นไม้มีเสียงหอนโหยหวนต่ำๆ ของหมาป่า มู่จื่อหลิงจึงเข้าใจขึ้นมาในชั่วพริบตา
หรือใน่เวลาวิกฤติเส้นยาแดงผ่าแปด เย่จื่อมู่จะช่วยชีวิตนางไว้?
พูดเช่นนี้นางยังมีชีวิตอยู่? พูดเช่นนี้นางยังไม่ถูกหมาป่าฉีกเนื้อทึ้งกระดูก?
มู่จื่อหลิงก้มศีรษะมองฝูงหมาป่าใต้ต้นไม้ ยิ้มอย่างโง่งม “ท่ามกลางภัยอันตราย ข้ายังมีชีวิตรอดมาได้ มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแล้ว ข้าช่างมีบุญวาสนานัก”
“จิ๊ๆ เถ้าแก่มู่ ท่านยิ้มแล้วโง่งมจริงๆ” เมื่อเย่จื่อมู่เห็นมู่จื่อหลิงแย้มยิ้มด้วยใบหน้าซื่อบื้อ ก็ลืมความเ็ปทั่วสรรพางค์กายไปจนสิ้น ปากแสร้งพูดรังเกียจ กลับยื่นมือไปบีบจมูกมู่จื่อหลิงอย่างเอ็นดู
มู่จื่อหลิงจมอยู่ในห้วงความดีใจราวกับได้เกิดใหม่ ไม่ได้สังเกตการกระทำของเย่จื่อมู่อย่างสิ้นเชิง
นางรัวคำถามใส่เย่จื่อมู่ด้วยความตื่นเต้น “พ่อค้าหน้าเื ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่? แล้วท่านหาข้าเจอได้อย่างไร? แล้วช่วยชีวิตข้าได้อย่างไร?”
“อยากรู้ว่าเถ้าแก่อยู่ที่ไหนยากตรงใด ส่วนช่วยอย่างไรนั้น? อืม? ก็หิ้วท่านขึ้นมาบนต้นไม้เหมือนหิ้วไก่ ง่ายดายเพียงนี้เอง” เย่จื่อมู่แย้มยิ้มบางเบา อธิบายอย่างคร่าวๆ
แต่ถึงเย่จื่อมู่จะพูดถึงอย่างง่ายดายเพียงนั้น มู่จื่อหลิงกลับคิดว่ามันไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้น เพราะนางได้กลิ่นคาวเืในอากาศอย่างกะทันหัน
มู่จื่อหลิงเงยสายตาขึ้นมองสีหน้าเย่จื่อมู่แล้วขมวดคิ้วน้อยๆ สีหน้าของเขาซีดขาวราวกระดาษ ริมฝีปากก็มิได้แดงชุ่มชื้นเช่นแต่ก่อน
นี่คือสัญญาณเตือนว่าเสียเืมากจนเกินไปอย่างเห็นได้ชัด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้