หลังจากมื้อเย็นอันยากลำบากจบลง หยางเฉินและหลินรั่วซีก็เดินออกจากร้านอาหาร รอบๆ บริเวณนี้ล้วนเต็มไปด้วยร้านอาหารน่าอร่อยเต็มไปหมด แต่กระเพาะของทั้งสองกลับไม่อาจรับอาหารอย่างอื่นได้อีกต่อไป
หลินรั่วซีมองไปรอบๆ และเอ่ยถามว่า "ไหนล่ะร้านขายยา?”
"ที่นี่ไม่มีหรอกครับ เราต้องไปอีกถนนหนึ่ง" หยางเฉินกล่าว
"แล้วทำไมนายถึงพาฉันมาที่นี่?" หลินรั่วซีเกิดไม่พอใจขึ้นมาทันที เธอไม่ชอบการเสียเวลาไปกับสิ่งไร้ประโยชน์
หยางเฉินเกาศีรษะพลางกล่าวขึ้นว่า "ผมก็ไม่คิดว่าเราจะมากินกุ้งที่นี่เหมือนกัน"
ในขณะที่กำลังเดินไปที่จอดรถหยางเฉินก็กล่าวขึ้นว่า "เราเดินไปกันมั้ยครับ ร้านขายยาอยู่อีกแค่ครึ่งกิโลเอง จะได้ย่อยไปอาหารไปในตัว”
"แต่นั่นจะเสียเวลามาก" หลินรั่วซีกล่าวด้วยอารมณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หยางเฉินกล่าวอย่างหดหู่ว่า "คุณหลินรั่วซีครับ คุณจะรีบกลับบ้านไปทำไมกัน?"
"ทำงาน" หลินรั่วซีตอบกลับทันควัน
"คุณทำงานหนักไปเพื่ออะไร?" หยางเฉินถามอีกครั้ง
"แน่นอนว่า ฉันอยากทำให้บริษัทเติบโตขึ้นมากกว่านี้"
"แล้วหลังจากนั้นล่ะ"
"หลังจากนั้น..." หลินรั่วซีไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ เธอทำงานหนักมาโดยตลอด เพราะคู่แข่งของบริษัทมีมากมาย อวี้เหล่ยจำเป็ที่จะต้องแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
แต่ตอนนี้คู่แข่งของอวี้เหล่ยแทบไม่เหลือแล้ว ดังนั้นเมื่อหยางเฉินถามเธอ เธอจึงไม่สามารถตอบหยางเฉินได้
"ถ้ายังตอบผมในตอนนี้ไม่ได้ล่ะก็ ผมขอแนะให้คุณเดินไปกับผมจะดีกว่า นิวตันสามารถพบกฎแรงโน้มถ่วงได้จากการนั่งเล่นใต้ต้นแอปเปิล เด็กโง่อย่างคุณจะฉลาดเท่านิวตันหรือไง ถึงจะนั่งเฉยๆ แล้วคิดสมการระดับสุดยอดขึ้นมาได้? คุณเดินไปกับผมดีกว่า ทิมมี่ โปเตนเซียโน ยังบอกเลยว่าการเดินทำให้สมองแล่น" หยางเฉินพูดวกไปวนมาคว้านู่นมาเสริมนี่สับสนวุ่นวายไปหมด ใช้กลอุบายหลอกล่อให้หลินรั่วซีทำตามที่เขาบอก
หลินรั่วซีเดินไปฟังไปสักพัก ก่อนจะรู้ตัวกับคำพูดของหยางเฉิน
"นี่นายหาว่าฉันเป็เด็กโง่อย่างนั้นเหรอ!?"
หยางเฉินกล่าวอย่างจริงจังว่า "คุณดูตัวคุณสิ ปฏิกิริยาสอบสนองช้าขนาดนี้ ผมพูดผิดไปตรงไหน?"
หลินรั่วซีไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอไม่อยากเสียเวลาต่อปากต่อคำกับคนขี้โกงคนนี้
ทั้งสองเดินผ่านถนนคนเดินที่ส่องสว่าง เนื่องจากเป็ย่านชานเมืองจึงไม่ค่อยมีคนเดินเท้าเท่าไหร่นัก ทั้งสองจึงตกเป็เป้าสายตาของทุกคนที่ผ่าน
หยางเฉินรู้ว่า ไม่ว่าทั้งชายและหญิงเมื่อเดินสวนทางกัน ย่อมจะต้องมองหน้าสบตากันบ้างเป็ธรรมดา ยิ่งเป็หญิงสาวที่งดงามอย่างหลินรั่วซีแล้ว เธอย่อมตกเป็เป้าสายตาของชายทุกคนที่เดินผ่าน
หลินรั่วซ๊ไม่ค่อยได้ออกมาเดินตามถนนหนทางเช่นนี้นัก และเธอก็รู้สึกอึดอัดที่ต้องตกเป็เป้าสายตา
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงร้านขายยาแห่งหนึ่ง หลังจากปรึกษากับเภสัชกรเื่อาการของป้าหวังแล้ว หยางเฉินก็ทำทีเป็ซื้อยาออกมาก่อน เพราะชายหนุ่มไม่อยากให้หลินรั่วซีรู้ว่าป้าหวังกินยาไปแล้ว
หลังจากซื้อยาเสร็จ หยางเฉินเห็นหลินรั่วซีเดินก้มหน้าก้มตา ดูก็รู้ว่าเธอไม่ชอบความรู้สึกของการถูกจับตามอง
“ที่รัก เราขึ้นรถเมล์กันมั้ย?"
"รถเมล์?" หลินรั่วซีรู้สึกประหลาดใจ เธอไม่ได้ยินคำว่ารถเมล์มาเป็เวลาหลายปีแล้ว
"กุ้งก็ไม่เคยกิน รถเมล์ก็ยังไม่เคยนั่งอีกหรือครับ?" หยางเฉินเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
"ยุ่งจริง ถ้างั้นนายไม่ต้องนั่ง!" หลินรั่วซีเหลือบมองไปยังป้ายรถเมล์ข้างถนน เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครยืนอยู่เธอก็เดินไปยังป้ายรถเมล์
เวลานี้เป็เวลาสามทุ่มดังนั้นผู้คนจึงมีไม่มากนัก
ผ่านไปประมาณห้านาที รถเมล์ก็มาจอดเทียบท่า
หยางเฉินและหลินรั่วซีขึ้นรถไปพร้อมกัน หลังจากหยอดเหรียญแล้ว ทั้งสองก็กวาดสายตามองหน้าที่นั่ง ผู้โดยสารบนรถมีประมาณสามถึงสี่คนเท่านั้น หลินรั่วซีหาที่นั่งเดี่ยวข้างหน้าต่าง และสื่อความหมายเป็ที่ชัดเจนว่าไม่้าให้หยางเฉินมานั่งกับเธอ
หยางเฉินเดินไปสะกิดไหล่ของหลินรั่วซีในทันที "ฉลาดเลือกที่นั่งดีนะครับ"
หลินรั่วซีเงยหน้า กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า "นายไปนั่งที่อื่น ฉันขอนั่งตรงนี้คนเดียว"
"ถ้าคุณไม่ให้ผมนั่ง งั้นผมจะจูบคุณล่ะนะ" หยางเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลินรั่วซีได้ยินดังนั้นก็ถึงกับหันหน้ากลับมาจ้องหยางเฉินด้วยความอาย และรีบขยับไปใกล้หน้าต่างเพราะกลัวว่าคนขี้โกงผู้นี้จะทำอย่างที่พูดจริงๆ
หยางเฉินหย่อนก้นลงข้างๆ หลินรั่วซีอย่างพอใจ และยังขยับก้นเบียดหลินรั่วซีชนชิดกับหน้าต่างมากยิ่งขึ้น
ผู้ชายคนนี้ไร้ยางอายที่สุด ไม่เพียงบังคับให้เธอเขยิบ แต่ยังคุกคามเธอจนเบียดติดกับหน้าต่างอีก?
"นาย... นาย ทำไมเป็คนแบบนี้ ที่นั่งออกจะเยอะแยะ ทำไมไม่ไปนั่งที่อื่น?" หลินรั่วซีบ่นอุบด้วยความไม่พอใจ
หยางเฉินล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ สายตาจ้องมองหลินรั่วซีพลางกล่าวว่า "แม้ที่นั่งจะมีมากมาย แต่ข้างกายผมมีเพียงคุณเท่านั้น"
"...."
หลินรั่วซีนิ่งอึ้งไปกับคำพูดของหยางเฉิน ดวงตาเริ่มปรากฏน้ำออกมาเล็กน้อย เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา หญิงสาวเพียงรู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นรัวยิ่งกว่ากลองเท่านั้น
ข้างกายผมมีเพียงคุณ...
แต่ไม่นานนักเธอก็นึกเื่บางอย่างออก แล้วหัวเราะหึๆ ในลำคอ ก่อนจะหันมากล่าวกับหยางเฉินว่า "ทำเหมือนฉันเป็เด็กสามขวบ คิดว่าฉันไม่รู้หรือไง ว่านายมีผู้หญิงข้างกายอีกตั้งกี่คน?"
หยางเฉินยิ้มกล่าวอย่างเชื่องช้าว่า "ไม่ว่าจะมีกี่คน แต่ตอนนี้ตำแหน่งนี้จะมีเพียงคุณเท่านั้น อย่างน้อยผมก็คิดอย่างนั้นจริงๆ นะครับ"
หลินรั่วซีหันมองออกไปนอกหน้าต่าง โดยไม่ให้หยางเฉินเห็นการแสดงออกของเธอ
แต่ในขณะนั้นเองหยางเฉินก็คว้ามือของหลินรั่วซีเอามาไว้บนตักของเขา
หลินรั่วซีรู้สึกใเล็กน้อย เธอพยายามดึงมือกลับ และตั้งใจจะต่อว่าสักหลายคำ แต่เมื่อเห็นหยางเฉินดึงปลาสเตอร์ยาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เธอก็หยุดปากไปในที่สุด
"ผมเป็สามีที่แย่จริงๆ พาภรรยามาทานข้าว แต่กลับทำให้คุณาเ็ ได้ยินเภสัชกรบอกว่าติดนี่แล้วแผลจะหายเร็วขึ้น มาๆ ให้ผมติดให้คุณเอง"
หลินรั่วซีมองไปที่หยางเฉินด้วยสายตาว่างเปล่า
หยางเฉินฉีกกระดาษที่หุ้มปลาสเตอร์ยาออก และบรรจงแปะลงบนแผลที่นิ้วหลินรั่วซีอย่างระมัดระวัง
มือหลินของหลินรั่วซีทั้งขาวทั้งนุ่ม เมื่อหยางเฉินได้ััแล้วเขาแทบไม่อยากปล่อยมือของเธอไป อีกทั้งหลินรั่วซียังไม่มีท่าทีว่าจะถอนมือกลับ หยางเฉินจึงถือโอกาสบีบถูมือของหลินรั่วซีอย่างสนุกสนาน
"ปลาสเตอร์ยานี่เข้าใจทำนะครับ อย่างน้อยมือของภรรยาผมก็ยังสวย"
หลินรั่วซีตื่นจากภวังค์ในทันที จากนั้นถอนมือกลับอย่างรวดเร็ว เมื่อคิดว่าตนเองปล่อยให้หยางเฉินเล่นมืออยู่พักใหญ่ เธอก็แทบจะแหวกหน้าต่างะโลงจากรถไปด้วยความอาย!
หยางเฉินฉีกยิ้มออกมา เขารู้สึกภาคภูมิในอย่างมากที่สามารถทำให้ภรรยาคนงามแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมาได้
เมื่อกลับไปที่ลานจอดรถ ในขณะที่กำลังรัดเข็มขัดนิรภัย หยางเฉินก็หันไปกล่าวกับหลินรั่วซีที่ก้มหน้าเงียบว่า "ผมจะพาคุณไปพบคนคนหนึ่ง"
หลินรั่วซีกระซิบอย่างแ่เบา "ใคร?"
"เธอคือน้องสาวผมเอง เพิ่งเจอกันเมื่อสองวันที่แล้ว ผมสัญญาว่าจะพาภรรยาของผมไปพบเขา" หยางเฉินกล่าว
หลินรั่วซีเงยหน้าขึ้นมองหยางเฉินอย่างไม่ไว้ใจ
หยางเฉินเห็นท่าทีของหลินรั่วซีก็ยิ้มกล่าวว่า “ที่รัก ถ้าผมมีอะไรเกินเลยกับน้องสาวคนนั้น แล้วผมจะพาคุณไปพบกับเธองั้นเหรอครับ?"
"ในที่สุดนายก็ยอมรับแล้วสินะว่า นายมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่น" หลินรั่วซีทวนคำพูดของหยางเฉิน พร้อมทั้งกลับสู่ท่าทางอันเ็าเช่นกาลก่อน
หยางเฉินคิดว่าภรรยาของเขากลับมาเหมือนเดิมอีกแล้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเพียงยักไหล่ และขับรถมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกของชานเมือง
ผ่านไปสักพัก หยางเฉินก็มาถึงถนนที่เจินซิ่วตั้งรถเข็นขายของอยู่
เจินซิ่วในวันนี้สวมเสื้อสีเขียวเข้ม ผ้าพันคอยาว ชุดที่ใส่ค่อนข้างเชย แต่ใบหน้าที่ละเอียดอ่อน และดวงตาคู่งามก็ขับเน้นภาพโดยรวมออกมา บ่งบอกได้ว่าหญิงสาวมีความงามที่ไม่ธรรมดา
เมื่อเห็นหยางเฉินเดินเข้ามา เจินซิ่วก็รีบเข้ามาหา และกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า "พี่ใหญ่!"
"พี่มีเวลามาหาฉันด้วยเหรอ?" เจินซิ่วหัวเราะเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
"ไหนเธอบอกว่าถ้าฉันพาพี่สะใภ้มา เธอจะลดให้ฉัน 90% ไม่ใช่หรือไง?"
เจินซิ่วแย้มยิ้มกว้างจนจมูกย่น และเมื่อมองไปด้านหลังเธอก็เห็นหลินรั่วซีเดินมาพอดี
แต่ทันทีที่ทั้งสองพบหน้ากัน ใบหน้าของทั้งสองก็เต็มไปด้วยอาการใอย่างปิดไม่มิด!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้