เวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าใดไม่มีใครทราบ เสียงสายน้ำขยับไหวดังขึ้น ม่านหมอกก่อตัวรายล้อมรอบร่างของฮวาชีเยว่ หมอกเ่าั้ทอประกายสีฟ้าอ่อน ราวกับสายรุ้งงามหลังฝนตก ทอประกายแทรกความมืดครึ้มดูงดงามจับตา
ทันใดนั้น รอยแตกปรากฏขึ้นบนผืนฟ้าอีกครั้ง แสงนั้นสาดส่องลงมายังร่างเทียนพี่!
นางเพิ่งจะฝึกศาสตร์บงการิญญาเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น พลังปราณของนางก็เลื่อนขึ้นสู่ระดับหน่ออ่อนขั้นต้นแล้ว!
ฮวาชีเยว่ลืมตาขึ้นช้าๆ
แปะ แปะ แปะ…
เสียงดังตามมาพร้อมร่างเงาเบื้องหน้าที่กำลังปรบมือปรากฏสู่ครรลองสายตาของฮวาชีเยว่
“ยอดเยี่ยม ฮวาชีเยว่ เ้าเป็อัจฉริยะแท้ๆ ฮ่าๆ... คราวนี้ข้ามิได้หาคนผิดแล้ว ไม่ผิดคนจริงๆ! แข็งแกร่งยิ่งนัก ถึงกับเลื่อนระดับขึ้นภายในหนึ่งชั่วยามเช่นนี้!”
เทียนพี่หัวเราะคิกคักราวกับเด็กน้อย ราวกับตนเป็ผู้เลื่อนระดับแทนฮวาชีเยว่อย่างไรอย่างนั้น
ฮวาชีเยว่เม้มปากเล็กน้อย กำหมัดเข้าพร้อมกับดูดซึมพลังปราณอีกครา
คืนนี้ฮวาชีเยว่ไม่ได้กลับออกไปยังโลกภายนอก เพียงแต่ฟูมฟักโคจรพลังอย่างแน่วแน่อยู่ในบ่อน้ำร้อน
นางทราบเพียงว่าโคจรพลังในบ่อน้ำร้อนเช่นนี้อย่างน้อยนางต้องไปถึงระดับซึมซับพลังฟ้าดินได้ คืนนี้ลมปราณของนางพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด ยกระดับขึ้นไปถึงสองขั้นในคืนเดียว ทำให้เทียนพี่ตกตะลึงแล้ว
เมื่อกลับมายังโลกภายนอก ก็พบว่าเป็เวลาเช้าเสียแล้ว ทว่านางกลับไม่เหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย ซ้ำยังมีพลังเหลือเฟือ
เ้าตัวน้อยหลับอยู่ข้างกายนาง
ฮวาชีเยว่มองใบหน้าน้อยๆ ของเทียนซีที่หลับใหลในอ้อมแขนนางท่ามกลางแสงอรุณ
ดื่มน้ำแกงหลงแดงเพียงไม่กี่วัน รอยแผลเป็ของเ้าตัวเล็กก็จางหายไปแล้ว ใบหน้ากลมๆ น่ารักเริ่มฟื้นคืนกลับมา
ฮวาชีเยว่จำได้ว่าเมื่อวานใบหน้าเทียนซียังคงมีแผลเป็ ทั้งผิวกายยังหม่นหมอง
เพียงคืนเดียว เขาก็ตัวขาวอวบอ้วนแล้ว ดูเหมือนน้ำแกงหลงแดงใส่ไก่จะได้ผลจริงๆ
ทันใดนั้น เ้าตัวเล็กก็จับเสื้อฮวาชีเยว่แน่นขึ้น เขาอ้าปากน้อยๆ แล้วร้องไห้ออกมา “ฮือออ…”
เทียนซีถึงกับร้องไห้ในความฝัน! เขาย่อมต้องฝันถึงนางเมื่อชาติก่อน หรืออาจฝันถึงสตรีร้ายกาจพวกนั้นที่ทรมานเขากระมัง?
น้ำตาของนางเอ่อคลอขึ้นมา
นางเคยเชื่อในตัวโจวจื่อเฉิงอย่างโง่งม ทำให้เทียนซีต้องเป็ผู้รับาแนับไม่ถ้วน
าแในจิตใจนั้นรุนแรงกว่าาแทางกาย
ฮวาชีเยว่แตะหน้าเทียนซี ใบหน้าเขาเนียนเรียบราวเปลือกไข่ ทว่าคิ้วขมวดแน่นเข้าหากันราวกับตัวหนอน ร่างกายสั่นสะท้านรุนแรง
“อ๊ากก!” ทันใดนั้น เทียนซีก็กรีดร้องออกมาทำให้นางในัก นางไม่เคยเห็นเทียนซีฝันร้ายขนาดนี้มาก่อน
ทันใดนั้น นางก็กอดเทียนซี จุมพิตเขาแ่เบา “เทียนซี แม่อยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องกลัว ไม่มีใครทำร้ายเ้าได้!”
เขายังคงฝัน ทว่าร่างกายของเทียนซีหยุดสั่นแล้ว แต่เสียงของเด็กน้อยดังเสียจนลู่ซินและโหย่วชุ่ยใ พวกนางรีบวิ่งมาดูก็เห็นคุณหนูกำลังลูบหลังเด็กชายอยู่
แสงตะวันยามเช้าทอลงสู่ใบหน้าน้อยๆ ของเทียนซีจนกลายเป็สีแดงอ่อนๆ ดูน่ารักน่าชัง
ฮวาชีเยว่สั่งการให้ลู่ซินปิดม่านให้ห้องมืดลง เด็กน้อยจึงกลับไปนอนต่ออย่างสงบ
ความเกลียดชังในใจถาโถม ทำให้ความอดทนที่มีเกือบจะหายไปจากใจ ทว่านางทราบ สิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้คือการรักษาคอของเทียนซี
นางยังมีโอกาสแก้แค้นได้อีก บุรุษสตรีปีศาจคู่นั้นย่อมต้องมาหานาง
ฮวาชีเยว่สั่งสัญญาณให้ลู่ซินและโหย่วชุ่ยกลับออกไป บนใบหน้านางยังคงมีน้ำตา
ใน่ครึ่งเดือนนี้ ฮวาชีเยว่พาเทียนซีไปจวนหนานอ๋องเพื่อกำจัดพิษทุกสามวัน
อวิ๋นสือโม่เคียดแค้นฮวาชีเยว่นัก ทุกครั้งที่นางพาเทียนซีมาถึงห้องรับรอง อวิ๋นสือโม่จะพาเทียนซีตรงไปยังอีกห้องโดยไม่มองนางแม้แต่น้อย
ศิษย์ของเขาย่อมต้องคอยกันไม่ให้ฮวาชีเยว่เข้าไปในห้องนั้น
มีบทเรียนก่อนหน้า ฮวาชีเยว่ก็ไม่ใจร้อนอีกแล้ว ยิ่งกว่านั้นเทียนซีเองก็คุ้นเคยกับอวิ๋นสือโม่จนเลิกกรีดร้องดังเช่นครั้งแรกแล้ว
อวิ๋นสือโม่ปฏิบัติต่อนางราวกับงู ทุกครั้งที่ออกมาจากห้องจะให้แพทย์ฝึกหัดกันนางเอาไว้ไม่ให้ล้มใส่เขาอีก
ฮวาชีเยว่คร้านจะรับมือกับคนใจแคบเช่นอวิ๋นสือโม่ ระหว่างที่เทียนซีเข้ารับการรักษา ฮวาชีเยว่ก็จะเข้าสู่โลกลึกลับแห่งนั้นไปเพื่อฝึกฝน แม้จะเป็เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วยามทว่ากลับเป็่เวลาที่มีค่านัก
อี๋เหนียงสอง อี๋เหนียงสาม และฮวาเมิ่งซือต่างก็ดูเรียบร้อยพอสมควร
พวกนางคล้ายกำลังรอคอยโอกาส ฮวาชีเยว่เปรยๆ ถามถึงอาการของหวางมามาเพื่อให้นางเป็สายข้างกายอี๋เหนียงสอง
ฮวาชีเยว่ทราบว่าความใจเย็นที่ปรากฏของฮวาเมิ่งซือนั้นมิได้ทำให้เื่ราวจบลง คนเพียงรอคอยโอกาสอยู่เท่านั้น
ฮูหยินผู้เฒ่ากลับจากวัดสือซั่นแล้ว คนใส่ใจฮวาชีเยว่ขึ้นมาก ดังนั้น่นี้ฮวาชีเยว่จึงมักใช้เวลาอยู่กับลูกและฮูหยินผู้เฒ่า ใน่เวลาว่างก็ฝึกโคจรพลัง พัฒนาลมปราณจนถึงระดับเมฆาทะยาน!
ยิ่งกว่านั้น ศาสตร์บงการิญญาของนางก็ขยับขึ้นสู่ระดับสองขั้นต้นแล้ว
คนที่มีความสุขที่สุดใน่นี้คือเทียนพี่ ทุกครั้งที่นางพบ เขาก็มักจะกำลังฮัมเพลงอยู่เสมอ
ฮวาชีเยว่จดจำทำนองนี้ได้ เป็เพลงเก่าแก่นามว่า “บุปผาคว้าจันทร์”
เนื้อหาของเพลงนี้เป็ไปดังชื่อเพลง
เพลงนี้ประพันธ์โดยสตรีผู้มากความสามารถผู้หนึ่งเมื่อพันปีก่อน ดนตรีมีท่วงทำนองไพเราะห้าวหาญ สมชายชาตรีเสียยิ่งกว่าบุรุษ
กระทั่งหนึ่งพันปีต่อมา เพลงนี้ก็ยังเป็ที่ชื่นชอบของผู้คนมากมาย
ฮวาชีเยว่มิได้คิดมาก สนใจเพียงการฝึกตนเท่านั้น นางไม่ยอมละเลยแม้แต่น้อย
แม้ฮวาเมิ่งซือจะสำเร็จพลังเพียงขั้นหน่ออ่อน ทว่าสกุลจี้เป็ตระกูลแพทย์ที่โด่งดังไปทั่วโลก ถึงสตรีเพียงส่วนน้อยจะประสบความสำเร็จในวิชายุทธ์ ฮวาชีเยว่ก็ยังทราบว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า
หากนางไม่ชนะ นางก็พลาดโอกาสสำคัญนี้แล้ว!
ดังนั้นนางจึงต้องหมั่นฝึกฝนต่อไป พากเพียรให้ก้าวหน้า ให้ตัวนางแข็งแกร่งขึ้น
กระทั่งถึงวันสุดท้ายของการรับสมัคร คืนนั้นฮวาชีเยว่ก็ยังคงประสานมืออยู่ในบ่อน้ำร้อน ให้พลังปราณมากมายซึมซับเข้าสู่ร่างกาย
เทียนพี่นั่งอยู่ข้างบ่อ ในปากมีหญ้าเขียว มองฮวาชีเยว่
นางตั้งใจฝึกฝนอย่างหนักทุกครั้ง ความน่าเบื่อหน่ายของการฝึกตน มีเพียงผู้ลงมือจึงจะทราบ
ในระหว่างการโคจรพลัง คนผู้นั้นจะรู้สึกเหนื่อยอ่อนรุนแรง ทว่าหลังโคจรพลังจนเสร็จแล้ว หากทำได้สำเร็จ จะรู้สึกผ่อนคลายเป็อย่างยิ่ง
แต่หากไม่สำเร็จ จะยิ่งเหน็ดเหนื่อยกว่าเดิม
สตรีโดยมากไม่อาจทนเหน็ดเหนื่อยต่อการโคจรพลังนี้ได้ บางคนเป็บ้าไปด้วยแรงกดดัน ดังนั้นจำนวนสตรีที่สำเร็จพลังจึงมีน้อยกว่าบุรุษ
แต่ฮวาชีเยว่ราวกับบุรุษร่างกายแข็งแรงผู้หนึ่ง ไม่เกรงกลัวความเหนื่อยยากเ็ประหว่างการโคจรพลังแม้แต่น้อย
ฮวาชีเยว่ปิดตาสนิท น้ำร้อนในบ่อและพลังปราณเข้มข้นทำให้ใบหน้านางแดงจัด
ลมปราณสั่นะเืบ้าคลั่ง ทำให้ร่างกายนางโป่งพอง ใบหน้านางเปลี่ยนจากสีแดงเป็ซีดขาว จากฟ้ากลายเป็ดำ เปลี่ยนไปมาไม่หยุดหย่อน ทำให้เทียนพี่รู้สึกกังวลขึ้นมา ทั้งยังหวาดกลัว เขาขมวดคิ้วแน่น
นางถึงกับเสี่ยงชีวิตตนเอง!
ฮวาชีเยว่รู้สึกเหมือนทั่วทุกอณูในร่างกายนางถูกดึงแยกเป็เสี่ยงๆ รสหวานตีขึ้นในลำคอ เืค่อยๆ ไหลออกจากปาก
เห็นดังนั้น ใบหน้าหล่อเหลาของเทียนพี่ก็เกร็งแน่นอย่างกังวล เขาะโลุกขึ้น แทบจะพุ่งเข้าไปในบ่อน้ำแล้ว
ทว่าเขากดข่มความปรารถนาของตนเองลง
เขาอยู่มากว่าเจ็ดร้อยปีแล้ว จะยังไม่มีความอดทนได้อย่างไร? เขาทราบดีว่าผู้ประสบความสำเร็จในอดีตล้วนแต่ต้องเผชิญความท้าทายทั้งทางร่างกายและจิตใจ ผู้ที่ไม่ผ่านขั้นนี้ไปจะสำเร็จได้อย่างไร?
ดังนั้นเขาจึงรอคอย ให้นางทนกับความเ็ปด้วยตนเอง…
เทียนพี่ดึงหญ้าออกจากปาก หมุนกายเดินจากไป
ท้องฟ้าสว่างกว่าเคย แสงอรุณสาดส่องผ่านมวลเมฆ ทอดลงบนผืนดินกว้างขวางแห้งเหือด
เทียนพี่เดินไปได้ไม่ไกล ก็ได้ยินเสียงทึบๆ ลอยมาจากด้านหลัง…
เขาหันกลับไปทันที มิอาจปิดบังความตกตะลึงในแววตา ทันทีที่หันกลับไปก็รู้สึกถึงเพียงสายหมอกชื้น หยาดน้ำััใบหน้า ตามมาด้วยเสียงตีน้ำ เขาเห็นสายน้ำก่อตัวขึ้นกลางอากาศราวกับเสาสีเงินส่องประกาย
ในสายน้ำมีแสงสีเขียวปรากฏ เทียนพี่เบิกตาอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง
เสาน้ำหายวับไป ถูกดูดขึ้นไปในท้องฟ้า
“อัจฉริยะ อัจฉริยะ... ฮ่าๆ เป็อัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ! เพียงสิบสองวันก้าวเข้าสู่ระดับภูมิลักษณ์ั น่าประทับใจนัก เก่งกาจจริงๆ! ฮ่าๆ!” เทียนพี่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง วิ่งกลับไปกลับมาหลายร้อยครั้งก่อนจะหยุดฝีเท้า
ฮวาชีเยว่ก้าวออกมาจากบ่อน้ำพุร้อน ทั่วร่างเปียกชื้น ยามนี้นางต้องใช้ร่างจริงเพื่อเข้ามาฝึกฝนในโลกแห่งนี้
โดยปกตินางจะเข้ามาสู่โลกในน้ำเต้าหยกด้วยจิตใจ ทว่าเมื่อลมปราณขึ้นสู่ระดับสูงขึ้น นางจำเป็ต้องใช้ร่างจริง มิเช่นนั้นต่อให้ฝึกจนตาย พลังก็ยังขึ้นช้าเสียจนมิอาจขึ้นสู่ระดับเมฆาทะยาน
คนงามมักงดงามที่สุดยามเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
วันนี้ฮวาชีเยว่ดูงดงามมีเสน่ห์นัก เสื้อผ้าของนางยามนี้เปียกจนลู่ไปกับร่างกายเผยให้เห็นสัดส่วนปรากฏต่อหน้าเทียนพี่
คิ้วนางโค้งดังคันศรโดยมิต้องวาด ริมฝีปากนางแดงโดยมิต้องอาศัยชาดทา ผิวนางนุ่มนวลเปล่งปลั่งดุจทารกแรกเกิด
ดวงตาของนางฉ่ำน้ำ ราวกับตาน้ำผุดใสสะอาด เทียนพี่รู้สึกคล้ายกับตนถูกสายตาคู่นั้นดูดกลืนเข้าไปแล้ว
ทว่าฮวาชีเยว่กลับพยักหน้าให้เทียนพี่อย่างไม่มากพิธี “ขอบคุณท่านอาจารย์ที่สั่งสอน ศิษย์พัฒนาขึ้นมากแล้ว ยามนี้ข้าขอกลับออกไปก่อน ขอให้ท่านอาจารย์แช่น้ำให้สนุกนะเ้าคะ!”
ขณะที่เอ่ยปาก นางก็จับน้ำเต้าหยกเขียวที่เอว กลับไปสู่ห้องรับรองที่เรือนกุ้ยฮวาในจวน
ด้านหลังม่าน เทียนซีและลู่ซินกำลังเล่นกันอยู่ ขณะนี้ถึงยามเฉินวันใหม่แล้ว มองเสื้อเปียกชื้นของตน นางก็ตัดสินใจเปลื่ยนชุดใหม่ นางอยู่ในบ่อน้ำร้อนมานานเสียจนไม่้าอาบน้ำแล้ว
เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จ โหย่วชุ่ยก็ในักที่เห็นผู้เป็นายตื่นแล้ว “คุณหนู ตื่นั้แ่เมื่อใดกันเ้าคะ?”
ฮวาชีเยว่กล่าวว่านางจะพักผ่อนในห้อง ห้ามใครรบกวน เทียนซีจึงต้องไปนอนกับลู่ซินที่ห้องรับรอง เล่นกับบ่าวทั้งสองมาหลายวัน เทียนซีไม่กลัวพวกนางแล้ว
ลู่ซินและโหย่วชุ่ยต่างก็รักใคร่เทียนซีตัวน้อยที่ตัวอ้วนๆ ขาวๆ คนนี้ เขาน่ารักยิ่งกว่าเด็กคนไหนๆ
“เมื่อครู่นี้... ช่วยข้าทำผมเถอะ เป็ทรงธรรมดาๆ”
ฮวาชีเยวสั่งการง่ายๆ โหย่วชุ่ยพยักหน้า เข้ามาช่วยนางแปรงผมทันที
“ประเดี๋ยว... ข้าจะไปลงชื่อ”
“ลงชื่อหรือเ้าคะ?”
“อืม งานเวทีประลองยุทธ์ของสกุลจี้ ข้าต้องไป!”
โหย่วชุ่ยเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง คิดว่าตนได้ยินผิดไป “คุณหนู ท่านว่าอย่างไรนะเ้าคะ?”