สตรีผู้นี้เกรงว่าไม่ได้เพียงแค่ฉลาดกว่าสตรีหลายคนนางยังเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา
เหนียนยวี่อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองนางมากขึ้นในใจเกิดความรู้สึกชื่นชม จากนั้นก็หันไปคารวะฮ่องเต้และฮองเฮา "ฝีมือบรรเลงฉินขององค์หญิงหรูเยียนยอดเยี่ยมนักเหนียนยวี่ประหลาดใจมาก เสียงบรรเลงฉินของท่านอ๋องมู่นั้นสง่างามไร้ซึ่งความหยาบคร่ำครึ ส่วนแม่ทัพหลวงก็ล้ำลึกคาดเดาได้ยากพวกเขาต่างทำให้เหนียนยวี่ต้องยินยอมในความเก่งกาจ เหนียนยวี่ยอมแพ้ทั้งกายและใจเพคะ"
"ข้ายอมแพ้พ่ะย่ะค่ะ"
ทันทีที่เหนียนยวี่เอ่ย ฉู่ชิงก็เอ่ยออกมาเช่นกัน
เพียงชั่วขณะหนึ่ง ทั้งสามคนต่างยอมแพ้กันติดๆ แล้วผู้ชนะ...
จ้าวอี้ขมวดคิ้ว ในเมื่อเป็เช่นนี้เขาก็ไม่ต้องกังวลว่าผู้ใดจะใช้โอกาสนี้มาเอ่ยขอสมรสพระราชทานกับเขา นี่นับว่าเป็เื่ดีไม่น้อยแต่...
คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จ้าวอี้ก็พ่นลมหายใจออกมา "ข้าก็แพ้แล้วเช่นกัน"
สถานการณ์ตอนนี้ ทุกคนต่างพากันตกตะลึงไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
นี่มันเื่อะไรกัน?
ทุกคนยอมรับความพ่ายแพ้ ไม่มีผู้ใด้าคำรับปากของฮ่องเต้เลยหรือ?
ฮ่องเต้หยวนเต๋อเองก็ขมวดคิ้วทว่าอูเสียนอ๋องกลับหัวเราะออกมาอย่างพอใจ เอ่ยอย่างเสียงดังกังวานว่า"ในเมื่อยอมแพ้กันหมดเช่นนี้ ก็ถือว่าพ่ายแพ้กันทั้งหมดและถือว่าไม่มีผู้ชนะในการแข่งขันบรรเลงดนตรีครั้งนี้เถิด"
ในเมื่อเป็เช่นนี้ไม่ว่าอวี่เหวินหรูเยียนจากแคว้นตงหลี หรือจะเป็เหนียนยวี่แห่งแคว้นเป่ยฉีต่างก็เป็ผู้แพ้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าพวกนางสองคนจะหยิบยืมโอกาสนี้มาแย่งชิงตำแหน่งมู่อ๋องเฟย
"เสด็จพี่ ชิงเหอมีความคิดอีกอย่างเพคะ"ในตำหนัก องค์หญิงใหญ่ชิงเหอที่นั่งสงบเงียบมาตลอดกลับค่อยๆ เอ่ยขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง สายตาของทุกคนหันไปมององค์หญิงผู้สูงศักดิ์ที่สุดแห่งเป่ยฉี
"โอ้? ไหนชิงเหอลองว่ามา"ฮ่องเต้หยวนเต๋อเลิกคิ้ว แต่ไหนแต่ไรมาน้องสาวของตนผู้นี้เป็คนเฉลียวฉลาดเขารู้สึกสนใจใคร่รู้ความคิดของนางอย่างมาก
รอยยิ้มที่สดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอนางเอ่ยอย่างนุ่มนวลอ่อนโยนว่า "หากแพ้กันหมด วันดีๆ เช่นนี้ก็ดูจะเป็การทำลายบรรยากาศไปหน่อยหรือไม่ เช่นนั้นไม่สนุกเสียเลย! เมื่อครู่พวกเขาทั้งสี่บรรเลงฉินทุกท่านเองก็ได้ฟังไปแล้ว การแสดงของแต่ละคน ทุกท่านเองก็ได้ชม เปิ่นกงรู้สึกว่าพวกเขาสี่คนไม่มีใครเทียบเคียงกันได้ แต่ละคนมีดีต่างกันไป คงจะดีกว่าถ้าชนะกันทั้งสี่คนนี่ไม่ดียิ่งกว่าหรือ?"
ชนะทั้งสี่คนเลยงั้นหรือ?
นี่……
"ไม่ได้ จะเป็ไปได้อย่างไร?"อูเสียนอ๋องไม่ยอมเป็คนแรก ไม่ใช่แค่เขาที่ไม่ยอมสีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงก็ยังเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ชนะทั้งสี่คนเช่นนั้นทั้งเหนียนยวี่และอวี่เหวินหรูเยียนทั้งคู่ก็จะมีโอกาสอย่างนั้นหรือ?
“ฝ่าา พระองค์อย่าลืมนะเพคะพระองค์เพิ่งตรัสไปว่า ผู้ใดแสดงออกมาได้ดีที่สุดก็จะยอมรับปากเื่หนึ่งให้คนนั้นคนเดียวคำสุดท้ายไม่ได้หมายถึงว่าต้องมีคนเดียวมิใช่หรือเพคะ? หากชนะทั้งสี่คนฝ่าาก็ต้องยอมฟังคำขอของทั้งสี่คนด้วยหรือเพคะ?” องค์หญิงหนานเยวี่ยเอ่ยยิ้มแย้มอย่างงดงามหยาดเยิ้ม"หงเยียนได้ยินว่า คำตรัสของฮ่องเต้มีน้ำหนักและน่าเชื่อถืออย่างมากนะเพคะ"
ความหมายของคำพูดนี้คือคำมั่นนั้นรับปากได้เพียงข้อเดียว ไม่เช่นนั้นมันจะไม่เป็การไม่ทำตามที่พูดก่อนหน้านี้งั้นหรือ?
ฮ่องเต้หยวนเต๋อขมวดคิ้วองค์หญิงใหญ่ชิงเหอกลับยังคงยิ้มแย้มอย่างสงบเยือกเย็น"ผู้ใดตรัสว่าต้องรับมั่นคำขอจากคนทั้งสี่?"
ทว่าองค์หญิงใหญ่ชิงเหอก็เอ่ยขึ้นมาทันทีหลังจากนั้นว่า"เสด็จพี่เพคะ ชิงเหอจำได้ว่าตอนที่อี้เอ๋อร์ยังเป็เด็กเขาทำจี้หยกเกล็ดัของเสด็จพี่แตก จี้หยกเกล็ดัชิ้นนั้นมีค่ามากทั้งยังเป็ของที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทรงประทานให้เสด็จพี่ด้วย ของก็แตกแล้วเสด็จพี่ก็เสียดายที่จะทิ้งมันไป จึงให้เก็บไว้เป็ที่ระลึก ยามนั้นเหมือนว่าหยกนั้นจะแตกเป็สี่ชิ้นใช่หรือไม่เพคะ? ตรงจุดนี้ข้าเองก็จำได้ไม่ค่อยชัดเจนนักบางทีพี่สะใภ้อาจจะจำได้"
"ใช่ ถูกต้องแล้วหยกชิ้นนั้นแตกเป็สี่ชิ้น เพราะเื่นั้นอี้เอ๋อร์จึงถูกลงโทษให้คุกเข่าอยู่ด้านนอกตำหนักซวนเจิ้งเป็เวลาสามวันสามคืน"ฮองเฮาอวี่เหวินตรัสออกมาด้วยสุรเสียงดังฟังชัด
ยกเื่เก่าๆ ขึ้นมาเอ่ยเช่นนี้ ใบหน้าของจ้าวอี้ก็ดูผิดปกติไปเล็กน้อยเสด็จป้าชิงเหอเอ่ยถึงเื่นี้ขึ้นมาทำไม?
ดวงตาของฮ่องเต้หยวนเต๋อเป็ประกายเข้าใจความหมายขององค์หญิงใหญ่ชิงเหออย่างแจ่มแจ้งจากนั้นก็ตรัสสั่งข้าหลวงด้วยสุรเสียงก้องกังวานว่า "ใครก็ได้ ไปนำจี้หยกเกล็ดันั่นมาให้เจิ้น"
ฮ่องเต้หยวนเต๋อรับสั่งออกมาเหล่าข้าหลวงก็รีบออกไปตามรับสั่งทันที ทุกคนกำลังคาดเดาเจตนาของฮ่องเต้หยวนเต๋อ ในเวลาไม่นานจี้หยกเกล็ดัก็ถูกนำออกมา
ฮ่องเต้หยวนเต๋อเปิดกล่องเห็นจี้หยกเกล็ดันี้ ภาพในอดีตมากมายที่ผ่านมาก็ผุดขึ้นมาในหัวทว่าเพียงครู่เดียว เขาก็สลัดอารมณ์ออกไป หยิบจี้หยกทั้งสี่รวมเป็หนึ่งชิ้นขึ้นมา"จี้หยกเกล็ดัที่สมบูรณ์ชิ้นนี้ แสดงถึงคำมั่นข้อหนึ่งที่เจิ้นรับปากวันนี้หยกนี้แตกเป็สี่ชิ้น มอบให้พวกเ้าทั้งสี่ รอพวกเ้าปรึกษาเจรจากันว่าจะขอสิ่งใดจากเจิ้นก็ให้นำจี้หยกมา ด้วยจี้หยกนี้เท่านั้น ข้าจึงจะยอมทำตามคำมั่นที่ให้ไปวันนี้"
ทุกคนที่ได้ยินได้ฟังเื่ทั้งหมดต่างก็ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าท้ายที่สุดแล้วผลจะออกมาเป็เช่นนี้
คราแรกนั้นใ จากนั้นบางคนก็อิจฉา บางคนก็ริษยาทว่ากลับมีบางคนที่โล่งใจ
อย่างน้อย หากเป็เช่นนี้เหนียนยวี่และอวี่เหวินหรูเยียนก็คงจะไม่ได้ร้องขอเื่ตำแหน่งมู่อ๋องเฟยรับปากตกลงเป็เอกฉันท์กัน
ทว่ามีใครบางที่เฝ้าดูฮ่องเต้หยวนเต๋อประทานจี้หยกให้ทั้งสี่คนใบหน้ายังคงเงียบสงบราวกับเมฆาล่องลอยท่ามกลางสายลมเอื่อย ราบเรียบไร้คลื่นอารมณ์ทว่ามือที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะ กำหมัดแน่นอย่างไม่รู้ตัว
จี้หยกเกล็ดั...เป็สมบัติของเสด็จพ่อของเขาทว่ายามนี้กลับตกไปอยู่ในมือของคนทั้งสี่ และคนสี่คนนี้...
สายตาของหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนกวาดมองทั้งสี่คน...ฉู่ชิง จ้าวอี้ เหนียนยวี่ อวี่เหวินหรูเยียน...
สี่คนตกลงกันผสานเป็หนึ่งเจตนาแล้วจึงค่อยขอสิ่งที่ปรารถนากับฮ่องเต้งั้นหรือ?
จ้าวเยี่ยนสูดหายใจลึก คนชาญฉลาดเช่นเขาก็รู้ว่าคำมั่นของฮ่องเต้ที่มาด้วยข้อตกลงนี้ ไม่ใช่เื่ที่น่ากลัวที่สุด ทว่าเขากลัวว่าจี้หยกเกล็ดัชิ้นนี้จะผสานความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสี่เข้าด้วยกัน
ฐานะของจ้าวอี้...อำนาจของฉู่ชิง...องค์หญิงใหญ่ชิงเหอที่หนุนหลังเหนียนยวี่...แคว้นตงหลีที่หนุนหลังอวี่เหวินหรูเยียน
หากทั้งสี่เป็พันธมิตรกันสถานการณ์นั้นย่อมมิใช่สิ่งที่เขา้าจะเห็นแน่!
ทว่ายามนี้...
จ้าวเยี่ยนหยิบยกสุราขึ้นมาจิบ ใบหน้าราบเรียบสงบเสงี่ยมราวเมฆาล่องลอย ทว่าในใจกลับคิดอีกอย่าง เขากำลังชั่งใจเขาไม่อาจปล่อยให้คนกลุ่มนั้นสนิทสนมกันได้ และจุดแตกหักเพียงจุดเดียวในยามนี้...
สายตาของจ้าวเยี่ยนจ้องมองไปที่เหนียนยวี่ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นดวงตามีคลื่นซัดสาด เด็ดเดี่ยวกับสิ่งที่คิดก่อนหน้าอย่างแน่วแน่เหนียนยวี่สำหรับเขาแล้วเป็กุญแจดอกสำคัญ ดังนั้นเขาก็จะยิ่งทุ่มเทกับเหนียนยวี่ให้มากขึ้น
"เรียบร้อยในเมื่อรับหยกไปแล้ว แต่ละคนก็แยกย้ายกันกลับไปนั่งที่เถิด บทเพลงเมื่อครู่นี้ก็ยอดเยี่ยมมากจริงๆ " ฮ่องเต้หยวนเต๋อเอ่ยอย่างเสียงดังกังวานและมีความสุขมากเหลือบมองฉู่ชิงและจ้าวอี้ สายตาคล้ายมีคล้ายไม่มี ในดวงตาช่ำชองมากประสบการณ์นั้นคล้ายจะคิดอะไรอยู่
ทั้งสี่กล่าวขอบพระทัยแล้วก็แยกย้ายกลับไปนั่งที่เดิมและเมื่อเหนียนยวี่เพิ่งนั่งลงไป ก็เผชิญเข้ากับสายตาคู่หนึ่ง...
หลีอ๋องจ้าวเยี่ยน!
เมื่อครู่ สายตานั้นมองมาที่นางตลอดั้แ่ต้นเห็นความสงบในสายตาเขายามนี้ ในใจกลับยิ่งรู้สึกเย้ยหยัน
จากความเข้าใจของนางที่มีต่อเขาดวงตาคู่นั้นของเขายิ่งสงบลงเท่าใดยิ่งหมายความว่าในใจของเขายิ่งปั่นป่วนโหมกระหน่ำมากเท่านั้น
ไม่เพียงแค่นั้น นางเห็นความกลัวในดวงตาของเขา หลีอ๋องผู้สง่าผ่าเผยจะกลัวอะไรเขายังต้องหวาดกลัวสิ่งใดอีก?