และแล้วก็ผ่านไปห้าวัน…. วันนี้เป็วันที่สำนักปลาทองจะเปิดรับคัดเลือกศิษย์ใหม่
่เช้าตรู่…. อากาศในวันนี้ค่อนข้างแจ่มใส… แสงแดดจากดวงตะวันที่เพิ่งโผล่พ้นยอดเขาค่อยๆสาดส่องลงมาภายในเมืองขุนเขาอย่างช้าๆ เป็สัญญาณบ่งบอกถึงการเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ของผู้คนมากมายภายในเมือง….
ณ จวนตระกูลจื่อ….
มีเสียงของสาวใช้วัยเยาว์เรียกขานผู้เป็นายน้อยของตนดังอยู่หน้าห้อง อยู่นานสองนาน… สาวใช้ได้รับคำสั่งมาจากผู้นำตระกูล ซึ่งก็คือจื่อเทียนหลาง ให้ไปช่วยจัดเตรียมความพร้อม สำหรับการลงสมัครเข้าร่วมเป็ศิษย์สำนักปลาทองของจื่อต้าหลง…
หลังจากที่สาวใช้ตัวน้อยน่ารัก ร้องเรียกอยู่นาน ก็ยังไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับ… นางจึงเปิดประตูเข้ามาถึงภายในห้อง พบเห็นนายน้อยของตนกำลังนอนหลับ อย่างสบายใจด้วยท่าทางที่น่าเกลียด… เห็นดังนั้น… นางก็ส่ายหน้าเอือมระอา ถอนหายใจยาวเล็กน้อย… จากนั้นจึงได้เดินไปชิดขอบเตียง พร้อมกับถ่ายทอดคำสั่งที่นางได้รับจากประมุขตระกูลมา ให้เด็กน้อยฟัง เพื่อให้เขาไปเตรียมความพร้อมในการสมัครเข้าสำนักยุทธ แต่จื่อต้าหลงกลับดันแกล้งป่วยใส่สาวใช้ตัวน้อยซะงั้น!
สาวใช้ตัวน้อย รู้สึกหนักใจเป็อย่างยิ่ง จึงได้ไปรายงานให้จื่อเทียนหลางรับทราบ… หลังจากนั้นนางจึงกลับมาถ่ายทอดคำพูดของจื่อเทียนหลางให้แก่นายน้อยตัวแสบฟังว่า… “หากปีนี้ไม่ได้เข้าร่วมสำนักปลาทองแล้วล่ะก็… ค่าขนมของเ้า… คงไม่เหลือแม้แต่สลึงเดียว!”
เมื่อเสี่ยวต้าหลงได้ยินดังนั้น ราวกับถูกสายฟ้าฟาด! เด็กน้อยเบิกตาโพลงรีบดีดตัวลุกขึ้นมานั่งอย่างรวดเร็ว! หลังจากคร่ำครวญ… พิรี้พิไรอยู่นาน… ในที่สุดเด็กน้อยก็ยอมลุกไปอาบน้ำ แต่งองค์ทรงเครื่องโดยมีสาวใช้ตัวน้อย คอยให้ความช่วยเหลือในการแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน…
นี่ค่อยดูเป็ผู้เป็คน เหมาะสมกับตำแหน่งนายน้อยตระกูลใหญ่ขึ้นมาหน่อย… เสี่ยวไป๋มองไปที่จื่อต้าหลงซึ่งบัดนี้แต่งกายเสร็จเรียบร้อย… อาภรณ์หรูหราถูกสวมใส่อย่างดี เส้นผมถูกหวีอย่างปราณีต ไม่มีสักเส้นที่พันกันยุ่งเหยิง… เทียบกับตอนเพิ่งตื่นนอนใหม่ๆแล้ว ต่างกันราวฟ้ากับเหว… แม้ใบหน้าของเด็กน้อยจะบูดบึ้งนิดหน่อย… แต่ก็นับว่ายังดูดีอยู่ไม่น้อย เสี่ยวไป๋นึกๆ ดูแล้ว นางก็อดชื่นชมภาคภูมิใจ ในฝีมือการตกแต่งของตนเองไม่น้อย ที่เปลี่ยนนายน้อยตนให้ดูสง่างามได้ถึงเพียงนี้!
สำนักปลาทองนั้นเปิดรับสมัครศิษย์โดยใช้ ‘กำแพงมรกต’ ซึ่งเป็หินแร่ ที่มีความแข็งแกร่งเป็อย่างยิ่ง ในการทดสอบ โดยให้ผู้ทดสอบอัดพลังโจมตี เข้าใส่หินเต็มที่… ถ้าหากพลังโจมตีอยู่ในระดับ ลมปราณก่อเกิดขั้นที่หนึ่งขึ้นไป ก็จะถือว่าผ่านการทดสอบ ได้เข้าร่วมเป็ศิษย์สายนอก ถ้าหากพลังโจมตีอยู่ในระดับ ลมปราณก่อเกิดขั้นที่สี่ขึ้นไป จะได้เป็ศิษย์สายใน ที่มีจำนวนเพียงน้อยนิด อีกทั้งยังมีสถานะสูงส่ง กว่าศิษย์สายนอกเป็ไหนๆ มีเพียงอัจฉริยะจำนวนน้อยนิดเท่านั้น ที่สามารถผ่านการทดสอบเข้าเป็ศิษย์สายในได้….
การเปิดรับศิษย์ใหม่ของสำนักปลาทองรอบนี้… มีผู้คนหลั่งไหล แห่กันมาสมัครอย่างคับคั่ง… แม้บางคนระดับพลังฝึกฝนยังไม่ถึงลมปราณก่อเกิด… แต่ก็ยังอาศัยวิชายุทธโจมตีอันรุนแรง ทำให้สามารถผ่านการทดสอบ ขั้นลมปราณก่อเกิดขั้นที่หนึ่งมาได้เช่นกัน ส่วนระดับพลังฝีมือก่อนที่จะเข้าสู่ขอบเขตลมปราณก่อกำเนิด นั้นจะถูกเรียกว่า ขั้นหลอมกายา มนุษย์เมื่อเกิดมาก็จะอยู่ในขั้นหลอมกายาั้แ่กำเนิด…
จื่อต้าหลงเวลานี้อยู่ในรถม้า ที่กำลังค่อยๆเคลื่อนที่ไปทางสำนักปลาทองอย่างช้าๆ ภายในใจของเด็กน้อย ขบคิดเป็อย่างหนักว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรดี? เพราะเขาแค่ี้เีฝึกฝนวิชายุทธมากๆ นั่งอ่านตำราอยู่ที่บ้าน ยังสนุกกว่าตั้งเป็ไหนๆ จึงอยากได้สถานะที่ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่นั่งๆนอนๆฝึกนิดฝึกหน่อยก็เพียงพอแล้ว…
เด็กน้อยวางแผนที่จะโจมตีกำแพงมรกต ด้วยพลังระดับลมปราณก่อกำเกิดขั้นที่หนึ่ง…. ซึ่งนั่นก็สามารถทำให้เขา เข้าร่วมสำนักปลาทองได้แล้ว… อีกทั้งจะได้ไม่ต้องดูโดดเด่นเตะตาจนเกินไป… เด็กน้อยไม่ชอบที่จะต้องตกเป็เป้าสายตา ของผู้คนสักเท่าไหร่นัก… เนื่องจากมันทำให้เขาเสียสมาธิ และเขินอาย จื่อต้าหลงนั้นมักตื่นตระหนก เวลาที่มีผู้คนมองมาทางเขาเป็จำนวนมาก สายตาหลายคู่ที่มองมาทางเขาเป็ตาเดียวกันนั้น มันทำให้เขาลนลาน อย่างเช่นตอนที่ต้องออกไปพูดหน้าชั้นเรียนให้เพื่อนๆทุกคนฟัง
ในวัยเด็กจื่อต้าหลงมีเพียง ดำน้อย อ้วนน้อย ขาวน้อย และตำราเป็สหายเพียงเท่านั้น… ซึ่ง ขาวน้อย ดำน้อยกับอ้วนน้อย ก็คือเพื่อนของเขาที่เจอกันตอน เข้าสำนักศึกษาเรียนหนังสือตอนอายุสี่ขวบ… ส่วนตำราที่เขาชอบอ่าน ก็มักจะเป็พวกนิยายปรัมปราเสียส่วนใหญ่ เด็กน้อยชื่นชอบการอ่านพวกมันเป็อย่างมาก…. ด้วยเหตุนี้เขาจึงชอบความเงียบสงบ เพราะมันสามารถทำให้เขาจมดิ่งไปกับหนังสือตำราพวกนั้นได้อย่างง่ายดาย….
“นายน้อย ถึงสำนักปลาทองแล้วขอรับ” เสียงของลุงฉี สารถีประจำตระกูลดังขึ้น….
สำนักปลาทอง นั้นตั้งอยู่ใจกลางเมือง พื้นที่ของสำนักกว้างใหญ่ กินบริเวณของเมืองไปถึงหนึ่งในสิบเลยทีเดียว…. ทางเข้าหน้าสำนัก มีเสาหินสูงใหญ่สองต้น สลักลายปลาทอง เชื่อมต่อกับกำแพงของสำนัก ที่ยาวไปจนสุดสายตา…. ด้านในมีอาคารใหญ่โตมากมาย เรียงรายให้เห็นอยู่รำไร บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ของสำนักเป็อย่างดี….
จื่อต้าหลงใช้มือซ้ายเปิดผ้าม่านของรถม้าดู ก็พลันพบเห็นผู้คนนับหมื่น ที่มารอสมัครเข้าสำนักปลาทองกันอย่างมากล้น ยืนรอรับการทดสอบอยู่เต็มทั่วทุกพื้นที่…. เห็นดังนั้นเด็กน้อยถึงกับตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อย เหตุใดคนพวกนี้ถึงได้อยากเข้าสำนักนี้กันมากนัก? แต่เขาก็หาได้สนใจ ทำเพียงก้าวลงจากรถม้าอย่างช้าๆ แล้วค่อยๆเดิน ไปยืนรวมกลุ่มกับฝูงชน ในระหว่างนั้น ก็ได้ยินเสียงผู้คนรอบๆบริเวณคุยกัน
“นี่ๆ พวกเ้ารู้หรือไม่ ปีนี้คุณหนูหลิวสุ่ยเยว่ก็เข้าร่วมการทดสอบด้วยนะ” ชายคนนึงในบริเวณนั้นกล่าวขึ้นด้วยท่าทางตื่นเต้น….
“อันใดนะ?! หลิวสุ่ยเยว่! หญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองขุนเขาน่ะหรือ?”ชายที่อยู่ข้างๆกันอุทานขึ้น!
“ใช่แล้ว… ข้าได้ยินมาว่า ปีนี้นางอายุเพียงสิบห้าปี แต่กลับไปถึงระดับลมปราณก่อเกิดขั้นที่สามได้แล้ว!” ฟังจากน้ำเสียงของผู้พูด สามารถััได้ถึงความเคารพและความอัศจรรย์ใจของเ้าตัว ที่มีต่อนามนี้ได้ดีเลยทีเดียว!
“เ้าว่าอย่างไรนะ?! อายุเพียงสิบห้าปี!! แต่กลับสามารถบรรลุถึงชั้นลมปราณก่อเกิดขั้นที่สามได้แล้วงั้นรึ?!!” ผู้ได้ยินถึงกับเบิกตา อ้าปากกว้าง คล้ายมันเพิ่งพบกับสิ่งที่น่าทึ่งอย่างถึงที่สุด!
“ถูกต้อง… เ้าได้ยินไม่ผิด… หากให้เวลาอีกเพียงหนึ่งปี ข้ามั่นใจว่านางคงจะสามารถบรรลุ ลมปราณก่อเกิดขั้นที่สี่ และเข้าเป็ศิษย์สายในได้อย่างแน่นอน! นางคือยอดอัจฉริยะของเมืองปลาทองเรา ข้าล่ะอยากเห็นโฉมนางเพียงสักครั้ง ก็นับว่าเป็บุญตามากแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีวาสนาหรือไม่?”
ในขณะที่กำลังแอบฟังผู้คนพูดคุยกัน จื่อต้าหลงพลันนึกในใจ ‘หืมมม? หลิวสุ่ยเยว่งั้นหรือ? สาวงามอันดับหนึ่ง? ไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหนเลย… น่าเบื่อจริงๆ เมื่อไหร่ข้าจะได้กลับบ้านเสียที ง่วงจริงโว้ยยย!’
จื่อต้าหลงทำหน้าง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา ระหว่างที่กำลังรอทางสำนักทำการทดสอบรับสมัครศิษย์ใหม่
‘ฮึ่มมม! เมื่อไหร่จะเริ่มเสียที ข้าชักจะทนไม่ไหวแล้วนะเนี่ย’ เด็กน้อยพึมพัมในใจ เขาอยากกลับบ้านไปอ่านตำราเต็มที่แล้ว
ในขณะที่จื่อต้าหลงกำลังจะคลั่ง… ก็เหลือบไปเห็นศิษย์สำนักปลาทองสี่คน ช่วยกันแบกกำแพงมรกตขึ้นมา บนเวทีการคัดเลือก เพื่อใช้ในการทดสอบ ขึ้นมาอย่างช้าๆ เห็นดังนั้นดวงตาของเด็กน้อย ถึงกับกระจ่างวูบ พลันคิดในใจว่า ‘เริ่มได้เสียที!’
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้มีผู้าุโของสำนักท่านนึงเดินขึ้นมาบนเวที… ท่วงท่าของชายชรา ดูน่าเกรงขาม และสง่างามเป็อย่างยิ่ง! “เอาล่ะ! ผู้ที่ได้หมายเลขหนึ่งขึ้นมาบนเวทีทดสอบ และปลดปล่อยพลังโจมตีของเ้าซะ!” ชายชรากล่าวเสียงดังฟังชัด… แม้จะไม่ได้ะโ แต่ทุกคนทั่วบริเวณนั้น กลับสามารถได้ยินชัดถนัดหู… นี่นับว่าช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก ที่ชายชราผู้นั้น กลับสามารถเปล่งเสียงได้ไกลถึงเพียงนี้? นี่ใช่การถ่ายทอดเสียงด้วยพลังลมปราณใช่หรือไม่?
ในตอนที่มาถึง… ทุกคนที่้าเข้าร่วมการทดสอบต่างก็ได้ไปรับหมายเลขของตัวเองมาแล้วกันทั้งนั้น ซึ่งจื่อต้าหลงเองก็ไปรับหมายเลขมาเรียบร้อยแล้วเช่นกัน…
หลังสิ้นเสียงของผู้าุโที่ทำการทดสอบ ชายที่ได้รับหมายเลขหนึ่งก็ปรากฎตัวขึ้น เขามีรูปร่างกำยำล่ำสัน อายุน่าจะราวๆ สิบแปดถึงสิบเก้าปีเห็นจะได้… เขาค่อยๆเดินขึ้นไปบนเวทีทดสอบ… จากนั้นจึงรวบรวมพลังลมปราณปล่อยหมัดกระแทกใส่กำแพงมรกตอย่างสุดแรง!
“เปรี้ยง!!”
เสียงหมัดปะทะกับกำแพงมรกตดังสนั่น! ทุกคนที่มาเฝ้ารอชม รวมไปถึงผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบ ถึงกับดวงตาเบิกกว้าง ตกตะลึงในพลังหมัดของชายหนุ่มผู้นี้!
“ค่าพลังที่วัดได้คือ 2.5 อยู่ในระดับลมปราณก่อเกิดขั้นที่ 2 ถือว่าผ่าน!! เอาล่ะคนต่อไปขึ้นมา!!” ผู้าุโที่คุมการทดสอบกล่าวขึ้นมา ด้วยเสียงดังฟังชัด… แววตาของเขาบ่งบอกถึงความชื่นชม และพึงพอใจแก่ผู้ทดสอบรายแรกเป็อย่างยิ่ง!
ทุกคนที่เข้ารับการทดสอบ จะได้รับหมายเลขเพื่อใช้ในการเรียกขึ้นไปทดสอบตามลำดับ… จื่อต้าหลงหยิบหมายเลขของตัวเองขึ้นมาดู เมื่อพบว่าอยู่ที่หมายเลขสี่ร้อยแปดสิบ เด็กน้อยถึงกับกุมขมับร่ำร้องภายในใจ… ‘อะไรกันวะ นี่ข้ายังต้องรออีกสี่ร้อยกว่าคนเลยงั้นหรือ?! นี่มันทรมานกันชัดๆ ข้าจะกลับบ้านไปอ่านตำราโว้ยยย รีบๆชกกันหน่อยสิวะ!!’
เวลาไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้า ระหว่างที่จื่อต้าหลงกำลังทำหน้าเบื่อๆเซ็งๆอยู่นั้น ก็มีเสียงเฮฮาดังขึ้นมา…
“หมายเลขหนึ่งร้อยห้าสิบ! เซ่อเฉิงซาน ค่าพลัง 3 ถือว่าผ่าน!!”
ทุกคนถึงกับฮือฮา คนผู้นี้มีผมสีน้ำตาล รูปร่างกำยำ อยู่ห่างจากตำแหน่งศิษย์สายในไม่มากแล้ว เขานับเป็คนแรกที่สามารถผ่านการทดสอบ ด้วยค่าพลังที่สูงส่งเช่นนี้!
“นั่นเขา!! เซ่อเฉิงซานแห่งตระกูลเซ่อ! ข้าไม่แปลกใจเลย ที่เขามีพลังถึงระดับนั้น สมแล้วที่เป็คนจากตระกูลใหญ่!!” ทุกคนต่างก็ทึ่งในความร้ายกาจของเด็กหนุ่มผู้นี้กันทั้งสิ้น… ทายาทของหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ ของเมืองแห่งนี้ ช่างร้ายกาจสมคำร่ำลือ!
ทว่าหลังจากนั้นไม่นานนัก… บนเวทีทดสอบพลันปรากฎเด็กหนุ่มร่างกายผอมบางผู้นึง ค่อยๆเดินเข้าหากำแพงมรกตอย่างเชื่องช้า… ลักษณะท่าทางดูราวกับหนอนหนังสือ… คุณชายท่านนี้ เดินถือใบพัดด้วยท่าทางสบายๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่เบื้องหน้ากำแพงมรกต
ทุกคนต่างคิดว่า บัณฑิตผู้นี้จะไหวหรือ? เพราะก่อนหน้านี้ ผู้ที่มีลักษณะบัณฑิตเช่นนี้มักไม่ค่อยผ่านการทดสอบ… บัณฑิตผู้นี้เก็บพัดในมือลงอย่างช้าๆ แววตาเปลี่ยนเป็คบกริบดุดันในฉับพลัน ทันใดนั้นก็ฟาดฝ่ามือใส่กำแพงมรกตอย่างรวดเร็ว!
“เปรี้ยง!!”
เกิดเป็เสียงปะทะดังสนั่นหวั่นไหวบาดหูผู้คน!
“3.5 นะ…นี่มันค่าพลังโจมตีสูงสุดในตอนนี้เลย เหลือเชื่อจริงๆ!!” ชายคนนึงกล่าวพร้อมกับทำหน้าใ
“นั่นมัน… ข้าจำได้แล้วหมายเลขสามร้อยยี่สิบเอ็ด… คุณชายลวี่เหรินแห่งตระกูลลวี่ หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่! ปีนี้เขาอายุสิบหกแล้ว… ข้าไม่แปลกใจทำไมเขาถึงได้ดูสง่างาม และทรงพลังขนาดนั้น ที่แท้ก็ทายาทตระกูลใหญ่นี่เอง!”
“หมายเลขสามร้อยยี่สิบเอ็ดผ่าน!!” เสียงผู้ทดสอบดังกังวาลไปทั่วพื้นที่… ผู้คนต่างคุยกันไปทั่วบริเวณเป็เสียงเดียวกันว่า… หรือนี่ คือค่าพลังโจมตีอันดับหนึ่ง ในการทดสอบครั้งนี้ใช่หรือไม่?
จื่อต้าหลงมองไปทางลวี่เหรินพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากขึ้นมา ‘หึๆ ไม่เลว’ คนผู้นี้สมกับที่เป็ทายาทตระกูลใหญ่จริงๆ จื่อต้าหลงไม่ได้สนใจอีกฝ่ายมากนัก… เด็กน้อยยืนพิงหลังอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง จากนั้นจึงหลับตาลงคล้าย้าเข้าสู่ห้วงนิทรา เพราะเห็นว่าอีกนานกว่าจะถึงคราวตน…
ทว่า! เพียงเวลาไม่นานหลังจากนั้น….
“ตู้มมม!!”
กำแพงมรกตถึงกับสั่นไหวอย่างรุนแรง! คลื่นลมวายุกระจายไปทั่วเวทีทดสอบ! เสียงดังอันรุนแรงนี้ปลุกให้จื่อต้าหลงตื่นและลืมตาขึ้นมา…
“ระดับพลัง 5.4 หลิวสุ่ยเยว่! ผ่าน!! ได้เข้าสู่ตำหนักศิษย์สายใน!!” ผู้คุมการทดสอบกล่าวเสียงดังอย่างตื่นเต้นด้วยความชื่นชม!
ทันใดนั้นทั่วบริเวณถึงกับเงียบกริบราวกับอยู่ในป่าช้า… ในหลายสิบปีมานี้… มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่อายุเพียงสิบหกปีแต่กลับสามารถฝึกฝนลมปราณก่อเกิดถึงขั้นที่ห้าได้! ทว่า… หลิวสุ่ยเยว่ นางอายุเพียงสิบห้าปีเท่านั้น… แต่กลับสามารถบรรลุถึงขั้นนี้แล้ว! และเป็ไปได้ว่าอาจจะเข้าสู่ลมปราณก่อเกิดขั้นที่หกได้ ภายในหนึ่งปีนี้อย่างแน่นอน… นี่จะน่าหวาดกลัวถึงเพียงไหน? เมื่อคิดได้ดังนั้นทุกคนต่างก็ลอบสูดลมหายใจเย็นเยียบ… พร์ระดับนี้… แม้แต่ในสำนักปลาทองยังนับว่าหาได้ยากเป็อย่างยิ่ง! เชื่อว่าหลังจากนี้เหล่าผู้าุโของสำนักจะต้องลงมือแย่งชิงตัวนาง เพื่อรับไปเป็ศิษย์ของตนให้ได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม!
จื่อต้าหลงค่อยๆ มองขึ้นไปบนเวที เด็กน้อยก็พบเห็นเด็กสาววัยแรกแย้ม หน้าตางดงามราวกับเทพธิดา์ลงมาเยือนโลกมนุษย์… นางสวมอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์… ซึ่งดูสูงส่งจนมิอาจแตะต้อง! นางเดินลงมาจากเวทีทดสอบด้วยท่วงท่างดงามตราตรึงใจ บุรุษทุกคนที่เห็นภาพนี้ ต่างก็ใจเหม่อลอยด้วยกันทั้งสิ้น!
“งะ… งดงาม! งดงามจริงๆ!!” จื่อต้าหลงกล่าวเสียงสั่นพร้อมกับทอดสายตาเหม่อลอย จับจ้องไปยังหลิวสุ่ยเยว่พร้อมคิดในใจว่า ‘หลิวสุ่ยเยว่ สมกับเป็สาวงามล่มเมืองจริงๆ อัฉริยะของแท้… แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่เก่งกาจเท่าข้า….’ ในระหว่างที่เด็กน้อยกำลังฉีกยิ้ม หัวเราะอยู่นั้นก็มีเสียงเด็กหนุ่มผู้หนึ่งดังขึ้นมาว่า…
“เฮ้ย! ไอ้หนู! เ้ามาทำอะไรที่นี่? เด็กตัวกระเปี๊ยกอย่างเ้าอยากดูก็ไปดูไกลๆนู่นไป๊! ที่นี่เป็ที่ ของเหล่าผู้คนที่มาสมัครเข้าร่วมสำนักปลาทอง… มายืนขวางหูขวางตา เกะกะพวกข้าปล่าวๆ ไปเล่นตรงนู้นโน่น” เด็กหนุ่มผมเกรียน ร่างกายล่ำสันสูงใหญ่ ยกมือขวาขึ้นมา พร้อมกับ ชี้นิ้วโป้ง ไปยังด้านหลังของตน…
จื่อต้าหลงได้ยินดังนั้น ก็ถึงกับคิ้วกระตุก หัวร้อนลุกเป็ไฟสวนกลับไปว่า “ข้าก็มารับการทดสอบเหมือนกันโว้ยยย!!!” เด็กน้อยคำรามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด… เขาไม่ใช่เด็กเหลือขอ ที่มาเกาะเวทีดูผู้อื่น ทำการแสดงหรอกนะ ไอ้ผมเกรียนนี่มันกวนบาทาเขาชัดๆ
“ฮ่าๆ ตัวกะเปี๊ยกอย่างเ้าน่ะเรอะ จะผ่านการทดสอบ กลับไปดูดนมมารดาก่อน ข้าว่าน่าดีกว่านะ ฮ่าๆ” เด็กหนุ่มหัวเกรียน กล่าวขึ้นด้วยท่าทีขบขัน หลังจากนั้น เขาก็หัวเราะจนตัวงอ ทุกคนที่ได้ยินสองคนนี้ ปะทะคารมกัน ก็หัวร่อตามไปด้วย
“แล้วหัวโล้นอย่างเ้า มั่นใจรึว่าจะผ่าน?!” จื่อต้าหลงเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาบ้างแล้ว… เด็กน้อยเอ่ยพร้อมเริ่มวางแผนการบางอย่างในใจ เขาทำน้ำเสียงแข็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพื่อแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขากำลังหัวร้อน…
“ฮ่าๆๆ แน่นอนอยู่แล้ว” เด็กหนุ่มผมเกรียนตอบอย่างมั่นใจ การทดสอบระดับนี้มันแค่ของกล้วยๆสำหรับเขา เด็กหนุ่มรู้สึกสนุกที่ได้แหย่ เด็กน้อยผู้หนึ่งเล่น
“เฮอะ!! ถ้าหัวโล้นอย่างเ้าผ่าน ข้าก็ผ่านแน่นอนเหมือนกัน ของแค่นี้เอง ผายลม ยังจะยากเสียกว่า” จื่อต้าหลงยิ้มกวนๆ เริ่มกล่าวว่าจายั่วยุอีกฝ่าย เขา้าเอาคืน เด็กหนุ่มผมเกรียนสักหน่อย
“ฮ่าๆๆ ปากดีใช้ได้! ไอ้เปี๊ยกอย่างเ้าน่ะรึจะผ่าน? หมัดของเ้า จะแรงกว่า สตรี สักเพียงใดเชียว? ข้าว่า กลับไปเถอะเปลืองเวลาคนอื่นเขา” หนุ่มผมเกรียนกล่าวยิ้มๆ พร้อมกับโบกมือไล่อย่างไม่ใส่ใจนัก…
“งั้น…. ถ้าเ้าแน่จริงเรามาพนันกันสักหน่อยมั้ย?” จื่อต้าหลงยิ้มอย่างเ้าเล่ห์ พลางกล่าวต่อว่า “ใครที่ทดสอบได้ค่าพลังโจมตีมากกว่าอีกฝ่าย… จะได้เงิน‘หนึ่งร้อย’ตำลึง แต่ถ้าเ้าไม่กล้าก็ไม่เป็ไร ถือซะว่าข้าไม่ได้พูดก็แล้วกัน ฮ่าๆ” กล่าวจบเด็กน้อยก็ยืนกอดอกฉีกยิ้ม พร้อมกับยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง แล้วมองไปยังอีกฝ่ายด้วยใบหน้าท้าทาย
เด็กหนุ่มผมเกรียนได้ยินดังนั้นก็ถึงกับหูกระดิก คิ้วกระตุก ในใจคิดคำนวนอย่างรวดเร็ว…. หนึ่งร้อยตำลึง เป็ราคาที่เขาต้องเสียหายหนักจริงๆ แต่พอคิดว่า กับเด็กตัวกะเปี๊ยกแค่นี้ จะแน่กว่าเขาได้อย่างไร? คิดว่ารอบนี้… คงได้กำไรแล้ว! เมื่อมองไปยังใบหน้ากวนบาทาของจื่อต้าหลง เขาจึงรู้สึกคันเท้ายุบยับขึ้นมา ก่อนจะกล่าวว่า “ก็มาดิ๊ ไอ้หนูววว” เด็กหนุ่มผมเกรียนกล่าว พร้อมกับแสยะยิ้มมุมปากอย่างได้ใจ เพราะยังไงเขาก็ต้องชนะแน่ๆ….
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้