ปู่หลินหายใจเข้าลึกก่อนจะค่อยๆ ผ่อนออกมาด้วยสีหน้าหม่นครึ้ม
“เช่นนั้นก็ไปคุยกับฟู่อินเสีย จำไว้ว่าคุยกันดีๆ หากทางนั้นไม่ตกลงก็อย่าไปทะเลาะโวยวาย อย่าทำให้ข้าขายหน้า!” ปู่หลินกล่าวเตือน
ไม่นานมานี้งานหลิวสุ่ยสีที่บ้านสองจัดทำให้เขาได้หน้าไม่น้อย เขาชอบความรู้สึกเวลาผู้อื่นริษยาจริงๆ จึงไม่อยากให้อู๋ซื่อจ้าวซื่อไปก่อปัญหาที่บ้านของหลินฟู่อินจนเกิดเื่วุ่นวายให้ชื่อเสียงดีๆ ที่อุตส่าห์ได้มาอย่างง่ายดายครั้งนี้ถูกทำลาย
เห็นปู่หลินยอมให้ไปแล้ว จ้าวซื่อก็รีบหัวเราะ “ไม่ต้องกังวลเ้าค่ะ ท่านแม่กับข้ารู้ว่าตอนนี้ฟู่อินร่ำรวยแล้ว ยังต้องอ้อนวอนให้นางเลี้ยงดู พวกเราจะไม่ล่วงเกินนางแน่นอนเ้าค่ะ ไม่ต้องกังวลเลย!”
อู๋ซื่อได้ยินเช่นนี้ก็ไม่พอใจ น้ำเสียงดุดันขึ้นมาทันที “อ้อนวอนนาง? อ้อนวอนเพื่ออะไร? หากเื่เล็กเช่นนี้ยังไม่ยอมช่วยเหลือจะเรียกว่าเป็คนบ้านหลินของเราได้ยังไง?”
เห็นแม่สามีทำตัวโง่เง่าในเวลาสำคัญเช่นนี้อีกครั้ง ทำให้จ้าวซื่อรีบจับข้อศอกอีกฝ่ายเอาไว้แล้วกระซิบ “ท่านแม่ ท่านพ่ออุตส่าห์ยอมรับปากง่ายๆ แล้วก็ควรพูดน้อยๆ สิเ้าคะ! พอไปเจอหลินฟู่อินแล้วค่อยว่ากันอีกที”
อู๋ซื่อไม่พูดอะไรอีก ทางปู่หลินก็แสร้งทำเป็ไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคุยกัน
ทั้งสองตกลงกันสักครู่ก่อนจะเดินไปยังบ้านของหลินฟู่อิน
ตอนนี้หลินฟู่อินอยู่ที่บ้าน กำลังเอาถั่วปากอ้าที่เฟิงซื่อเก็บมาให้เมื่อครั้งก่อนมาดู เมื่อคืนนางตั้งใจนำถั่วที่ยังไม่แห้งออกมาแช่น้ำอุ่น
พอตากถั่วที่เหลือเสร็จแล้วนางก็ออกไปดูถั่วที่เอามาแช่น้ำเมื่อคืน เห็นว่าแต่ละเม็ดมีขนาดใหญ่ขึ้นสองเท่า ทั้งยังนุ่มอีกด้วย
หลินฟู่อินยิ้มอย่างพอใจ หยิบมาลองบีบดูก็เห็นว่านุ่มมาก สามารถใช้เล็บแกะเปลือกได้เลย
ที่จริงนางชอบกินถั่วปากอ้าแทนผัก นำไปใส่ในไข่คนทำให้รสชาติอร่อยมาก!
พอคิดเื่นี้อยู่ๆ ในหัวนางก็มีแสงสว่างส่องวาบขึ้นมา
ในเมื่อนำถั่วแช่นำมาใช้กินแทนผักได้ เช่นนั้นนางจะนำไปตากแห้งเก็บเอาไว้ พอถึงหน้าหนาวไม่มีผักก็สามารถนำออกมากินได้ไม่ใช่หรือ?
วิธีเก็บผักของต้าเว่ยล้าหลังมาก ในหน้าหนาวกระทั่งคนรวย หากหาผักสดไม่ได้ก็มีให้กินแค่ผักดองวันละสามมื้อเท่านั้น…
ยิ่งหลินฟู่อินคิดก็ยิ่งตื่นเต้น นี่มันวิธีหาเงินใหม่ไม่ใช่หรืออย่างไร?
นางสามารถเก็บถั่วปากอ้าตากแห้งมาเก็บไว้ได้ พอถึงหน้าหนาวก็นำถั่วตากแห้งนี้ไปแช่น้ำ แล้วเอาไปขายให้ร้านอาหารในเมือง!
สิ่งนี้นางไม่กลัวจะขายไม่ได้ เพราะอย่างไรก็มีการร่วมมือกับภัตตาคารหลิวจี้อยู่ ขอเพียงภัตตาคารหลิวจี้ซื้อไปทำอาหารก็ไม่ต้องกลัวว่าถั่วแช่น้ำของนางจะขายไม่ได้
แต่กิจการนี้ทำได้แค่ในฤดูหนาวเท่านั้น ปีต่อๆ ไปคิดว่าชาวบ้านก็น่าจะรู้วิธีทำแล้วนำไปขายให้พ่อค้ารายเล็กกับร้านแผงลอยแล้ว
แต่อย่างไรชื่อเสียงของหลินฟู่อินก็สูงส่งขึ้นมากแล้ว ชาวบ้านรู้แล้วว่ามาหานางไม่มีเจ็บตัว อย่างไรครั้งนี้ก็เป็แค่การค้าขายเล็กๆ ให้ชาวบ้านปีต่อๆ ไปได้หาเงินมากขึ้นก็เป็เื่ดีเช่นกัน
หลินฟู่อินหยิบถั่วปากอ้าแช่น้ำขึ้นมา ตั้งใจจะแกะออกมาทำอาหารกลางวัน ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู “ปังๆ” ดังสนั่น
เด็กสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย คนพวกเดียวที่ทุบประตูได้หยาบคายเช่นนี้ และคนพวกเดียวที่เกลียดการมาถึงธรณีประตูบ้านนางก็มีแค่แม่สามีลูกสะใภ้สองคนจากบ้านเดิมเท่านั้น
เมื่อปลดกลอนประตูออก บานประตูก็โดนผลักเข้ามาทั้งที่หลินฟู่อินยังยืนนิ่ง ทำให้อีกฝ่ายพุ่งเข้ามาจนเกือบจะชนกับเด็กสาวเข้า
“ไอ้หยา กลางวันแสกๆ เช่นนี้จะปิดประตูไปทำไมกัน!” จ้าวซื่อดึงผ้าเช็ดหน้าสกปรกที่ไม่รู้ว่าไม่ได้ซักมากี่วันแล้วขึ้นมาซับเหงื่อ ก่อนจะจ้องหลินฟู่อินอย่างหมดความอดทน
หลินฟู่อินปากกระตุก สองคนนี้ส่งเสียงโหวกเหวกดังลั่นไม่รู้ตั้งใจหรืออย่างไรต่างพากันเมินนาง
จ้าวซื่อหรี่ตามองท่าทีของหลินฟู่อิน จากนั้นเห็นถั่วที่ตากแห้งอยู่ในสวนก็ยิ้มกว้างออกมา “ฟู่อิน ไปเอาถั่วมาจากไหนกัน? เ้าไปซื้อมาขายอีกหรือ?”
ต้องบอกว่าเห็นจ้าวซื่อดูขี้เหนียวน่ารำคาญเช่นนี้ แต่บางทีก็มีความฉลาดอยู่บ้าง ครั้งนี้นางเดาถูกอีกแล้ว
หลินฟู่อินไม่คิดปิดบัง ปรายตามองจ้าวซื่อแล้วพูด “หมายถึงถั่วปากอ้านี่หรือเ้าคะ? พวกนี้ท่านพ่อของข้าปลูกไว้ ลุงสองกับป้าสะใภ้ช่วยเก็บมาให้ข้าเ้าค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ” จ้าวซื่อปิดปากหัวเราะอยู่เป็นาน จากนั้นหันไปมองอู๋ซื่อที่มีสีหน้าดูหงุดหงิด แล้วก็พูดออกมา “ท่านแม่ ดูสิเ้าคะ อย่างที่ข้าพูดไว้จริงๆ บ้านน้องสองน้องสามต่างก็ใช้ชีวิตเป็ ที่ดินในบ้านก็ใช้ปลูกของเหล่านี้ ไม่เลวเลยใช่หรือไม่เ้าคะ แต่ขายไปแล้วจะได้เงินเท่าไรเชียว?”
“นังสารเลว! แต่งไก่ต้องตามไก่ แต่งกับสุนัขต้องตามสุนัข แต่งเข้าบ้านเราแล้วยังทำตัวเป็คุณนายน้อย ปลูกพืชยังไม่มีปัญญา รู้จักแต่ถั่วปากอ้าเนี่ยนะ!” อู๋ซื่อถ่มน้ำลายอย่างเกลียดชัง
เห็นอู๋ซื่อไม่เคารพมารดาที่จากไป ดวงตาของหลินฟู่อินก็ทอวาบ มองหน้าแม่สามีลูกสะใภ้เบื้องหน้า “ไม่ทราบว่าท่านย่ากับท่านป้ามาทำอะไรที่บ้านข้าเ้าคะ? ในเมื่อไม่ชอบท่านแม่ผู้ล่วงลับของข้าก็ไม่น่าจะอยากมาบ้านข้า แล้วเหตุใดจึงต้องมาถึงนี่หลายต่อหลายครั้งเพื่อหาเื่ทะเลาะด้วย?”
จ้าวซื่อเห็นหลินฟู่อินยังเยาว์วัย ทว่ากลับมีรังสีความมีอำนาจประกายออกมาจนหวาดกลัวไปเล็กน้อย
นางเกรงว่าหากอีกฝ่ายรำคาญใจขึ้นมาจริงๆ นางจะไม่ได้ทำงาน จึงได้ยิ้มแล้วกล่าว “ฟู่อิน ท่านย่าเป็ผู้าุโของเ้า เพียงแต่พูดโดยไม่ได้ตั้งใจเท่านั้น เหตุใดต้องใส่ใจเล่า? อีกอย่าง คนทำไร่ทำนาต่างก็รักสวนของตัวเองทั้งนั้น ย่าเ้าจึงพูดเช่นนี้ได้…”
ที่หลินฟู่อินไม่ขัดคำพูดยาวเหยียดของจ้าวซื่อ ก็เพราะหากทำไปจะโดนข้อหาไม่เคารพผู้าุโเอาได้
จ้าวซื่อพูดจนน้ำลายแห้ง พอเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งก็นึกว่าคงยอมแพ้แล้ว
นางดีใจยิ่งนัก จึงรีบพูดออกมา “ฟู่อิน เ้าก็คิดว่าป้าใหญ่มีเหตุผลใช่หรือไม่? เช่นนั้นก็ยอมรับผิดกับท่านย่าเสียเถอะ”
“ข้าไม่ได้ว่าท่านย่า ก็แค่พูดความจริงเท่านั้น ไม่ได้ผิดอะไร” หลินฟู่อินมองหน้าอู๋ซื่อ “แต่ท่านย่าก็ยังรังแกท่านแม่ผู้ล่วงลับของข้าเช่นนี้ก่อน เหตุใดไม่ไปที่หลุมศพท่านแม่ข้าแล้วยอมรับผิดก่อนล่ะเ้าคะ?”
“ฝันเฟื่องนัก! นังเด็กนี่อยากลองดีกับข้าแล้ว!” สายตาอู๋ซื่อราวกับมีดกำลังทิ่มแทงหลินฟู่อิน “พวกข้ามาคุยกับเ้า ตอนนี้หาเงินได้มากมายไม่ใช่หรือ? ขายไอ้ไข่บ้าบอไข่ดอกสนอะไรนั่น? ไม่ใช่เ้าชวนคนมาช่วยงานมากมายหรอกหรือ? รดน้ำใส่ปุ๋ยก็ควรทำในสวนตัวเองไม่ใช่สวนคนอื่น เ้าก็ให้ข้า ให้ป้าใหญ่เ้า กับเสี่ยวเถาเสี่ยวเหอมาช่วยทำงานของเ้าด้วย… แล้วก็ให้ค่าจ้างพวกข้าเสีย!”