เหอะๆ หลินหวั่นชิวอยากสอบถามบุรุษเฒ่าผู้นี้เหลือเกินว่าเขาเอาความมั่นใจว่านางอยากมีเขาเป็พ่อมาจากที่ใด?
ที่ไม่แอบเอากระสอบคลุมหัวแล้วทุบตีให้นอนติดเตียงเพราะเห็นว่าเป็ท่านพ่อของเ้าของร่างเดิม มอบชีวิตให้เ้าของร่างเดิมหรอกนะ
“หวั่นชิว เ้าทำเช่นนี้ก็เกินไปหน่อย ถึงกระดูกจะหักแต่ยังมีเอ็นเชื่อมนะ ต่างก็เป็พี่น้องกัน ไม่ควรตัดขาดขนาดนั้น”
“ใช่ ไม่ว่าเื่กระไรก็ควรเผื่อไว้ก่อน วันหน้าอาจ้าความช่วยเหลือ”
“คนอกตัญญูต้องโดนฟ้าผ่า”
“ตอนนี้ความเป็อยู่เ้าดีแล้วก็ควรดูแลพ่อแม่พี่น้องด้วย พูดแบบไม่น่าฟังคือ หากไม่ใช่เพราะท่านพ่อท่านแม่เ้ายกเ้าให้นายพรานเจียง วันนี้เ้าจะสุขสบายเช่นนี้หรือ?”
ไม่รู้ว่าฟู่เหรินในหมู่บ้านคิดเช่นนี้จริงๆ หรือมีจุดประสงค์อื่น พากันก้าวออกมาโน้มน้าวหลินหวั่นชิว
คนเราก็เช่นนี้ ทนเห็นผู้อื่นได้ดีกว่าตัวเองไม่ได้ โดยเฉพาะคนที่เคยลำบากกว่าตัวเอง
พอสบโอกาสต้องพูดเหน็บแนม อย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับตัวเองอยู่แล้ว อยากพูดอยากเหยียบย่ำอย่างไรก็ย่อมได้ อีกฝ่ายยิ่งอึดอัด พวกนางยิ่งมีความสุข
“พวกเ้าเงียบปากไปเสียเถิด ป้าจ้าวไฝใหญ่ เ้ามีหน้ามาว่าหวั่นชิวด้วยหรือ ไม่รู้ว่าวันก่อนผู้ใดกันที่ถือไม้กวาดไล่ตีแม่กับน้องสาวแท้ๆ ตัวเองรอบหมู่บ้าน หากเ้าพ่อเ้าแม่อัสนีจะสั่งสอนคนอกตัญญู เ้านั่นแหละจะโดนเป็คนแรก เ้าก็ด้วยอู๋หมาจื่อ เมื่อไรแม่เ้าจะปล่อยยายเ้าออกจากเล้าหมูเล่า…”
ป้าสองจ้าวะโออกไปพูดด้วยกำลังรบแข็งแกร่ง ความเร็วและกำลังรบนี้ทำให้หลินหวั่นชิวซาบซึ้งใจ
“ท่านแม่…” จ้าวหงฮวาดึงแขนเสื้อป้าสองจ้าว นางไม่ชอบใจที่ท่านแม่ปกป้องหลินหวั่นชิว “หัวหน้าหมู่บ้านก็อยู่ ท่านอย่าพูดเยอะจนรบกวนการทำงานของหัวหน้าหมู่บ้าน”
หลินหวั่นชิวชำเลืองตามองจ้าวหงฮวาแวบหนึ่ง สายตาราบเรียบนี้ทำให้จ้าวหงฮวาไม่สบายใจมาก นางหลบสายตาหลินหวั่นชิว มองไปทางเจียงหงหย่วนอย่างขี้ขลาด
ไม่รู้ว่านางคิดไปเองหรือไม่ นางรู้สึกว่าแผลเป็บนหน้าเจียงหงหย่วนจางลงมาก
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังดูดุดันน่ากลัวอยู่ดี มองนานๆ แล้วตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“ท่านป้า หงฮวาพูดถูกแล้วเ้าค่ะ ในเมื่อหัวหน้าหมู่บ้านมาแล้วก็ให้เขาช่วยตัดสิน ข้าไม่ขออธิบายกระไรอีก ที่นี่มีคนที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างในวันนั้น หากไม่ใช่เพราะข้านำหลักฐานมายืนยันว่าเสื้อขนจิ้งจอกเป็ของข้า คนที่อยู่ในคุกตอนนี้คงเป็ข้าไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น คนที่จับกุมตัวก็ไม่ใช่ข้า แต่เป็สวีเทา ลูกชายของหมอสวีต่างหาก ท่านพ่อ ข้าไม่ได้เป็เ้าของที่ว่าการ ต่อให้ข้าไปด้วยตัวเองก็ทำกระไรไม่ได้ พวกท่านมาหาผิดคนแล้วเ้าค่ะ ควรไปหาสวีเทาจึงจะถูก วันนั้นต้าเจี่ยมาหาข้าที่บ้านและพูดกระไรหลายอย่าง บอกว่าพวกท่านสนิทกับสวีเทา ขอแค่ข้าให้เงิน สวีเทาจะช่วยออกหน้าไม่ให้หัวหน้าหมู่บ้านยึดบ้านของครอบครัวเจียง ทั้งที่สนิทกันขนาดนี้แต่กลับวิ่งมาหาข้าเหตุใดกัน ท่านพ่อ ท่านร้อนใจจนเลอะเลือนแล้วหรือไม่เ้าคะ?”
หลินหวั่นชิวจงใจพูดเื่ก่อนหน้านี้เพื่อยั่วโมโหสวีฝู
เป็ไปตามคาด สีหน้าดำทะมึนเป็ก้นหม้อของสวีฝูยิ่งดำกว่าเดิม
“ที่ว่าการปฏิบัติตามกฎหมาย หากผู้ใดขโมยของกันแล้วบอกว่าเป็ญาติ เป็คนบ้านเดียวกัน เป็เื่เข้าใจผิดแล้วยอมปล่อยไป บ้านเมืองจะไม่วุ่นวายกันหมดหรือ? หากเป็เช่นนั้นคงไม่มีผู้ใดทำงานสุจริตแล้วพอดี แค่ปล้นขโมยก็จบ เพราะขโมยแล้วไม่ถูกจับ!” สวีฝูชี้หน้าด่าหลินฟาไฉ ตาแก่โง่เง่า เขารู้ว่าสวีเทาอยากรีดเงินจากบ้านเจียง แต่คิดไม่ถึงว่าสวีเทาจะปล่อยให้หลินซย่าจื้อพูดแผนการของเขา
ตอนนี้รู้กันทั้งหมู่บ้านแล้ว หากเขายึดบ้านหลังนี้เป็ของตัวเองจริงๆ ไม่รู้คนในหมู่บ้านจะนินทากระไรบ้าง
ที่สำคัญคือ หลินซย่าจื้อยังพ่นเื่ฉาวโฉ่อื่นที่เขาเคยทำออกมา
นี่แทบไม่ต่างกระไรกับฉีกเสื้อผ้าเขาต่อหน้าทุกคน
“พวกเ้าสองสามคนก็ด้วย ตัวเองไม่ได้สะอาดผุดผ่องก็อย่าว่าผู้อื่น ตอนนั้นตระกูลหลินขายหลินหวั่นชิวให้เจียงหงหย่วนแลกกับหมูป่าหนึ่งหัว ข้ากับผู้าุโหลายคนเป็พยานกันหมด ตอนนั้นหลินหวั่นชิวถือว่าเป็สินค้า ยื่นหมูยื่นแมวกันแล้ว นับจากนั้นทั้งสองฝ่ายไม่เกี่ยวข้องกันอีก ตอนนี้จะมาบอกว่าเป็ลูกสาว ผู้ใดเป็ลูกสาวเ้ากัน ขายไปแล้วย่อมเป็ของผู้อื่น!”
สวีฝูเหมือนช่วยพูดให้หลินหวั่นชิว แต่ความจริงคือใช้โอกาสนี้ด้อยค่านาง
ความตั้งใจเดิมของเขาไม่ใช่เพื่อช่วยตระกูลเจียง แต่เขาอยากถือโอกาสสั่งสอนตระกูลหลิน ด้วยเหตุนี้จึงก้าวออกมาพูด
และในเมื่อจำเป็ต้องพูดแบบไม่เต็มใจ เช่นนั้นเขาก็ต้องซ่อนเจตนาส่วนตัว กดหลินหวั่นชิวให้จมดิน
“ก็แค่ข้าทาสคนหนึ่งของบ้านเจียง พวกเ้ามาหานางจะมีประโยชน์กระไร?” ซุนซื่อ ภรรยาของสวีฝูพูดเสริม
เมื่อชาวบ้านที่มามุงดูได้ยินสองสามีภรรยาพูดเช่นนี้ สายตาที่พวกเขามองหลินหวั่นชิวก็เปลี่ยนไป
บ้างก็สงสาร บ้างก็ดูถูก บ้างก็เหยียดหยาม บ้างก็เฉยชา บ้างก็เสียดายแทนหลินหวั่นชิว
หลินฟาไฉสองสามีภรรยาถูกคำพูดนี้ทำเอาไปไม่ถูกเช่นกัน สวี่ซื่อเลิกร้องคร่ำครวญ ลุกขึ้นไปหลบหลังหลินฟาไฉ ไม่กล้าเงยหน้า
นางหดคอหดตัว…ดูขี้ขลาดกว่าสุนัขเฝ้าบ้านเสียอีก
แต่จังหวะนี้เองที่เจียงหงหย่วนก้าวออกมา เขาจับมือหลินหวั่นชิวพูดเสียงดัง “เมื่อครู่นี้หัวหน้าหมู่บ้านช่วยยืนยันแล้วว่าหลินหวั่นชิวไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลหลิน กับหลินฟาไฉและพวกสวี่ซื่ออีก แต่ไท่ไท่ของหัวหน้าหมู่บ้านพูดผิดไปหนึ่งประโยค หลินหวั่นชิวไม่ใช่ข้าทาสของบ้านเจียง นางเป็ภรรยาข้า เป็นายหญิงของบ้านเจียง มีทะเบียนสมรสเป็เครื่องยืนยัน หากทุกท่านไม่เชื่อ จะไปตรวจสอบที่ที่ว่าการอำเภอก็ย่อมได้ อีกเื่ เนื่องจากสัญญาจากตระกูลหลินก่อนหน้านี้ หลินหวั่นชิวจึงเท่ากับแยกตัวเป็หัวหน้าครอบครัวสตรี แต่งงานกับข้าในฐานะหัวหน้าครอบครัว ทั้งยังทำทะเบียนสมรส…”
แสงแดดสีขาวซีดในฤดูหนาวไม่ค่อยส่องสว่างเจิดจ้าแต่กลับมอบความอบอุ่นจางๆ
เจียงหงหย่วนยืนตัวตรงใต้แสงแดด ท่วงท่าเ็า คำพูดของเขาดังก้องกังวานในใจทุกคนราวกับระฆัง…
หลินหวั่นชิวเงยหน้ามองใบหน้ามุมข้างของเขา มองเขาพูดทุกคำอย่างจริงจัง คำพูดพวกนั้นซึมลงในหัวใจนางและเบ่งบานเป็บุปผา
ทุกคนที่นี่มองเจียงหงหย่วนด้วยความตะลึงงันกันหมด ต่างจากหลินหวั่นชิวที่มองเจียงหงหย่วนอย่างลุ่มหลง
ทะเบียนสมรส…
ในหมู่บ้านพวกเขา…นอกจากเจียงหงหย่วนกับหลินหวั่นชิวแล้วไม่มีบ้านใดจดทะเบียนสมรสอีก ไม่ใช่แค่ในหมู่บ้าน แม้แต่ในตำบลก็ยังมีคนจดทะเบียนสมรสน้อยจนน่าสงสาร
ชาวบ้านแต่งงานกัน แค่บุพการีตกลงกันก็พอแล้ว…ทะเบียนสมรส…นั่นเป็เื่สำหรับคนที่มีเงินเยอะจนไม่รู้จะใช้อย่างไรจึงไปทำ