ประตูถูกเปิดออก และเมื่อเห็นเหนียนยวี่ บ่าวของนายท่านเก้าที่ต้อนรับก่อนหน้านี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
"แม่นางท่านนี้หาก้าตัดเสื้อผ้า เชิญไปด้านนอกห้องโถงขอรับ"หลินป๋อพูดด้วยท่าทีที่อ่อนโยน ใช้ตัวขวางทางเหนียนยวี่ไว้ ราวกับกังวลว่าจะรบกวนเ้านายที่ป่วยในบ้าน
เหนียนยวี่เหลือบมองคนในห้องและกล่าวอย่างเสียงดังก้องกังวานว่า"แล้วถ้าข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อตัดเย็บเสื้อผ้า แต่มาเพื่อช่วยชีวิตเล่า?"
"ช่วยชีวิตงั้นหรือ?" หลินป๋อไม่เชื่ออยู่บ้าง "แม่นางอย่าล้อเล่นเลยขอรับบ่าวจะพาท่านลงไปขอรับ"
หลินป๋อคิดว่านางล้อเล่น ฟังเสียงนี้ ยังเป็เพียงสตรีวัยละอ่อนผู้หนึ่งจะช่วยชีวิตคนได้อย่างไร?
ที่ท่านหมอกล่าวไปก่อนหน้านี้ โรคของฮูหยินเกรงว่าคงมีเพียงอาจารย์เย่าชานเท่านั้นที่จะรักษาได้
"ท่านเก้ามิใช่กำลังมองหาลูกศิษย์ของอาจารย์เย่าชานหรือ?" เหนียนยวี่เอ่ยปากถาม ตามที่คาดไว้ ในที่สุด ชายในห้องก็เงยหน้าขึ้น"ให้นางเข้ามา"
หลินป๋อตกตะลึงเล็กน้อย เหนียนยวี่เหลือบมองเขาและเดินเข้าไปในห้องโดยไม่บอกกล่าวเดินไปตรงหน้าเตียง สบตาซูยวิ่น ยอมให้เขาใช้สายตาประเมินมองอย่างใจกว้าง
"เ้าเป็ศิษย์ของอาจารย์เย่าชานงั้นหรือ?" ซูยวิ่นขมวดคิ้ว ยังคงไม่เชื่อถือ ได้ยินว่าอาจารย์เย่าชานรับศิษย์เมื่อสิบปีก่อนเป็เด็กหนุ่มอายุสิบห้าปี แต่แม่นาง เ้า..."
"ทำไมท่านเก้าไม่ลองดูก่อนเล่า?" เหนียนยวี่ยกยิ้มมุมปาก เหลือบมองสตรีที่ลมหายใจรวยรินนางนั้นในอ้อมแขนของบุรุษ"ท่านตามหาเด็กหนุ่มผู้นั้นมาสักพักแล้วก็หาไม่เจอมิใช่หรือ?"
ซูยวิ่นจ้องมองเหนียนยวี่อย่างไม่ละสายตานางมิใช่ลูกศิษย์ของอาจารย์เย่าชาน ทว่าสิ่งที่นางพูดนั้นไม่ได้ไร้เหตุผล
"เ้าจะลองอย่างไร?" ซูยวิ่นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถามหยั่งเชิง ความหมายชัดเจน เขาตกลงที่จะลองเสี่ยงดูสักครั้ง
เหนียนยวี่รู้สึกเบิกบานใจผลลัพธ์นี้อยู่ในสิ่งที่นางคาดการณ์ไว้ นางเอ่ยปากพูดออกไปอย่างสงบ "ท่านเก้าให้ฮูหยินเอนกายนอนหงายลงดีๆข้า้าน้ำสักอ่าง อีกอย่าง หมอท่านนี้ขอยืมเข็มเงินของเ้าเพื่อใช้ฝังเข็มได้หรือไม่?”
ท่านหมอชะงักไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็รู้สึกตัวเขาได้สติรีบส่งกล่องยาที่เขานำมาให้ทันที "แม่นางเชิญเ้าใช้ได้ตามสบาย"
ในไม่ช้า หลินป๋อยกน้ำมาให้ซูยวิ่นจัดตัวหลินหลางและยืนอยู่ข้างๆยังคงไม่สามารถซ่อนความสงสัยในสายตาอันหนักหน่วงของเขาได้
เหนียนยวี่ล้างมือ เดินไปหน้าเตียงหยิบเข็มเงินออกมา เจาะจุดฝังเข็มหลายจุดบนร่างกายของสตรีอย่างแคล่วคล่องการเคลื่อนไหวนั้นดูเหมือนจะเชี่ยวชาญพอๆ กับผู้มากประสบการณ์ และคนที่อยู่ข้างๆนางรู้สึกประหลาดใจ
แม่นางวัยละอ่อนผู้นี้ มีความสามารถจริงงั้นหรือ?
ในขณะนั้น ดวงตาของซูยวิ่นมีประกายแห่งความหวังเหนียนยวี่ปักเข็มลงอย่างใจเย็น
ชาติก่อน ทุกคนรู้ว่าอาจารย์เย่าชานมีลูกศิษย์เพียงคนเดียวทว่าพวกเขาไม่รู้ว่าใน่หลายปีที่นางรักษาขาด้วยยาพวกเขาเป็อาจารย์และศิษย์ที่ดีต่อกันเสมอมา
อาจารย์มักจะยกย่องความสามารถของนางเขายังถ่ายทอดวิธีการฝังเข็มให้นางด้วยตัวเอง
อาจารย์กล่าวว่า หากเขาพบนางก่อนหน้านี้เขาจะไม่ยอมให้นางสู้รบบุกบั่นสังหารศัตรูเฉกเช่นบุรุษเช่นนี้เขาจะปฏิบัติกับนางดั่งสตรีและจะใช้ทั้งชีวิตถ่ายทอดสั่งสอนความรู้ที่สาบสูญไปให้นาง
อาจารย์กล่าวว่านี่คือชะตากรรมของเขากับนางทว่าไม่คาดคิดเลยว่า...ครานั้นที่หวนกลับเมืองชุ่นเทียนพวกเขาจะพลัดพรากจากกันไปตลอดกาล!
ดูเหมือนว่าอาจารย์ค่อนข้างจะตำหนิจ้าวเยี่ยนในเื่เล็กๆน้อยๆ มาตลอด
บางทีหลายสิ่งหลายอย่างคงมิอาจซ่อนจากสายตาคู่นั้นของอาจารย์ได้!
เหนียนยวี่อดไม่ได้ที่จะสงสัย ในชาตินี้นางยังคงมีโชคชะตาเกี่ยวพันกันกับท่านผู้าุโหรือไม่
และตอนนี้ เหนียนยวี่กำลังใช้เข็มในมือโดยใช้วิธีการที่อาจารย์เคยสอนนางหวังว่าในชาตินี้นางคงจะได้พบอาจารย์อีกสักครั้ง!
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหนียนยวี่ดึงเข็มออกมาหมอชราผู้นั้นก้าวไปข้างหน้าทันทีและจับชีพจรของสตรีที่นอนอยู่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ "นายท่านเก้า...ชีพจรของฮูหยินดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก"
เมื่อครู่นี้อ่อนล้าจนเกือบไร้เรี่ยวแรงทว่ายามนี้...อาการป่วยเหมือนจะกลับมาดีขึ้นแล้ว
“นี่เป็เื่จริงหรือ?” ซูยวิ่นสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น ท่านหมอพยักหน้ายืนยันอีกครั้งเขาอดไม่ได้ที่จะจับมือของหลินหลางไว้ “ดีเหลือเกิน ดีมากจริงๆ หลินหลางเ้าได้ยินหรือไม่? ท่านหมอบอกว่าเ้าดีขึ้น"
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเด็กหญิงอายุสิบห้าปีจะมีวิธีพลิกสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้อย่างเกินความคาดหมายเช่นนี้!
ทันใดนั้น ราวกับคิดอะไรบางอย่างได้ซูยวิ่นหันมองเหนียนยวี่ “แม่นาง เมื่อครู่นี้หยาบคายแล้ว แม่นางได้โปรดอย่าถือสาเ้าสามารถรักษาฮูหยินของข้าได้หรือไม่?”
เหนียนยวี่สบตาที่ฉายแววกระตือรือร้นคู่นั้น"ได้ก็คงนับว่าได้ ทว่าข้าจะไม่ลงมือรักษา"
ทันทีที่คำพูดออกไปความหวังในดวงตาของซูยวิ่นราวกับถูกสาดด้วยน้ำเย็น "เหตุใดเล่า? แม่นางโกรธเคืองหรือ?"
“ท่านเก้าเป็กังวลเกินไป ท่านมาเมืองชุ่นเทียนครั้งนี้เพื่อตามหาลูกศิษย์ของอาจารย์เย่าชานมิใช่หรือ?” มุมปากเหนียนยวี่ค่อยๆยกยิ้ม “ข้าได้บรรเทาอาการของฮูหยินแล้ว ท่านเก้ายังมีเวลาหาต่อไป"
"แต่...ข้าตามหามานานแล้วเมืองชุ่นเทียนนั้นใหญ่มาก พูดว่าจะหาใครสักคนนั้นมันง่ายดายนักหรือ?" ซูยวิ่นถอนหายใจ
"มันไม่ง่ายเลยที่จะตามหาใครสักคนแต่ถ้าหากท่านคิดหาหนทางทำให้คนที่ท่าน้าตามหาเป็ฝ่ายมาหาท่าน..."เหนียนยวี่สบตาซูยวิ่น กล่าวสิ่งสำคัญออกมา และก็อย่างที่คิด ั์ตาของซูยวิ่นเป็ประกาย"ความหมายของแม่นางคือ ให้ข้าป่าวประกาศเื่อาการของหลินหลางกลับมาดีขึ้นเพราะการฝังเข็มของลูกศิษย์อาจารย์เย่าชานงั้นหรือ? เช่นนั้น...”
“เช่นนั้นศิษย์ที่แท้จริงของอาจารย์เย่าชานจะต้องมาตามสืบหาเื่จริงอย่างแน่นอน”เหนียนยวี่รู้ว่าศิษย์พี่ของนางเป็ห่วงอาจารย์และชื่อเสียงของเขามากที่สุดเมื่อได้ยินคนแอบอ้างชื่อ จะต้องนั่งไม่ติดแน่
เงาร่างนั้นปรากฏขึ้นในความคิดของนางรอยยิ้มบนใบหน้าของเหนียนยวี่ก็เบ่งบาน ในใจนางก็ตั้งตารอคอยมากขึ้นเรื่อยๆ
"ดี เป็ความคิดที่ดี"ซูยวิ่นรู้สึกตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูก หากเป็เช่นนี้ โรคของหลินหลางก็ยิ่งมีความหวังมากขึ้นไปอีก
ซูยวิ่นมองประเมินสตรีด้านหน้าอีกครั้ง นางเฉลียวฉลาดพอๆกับเขา เขามองออกถึงเงื่อนงำบางอย่าง จึงคำนับให้เหนียนยวี่"ขอถามชื่อเสียงเรียงนามของแม่นาง อาศัยอยู่ที่ใด เมื่อเขามาถึง ข้าก็จะส่งคนไปแจ้งให้แม่นางทราบ"
เหนียนยวี่ตกตะลึง สบสายตาซูยวิ่นสองสายตาประสานกัน ทั้งคู่เป็คนฉลาด มองเห็นความในใจราวกับกระจกใสทว่าสภาพของนาง...
"ไม่จำเป็ต้องแจ้ง"เหนียนยวี่เลิกคิ้ว นึกถึงจุดประสงค์อื่นในการลงมือของตนในครั้งนี้ กล่าวต่อว่า"สตรีตัวเล็กๆ ผู้นี้ ได้ช่วยชีวิตฮูหยินไว้ใช่หรือไม่?"
“เป็เช่นนั้นเมื่อครู่นี้ถ้ามิใช่แม่นาง ฮูหยินคง...”
"ถ้าเช่นนั้น น้ำใจนี้ ท่านเก้าจดจำไว้ได้หรือไม่?"
"แน่นอนแม่นางมีบุญคุณใหญ่หลวง ข้าแซ่ซูจะสำนึกจดจำไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่" ซูยวิ่นกล่าวอย่างหนักแน่น
"ดีถ้าเช่นนั้นข้าจะจำไว้" เหนียนยวี่พยักหน้าให้ซูยวิ่น และไม่กล่าวอะไร หันหลังและเดินออกจากประตูไป
"แม่นาง..."ซูยวิ่นใเล็กน้อย นางจะจากไปแบบนี้เลยหรือ? เขาอยากจะตามไป แต่พอก้าวไปได้ก้าวหนึ่ง ก็หยุดฝีเท้า
"ท่านเก้าท่าน้าให้บ่าวตามไปและสืบหาว่าแม่นางแท้จริงเป็ใครหรือไม่" หลินป๋อกล่าวและก้าวไปข้างหน้า
ซูยวิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อยมองดูร่างนั้นเดินลงไปและหายลับไปหลังฉากกั้น
"ไม่ต้อง คนที่เรากำลังมองหาคือคนที่นาง้าพบนางจะปรากฏตัวอีกครั้งแน่"
ไม่เพียงเท่านี้นางมาเพื่อสร้างบุญคุณมิตรภาพกับเขาเขามีลางสังหรณ์ว่าพวกเราจะได้พบกันอีกในอนาคต!
ยามที่เหนียนยวี่กลับมาที่โถงด้านหน้าเหนียนอีหลานให้สาวใช้ไปตามหานาง เมื่อเห็นเหนียนยวี่ เหนียนอีหลานก็รีบเข้ามาหาและกล่าวอย่างไม่สบายใจทันทีว่า“เ้าไปที่ใดมา? เหตุใดจู่ๆ ก็หาไม่พบ?”
เหนียนอีหลานเหลือบมองไปยังทิศทางที่เหนียนยวี่ออกมาพลางสำรวจเล็กน้อย
"ท่านพี่ เป็ยวี่เอ๋อร์ไม่ดีเองเมื่อครู่ท้องไส้ของยวี่เอ๋อร์รู้สึกไม่สบายเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าท่านพี่กำลังเลือกแบบ ดังนั้นจึงไม่ได้บอกท่านทำให้ท่านพี่เป็กังวลแล้ว" เหนียนยวี่กล่าวโทษตัวเอง
เดิมทีเหนียนอีหลานเต็มไปด้วยความโกรธทว่าคิดอะไรบางอย่างได้ ก็ระงับควบคุมไว้อย่างสุดความสามารถ"เ้าไม่เป็อะไรก็ดีแล้ว ข้าเป็ห่วงหากเกิดอะไรขึ้นกับเ้าเพียงลำพังด้านนอก เช่นนั้นจะดีได้อย่างไร?"
เหนียนยวี่มองท่าทีของเหนียนอีหลานทำเพียงแค่ยิ้มและไม่เอ่ยอะไร
เหนียนอีหลานสั่งแบบเสร็จนานแล้ว คนกลุ่มหนึ่งหยุดค้างอยู่ที่ประตูหลินหลางซวน
เพิ่งออกจากหลินหลางซวน ขบวนม้าเหล็กคำรามผ่านมาเหนียนยวี่หันมอง ขบวนนั้นนำโดยบุรุษผู้หนึ่ง สูงสง่าท่าทางลักษณะไม่ธรรมดาผ่าเผยน่าเกรงขาม
ฉู่ชิงหรือ?
เขากลับมาเมืองชุ่นเทียนแล้วหรือ?
"เ้าเคยได้ยินเื่นี้หรือไม่ท่านแม่ทัพหลวงไปจิ่นโจวครานี้ทำคดีใหญ่ และได้จับตัวขุนนางฉ้อฉลมาเป็เื่ที่น่ายินดีจริงๆ"
“ว่าไปแล้ว แม่ทัพหลวงมีความดีความชอบอีกครั้งแล้ว อายุยังน้อยก็ได้เป็แม่ทัพหลวงแล้วได้รับความสำคัญจากองค์ฮ่องเต้อย่างมาก ข้าคิดว่าหลังจากนี้ไม่ช้าก็เร็วคงได้เลื่อนยศเป็อ๋องแน่”
ข้างๆ มีเสียงพูดคุยถกเถียงของคนจำนวนหนึ่งดังออกมาจากกลุ่มฝูงชนและลอยเข้ามาในหูของเหนียนยวี่เลื่อนยศเป็อ๋องหรือ?
ฉู่ชิงแท้จริงสามารถขึ้นไปตำแหน่งอ๋องได้ทว่า...เมื่อนึกถึงความตายของฉู่ชิงในชาติก่อน ในใจของเหนียนยวี่ก็อึดอัดคับข้องอย่างอธิบายไม่ถูก...