น้ำเสียงของหลินฟู่อินเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน ราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิที่แปรเปลี่ยนเป็เม็ดฝน ฟังแล้วสบายหูเป็อย่างยิ่ง
วังฮูหยินขอให้หลินฟู่อินรอก่อนครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเข้าไปล้างเครื่องสำอางที่ห้องด้านใน
เป็ตอนนี้เองที่เด็กสาวดูงดงามสองคนในชุดสีชมพูเดินผ่านมา เมื่อเห็นหลินฟู่อินเข้าจึงอดไม่มองนางไม่ได้
หลินฟู่อินมองไป แล้วจึงเห็นว่างข้างหลังนั่นมีฉินหมัวมัวอยู่ ในสายตาของนางเต็มไปด้วยความกังวล
ฉินหมัวมัวคงได้ข่าวเื่ที่นางมาแล้ว แต่นางกลับถูกวังฮูหยินชิงตัวมาเสียก่อน โดยที่ฉินหมัวมัวเองก็เดาไม่ออกว่าวังฮูหยินจะพาตัวหลินฟู่อินมาด้วยทำไม นางจึงมาดูโดยอ้างว่ามาตามคุณหนูวังทั้งสอง
“เ้าคือหลินฟู่อินที่ทำคลอดให้ท่านป้าใหญ่ของข้าหรือ?” เด็กสาวที่ตัวสูงกว่ามองหลินฟู่อินแล้วถามด้วยใบหน้านิ่ว
ไม่ใช่วิธีถามที่สุภาพมากนัก หลินฟู่อินจึงไม่สนใจนาง ทำเพียงยิ้มและพยักหน้าเท่านั้น
“ท่านนี้คือคุณหนูวังคนรอง” ฉินหมัวมัวแนะนำเสียงเบา จากนั้นจึงมองคุณหนูวัง “คุณหนูรอง คนผู้นี้เป็แขก คุณหนูรองทำผิดแล้วเ้าค่ะ”
คุณหนูวังคนรองตะลึงและนิ่งไป จากนั้นใบหน้าจึงแดงสุกขึ้น ก่อนจะทำการคำนับหลินฟู่อิน “ข้ามีนามว่าวังจิงอี่ ทางนี้เป็น้องสาวของข้า นามว่าวังจิ่งฉาน ขอบคุณแม่นางหลินที่ช่วยหลานและป้าของข้าเอาไว้เ้าค่ะ…”
หลินฟู่อินรู้สึกชื่อชมฉินหมัวมัวขึ้นมา นางมีอำนาจมากจริงๆ คุณหนูวังสองที่ดูแก่นแก้วผู้นี้กลับกลายเป็คุณหนูที่ดูเพียบพร้อมได้เพียงกล่าวคำเดียว
หากปล่อยไปเฉยๆ ก็จะเป็การเสียมารยาท เพราะคุณหนูวังคำนับให้นาง นางจึงเลี่ยงให้แล้วรับการคำนับไว้เพียงครึ่งหนึ่ง
คุณหนูวังคนรองและสามถึงกับประหลาดใจ ปกติแล้วมารยาทของสาวชาวบ้านคงมิอาจดีเท่าพวกนางที่มีอาจารย์สอนเฉพาะแท้ๆ แต่เด็กสาวตรงหน้ากลับเป็งานและทำได้ลื่นไหลกว่าพวกนางเสียอีก
แน่นอนว่าพวกนางไม่รู้ว่าหลินฟู่อินเองก็มีย่าหลี่คอยฝึกมารยาทให้เช่นกัน และมารยาทของเ้าของร่างเดิมเองก็ดีมากเป็ทุนเดิมอยู่แล้วด้วย แต่หลินฟู่อินกลัวจะสร้างความแคลงใจให้กับคุณหนูทั้งสอง นางจึงยั้งๆ ไว้บ้าง
เห็นหลินฟู่อินเช่นนี้แล้ว ฉินหมัวมัวจึงคลี่ยิ้มออกมา
เป็ตอนนี้เองที่วังฮูหยินล้างเครื่องสำอางเสร็จแล้วเพิ่งกลับออกมา จากนั้นจึงตะลึงไปเมื่อเห็นว่าลูกสาวทั้งสองและฉินหมัวมัวอยู่ที่นี่ แต่นางก็หรี่ตาลง คลี่ยิ้ม แล้วยื่นมือไปหาเด็กๆ “ลูกอี่ ลูกฉาน เหตุใดมาอยู่ที่นี่กันได้เล่า? วันนี้ไม่มีเรียนหรือ? ”
กล่าวจบก็เงยหน้าขึ้นมองฉินหมัวมัว ก่อนจะส่งสัญญาณด้วยคิ้ว เพราะวังฮูหยินเองก็รู้ว่าฉินหมัวมัวเข้มงวดเพียงใด นางจึงประหลาดใจมากที่เห็นฉินหมัวมัวติดตามลูกๆ ของนางมาถึงห้องด้วย
ฉินหมัวมัวคำนับให้วังฮูหยินด้วยท่าทีถ่อมตน แล้วจึงตอบว่า “เพราะคุณหนูทั้งสองรู้ว่าแม่นางหลินที่เป็ผู้ทำคลอดให้ป้าใหญ่ของพวกนางมาที่นี่ นางจึงอยากมาคำนับผู้มีพระคุณที่ช่วยป้าและหลานชายไว้เ้าค่ะ นับเป็เื่ดี ยายเฒ่าผู้นี้จึงไม่ห้ามพวกนาง”
ได้ยินฉินหมัวมัวกล่าวชมลูกๆ ของตนเช่นนี้ วังฮูหยินจึงมีความสุขมาก และไม่คิดว่าฉินหมัวมัวทำอะไรผิด
แต่เพราะนางเรียกหลินฟู่อินมาเพื่อตรวจโรค นางจึงขอให้ฉินหมัวมัวพาทั้งสองกลับไปก่อน
เมื่อฉินหมัวมัวเห็นแล้วว่าวังฮูหยินเรียกหาหลินฟู่อิน และตัวหลินฟู่อินก็มีท่าทีนิ่งสงบ นางจึงสบายใจแล้วกลับไปพร้อมคุณหนูทั้งสอง
หลินฟู่อินไม่รอช้า นางมองใบหน้าของวังฮูหยิน แล้วเห็นจุดสีเหลืองบนใบหน้า ริมฝีปากมีสีม่วงคล้ำ หัวใจหลินฟู่อินตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม แต่ยังไม่แสดงออกทางสีหน้า
นางขอให้วังฮูหยินยื่นแขนขวาออกมา แล้วตรวจชีพจรอย่างละเอียด จากนั้นจึงถอนหายใจโล่งอกเงียบๆ ในใจ
อาการของวังฮูหยินนั้นซับซ้อนกว่าของหลี่ฮูหยินตามที่คาดไว้ ไม่เพียงนางมีโรคนรีเวช แต่หัวใจเองก็ไม่ค่อยดีนัก โชคดีที่รู้ตัวเร็ว
“แม่นางหลิน…” วังฮูหยินกังวลขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นหลินฟู่อินมีสีหน้าตึงเครียด
“ไม่ใช่เื่ใหญ่เ้าค่ะ ฮูหยินโปรดวางใจ” หลินฟู่อินยิ้มออกมาทันทีเพื่อปลอบโยนนาง แล้วจึงถามต่อ “่หลังมานี้ ฮูหยินมีอาการหลับยากในตอนกลางคืนหรือไม่เ้าคะ หรืออาจจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาหลังจากที่หลับไปแล้ว?”
วังฮูหยินจ้องนางเขม็งแล้วพยักหน้าถี่ๆ ทันที “ใช่ เป็มาพักหนึ่งแล้ว”
“แล้วในตอนกลางวันก็จะมีอาการสับสนงุนงงโดยเฉพาะใน่ก่อนมื้อเย็นใช่หรือไม่เ้าคะ?” หลินฟู่อินถามต่อ
วังฮูหยินเบิกตากว้าง “ใช่ บางครั้งข้าก็จะรู้สึกพร่าเลือนไปเวลานั่ง”
หลินฟู่อินพยักหน้า “และมีอาการคัน กับประจำเดือนเลื่อนบ่อยใช่หรือไม่เ้าคะ?”
“ถูกต้องเลยแม่นางหลิน!” วังฮูหยินส่งเสียงออกมา ไม่แปลกใจเลยที่สามีของหลี่ฮูหยินผู้เป็หมอใหญ่มีชื่อเสียงจะเชิญให้นางไปวินิจฉัยโรคให้ หลินฟู่อินผู้นี้มีฝีมือจริงๆ! วังฮูหยินยิ่งประเมินหลินฟู่อินสูงขึ้นไปอีก ก่อนจะถามเสียงเบา “แม่นางหลิน ท่านรู้แล้วว่าข้ามีปัญหามากมาย มันรักษาได้หรือไม่?”
หลินฟู่อินยิ้มออกมา “ขอเพียงท่านทานยาอย่างสม่ำเสมอ ลดภาระที่แบกให้น้อยลง ทำใจให้ปราศจากความเครียดและออกกำลังกายให้มากขึ้น มันก็จะดีขึ้นเองเ้าค่ะ เมื่อเป็เช่นนั้นก็อาจทำได้แม้แต่การกดดันให้โรคร้ายเบาลงเ้าค่ะ”
วังฮูหยินเข้าใจว่านางเองก็ไม่ได้ยอมรับออกมาตรงๆ ว่ามันรักษาได้ แต่นางก็สบายใจขึ้นแล้ว
หมอไม่เคยให้คำมั่นว่ามันจะรักษาให้หายขาดได้ แม้แต่ตระกูลของหมอหลี่เองก็ไม่ทำ
“แม้ตระกูลของข้าจะมิได้ร่ำรวยมากนัก แต่เราก็ยังพอจะซื้อยาดีๆ ไหวอยู่” วังฮูหยินกล่าวออกมาทันที
วังฮูหยินรู้สึกมาตลอดว่านับั้แ่ที่แต่งเข้าตระกูลวังมา ชีวิตของนางก็มีแต่ดีวันดีคืน ดังนั้นนางจึงไม่อยากต้องนอนอยู่บนเตียงทานยาขมๆ ต่อไปทั้งชีวิต เมื่อพบหมอที่รักษานางได้เช่นนี้แล้ว จึงเป็ธรรมดาที่นางจะยอมจ่ายเพื่อซื้อยาดีๆ
หลินฟู่อินยิ้มแล้วส่ายหน้า “ฮูหยิน ยาไม่จำเป็ต้องแพง แต่ต้องตรงกับอาการเ้าค่ะ! ข้าจะจ่ายยาให้ แล้วให้ท่านส่งคนไปซื้อจากร้านยาของท่านหมอหลี่นะเ้าคะ”
วังฮูหยินรู้ดีว่านางจะต้องใช้ยาใหม่ และกลัวจะถูกคิดว่าไม่อยากใช้ นางจึงประกาศให้ชัดไว้ก่อน
นางรีบโบกมือทันทีแล้วกล่าวต่อ “ข้าเชื่อแม่นางหลินอยู่แล้ว! แต่ข้าขอทานยาได้หรือไม่? ข้าจำได้ว่าหมอหลี่มียาร้อนอยู่…”
วังฮูหยินมองหลินฟู่อินอย่างกังวล เพราะไม่มั่นใจว่านางจะขอยาแบบร้อนดีหรือไม่
หลินฟู่อินได้ยินที่นางกล่าวแล้ว ก็เข้าใจได้ว่าวังฮูหยินไว้ใจในวิชาแพทย์ของนางมาก จนภูมิใจขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อพิจารณาดูแล้ว หลินฟู่อินจึงมองหวังฮูหยินแล้วกล่าวเบาๆ “หากวังฮูหยินมีอาการคันรุนแรง ข้าก็สามารถจ่ายยาให้เช่นเดียวกับที่จ่ายให้หลี่ฮูหยินได้เ้าค่ะ ซึ่งรวมไปถึงยาสำหรับผสมน้ำเพื่อใช้ทาภายนอกด้วย แต่ตัวยานั้นเป็พิษกว่าปกติถึงสามเท่า ฮูหยินควรตัดสินใจให้ดี”
ที่จริงแล้วหลินฟู่อินไม่อยากให้วังฮูหยินใช้ยาทาเท่าไร เพราะดูจากชีพจรของนางแล้ว อาการของนางไม่ใช่โรคนรีเวชขั้นรุนแรงอะไร อาการที่นางมีนั้นเกิดจากโรคระบบต่อมไร้ท่อต่างหาก และยาที่นางจ่ายให้นี้ก็เพื่อการนั้น
ขอเพียงรับยาไปตามอาการ อาการก็จะดีขึ้นแน่นอน
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินฟู่อิน วังฮูหยินก็มีสีหน้าขมขื่น “แม่นางหลิน ข้ารู้ว่ายาดีย่อมมีพิษแรงตาม แต่ข้าทนไม่ไหวจริงๆ จ่ายมาให้ข้าเถอะ!”