เหตุใดถึงกะทันหันเช่นนี้...
หวาชิงเสวี่ยมองฟู่ถิงเย่ด้วยความงุนงง ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน จากนั้นก็พบว่า สายตาของฟู่ถิงเย่ไม่ได้มองนาง แต่กำลังมองเสื้อนวมใยฝ้ายในมือของนาง
นางก้มลงมอง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอาย
เสื้อนวมใยฝ้ายในมือของนาง ถูกนางแอบกรีดเป็รอยแยกเล็กๆ เผยให้เห็นใยฝ้ายสีขาวภายใน
"ข้าแค่...อยากจะเลาะมันออกจากกัน เอาใยฝ้ายออกมาใช้นิดหน่อยเ้าค่ะ เสื้อผ้าแต่ละตัวเอาออกนิดเดียว พวกเขาน่าจะไม่สังเกตเห็นหรอก" หวาชิงเสวี่ยตอบเสียงเบาด้วยความรู้สึกผิด
นางอยากทำผ้าปูนวมไว้ปูบนเตียงเตา เวลานอนหลับตอนกลางคืนเืจะได้ไม่ไหลซึมจนเปียกอีก...
ฟู่ถิงเย่ถึงกับพูดไม่ออก
เขาพบว่าตนเองไม่เข้าใจสตรีนางนี้จริงๆ! บางครั้งนางก็ขี้ขลาดเหมือนกระต่ายขาวตัวน้อย แต่บางครั้งนางก็บ้าบิ่นจนน่าเหลือเชื่อ!
นางกล้าแม้กระทั่งคิดจะเลาะเสื้อผ้าของทหารเหลียวเลยหรือ!
แต่ทำไมในใจเขากลับรู้สึกพึงพอใจ? นี่เป็เพราะอะไร? ความรู้สึกภาคภูมิใจที่เกิดขึ้นอย่างบอกไม่ถูกนี้ มันเป็ความรู้สึกแบบไหนกันนะ?
“แก้เสื้อผ้าในมือเ้าให้เล็กลงอีกหน่อย” ฟู่ถิงเย่กำชับ “แก้ให้ขนาดพอดีกับตัวเ้า”
หา?
หวาชิงเสวี่ยเบิกตากว้างมองเขา “ท่านคิดจะ...”
“เราจะปลอมตัวเป็ทหารเหลียวออกจากเมือง จะไปกันคืนนี้ตอนเปลี่ยนเวรยาม” ฟู่ถิงเย่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด หันหลังเดินออกไป ก่อนออกจากประตูก็ย้ำกับนางว่า “เ้าเก็บของก่อนเถอะ ข้าจะรีบกลับมา”
“เอ๋?!...” หวาชิงเสวี่ยยังอยากจะถามให้แน่ใจอีกครั้ง ฟู่ถิงเย่ก็เดินออกจากประตูไปอย่างรวดเร็ว อีกสักพักก็ได้ยินเสียงดังโครมครามสองครั้ง เป็เสียงเปิดประตูเรือนและปิดลงอีกครั้ง
กลยุทธ์ต้องรวดเร็ว ฟู่ถิงเย่คิดว่าเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็ควรลงมือทำโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสที่ดีที่สุด
...
หวาชิงเสวี่ยมองเสื้อนวมใยฝ้ายในมือ เริ่มคิดอย่างกังวล
นางทำเป็แค่เย็บปะแบบง่ายๆ การแก้เสื้อผ้าซึ่งเป็งานยุ่งยากเช่นนี้...เฮ้อ! ทำได้แค่ลองดูเท่านั้น!
หยิบกรรไกรขึ้นมา ‘ฉับๆ’ ตัดชายเสื้อ แขนเสื้อ ขากางเกงที่ยาวเกินไปออก จากนั้นก็ใช้ฝีเข็มเย็บปิดส่วนที่ถูกตัดออกเร็วๆ แค่ให้พอเป็รูปเป็ร่าง สำหรับเอวที่กว้างเกินไป เมื่อถึงเวลาก็คงต้องใช้เข็มขัดรัดให้แน่นเท่านั้น
นางแก้ไขเสื้อผ้าของทหารเหลียวอย่างคร่าวๆ เสร็จแล้ว ก็สวมใส่ทันที ภายในบ้านไม่มีกระจก แต่หวาชิงเสวี่ยรู้สึกว่าตอนนี้สภาพของนางคงจะดูไม่จืดแน่นอน
เพราะถึงอย่างไรนางก็เป็สตรี อ่อนแอขี้กลัว จะปลอมตัวเป็ทหารเหลียวได้อย่างไร? จะถูกจับได้หรือไม่?
แค่คิดอย่างนั้น นางก็รู้สึกใจคอไม่ดี...
หากถูกจับได้ว่าโกหกจริง คงจะถูกฆ่าอย่างแน่นอน!
นางทนทุกข์ทรมานมานานขนาดนี้ จะต้องตายแบบนี้จริงๆ หรือ?
หวาชิงเสวี่ยไม่ยอมแพ้! นางกัดฟัน ปล่อยผมลงมา หวังจะเลียนแบบฟู่ถิงเย่ มวยผมจุกอย่างบุรุษผู้หนึ่ง
แต่คิดไม่ถึงว่า ทรงผมที่ดูเหมือนจะทำง่าย นางทำอย่างไรก็มัดไม่ได้ หลังจากพยายามอยู่นาน แขนก็เมื่อยชาไปหมด จึงถอดเสื้อนวมใยฝ้ายของทหารเหลียวออก แล้วก็พยายามลองใหม่อีกครั้ง!
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากข้างนอก นอกจากเสียงฝีเท้าแล้ว ยังมีเสียงร้องของสัตว์ปะปนอยู่ด้วย
หวาชิงเสวี่ยใ รีบวิ่งออกไป!
ข้างนอกมืดสนิท มองเห็นเงาคนสองคนเดินเข้ามาในลานเรือน พร้อมกับจูงม้ามาสามตัว!
นางเพ่งมองดู เห็นว่าคนที่เดินนำหน้ากลุ่มคือฟู่ถิงเย่จริงๆ! เขากลับมาแล้ว!
หวาชิงเสวี่ยทั้งใทั้งดีใจ! เพราะนางพบว่าอานม้า บังเหียนม้า ล้วนเป็ของทหารเหลียว!
โอ้์ เขานำสิ่งเหล่านี้มาจากไหนกัน? เก่งจริงๆ!
ตรงกันข้ามกับความตื่นเต้นดีใจของหวาชิงเสวี่ย ฟู่ถิงเย่เห็นนางวิ่งออกมา แทบจะโมโหจนตาย!
สตรีนางนี้บ้าไปแล้วหรือ?!
นางวิ่งออกมาทั้งๆ ที่สวมเพียงเสื้อตัวในสีขาว! ทั้งยังปล่อยผมสยายอีก! น่าเกลียดจริงๆ!...แต่ท่าทางตื่นตระหนกใแบบนี้กลับดูน่ารักน่าเอ็นดูเป็พิเศษ! นางไม่เห็นหรือว่ามีคนอื่นอยู่ที่นี่?! นางช่างไม่สำรวม! ไม่สำรวมเกินไปแล้ว!!!
โดยไม่รู้ตัว ฟู่ถิงเย่ได้มองหวาชิงเสวี่ยเป็สตรีของเขาไปแล้ว ตอนนี้น้ำเสียงของเขาดูไม่ดีนัก ให้ความรู้สึกเหมือนกับสามีกำลังสั่งสอนภรรยา “ข้าไม่ได้บอกให้เ้าเก็บของก่อนหรือ?! เหตุใดถึงอยู่ในสภาพเช่นนี้?!”
หวาชิงเสวี่ยชะงักค้างเพราะเสียงตะคอกของเขา นางตอบกลับอย่างงุนงง “ข้า...ข้าอยากจะทำผมแบบบุรุษ แต่ทำอย่างไรก็ทำไม่ได้...”
“ตามข้าเข้าไปข้างใน” ฟู่ถิงเย่โยนสายบังเหียนให้ลูกน้องที่อยู่ข้างๆ แล้วดึงหวาชิงเสวี่ยเข้าไปในบ้าน
หวาชิงเสวี่ยก้มลงมองมือใหญ่ที่จับแขนนางไว้แน่น คิดกับตนเองในใจว่า แย่แล้ว! คนผู้นี้คงจะโกรธมาก ไม่สนใจแล้วด้วยซ้ำกับเื่ที่ชอบพูดว่าบุรุษสตรีมิควรแตะเนื้อต้องตัวกัน...
ฟู่ถิงเย่เข้าไปในบ้านแล้วผลักหวาชิงเสวี่ยเข้าไป พลิกมือปิดประตูดัง ‘ปัง’
หวาชิงเสวี่ยสั่นสะดุ้งโดยไม่รู้ตัว...
คิดทบทวนตนเองว่า ทำอะไรผิดไปกันแน่ถึงทำให้บุรุษผู้นี้โกรธเกรี้ยวขนาดนี้?! ...ตอนนี้...คงไม่ได้คิดจะตีนางใช่หรือไม่?
“หวี” ฟู่ถิงเย่ยื่นมือออกมาหานาง
หวาชิงเสวี่ยกะพริบตาปริบๆ ไม่เข้าใจในทันที
ฟู่ถิงเย่พูดซ้ำอย่างอดทน “หวี!”
“...อ้อ อ้อ!” หวาชิงเสวี่ยรีบยื่นหวีให้เขา
ฟู่ถิงเย่ถือหวีไว้แล้วก็หวีผมบนหัวนางสองสามครั้ง
“!!!” หวาชิงเสวี่ยกัดริมฝีปากไว้แน่น พยายามกลั้นน้ำตาที่เกือบจะไหลออกมา
ท่านแม่ทัพ! ท่านกำลังหวีผมหรือพรวนดินกันแน่?!
ข้อเท็จจริงพิสูจน์แล้วว่า ถึงแม้หนังศีรษะจะเจ็บ แต่ท่านแม่ทัพก็พรวน...ไม่สิ หวีได้ดีทีเดียว! ไม่นานผมจุกที่เรียบร้อยก็เสร็จสมบูรณ์!
หวาชิงเสวี่ยเปลี่ยนเป็ชุดทหาร ทาหน้าด้วยผงเถ้าอีกเล็กน้อย เพื่อปกปิดผิวที่ขาวเนียน กลายเป็ทหารหนุ่มน้อยรูปงาม!
แต่ว่า...
ทหารหนุ่มน้อยคนนี้ขี่ม้าไม่เป็!
หวาชิงเสวี่ยคิดว่ามันเป็เื่ง่าย แต่พอขึ้นไปขี่จริงๆ ถึงได้รู้ว่ามันยากแค่ไหน!
บั้นท้ายเลื่อนไปเลื่อนมาหาจุดสมดุลไม่เจอ พอหาจุดสมดุลได้แล้ว ม้าขยับตัวเพียงเล็กน้อยนางก็ตื่นเต้นจนแทบตาย! จากนั้นฟู่ถิงเย่ก็ดุว่านางหนีบขาแน่นเกินไป บอกให้นางผ่อนคลาย! ก็ได้ ผ่อนคลาย...พยายามผ่อนคลาย ผลก็คือผ่อนคลายเกินไป หาจุดสมดุลไม่เจออีกแล้ว...
ในเมื่อพวกเขาต้องปลอมตัวเป็ทหารเหลียว จึงไม่สามารถขี่ม้าตัวเดียวกันได้ ปัญหาเื่การขี่ม้า หวาชิงเสวี่ยก็ต้องแก้ไขด้วยการพึ่งตนเอง! และเวลาก็มีไม่มาก
ฟู่ถิงเย่จูงบังเหียนม้าที่หวาชิงเสวี่ยขี่อยู่ กล่าวย้ำว่า “นั่งให้มั่น คอยระวังอย่าตกม้า พอถึงประตูเมืองก็อยู่ข้างหลังข้า อย่าส่งเสียง”
หวาชิงเสวี่ยพยักหน้าแรงๆ มือกำบังเหียนไว้แน่นด้วยความตื่นเต้น
ฟู่ถิงเย่พูดกับลูกน้องที่อยู่ข้างๆ “เหลาไห่ อีกเดี๋ยวเ้าคอยจับตาดูเอาไว้ด้วย”
“ขอรับ!”
หลังจากอธิบายเพียงไม่กี่ประโยคเสร็จ ฟู่ถิงเย่ก็ควบม้าออกไป!
ตอนแรกไม่ได้วิ่งเร็วมาก คงเป็เพราะพะวงหลังเป็ห่วงหวาชิงเสวี่ย ม้าสามตัววิ่งไปข้างหน้าอย่างช้าๆ จากนั้นก็ค่อยๆ เร็วขึ้น และยิ่งเร็วขึ้น สุดท้ายก็ควบม้าพุ่งไปบนถนนใหญ่ของเมืองเหรินชิว!
พุ่งไปจริงๆ ด้วย!
นางไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ มือทั้งสองข้างกำบังเหียนไว้แน่น ไม่กล้าแม้แต่จะลืมตา! กลัวว่าจะตกลงจากอานม้า!
ยิ่งกลัวอะไรก็ยิ่งเจอสิ่งนั้น เพียงครู่เดียวก็ถึงประตูเมือง ฟู่ถิงเย่กระชากบังเหียนอย่างกะทันหัน! ม้าทั้งสามตัวหยุดวิ่งยกขาคู่หน้าขึ้นในทันทีเพราะแรงเฉื่อย! หวาชิงเสวี่ยเกือบจะกระเด็นออกไป!
ลูกน้องที่ชื่อเหลาไห่คนนั้นยื่นมือออกมาดันหลังนางอย่างแรง! ผลักหวาชิงเสวี่ยกลับขึ้นไปบนหลังม้าอย่างไม่ปรานี!
ทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตา ทหารเหลียวที่เฝ้าประตูเมืองไม่รู้ แต่หวาชิงเสวี่ยกลับใจนเหงื่อแตกพลั่ก!
เกือบไปแล้ว!
แล้วต่อไปล่ะ? จะทำอย่างไรต่อไป?!
จู่ๆ เหลาไห่ก็ะโด่า! โดยใช้ภาษาของทหารเหลียว
ทหารหลายนายที่เฝ้าประตูเมืองอยู่ดูเหมือนจะตกตะลึงเพราะถูกด่าจนงงไปหมด ตอบอะไรบางอย่างกลับมาอย่างกลัวๆ
เหลาไห่จึงด่าอีกชุด! เสียงของเขาดังก้อง กังวาน เหมือนกับกำลังโกรธมาก หวาชิงเสวี่ยกังวลว่าเสียงดังขนาดนี้จะดึงดูดทหารเหลียวคนอื่นๆ เข้ามา...หากเป็เช่นนั้นจะหนีไปได้อย่างไร?
แต่ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น!
หลังจากถูกด่า ทหารเหลียวที่เฝ้าประตูเมืองกลับเปิดประตูด้วยความหวาดกลัว?!
หวาชิงเสวี่ยยังไม่ทันได้ใ ม้าที่อยู่ใต้นางก็เริ่มวิ่งอีกครั้ง! มันวิ่งตามฟู่ถิงเย่และเหลาไห่ออกไปนอกเมือง!
ออกมาแล้ว!
พวกเขาออกจากเมืองมาได้แล้วจริงหรือ?!
หวาชิงเสวี่ยรู้สึกเหลือเชื่อ!
นางกำลังจะอุทานด้วยความประหลาดใจ ก็รู้สึกว่าเอวถูกใครบางคนดึงขึ้น! ร่างกายลอยขึ้นกลางอากาศแล้วร่วงลง! นางขึ้นมานั่งบนหลังม้าของฟู่ถิงเย่?!
หวาชิงเสวี่ย: “?!!”
ฟู่ถิงเย่ที่อยู่ด้านหลังพูดว่า “เราต้องเร่งฝีเท้าแล้ว ปล่อยให้เ้าค่อยๆ เดินต่อไปไม่ได้แล้ว”
เมื่อครู่ม้าวิ่งจนไส้ของนางแทบจะไหลออกมาแล้ว! นี่เรียกว่าค่อยๆ เดินหรือ?!
จากนั้นฟู่ถิงเย่ก็เริ่มเร่งฝีเท้าจริงๆ ...
หวาชิงเสวี่ยก้มตัวลง กอดอานม้าไว้แน่น รู้สึกว่าอวัยวะภายในทั้งหมดกำลังเคลื่อนที่ไปมา
ร่างกายของนางแกว่งไปมาบนหลังม้า เอวถูกกระชับ! ฟู่ถิงเย่ที่อยู่ด้านหลังโอบเอวนางไว้ด้วยมือข้างเดียว และใช้มืออีกข้างกุมสายบังเหียน
“นั่งดีๆ! แบบนี้เ้าจะตกม้าง่ายขึ้น!” เขาะโพลางเร่งความเร็วขึ้นอีก!
หวาชิงเสวี่ยพยายามอย่างหนักเพื่อนั่งตัวตรง ขยับบั้นท้ายเพื่อปรับท่าทาง แต่ทุกครั้งที่ม้ากระแทกไปมาตลอดการวิ่งอย่างรวดเร็วร่างกายของนางก็แนบชิดกับบุรุษที่อยู่ด้านหลังมากขึ้นเรื่อยๆ จนนางแทบจะรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนๆ ที่ท้ายทอย และ...
และ...หนวดเคราของเขา ตำแทงเจ็บจริงเชียว!
ในตอนนั้น ฟู่ถิงเย่ก็ดุนางอีกครั้ง “อย่าขยับ!”
ตอนหนียังกล้ามายั่วยวนเขาอีก?!
คิดอีกที ความคิดของตัวเขาเองก็ไม่ถูกต้อง! หรือว่า หากไม่ใช่เวลาที่หนีเอาชีวิตรอดก็จะยอมให้นางยั่วยวนเขาได้? ...ความรู้สึกคาดหวังเล็กๆ นี่มันคืออะไรกัน?
บ้าเอ๊ย! ใจลอยอีกแล้ว!
ฟู่ถิงเย่สะบัดแส้ ‘เพียะ’ เสียงดังก้องไปทั่ว ม้าที่อยู่ใต้ร่างนั้นวิ่งพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับสายลมและสายฟ้า!
เขาโอบนางไว้แน่นขึ้น หาเหตุผลแก้ตัวให้ตนเองด้วยคำพูดที่ชอบธรรมในใจว่า ข้าแค่กลัวนางตกม้า
สาวงามในอ้อมแขนกลับดิ้นรนขึ้นมากะทันหัน
ฟู่ถิงเย่ดุนาง “ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ?!”
หวาชิงเสวี่ยอยากจะร้องไห้ “ท่านแม่ทัพ...หนวดเครา...หนวดเคราตำแทงข้าเจ็บมาก!”
ไม่ใช่แค่เจ็บ แต่ยังคันอีก! เพราะว่าทั้งเจ็บทั้งคัน นางถึงได้ทนไม่ไหว!!!
ฟู่ถิงเย่ชะงักไปครู่หนึ่ง มองลงมา เห็นคอขาวๆ ของนางโผล่ออกมาจากคอเสื้อที่เปิดเล็กน้อย มีรอยแดงๆ จากการถูกหนวดเคราของเขาตำแทงมากมาย...
ทำไมถึงได้บอบบางขนาดนี้?
ท้องน้อยของฟู่ถิงเย่แข็งตึง จากนั้นก็กัดฟันด่าตนเองภายในใจ! สารเลว! เผลอไปนิดเดียวก็เริ่มเอาอีกแล้วหรือ?!
ถึงแม้ในใจจะกำลังตำหนิตนเองอยู่ แต่แรงของมือที่โอบเอวนางอยู่นั้นไม่ลดลงเลยสักนิด
เหลาไห่ที่อยู่ห่างจากเขาไปไม่ไกลจู่ๆ ก็ะโเสียงดังขึ้นมา “ท่านแม่ทัพ พวกเขาไล่ตามมาแล้วขอรับ!”
หวาชิงเสวี่ยได้ยินเช่นนั้นก็ตัวสั่นทันที
จะทำอย่างไรดี?!