แค่ออกมาด้านนอกก็ได้กลิ่นเหมือนกับที่เคยได้กลิ่นตอนเพิ่งเข้ามาในหมู่บ้านเป็ครั้งแรกปะทะเข้ามาเต็มจมูก ั้แ่เช้ามาก็เอาแต่ยุ่งเื่นู้นเื่นี้จนไม่ได้ตั้งใจคิดว่าเป็กลิ่นอะไร ตอนนี้ว่างแล้ว อ๋าวหรานดมไปทางต้นตอของกลิ่น จึงค้นพบว่าแท้จริงแล้วกลิ่นนี้ก็คือดอกจินมู่
จิ่งฝานถาม “ทำไมหรือ”
อ๋าวหราน “รู้สึกว่ากลิ่นดอกไม้นี่ช่างคุ้นเคยยิ่งนัก”
จิ่งฝานอึ้งไป น้ำเสียงแปลกประหลาด “คุ้นอะไรกัน? ่นี้เป็่ที่ดอกจินมู่กำลังบาน ไปที่ไหนก็มีมัน”
อ๋าวหรานส่งเสียงอืมออกมาเสียงหนึ่ง พูดอีกว่า “รู้สึกเหมือนเคยได้กลิ่นมาจากที่อื่นด้วย แต่คิดไม่ออก”
จิ่งฝานไม่ได้ต่อคำ
อ๋าวหรานมองดูจุดสีทองที่ปรากฏอยู่มากมายในสายตา อดพูดไม่ได้ว่า “ดอกไม้นี่สวยมากจริงๆ ”
เป็สีทองสดใส และยังเปล่งประกายแวววาว ดูโดดเด่นไม่ธรรมดาเหมือนกับกิ่งของมัน ตัวดอกเองก็มีเส้นสีแดง บางๆ ปรากฏอยู่ด้วย
จิ่งฝาน “ไปกันเถิด”
อ๋าวหรานพยักหน้า
ในเมืองเล็กๆ เช่นนี้ บริเวณรอบๆ มีทัศนียภาพที่งดงาม ไม่ว่าจะเป็ลมฟ้าอากาศหรือดินล้วนช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชเหมาะแก่การทำเกษตรกรรม อีกทั้งตระกูลข้างเคียง ยังเป็ตระกูลจิ่งตระกูลใหญ่ที่มีประวัติความเป็มายาวนาน เป็ตระกูลที่เป็แพทย์มาทุกรุ่น รักสงบไม่ชอบแย่งชิง
อีกทั้งตระกูลจิ่งเองก็มีอำนาจในแผ่นดินใหญ่ พวกที่จะมารุกรานพวกเขานั้นมีน้อยมาก พวกเขาเองก็ไปยุ่งกับคนอื่นน้อยมากเช่นกัน ทำให้บริเวณนี้แทบจะไม่มีาเลย ถือเป็หนึ่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันสงบสุขแห่งหนึ่งบนแผ่นดินใหญ่เลยก็ว่าได้
เป็สถานที่อันอ่อนโยน ที่เลี้ยงคนในพื้นที่ให้อ่อนโยนตามไปด้วย
ทั้งสองคนเดินไปเรื่อยๆ มีเสียงหัวเราะรื่นเริงดังอยู่ตลอดทาง เพิงขายน้ำชาข้างทางเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยสนุกสนาน น้ำเสียงและเนื้อหาที่พูดไม่สกปรก หยาบคาย เป็เสียงสดใสเสนาะหู
อ๋าวหรานพูดพร้อมรอยยิ้ม “สนานที่เช่นนี้เหมาะกับคนมีคู่มาอยู่ด้วยกันชั่วชีวิต ปลูกต้นไม้ใหญ่สักหนึ่งต้น หาถ้วยชาหนึ่งใบ เลี้ยงเป็ดไก่สักหนึ่งฝูง มีลูกอีกสองสามคน คงสุขใจเป็ที่สุด”
จิ่งฝานตกตะลึง
จิ่งฝาน ‘วันคืนเช่นนี้’ ที่อ๋าวหรานกล่าวมานั้นยากนักที่จะเป็จริงได้
อ๋าวหรานเห็นเขาหยุดชะงักไป ถามว่า “ไม่ชอบหรือ?”
จิ่งฝานแค่หัวเราะพรืดออกมาทีหนึ่งก็เดินออกไป
อ๋าวหรานอดถอนหายใจไม่ได้ ตนเองคงแก่แล้วจริงๆ คิดแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแสนสบาย คนหนุ่มสาวเช่นเขาคาดว่าคงอยากจะมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่สะท้านฟ้าะเืดินเสียมากกว่า
อ๋าวหรานรีบเดินสองสามก้าวขึ้นไปให้ทันจิ่งฝาน
อ๋าวหราน “หมู่บ้านรอบๆ นี้มีเยอะหรือไม่?”
จิ่งฝาน “เอาแค่ที่ใหญ่ประมาณนี้ก็มีสิบกว่าแห่ง ที่ขนาดเล็กกว่านี้ยังมีอีกมาก”
อ๋าวหรานร้อง อ้อ ออกมาหนึ่งเสียง
ทั้งสองคนเดินไปถึงถนนเส้นหนึ่ง เห็นคนกำลังกางเพิงผ้า แขวนโคมไฟ
อ๋าวหรานสงสัย “นี่กำลังทำอะไรกันอยู่?”
จิ่งฝานอธิบาย “จัดเตรียมงานเทศกาลคืนวันพรุ่ง นี่เป็พวกกลุ่มผู้ดูแลในเมืองมาจัดการ”
อ๋าวหรานพยักหน้า “หมู่บ้านอื่นๆ ก็เป็เช่นนี้หรือ? เราไปเดินดูที่หมู่บ้านอื่นบ้างดีหรือไม่?”
จิ่งฝานเหล่ตามองเขา “ที่อื่นก็ไม่ต่างกับที่นี่มากนัก โดยรวมแล้วก็เหมือนกัน”
จิ่งฝาน “อีกทั้งงานเทศกาลดอกจินมู่ไม่ใช่ว่าทุกหมู่บ้านจะแยกกันไปจัด หมู่บ้านหลายๆ หมู่บ้านพวกนี้จะร่วมมือกันจัดขึ้นมาต่างหากล่ะ แต่ละหมู่บ้านก็จะส่งการแสดงที่น่าสนใจของหมู่บ้านตนเองออกมา คาระวานแสดงพวกนั้นจะผ่านไปทุกๆ หมู่บ้านบริเวณใกล้เคียง แสดงติดต่อกันหลายวัน คนในหมู่บ้านต่างก็จะติดตามคาระวานพวกนี้ออกไปท่องเที่ยวตามถนนเส้นต่างๆ ด้วย”
อ๋าวหรานพยักหน้า “งั้นค่อยไปพรุ่งนี้เถิด”
“คุณชาย สนใจซื้อดอกไม้ไหมเ้าคะ?” อ๋าวหรานเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นแม่นางน้อยอายุราวสิบเอ็ดสิบสองปียืนอยู่ตรงหน้าเขา ในมือถือดอกไม้สีสันหลากหลายเอาไว้
“คุณชายช่วยซื้อดอกไม้หน่อยสิเ้าคะ ข้าเพิ่งเก็บมาเอง สวยมาก คุณชายนำกลับไปปักในแจกันก็ได้ ยังสดไปได้อีกหลายวันเลยเ้าค่ะ” แม่นางน้อยกะพริบตาปริบๆ อย่างคาดหวัง
อ๋าวหรานปฏิเสธเด็กๆ ไม่ค่อยเป็ แล้วก็คิดได้ว่าพอดีเลยจะได้ซื้อกลับไปฝากเซียงเซียง “ขายอย่างไรหรือ?”
แม่นางน้อย “หนึ่งอัฐต่อหนึ่งดอกค่ะ”
อ๋าวหรานเลือกมาหลายดอก สดสะพรั่งไปหมด งดงามอย่างยิ่ง
ความคุ้นชินจากชีวิตในยุคปัจจุบันยังมีอยู่ อ๋าวหรานจึงจะยื่นมือเข้าไปในกระเป๋า สุดท้ายลูบเสื้อผ้าอยู่เป็นานถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ ชุดนี้ไม่มีกระเป๋าสักหน่อย อีกอย่างที่สำคัญก็คือตัวเขาไม่มีเงินเสียหน่อย
เห็นแม่นางน้อยมองตนเองตาละห้อย อ๋าวหรานหันไปขอความช่วยเหลือจากจิ่งฝานอย่างเขินอาย “ยืมเงินหน่อย”
จิ่งฝานจ้องเขาอยู่พักหนึ่ง ถึงจะยื่นถุงเงินส่งให้เขา
อ๋าวหรานรับเงินมาส่งให้แม่นางน้อย
อ๋าวหรานพูดไปเดินไป “ขอบคุณนะ เอ้า ถุงเงินคืนให้เ้า”
จิ่งฝานส่ายศีรษะ “เ้าเก็บไว้เถิด”
อ๋าวหราน “ทำเช่นนี้ไม่ได้หรอก กินนอนอยู่บ้านเ้า ยังใช้เงินเ้าอีก ข้าอายจนไม่มีที่จะหลบแล้ว”
จิ่งฝานมองไปทางเขาทีหนึ่ง “ตอนนี้คืนข้า คาดว่าต่อไปคงต้องยืมอีก ไม่สู้เอาไปเสียั้แ่ตอนนี้เถิด”
อ๋าวหรานคิดแล้วคิดอีก ก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ตนเองตอนนี้ทั้งร่างไม่มีอัฐเหลือสักก้อนเดียว ก็คงต้องให้คนอื่นเลี้ยงแล้ว “เช่นนั้นก็ขอบคุณนะ”
เขากล่าวเสริมอีกว่า “ข้าซาบซึ้งใจจนไม่อาจหาคำใดมาเปรียบได้ ให้ดอกไม้เ้าดอกหนึ่งแล้วกัน”
พูดจบก็ดึงดอกไม้ที่สวยที่สุดในกำออกมาส่งให้จิ่งฝาน
จิ่งฝานมองแล้วพูดว่า “เ้าเก็บเอาไว้เองเถิด”
อ๋าวหรานถอนหายใจ “ไม่ต้องเกรงใจ ข้าเอาเงินเ้ามายังไม่เกรงใจเลย”
จิ่งฝาน “......”
อ๋าวหรานเห็นจิ่งฝานไม่รับไป ก็ยัดเยียดส่งไปให้เขา
ทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เวลาเดินไปมาบนถนนก็กลายเป็ภาพอันงดงาม เดินไปไหนก็มักจะมีสาวน้อยเขินอายหน้าแดง จ้องมองพวกเขา
ตอนนี้ยังมาถือดอกไม้อีก สาวน้อยที่มีความกล้าสักหน่อยบนถนนะโมาว่า “คุณชายทั้งสอง งดงามยิ่งกว่าดอกไม้เสียอีกเ้าค่ะ”
ดึงดูดให้คนรอบข้างหัวเราะตามอย่างเขินอาย
อ๋าวหรานสีหน้าดำคล้ำ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้