เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้ ทำให้ผู้คนโห่ร้องด้วยความดีใจ!
เมื่อครู่ยังเป็ทหารรักษาเมืองที่โอหัง ชั่วพริบตาเดียวก็ถูกหักแขน ไม่สามารถหนีไปไหนได้ จึงต้องนอนอยู่บนพื้นในสภาพที่น่าอนาถเป็อย่างยิ่ง
“เยี่ยม!”
มีผู้กล้าะโออกมาท่ามกลางฝูงชน ทำให้เมืองเกิดความโกลาหลทันที
ครั้นหานซู่และทหารรักษาเมืองอีกสี่ห้าคนตอบโต้กลับ หยวนจุนเคลื่อนไหวอีกครั้ง สองมือบีบคอพวกเขา ก่อนจะกดใบหน้าทั้งสองลงกับพื้นอย่างไร้ความปรานี
“ไอ้คนบ้านนอก เ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
หานซู่กระทืบเท้า ทำให้ปราณดาราที่คลุ้มคลั่งเหมือนดั่งสัตว์ร้ายปรากฏ พลังไร้รูปร่างแต่รู้สึกได้นั้นตรงไปปกคลุมหยวนจุนกับเด็กชุดลาย
“เป็แค่นักยุทธ์วงแหวนใหญ่ขั้นสอง เ้ายังกล้าโอหังอีก!” หยวนจุนกระแทกเท้าลงพื้น ปราณดาราสีเหลืองอ่อนแผ่ออกมาจากตัว เขาซัดพลังของหานซู่ให้สะท้อนกลับทันที
แม้ตอนนี้เขาบ่มเพาะได้แค่ระดับดาราวงแหวนใหญ่ขั้นสอง แต่พลังกลับมีมากกว่าปราณดาราธรรมดาของหานซู่ เนื่องจากปราณดาราของเขามีธาตุดาวรวมอยู่ด้วย
หลังจากพลังสะท้อนกลับ หานซู่ถอยหลังไปหลายเมตร
“ไม่นึกว่าคนบ้านนอกอย่างเ้าจะเป็นักยุทธ์วงแหวนใหญ่ขั้นสอง!” หานซู่กลืนเืที่อยู่ในปาก ชี้ไปที่หยวนจุนแล้วะโว่า “รู้ไหมว่าข้าเป็ใคร! เ้ากล้าลงมือกับข้า เท่ากับเป็ปรปักษ์ต่อทหารรักษาเมืองเทียนอวิ่นด้วย!”
“ข้าไม่สนว่าเ้าเป็ใคร! ถ้าข้าเห็นแล้วขัดลูกหูลูกตา ผู้นั้นก็ต้องตาย!”
ใบหน้าของหยวนจุนเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงชาติก่อนที่เขาเป็นักยุทธ์เหนือทุกคนในมหาภพ เหี้ยมโหด เด็ดขาด คนไม่สำคัญเพียงคนเดียวจะเทียบกับเขาได้อย่างไร!
แม้ตอนนี้เขาอายุเพียงสิบห้าสิบหกปี แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง!
หยวนจุนประสานมือ ร่างกายเหมือนนกนางแอ่นบินออกมา เขาเพ่งเล็งไปที่คอหานซู่แล้วขย้ำอย่างโเี้
“หมัดอสรพิษ!”
“โง่เง่าที่สุด! ในเมื่อเ้าอยากตายมาก ข้าจะสงเคราะห์ให้!” หยวนจุนถูกเงาหมัดของหานซู่ปะทะจนต้องถอย เขายื่นแขนออกไปในอากาศ ทันใดนั้นเปลวไฟฝ่ามือก็ปรากฏขึ้น กลืนเงาหมัดที่เหมือนอสรพิษลงไปทันที
พลังของปางมือท่าที่หนึ่งไม่ลดลงแม้แต่น้อย มันกระแทกใส่หานซู่อย่างเต็มแรง ทั้งนี้ หลังจากถอยไปได้สิบเมตร เปลวไฟฝ่ามือนั้นก็หายไปในอากาศ
ชาวบ้านได้กลิ่นอากาศที่ถูกเผาไหม้ ส่วนคนที่เป็ห่วงรีบวิ่งเข้าไปดูหานซู่ทันที เสื้อยุทธ์ของเขากระจัดกระจายไปทั่ว แขนสองข้างไหม้ราวกับถ่าน บนใบหน้ามีเพียงดวงตาคู่เดียวเท่านั้นที่บ่งบอกว่าตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่
“พี่หานซู่” ทหารรักษาเมืองสี่ห้าคนที่ถูกหยวนจุนกดลงบนพื้นรีบคลานมาอยู่ด้านข้างหานซู่ แววตาหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
ระดับวงแหวนขั้นสองเช่นเดียวกัน แต่กลับเป็หานซู่ที่อยู่ในสภาพน่าอนาถเช่นนี้
ทหารรักษาเมืองยื่นมือออกไปเพื่อจะจับหานซู่ แต่เขากลับตวาดออกมาว่า “อย่า อย่าแตะข้า จะหลุดแล้ว!”
ทหารพวกนั้นต่างค้นหาว่าคือสิ่งใด ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงงุนงงว่า “พี่หานซู่ สิ่งใดหลุดหรือ?”
“ข้างล่างข้าจะหลุดแล้ว!” หานซู่ก้มหัวลงอย่างกระอักกระอ่วน มองดูร่างกายตนเองหลังจากถูกเปลวไฟเผา เหงื่อไหลอาบแก้มลงมา
ทุกสายตามองไปที่เป้ากางเกงของหานซู่ จากนั้นก็หลุดหัวเราะทันที แม้แต่เด็กน้อยชุดลายที่หลบอยู่หลังหยวนจุนยังหัวเราะจนน้ำตาไหล รอยยิ้มนั้นเผยให้เห็นฟันเขี้ยวสองซี่
สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เหมือนโรคระบาดที่ลามไปทั่วเมือง สายตามากมายมองตรงมายังตำแหน่งนั้น
นึกไม่ถึงว่าหานซู่ผู้โอหังจะถูกผู้เยาว์ที่สวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งเปลี่ยนให้เป็ขันทีอย่างสมบูรณ์!
“ยืนงงอะไรอยู่ พาข้าออกไปสิ!” หานซู่ขยับขาสองสามครั้ง รู้สึกก้าวขาไม่ได้แต่ไม่มีผู้ใดสนใจ ดังนั้นเขาจึงะโใส่ทหารรักษาเมืองพวกนั้น
เมื่อพวกเขาจากไปแล้ว เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมือง อย่างไรก็ตาม หยวนจุนยังได้ยินเสียงพร่ำบ่น รวมถึงความกังวลอยู่บ้าง
“ผู้เยาว์คนนี้ทำให้หานซู่อับอายขายหน้า แม้เื่จะดูเหมือนคลี่คลายแล้ว แต่เกรงว่าภายหน้าเมืองของเราจะอยู่ยากขึ้นกว่าเดิม ทหารรักษาเมืองต้องนำความโกรธแค้นมาลงกับชาวบ้านที่ไม่มีกำลังอย่างเราแน่นอน”
หยวนจุนเม้มปาก ก้มลงหยิบดาบไม้ที่หล่นแล้วส่งคืนใส่มือของเด็กน้อยชุดลาย
“ความเกลียดชังมิได้น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือจิตใจมนุษย์กับความกลัว หากเ้าเอาชนะสองสิ่งนี้ได้ วันหนึ่งเ้าจะกลายเป็นักยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม”
เด็กน้อยชุดลายมองหยวนจุนตาเป็ประกายและพยักหน้าอย่างจริงจัง ส่วนหญิงชรา เมื่อถูกเสี่ยวเมิ่งพยุงขึ้นมาก็คำนับทั้งสองคน เอ่ยคำขอบคุณ แล้วเดินออกไปจากฝูงชน
เขายกมือป้องกัน ก่อนหน้านี้คิดว่าเสี่ยวเมิ่งต้องะเิอารมณ์ใส่เขาแน่ แต่คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวเมิ่งจะมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยน ค่อยๆ ดันข้อศอกบนหลังเขา และพูดว่า “ดูไม่ออกเลย เ้าซ่อนความสามารถไว้ลึกเชียว แต่กระนั้นยามคับขันก็เหมือนชายหนุ่มขึ้นมาทันที”
“ไม่โกรธหรือ? เกรงว่าอนาคตเ้าจะเข้าเมืองนี้ไม่ได้อีกนะ”
เสี่ยวเมิ่งเลิกคิ้วเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็แบะปากเอ่ยขึ้นว่า “วัตถุแร่ผลึกพวกนี้เป็สิ่งที่ท่านปู่กับข้าหามาเอง การตั้งแผงขายของในเมืองนี้เป็เพียงการกระทำเพื่อคลายความเบื่อเท่านั้น”
เมื่อเห็นเสี่ยวเมิ่งไม่ได้โกรธอย่างที่คิดไว้ หยวนจุนก็พยักหน้าเงียบๆ
“ไปกันเถอะ ข้าเก็บแผงแล้ว แม้เมืองนี้จะใหญ่มาก แต่ก็อยู่ภายใต้เขตอำนาจของทหารรักษาเมือง พวกเรากลับก่อนเถิด หานซู่ได้รับความอับอายถึงเพียงนั้น เขาไม่มีทางลืมเื่นี้ง่ายๆ แน่นอน”
ฝูงชนที่พบเห็นต่างพากันหลีกทางให้ทั้งสองคนออกไป
เมื่อเห็นสองร่างสูงเดินจากไป ความพลุกพล่านของเมืองก็ทลายลงเหมือนหม้อที่ะเิออก พ่อค้าที่พอมีไหวพริบรีบเก็บแผง เตรียมพร้อมสำหรับพายุใหญ่ที่กำลังจะมา
เมื่อกลับถึงบ้านไม้บนูเา เสี่ยวเมิ่งเล่าเื่ที่นางกับหยวนจุนประสบให้ปู่ของตนฟังคร่าวๆ จากนั้นก็มาเคาะประตูห้องของหยวนจุน
หยวนจุนเปิดประตู เสี่ยวเมิ่งที่ปากชมพูระเรื่อมองเขา กลิ่นหอมโชยผ่านหน้า ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย
เมื่อได้มองเสี่ยวเมิ่งใกล้ๆ หยวนจุนถึงกับต้องชมจากใจ แม้เสี่ยวเมิ่งอายุเพียงสิบห้าสิบหกปี แต่กลับมีรูปร่างอรชรอ้อนแอ้น สง่างามไม่มีใครเทียบ คอระหง ขาเรียวยาว สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้คนหลงใหล
“เมื่อครั้งอยู่ในตัวเมือง เ้าบอกข้าว่าอยากเป็นักสร้าง เ้าอยากเป็จริงหรือเปล่า?”
ครั้นได้ยินเสียงนุ่มนวลเล็ดลอดออกมา หยวนจุนที่ยังไม่ถอดใจ ตอบด้วยรอยยิ้มทันทีว่า “แน่นอนอยู่แล้ว!”
“เช่นนั้นก็ดี หากเ้านำหญ้าหลงหยางออกมาได้ ข้าก็จะสอนเ้า ว่าอย่างไรล่ะ?”
หยวนจุนไม่คิดตริตรอง เขาหยิบหญ้าหลงหยางจากแขนแล้วมอบให้นาง เมื่อเห็นยาล้ำค่าเช่นนี้ เสี่ยวเมิ่งหายใจถี่ขี้น ดวงตางามเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้