บทที่ 8
‘เงินอยู่ในกระเป๋าแม่น่ะ ไปหยิบเอาพันหนึ่ง’
‘ค้าบ’
‘แล้วของที่แม่ให้ไปซื้อ แม่รู้นะว่าทั้งหมดไม่เกินห้าร้อยหรอก เงินที่เหลือห้ามเอาไปซื้อขนมกินหมดล่ะ’
‘…’
‘ไม่ต้องมาทำหน้าหงอย ใช้ได้แต่ห้ามหมดเพราะเดี๋ยวก็กลับมากินที่บ้านแล้ว’
‘รักไม่ใช้เงินของแม่หรอกครับ เพราะพ่อให้ค่าขนมไว้ก่อนกลับตั้งสามพัน’
‘จ้า…ไม่เกินสามวันหรอกเอาไปซื้อของกินหมดแหละ’
ประโยคคำพูดของแม่ลอยวนกลับเข้ามาในหัวขณะเดินผ่านร้านวาฟเฟิลฮ่องกง ในตอนแรกที่รักคิดว่าแม่พูดเกินจริงไปนิด แต่มันคงไม่เกินไปแล้วเพราะไม่ว่าจะผ่านร้านอะไรที่รักก็อยากแวะชิมไปซะหมด
ดูท่าเงินสามพันจะหมดั้แ่วันนี้แล้วแหละ…
“ตัวดื้ออยากกินอะไรไหมครับ?”
“ยังไม่กินดีกว่าครับ เดี๋ยวเราไปซื้อของให้แม่เสร็จแล้วค่อยว่ากัน”
“ครับ…”
“พี่ฟ้าหิวแล้วเหรอครับ?” ที่รักถามคนตัวสูงที่เดินเคียงข้างกัน หมื่นฟ้าที่เพิ่งเอาโทรศัพท์เก็บใส่กระเป๋าหลังกางเกงหันมามองเขาก่อนจะยิ้มบาง
“ครับ เวลาอยู่กับตัวดื้อ…พี่ฟ้าชอบหิวบ่อย ๆ ”
ที่รักขมวดคิ้วคิดสงสัยก่อนจะเอ่ยถาม “ทำไมพี่ฟ้าพูดเหมือนลี้เลย…ลี้ก็บอกว่าชอบหิวเวลาอยู่กับรัก”
“…”
“แต่ลี้หิวแก้มนะ มันบอกถ้าได้กินแก้มทั้งสองข้างของรักคงจะอิ่มไปทั้งปี”
“พันลี้ตะกละจริง ๆ แก้มเพื่อนก็จะกิน…”
“…” คนฟังอมยิ้ม นึกขำที่เพื่อนโดนว่า เพราะั้แ่คบกันมานอกจากเขาและอาจารย์แล้วก็ไม่ค่อยมีใครกล้าว่าพันลี้เลย แต่ตอนนี้ที่รักรู้แล้วว่ามีอีกหนึ่งคนที่กล้าว่าเพื่อนสนิท คนนั้นก็คือ หมื่นฟ้า นั่นเอง
“ที่พี่ฟ้าหิวบ่อยก็เพราะพี่ฟ้าคิดถึงตอนที่เรากินข้าวด้วยกัน ตัวดื้อกินข้าวน่าอร่อย มันเลยทำให้พี่ฟ้ารู้สึกหิวขึ้นมา ไม่ได้หิวแก้มของตัวดื้อเหมือนพันลี้”
“…” ที่รักพยักหน้าหงึกหงักเข้าใจในสิ่งที่คนตัวสูงชี้แจง เขาลอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนตัวสูงขณะเดินคู่กัน ไม่ว่าจะด้านหน้าหรือด้านข้าง หมื่นฟ้าก็ยังคงทำหน้านิ่ง ๆ เหมือนเคย
แต่จู่ ๆ ดวงตาคู่คมก็หันมาสบตากันคล้ายรู้ว่าตัวเองกำลังโดนจ้องมองอยู่ คนที่โดนจับได้อย่างเขาทำได้แค่หลบตาเพื่อหนีความผิด ที่จริงแค่แอบดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายไม่ผิดหรอก แต่ถึงอย่างนั้นการสู้สายตากับหมื่นฟ้าก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี
“ถ้าวันไหนพี่ฟ้าอยากจะกินแก้มตัวดื้อเหมือนลี้บ้าง…”
ที่รักเงยหน้ามองคนที่หยุดเว้น่ไม่ยอมพูดต่อให้จบประโยค “…”
“พี่ฟ้าขอห่อกลับคอนโดได้ปะครับ?”
“มะ ไม่ ไม่ได้…แก้มของรัก รักไม่ให้ใครทั้งนั้นแหละ…” ยังไม่ทันจะคิดให้ถี่ถ้วน เ้าของแก้มอย่างเขาต้องรีบเงยหน้าจ้องตากับอีกฝ่ายแล้วพูดปัดเพื่อรักษาแก้มก้อนที่เป็เอกลักษณ์ของตัวเองไว้ หมื่นฟ้าคิดจะมาขอกันง่าย ๆ ได้อย่างไร คราวที่แล้วก็ขโมยมือของเขาไป ครั้งนี้คิดจะห่อแก้มกลับคอนโดอีก เขาคิดว่ามันจะมากเกินไปแล้ว
และเพราะที่รักเห็นคนตัวสูงยิ้มขำไม่ได้แสดงสีหน้าผิดหวังเมื่อถูกปฏิเสธ เขาจึงรู้ได้ในทันทีว่าหมื่นฟ้าแค่แกล้งแซวเพื่อให้เขินอายเท่านั้น แต่ดีที่ตอนนี้เขามีภูมิต้านทานต่อหมื่นฟ้าบ้างแล้ว คำพูดของหมื่นฟ้าคนขี้แกล้งจึงไม่สามารถทำให้เขาเขินอายได้อีกต่อไป
คนที่พอจะมีภูมิต้านทานบ้างแล้วเลยคิดสู้
ด้วยการย่นจมูกใส่คนข้างกายพร้อมส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ
“ฮึ่ย!!!”
แต่ภูมิต้านทานที่เพิ่งจะแข็งแรงจะสู้ไวรัสตัวร้ายได้อย่างไร
ไวรัสตัวสูง ๆ ที่กัดริมฝีปากตัวเองคล้ายกำลังหมั่นเขี้ยว
“ทำหน้าแบบนี้…ไม่ให้กินแก้ม แต่ให้พี่ฟ้ากัดจมูกได้ใช่ปะครับ?”
“…”
แล้วไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ชื่อว่าหมื่นฟ้าก็ทำลายทุกภูมิคุ้มกันในร่างกายจนหมดสิ้น
คนตัวเล็กที่เพิ่งโดนโจมตีกลับมาทั้งที่มั่นใจนักหนาว่าตัวเองสามารถสู้อีกฝ่ายได้แล้วในเวลานี้หลบตากลายเป็คนขี้ขลาดอีกครั้ง ที่รักถอนหายใจพลางคิดหาวิธีจัดการกับหัวใจตัวเองที่ชอบเต้นแรงกับบางคำพูดของหมื่นฟ้า ที่รักเพิ่งรู้ว่าเมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าตัวเองสามารถต่อกรกับหมื่นฟ้าได้แล้ว นั่นคือเขากำลังคิดผิด
เพราะไม่มีสักครั้งเลยที่จะสู้หมื่นฟ้าได้…
“แต่พี่ฟ้าเน้นถนอมมากกว่าทำร้าย…พี่ฟ้าไม่กัดจมูกตัวดื้อจนร้องไห้งอแงหรอก”
ใช่…กับหมื่นฟ้าของใคร ๆ ไม่มีสักครั้งเลยจริง ๆ
คนฟังรู้สึกหน้าเห่อร้อนเพราะคำว่า ‘ร้องไห้งอแง’ จนต้องระบายอุณหภูมิที่พุ่งสูงในร่างกายด้วยการพรูลมออกจากปาก พอนึกภาพตัวเองไปร้องไห้งอแงใส่หมื่นฟ้าแล้วพาให้เขินขึ้นมาจริง ๆ มันคงไม่ต่างจากตอนที่เขาเมาแล้วอ้อนให้อีกฝ่ายหอมหัว
น่าอายชะมัดเลย T______T
ทว่าเื่น่าอายที่ผุดขึ้นในหัวพลันหยุดลงเพราะััแ่เบาจากฝ่ามือใครบางคน ที่รักเงยหน้ามองหมื่นฟ้าที่ลูบหลังเขาเบา ๆ คล้ายอยากให้สนใจตัวเองเพื่อจะถามบางสิ่ง แทนที่หมื่นฟ้าจะใช้มือสะกิดแขนกันหรือเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนเคยแต่เ้าตัวกลับใช้วิธีนี้
และการัักันแบบนี้…คล้ายว่าเราสนิทกันมากแล้ว
ทั้งที่จริง…
“เวลามาซื้อของตัวดื้อใช้รถเข็นหรือแค่ถือตะกร้าครับ?”
เราแค่เริ่มเรียนรู้ซึ่งกันและกันเพื่อจะก้าวไปสู่คำว่าคนสนิท
“รถเข็นดีกว่าครับ”
“งั้นตัวดื้อเข้าไปก่อนเลย เดี๋ยวพี่ฟ้าเอารถเข็นแล้วตามเข้าไป”
“ครับ”
ที่รักตอบรับก่อนจะเดินเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ภายในห้าง ดวงตาเรียวรีกวาดสายตามองหาของที่แม่ให้ซื้อ เขาเดินเข้าช่องโน้นออกช่องนี้จนเริ่มมึนเสียเอง แต่ไม่นานนักที่รักก็เจอของที่ตามหาซึ่งอยู่ตรงแผนกเครื่องปรุงรส คนที่มัวแต่ยิ้มดีใจเพราะเจอของชิ้นนี้สักทีเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าทิ้งใครบางคนไว้ข้างหลัง ที่รักรีบหันกลับไปมองด้วยความเป็กังวล
แต่รอยยิ้มนั้น…รอยยิ้มที่เหมือนแสงแดดในยามเช้า
…ทำให้รู้สึกโล่งใจ
หมื่นฟ้าเข็นรถเข็นสีดำเดินตามอยู่ห่าง ๆ ส่งยิ้มในระยะที่คนสายตาสั้นแต่ไม่ชอบใส่แว่นอย่างเขาสามารถเห็นรอยยิ้มนั้นได้อย่างชัดเจนโดยไม่เลือนราง ที่รักไม่รู้ว่ามันคือความจริงหรือแค่การคิดไปเองคนเดียว
แต่เขารู้สึกว่าหมื่นฟ้าชอบเดินตามหลังมากกว่าเดินนำ ทุกครั้งที่เดินข้างกันเ้าตัวจะก้าวเท้าในจังหวะเดียวกันทั้งที่สามารถก้าวเดินได้เร็วกว่า คงเป็เพราะแบบนี้จึงทำให้ที่รักเห็นหมื่นฟ้าได้สองที่คือข้างกายกับด้านหลัง
เหตุผลของการเดินข้าง ๆ กันคือได้เห็นอีกฝ่ายชัดเจน
แต่เหตุผลของการเดินตามหลังนั้น…
“รองเท้ากัดเหรอครับ?”
“นิดหน่อยครับ..”
…ไม่รู้สิ ไม่รู้จะเอาคำว่าใส่ใจมาเป็เหตุผลของหมื่นฟ้าได้ไหม
ที่รักหลุบตามองที่เท้าข้างขวาตัวเอง เขาหยิบรองเท้าผ้าใบคู่แพงที่พี่ดอมซื้อให้เมื่อปีที่แล้วมาใส่ทั้งที่มันชอบสร้างาแที่หลังข้อเท้าบ่อย ๆ สาเหตุที่ต้องเลือกมันมาเป็เพื่อนร่วมเดินทางในวันนี้เพราะเ้าหมูกรอบดันกัดรองเท้าผ้าใบคู่โปรดของเขาขาด แถมรองเท้าแตะที่ชอบใส่ก็โดนเ้าลูกหมาจอมซนคาบไปซ่อนที่ไหนสักแห่ง ก่อนจะออกมากับหมื่นฟ้าที่รักพยายามเลือกรองเท้าในตู้แล้ว ทว่าคู่นี้ดูดีและเหมาะกับเสื้อผ้าที่สวมใส่มากที่สุด
เจ็บก็คงต้องยอมแหละ ดีกว่าเสียเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก
มากับหมื่นฟ้าของใคร ๆ ก็ต้องดูดีสิ
“แล้วทำไมไม่บอกพี่ฟ้าครับว่ารองเท้ากัด…”
“พะ พี่ฟ้า! ไม่ต้อง ๆ ครับ”
เ้าของเท้าเล็กละล่ำละลักเรียกชื่อคนตัวสูงที่ในเวลานี้ก้มลงไปดูเท้าของเขา หมื่นฟ้าชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งก่อนจะเอื้อมมือมาจับที่เท้าของเขา ฝ่ามือหนาอีกข้างถอดรองเท้าของเขาออกโดยไม่ขออนุญาตสักคำ ที่รักพยายามรั้งเท้าของตัวเองไว้แต่เพราะสายตาดุ ๆ ของหมื่นฟ้าจึงต้องปล่อยให้เท้าของตัวเองไปวางทาบกางเกงยีนส์ราคาแพงของเ้าตัว
ที่รักกลืนน้ำลายขณะมองมือขาวซีดทั้งสองที่จับบริเวณข้อเท้าของตัวเอง เขาอายจนตัวแทบจะะเิที่หมื่นฟ้ากล้าทำอะไรแบบนี้กลางที่สาธารณะ แม้จะรู้ว่าคนอื่นที่เห็นไม่คิดตำหนิเพราะเข้าใจว่าคงเกิดบางอย่างขึ้นจนต้องตรวจดูแบบนี้ หรืออาจจะคิดสงสัยแต่ท้ายที่สุดก็จะปล่อยผ่านไปเพราะไม่ใช่เื่หนักหนาอะไร
แต่ถึงอย่างนั้นที่รักก็ยังคิดมากและเขินอายอยู่ดี เขากวาดสายตาไปโดยรอบก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ตอนนี้ไม่มีใครเดินเข้ามาในแผนกนี้เลย
“ใส่ต่อไม่ได้แล้วครับ…ถ้าฝืนใส่ต่อจะเจ็บมากกว่านี้”
“ไม่เป็ไรครับพี่ฟ้า…เดี๋ยวรักเหยียบส้นเอา”
“รองเท้าราคาแพงแบบนี้ ถ้าเหยียบส้นแล้วตัวดื้อไม่เสียดายเหรอ?”
ที่รักเม้มริมฝีปากครุ่นคิด ถ้าเหยียบส้นไปแล้วจะเกิดเป็รอยและรองเท้าอาจจะเสียทรง เขาต้องเสียดายอย่างแน่นอน แต่จะทำอย่างไรได้นอกจากวิธีนี้ ที่รักรู้สึกเจ็บั้แ่เดินเข้ามาในห้างแล้ว ด้วยความที่รองเท้าผ้าใบคู่นี้ทำจากหนังแท้ ๆ เวลาที่เกิดการเสียดสีจึงเจ็บกว่ารองเท้าผ้าใบแบบปกติ แต่ที่ต้องฝืนเดินต่อเพราะเขาเกรงใจหมื่นฟ้า แค่เ้าตัวใจดีขับรถพามาซื้อของแทนพี่ดอมก็มากพอแล้ว
“ไม่ครับ…เดี๋ยวรักเหยียบส้นเอา” ที่รักว่าพลางดึงเท้าตัวเองออกจากหน้าขาของคนตัวสูง แต่หมื่นฟ้าใช้ทั้งสองมือยึดเท้าเขาไว้ ก่อนจะเงยหน้าสบตากัน
“ทำไมถึงใส่คู่นี้มาครับ?”
“ก็หมูกรอบน่ะสิ…กัดรองเท้ารักหมดเลย เอารองเท้าแตะไปซ่อนอีก แล้วรักก็เกรงใจพี่ฟ้ามากด้วย รักเห็นพี่ฟ้าไปรอที่รถแล้ว ไม่อยากให้รอนาน อีกอย่างรองเท้าคู่นี้ก็เข้ากับเสื้อผ้าที่รักใส่ด้วย…ก็เลยคว้ามันมาใส่”
ที่รักบอกความจริงทั้งหมดกับหมื่นฟ้า เ้าตัวปล่อยเท้าเขาให้เป็อิสระก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง คนที่เตรียมจะเหยียบส้นรองเท้าถูกหยุดด้วยเสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยอย่างแ่เบาคล้ายการคิดในใจเพียงแต่หลุดพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว
“คราวหลังพี่ฟ้าต้องพกพลาสเตอร์ไว้ให้ตัวดื้อแล้ว…”
“…” ที่รักคิดว่าดีเหมือนกัน หากหมื่นฟ้าจะพกพลาสเตอร์ติดตัวไว้ให้เขาตอนที่อยู่ด้วยกัน เพราะจะได้เอาไว้อุดรอยรั่วที่ก้อนเนื้อสีแดงเพื่อไม่ให้คำพูดของหมื่นฟ้าแทรกซึมเข้าไปกระตุ้นให้มันเต้นเร็วแบบนี้
“ตัวดื้อรอตรงนี้ก่อน…เดี๋ยวพี่ฟ้ามา”
“พี่ฟ้าจะไปไหนครับ?”
“ไปหารองเท้าคู่ที่ใส่สบายกว่านี้ให้ไงครับ…”
มือหนาที่อุตส่าห์เอื้อมมาลูบหัวกันทั้งที่เ้าตัวดูรีบร้อนจนไม่น่าจะเสียเวลากับอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ กับรอยยิ้มที่ส่งมาให้ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากแผนกนี้ทำให้ที่รักรู้ว่าต่อให้มีพลาสเตอร์มากมายแค่ไหนคงไม่สามารถอุดรอยรั่วที่ก้อนเนื้อสีแดงได้หรอก
เพราะรอยรั่วมันใหญ่เท่าท้องฟ้าซะขนาดนั้น
บางอย่างที่ถูกส่งผ่านมาคงแทรกซึมเข้าไปได้เรื่อย ๆ นั่นแหละ
ไม่นานนักคนตัวสูงก็เดินกลับมาพร้อมกับรองเท้าแตะสีขาว ที่รักเดาว่าหมื่นฟ้าคงไปหามาจากในซุปเปอร์เพราะบาร์โค้ดที่ติดอยู่กับรองเท้ายังไม่ถูกดึงออกเลย
“พี่ฟ้า รักว่าไม่ต้องซื้อใหม่หรอก เปลืองเงินเปล่า ๆ เดี๋ยวเราก็กลับบ้านกันแล้วนี่…ป่านนี้หมูกรอบเอารองเท้าแตะรักมาคืนแล้วมั้งครับ”
หมื่นฟ้าดึงบาร์โค้ดออกก่อนจะก้มลงไปใส่ให้คนตัวเล็ก เขายิ้มออกมาเพราะกะไซซ์ได้พอดี แม้จะจำไซซ์รองเท้าที่แน่นอนไม่ได้ “แค่รองเท้าตัวดื้อคู่เดียว ไม่ทำให้เงินพี่ฟ้าหมดบัญชีหรอก”
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหมื่นฟ้าเป็คนที่ใส่ใจคนอื่นมาก ๆ เพราะสามารถกะไซซ์รองเท้าเขาได้อย่างพอดี พื้นรองเท้าที่เลือกมาก็นุ่มจนไม่น่าเชื่อว่าหามาจากในซุปเปอร์ พอได้ใส่รองเท้าคู่นี้ก็ไม่อยากกลับไปเจ็บกับคู่เก่าราคาแพงอีก ที่รักจึงตัดใจยอมหิ้วเ้าเพื่อนใหม่กลับบ้านด้วย “งั้นเดี๋ยวรักเอาเงินให้พี่ฟ้านะครับ เท่าไหร่ครับ?”
ที่ต้องถามราคาเพราะบาร์โค้ดถูกหมื่นฟ้ายัดใส่กระเป๋าหลังกางเกงเ้าตัวไปแล้ว
“จ่ายคืนจริงปะครับ?”
“จริง ๆ สิครับ พี่ฟ้าเอาไปจ่ายตังค์มาแล้วใช่ไหมครับ?”
“ครับ…”
“เท่าไหร่ครับ? เดี๋ยวรักซื้อของให้แม่เสร็จจะคืนค่ารองเท้าให้พี่ฟ้าเลย”
“เท่าแก้มทั้งสองข้าง…ห่อให้ด้วยนะ จะเอากลับไปกินที่คอนโด” หมื่นฟ้าว่าพลางยิ้มบางก่อนจะก้มลงไปหยิบรองเท้าผ้าใบราคาแพงที่ถูกถอดทิ้งไว้มาใส่ตะกร้ารถเข็น
ที่รักอ้าปากค้างมองคนตัวสูงที่เข็นรถเดินนำเขาไป เป็ครั้งแรกที่คนตัวสูงเดินนำเขา และแน่นอนว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่หมื่นฟ้าสร้างความสับสนทางความรู้สึกให้เขา ที่รักไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าจะรับมือกับคนหน้านิ่งที่ค่อย ๆ ปล่อยลูกเล่นมากมายที่ซุกซ่อนอยู่ออกมาใช้ได้
สนิทกับที่รักน่ะง่าย…แต่สนิทกับหมื่นฟ้าท่าจะยาก
รับมือยากมาก ๆ เลยน่ะสิ
#กี่หมื่นฟ้า
“ตัวดื้อ…แม่ให้มาซื้ออะไรบ้างครับ?”
“ซอสบาร์บิคิวครับ…แม่บอกว่าเป็ขวดโหลใหญ่ ๆ หน่อย”
“ครับ พี่ฟ้าเจอแล้วนะ…”
“รักเจอก่อนพี่ฟ้าอีก เจอั้แ่แรกแล้วด้วย แต่เรามัวเปลี่ยนรองเท้ากันอยู่…”
หมื่นฟ้ามองคนตัวเล็กเอื้อมหยิบขวดแก้วที่มีฉลากสีเขียวแดงใส่รถเข็น เ้าตัวล้วงโทรศัพท์เครื่องสีดำออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะก้มหน้าแล้วใช้นิ้วเลื่อน ๆ ดูอะไรบางอย่างในโทรศัพท์
“แล้วอะไรอีกครับ?”
“เดี๋ยวนะครับ…ขอตัวดื้อดูในบันทึกก่อน ลืมไปหมดละ…”
คุณเขาก็แค่เผลอ…เผลอแทนตัวเองว่า ‘ตัวดื้อ’
“ตัวดื้อ…”
“ค้าบ ~”
และนั่นทำให้หมื่นฟ้าเผลอยิ้มเช่นกัน
ที่รักขานรับทั้งที่ก้มหน้าดูโทรศัพท์อยู่ เ้าตัวไม่เงยหน้ามองเขาเลยสักนิด คิ้วเรียงตัวสวยขมวดมุ่นเหมือนต้องใช้สมาธิอย่างหนัก คนตัวเล็กคงไม่รู้ว่าเผลอทำอะไรหลาย ๆ อย่างออกมาโดยไม่รู้ตัว หมื่นฟ้าคิดว่าดีที่อีกฝ่ายไม่ได้สนใจกัน เพราะหากที่รักสนใจเขาสักนิดเ้าตัวจะต้องถามถึงสาเหตุที่เมื่อกี้โดนเรียก ถ้าเป็อย่างนั้นขึ้นมาจริง ๆ คนที่อยากเรียกชื่อที่ตัวเองเป็คนตั้งให้โดยเฉพาะอย่างเขาคงต้องคิดหาข้อแก้ตัวอีก
บางทีก็อยากเรียก ตัวดื้อ โดยไม่ต้องมีคำถามหรือขอคำตอบ
“อีกอย่างก็เป็ออริกาโน…แม่เอาไปทำไมนะ ออริกาโนเนี่ย…”
หมื่นฟ้ามองคนที่บ่นพึมพำกับตัวเองคนเดียวั้แ่หัวจรดเท้า ไม่ว่าที่รักจะแต่งตัวสไตล์ไหน ในสายตาเขาคนตัวเล็กน่ารักไปซะหมด อย่างในตอนนี้ที่รักใส่เพียงแค่เสื้อยืดสีกรมตัวใหญ่ ๆ กับกางเกงขาสั้นสีครีม นับรวมรองเท้าแตะที่เขาเป็คนซื้อให้ด้วย ธรรมดาแบบนี้…
แต่ก็น่ารักอยู่ดี
ใครบอกไม่น่ารักจะถีบปากให้ฟันร่วง
“พี่ฟ้า เดินตามรักมา ๆ ออริอะไรของแม่ไม่ได้อยู่ช่องนี้ครับ”
“ครับ…” หมื่นฟ้าตอบรับก่อนจะถามเมื่อเห็นคนตัวเล็กหรี่ตามองบางอย่างที่อยู่บนชั้นขณะเดิน “รักสายตาสั้นเหรอครับ?”
“ครับ สั้นไม่เท่าไหร่หรอก แค่ร้อยกว่า ๆ …แต่รักไม่ค่อยชอบใส่แว่น แหะ ๆ” คนตัวเล็กตอบเสียงเล็กเสียงน้อยเหมือนคนที่กำลังรู้สึกผิดอยู่
“แล้วมันโอเคเหรอครับ มองเห็นชัดเหรอ?”
“มันก็ใช้ชีวิตได้ปกตินั่นแหละพี่ฟ้า อะไรที่อยู่ไม่ไกลมากก็เห็นได้ชัดเหมือนเดิม แต่ถ้าไกลออกไปสักระยะหนึ่งก็เริ่มเบลอ ๆ รักยังไม่สั้นมากไงครับ มันก็เลยไม่ลำบากเท่าไหร่”
“…”
“แต่ต่อไปจะเริ่มใส่บ่อย ๆ แล้ว จะได้ลดอาการขี้ลืม เพราะรักไม่ค่อยใส่มันนั่นแหละก็เลยชอบลืมเอาแว่นไปมหา’ ลัยด้วย ยิ่ง่นี้อาจารย์ชอบฉายสไลด์เนื้อหาขึ้นจอแล้วรักชอบนั่งหลังห้องก็เลยมองไม่ค่อยชัด…รักต้องเปลี่ยนใหม่ ๆ ใส่แว่นให้บ่อยมากขึ้นแล้ว”
“ใส่บ่อย ๆ จะได้ชิน แต่ถ้า่แรก ๆ ใส่แล้วเวียนหัวก็ถอดพักบ้าง” หมื่นฟ้าขมวดคิ้วพอเห็นคนตัวเล็กเบิกตาโตเลิกคิ้วสูงคล้ายประหลาดใจ
“จริงเลยนะพี่ฟ้า ที่รักไม่ใส่ก็เพราะอย่างนี้ด้วยแหละ เวลาถอดแล้วมึนหัวมาก ๆ …พี่ฟ้าไม่สายตาสั้นแต่รู้ได้ยังไง เก่งจริง ๆ เลยน้าพี่ฟ้าเนี่ย…”
เ้าลูกหมาอ้วนของครอบครัว แก้มย้อยของเพื่อน ๆ และตัวดื้อของเขาในเวลานี้เลิกทำหน้าประหลาดใจแล้วเดินหาออริกาโนที่เ้าตัวยังไม่รู้ว่าแม่จะเอาไปทำอะไรต่ออย่างอารมณ์ดี หมื่นฟ้าแอบมองรอยยิ้มสดใสขณะเข็นรถตามอยู่ข้างหลัง
ระยะห่างระหว่างคนที่เดินนำกับเดินตาม
พอดีแล้ว…
“เจอแล้ว ออริกาโนของแม่…”
“หยิบถึงไหมครับ?”
“ตัวดื้อของพี่ฟ้าซะอย่าง…แค่นี้จิ๊บ ๆ ”
เอาอีกแล้ว…คุณเขาอารมณ์ดีจัดที่เจอออริกาโน
“ครับ…”
จนเผลออีกแล้ว…คราวนี้เผลอเป็ตัวดื้อของพี่ฟ้าเลย
“ฮึบ!!!”
จะตัวดื้อของพี่ฟ้าหรือของใคร ตอนนี้คนตัวเล็กที่กำลังส่งเสียงเรียกความสูงของตัวเองให้เพิ่มขึ้นนั้นทำให้เขารู้ว่าเ้าตัว้าความช่วยเหลือ ที่รักพยายามเขย่งปลายเท้าจนสุดความสูง แต่ยังไม่สามารถคว้าขวดแก้วฝาสีเขียวลงมาได้ หมื่นฟ้าคิดตำหนิพนักงานในใจที่เอาเครื่องปรุงขวดเล็ก ๆ ไปวางสูงขนาดนั้น แต่อีกใจก็คิดในแง่ดีว่าคงมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้มันต้องอยู่ตรงนั้น
“เดี๋ยวพี่ฟ้าช่วยครับ…”
“จะได้แล้ว ๆ พี่ฟ้า”
“…”
หมื่นฟ้ารู้ว่าไม่มีทางที่คนตัวเล็กจะหยิบได้แน่ ที่เ้าตัวบอกว่าจะหยิบได้แล้วเพราะคิดว่าการะโของตัวเองจะช่วยได้ แต่เขาคาดเดาได้จึงเดินไปซ้อนด้านหลังที่รักเพื่อหยิบขวดออริกาโนให้ กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเรือนผมสีดำนิลลอยโชยใต้จมูกเหมือนทุกครั้งที่อยู่ใกล้กัน และคงเป็เพราะกลิ่นคุ้นเคยนี้ถึงทำให้เขากล้าที่จะวางคางไปบนหัวทุยโดยไม่สนใจคนรอบข้าง
“พี่ฟ้า! เอาคางออกไปเลย รักหนักนะ…”
หมื่นฟ้าหัวเราะในลำคอก่อนจะคิดหาคำแก้ตัวเพราะยังไม่อยากเอาคางออก “พี่ฟ้าต้องวางคางไว้ที่หัวตัวดื้อก่อน เพราะได้กลิ่นหัวเน่า ๆ แล้วจะเป็ลม ขอพักตรงนี้ก่อนได้ไหมครับ…”
หมื่นฟ้าเพิ่งรู้ตัวว่านอกจากคางของตัวเองที่เบียดเบียนคนตัวเล็กแล้ว ยังมีอวัยวะอีกส่วนที่ไปแตะต้องที่ร่างเล็กด้วย เขาจึงถอนมือข้างหนึ่งที่จับเอวคนตัวเล็กออกก่อนจะโดนดุไปมากกว่านี้ ตอนวางคางไว้บนหัวทุยเขารู้ตัวดีทุกอย่าง ทว่าตอนที่เอามือจับเอวของคนตัวเล็กไว้ เขาคงเผลอไป
“ฮึ่ย!!! ไม่ต้องเลย ๆ รักรู้ว่าพี่ฟ้าคิดจะแกล้งกัน ทำไมพี่ฟ้าถึงได้เป็คนขี้แกล้งแบบนี้ครับ?”
คนตัวเล็กที่เพิ่งหลุดรอดไปจากวงแขนของเขายืนทำหน้างองุ้มไม่พอใจ เวลาที่รักโมโหไม่ได้น่ากลัวเหมือนคนอื่น เ้าตัวกลับน่ารักขึ้นเป็กอง เขาที่ทำผิดได้แต่ยืนสำนึกผิดหวังให้อีกฝ่ายอภัยให้กัน แต่คนตัวเล็กไม่หายโกรธกันง่าย ๆ เพราะโดนแกล้งหลายครั้งแล้ว
“นี่ไงครับ ออริกาโน พี่ฟ้าหยิบให้ตัวดื้อได้แล้ว”
“ออริกาโนก็ส่วนออริกาโน…เอาไปรวมกับที่พี่ฟ้าแกล้งรักได้ที่ไหนเล่า!”
ขวดออริกาโนถูกคว้าไปจากมือของเขา ที่รักเอาขวดแก้วเล็ก ๆ ใส่รถเข็นก่อนจะรับหน้าที่เป็คนควบคุมรถเข็นแทนเขา หมื่นฟ้าในตอนนี้ต้องเดินตามเด็กดื้ออยู่เงียบ ๆ พลางคิดหาวิธีที่ชดใช้ความผิดที่ตัวเองได้ก่อไว้
“ตัวดื้อ…”
“อะไรอีกครับ?” ถามทั้งที่เข็นรถเข็นและก้าวเดินเร็ว ๆ โดยไม่หันไม่มองหน้ากัน
“ตัวดื้อโกรธพี่ฟ้าเื่วางคางไว้ที่หัวหรือเื่อื่นครับ?” เขาไม่แน่ใจว่าที่ที่รักโกรธจัดเป็เพราะโดนรุกล้ำทางการััมากเกินไปหรือเปล่า การถามลองเชิงแบบนี้จึงดีที่สุด
คนตัวเล็กที่โดนถามหยุดฝีเท้าก่อนจะหมุนตัวหันมาหากัน ที่รักยังคงแสดงสีหน้าไม่พอใจแต่ก็ยอมเอ่ยปากพูดบางอย่างออกมา
“เอาคางวางไว้รักไม่โกรธเท่าไหร่หรอกเพราะเต็มที่ก็แค่หนัก แต่ที่รักโกรธมากก็เพราะพี่ฟ้าชอบว่ารักหัวเหม็น รักหัวเน่า…ทั้งที่เดี๋ยวนี้รักสระผมทุกวันเลย มันจะเป็ไปได้ยังไง นอกจากพี่ฟ้าจะแกล้งพูดให้รักเสียความมั่นใจ”
“…”
“การที่เรามั่นใจว่าทำดีแล้ว แต่โดนกล่าวหาอีกมันน่าเจ็บใจจัง...”
หมื่นฟ้าอมยิ้ม ตอนแรกเขาคิดมากแทบแย่นึกว่าจะต้องเว้นระยะห่างระหว่างกันให้มากขึ้นเพราะตัวเองเผลอรุกล้ำร่างกายอีกฝ่ายด้วยการัั แต่ทุกอย่างไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นเพราะคน ๆ นั้นคือที่รัก
เชื่อแล้วว่าคนที่น่ารักเท่าโลกสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรหลาย ๆ อย่างได้อย่างไม่คาดคิด
“งั้นพี่ฟ้ายอมให้ตัวดื้อทำโทษ…โทษฐานที่ทำให้เสียความมั่นใจ” หมื่นฟ้าพูดก่อนจะก้าวเข้าไปประชิดคนตัวเล็กแล้วส่งมือทั้งสองข้างของตัวเองไปให้อีกฝ่าย ที่รักกะพริบตาปริบ ๆ จ้องมองฝ่ามือของเขา “อยากตีกี่ทีก็ตีเลยครับ พี่ฟ้าให้ตัวดื้อตีมือเลย”
“…”
“ให้ตีจนกว่าจะหายเจ็บใจ”
ที่รักถอนหายใจก่อนจะเอ่ย “ห้าทีเท่านั้นแหละครับ”
คนโดนทำโทษยืนฟังเสียงดังแปะ ๆ จนครบห้าครั้ง หากไม่มีเสียงนี้ช่วยยืนยันเขาคงไม่เชื่อว่าตัวเองกำลังโดนตีมืออยู่เพราะััที่ได้รับนั้นเบาเหลือเกิน ครั้งสุดท้ายที่หมื่นฟ้าโดนคุณครูทำโทษด้วยการตีมือคือตอนที่อยู่ป.3 เพราะพาเพื่อนที่ไม่อยากเล่านิทานในคาบภาษาอังกฤษจนร้องไห้โดดเรียน มันนานจนแทบจำไม่ได้ การทำโทษในวันนี้ช่วยรื้อฟื้นความทรงจำในวัยเด็กให้เขา
“ถ้าพี่ฟ้ายังแกล้งกันอีก รักจะเพิ่มเป็สิบที แถมลดคะแนนความสนิทกันด้วย”
“อย่างหลังไม่เอาได้ปะครับ?”
“ไม่ได้…ไม่งั้นบทลงโทษก็ดูไม่โหดสิครับ โดนตีก็แค่เจ็บ สุดท้ายพี่ฟ้าคนเกเรก็จะทำใหม่ ไม่มีอะไรให้กลัวเลย”
“แล้วถ้าพี่ฟ้าเผลอเกเรจนทำให้ตัวดื้อไม่พอใจอีก พี่ฟ้าจะถูกลดไปกี่คะแนนครับ”
“สนิทสุด ๆ รักให้คะแนนความสนิทอยู่ที่หนึ่งร้อย พันลี้อยู่ที่ร้อยห้าสิบ หมายความว่าสนิทมากกกก…ผิดกับพี่ฟ้าเลย ตอนนี้พี่ฟ้ามีแค่ห้าคะแนนเองมั้ง รอบต่อไปถ้าโดนลดก็จะอยู่ที่สี่คะแนน”
“แล้วพันลี้สามารถโอนคะแนนมาให้พี่ฟ้าได้บ้างไหมครับ?”
หมื่นฟ้ารู้ตัวเองดีว่าเป็คนเงียบขรึมที่แสนเ้าเล่ห์ แต่น้อยครั้งนักที่เขาจะเอานิสัยนี้ออกมาใช้ โดยส่วนมากหมื่นฟ้าจะเป็คนเ้าเล่ห์ต่อรองเก่งเวลาที่อยากได้บางสิ่งจากหม่าม้า นอกนั้นเขาไม่เคยสนใจจะต่อรองอะไรกับใครเลย
จนกระทั่งมาเจอกับตัวดื้อ
“ไม่ได้ครับ…จะสนิทได้ต้องขึ้นอยู่กับตัวเองล้วน ๆ ”
“พี่ฟ้าจะพยายาม จะพยายามไม่ให้คะแนนติดลบนะครับ”
หลังจากซื้อของเสร็จที่รักก็บ่นหิว เ้าตัวอยากกินแฮมเบอร์เกอร์แล้วเห็นเวลายังพอเหลือจึงพาเขามาที่แมคโดนัลด์ แล้วบอกว่ามื้อนี้จะขอเป็เ้ามือเลี้ยงเอง หมื่นฟ้าไม่ได้ขัดอะไรทำแค่มองคนตัวเล็กที่ยืนสั่งอาหารกับพนักงาน
ก็ปฏิเสธไม่ค่อยได้อยู่แล้ว…
“เอาเฟรนช์ฟรายส์ด้วยครับ ไซซ์ใหญ่เลย…”
“…”
“แล้วก็เบอร์เกอร์ปลาหนึ่งครับ…พี่ฟ้าเอาอะไรครับ?”
“เอาเหมือนตัวดื้อเลยครับ”
“งั้นเอาเบอร์เกอร์ปลาเหมือนกันเนอะ ส่วนเฟรนช์ฟรายส์กินด้วยกันก็ได้เพราะไซซ์ใหญ่มันเยอะมาก ๆ ”
“…”
“โค้กอัปไซซ์ไหมคะ?”
“ไม่ครับ ๆ เอาแค่นี้เลยครับ”
“สองร้อยเก้าสิบแปดบาทค่ะ…”
“แป๊บนะค้าบ…”
หมื่นฟ้าที่แอบถือกระเป๋าสตางค์เตรียมไว้แล้วหยิบแบงก์พันส่งให้พนักงานตัดหน้าคนตัวเล็กไป ที่รักอ้าปากค้างก่อนหันมาจ้องเขม็งใส่เขาด้วยความไม่พอใจ
“นี่ครับ…”
“ค่ะ”
“พี่ฟ้า! รักบอกว่าจะเลี้ยงเองไง”
“ตัวแค่นี้เลี้ยงพี่ฟ้าไม่ไหวหรอก…พี่ฟ้าตัวใหญ่กว่าตั้งเยอะ ตัวดื้อจะเลี้ยงพี่ฟ้าไหวได้ยังไง”
“มันไม่ได้เกี่ยวกับตัวเล็กตัวใหญ่เลย มันเกี่ยวกับเื่น้ำใจล้วน ๆ ”
“แค่พี่ฟ้ารู้ว่าตัวดื้ออยากจะเลี้ยง แค่นี้ก็ดีใจมากแล้วครับ…” หมื่นฟ้ารับเงินถอนเก็บใส่กระเป๋าสตางค์ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบที่หัวทุยเบา ๆ “พี่ฟ้าทำงานหาเงินใช้เองได้แล้ว ให้พี่ฟ้าเลี้ยงถึงจะถูก”
“…”
“ไว้ตัวดื้อเรียนจบมีงานทำค่อยมาเลี้ยงพี่ฟ้าแล้วกัน”
“อีกตั้งนาน…” คนตัวเล็กก้มหน้าพูดเสียงแ่เบา
“นานแค่ไหนก็รอครับ”
“สัญญานะ ถ้ารักทำงานแล้วพี่ฟ้าห้ามแย่งจ่ายอีกนะครับ”
“ครับ…”
หมื่นฟ้าที่ไม่ค่อยหิวแต่อยากสูบบุหรี่มากกว่าบอกกับคนตัวเล็กที่เคี้ยวแฮมเบอร์เกอร์ตุ้ย ๆ ไปตามตรง เ้าตัวก็เข้าใจไม่คิดบังคับให้เขากิน ทั้งยังใจดีให้เขาไปยืนสูบบุหรี่รอที่รถได้เลย แต่เป็หมื่นฟ้าเองที่เลือกจะฝืนไม่ไปสูบบุหรี่สนองความ้าของร่างกายเพียงเพราะ…
ทิ้งตัวดื้อไปไม่ได้
เขาถึงได้นั่งมองคนตัวเล็กที่มีความสุขกับการกินอยู่ตรงนี้ หมื่นฟ้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กสายเรียกเข้าและไลน์เพราะตอนที่อยู่กับเด็กดื้อแทบไม่ได้จับโทรศัพท์เลย มีทั้งไลน์จากเพื่อน ๆ ที่มหา’ ลัยคุยเื่งานกลุ่มที่ส่งอาทิตย์หน้า ไลน์จากเรียวที่ถามเื่คิวจองโต๊ะในไลน์กลุ่มของร้าน
และ Mom - 3 Missed Calls
หมื่นฟ้าชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะกดโทรกลับหาหม่าม้า สาเหตุที่คิดนานไม่ใช่ไม่อยากคุยกับหม่าม้า แต่เป็เพราะกลัวว่าหม่าม้าจะมีเื่สำคัญที่ต้องใช้เวลาคุยนานพอสมควร เขาเลยอยากให้อยู่ในเวลาที่สะดวกจะคุยมากกว่านี้ โดยปกติป๊าม้าจะอยู่ต่างประเทศซะส่วนใหญ่ การคุยกันของพวกเขาไม่ใช่การส่งข้อความแชตหากันเหมือนครอบครัวอื่น ๆ ป๊าม้าเลือกจะเสียเงินโทรทางไกลเพียงเพราะอยากได้ยินเสียงลูก ชอบความชัดเจนรวดเร็วมากกว่าการพิมพ์คุยกัน แม้เทคโนโลยีจะก้าวไกลสามารถโทรหากันได้ผ่านแอปพลิเคชันโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังสามารถเห็นหน้าอีกผ่ายได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีบางคนที่ไม่สนใจเื่พวกนี้ ยังคงชอบใช้วิธีเดิม ๆ ที่คุ้นชินมากกว่า
อย่างเช่นป๊าม้าที่ชอบโทรข้ามประเทศมากกว่าใช้วิธีอื่น…สัญญาณโทรศัพท์แน่นอนที่สุดแล้ว
หากอยากเห็นหน้าก็จะบินกลับมาไทยเพื่ออยู่ด้วยยาว ๆ หลายเดือน
พวกท่านบอกว่าไม่ชอบเห็นหน้าทั้งที่ััไม่ได้เพราะมันทำให้คิดถึงหนักกว่าเดิม
คนที่ยกโทรศัพท์แนบหูเพื่อรอปลายสายรับเหลือบไปเห็นซอสมะเขือเทศของโปรดของตัวดื้อที่ถูกมันฝรั่งทอดกวาดไปซะเรียบจนเกือบหมด หมื่นฟ้าจึงหยิบถ้วยซอสกลม ๆ นั้นมาก่อนเอ่ย
“เดี๋ยวพี่ฟ้าไปเอาซอสให้นะครับ”
“ไม่เป็ไรครับพี่ฟ้า เดี๋ยวรักไปเอาเอง”
“ตัวดื้อนั่งกินไปเถอะ พี่ฟ้าไปเอาให้เอง…” ว่าพลางคว้าถ้วยซอสมาด้วย หมื่นฟ้าเดินไปที่จุดกดซอส เขาต่อแถวอยู่ข้างหลังเด็กน้อยคนหนึ่งที่พยายามเอื้อมกดซอส เห็นท่าเขย่งปลายเท้าของเด็กผู้ชายคนนี้แล้วทำให้คิดถึงใครบางคนที่นั่งเคี้ยวเบอร์เกอร์ปลาตุ้ย ๆ อยู่ที่โต๊ะ เพราะนึกถึงเด็กดื้อจึงทำให้หมื่นฟ้าเลือกจะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้เด็กคนนี้ “พี่กดให้นะครับ”
“…”
หมื่นฟ้าวางถ้วยซอสทั้งสองของตัวเองลงบนเคาน์เตอร์ก่อนจะช่วยเด็กน้อยกดซอส โทรศัพท์ที่ต่อสายโทรหาแม่ยังคงแนบอยู่ที่ใบหูเหมือนเดิม
“ขอบคุณค้าบ…”
“ครับผม” หมื่นฟ้าพยักหน้ารับเด็กน้อยที่ยกมือไหว้ขอบคุณ หลังจากนั้นก็ทำหน้าที่กดซอสให้เด็กดื้อที่รอตัวเองอยู่ เพราะมือข้างหนึ่งเขาต้องถือถ้วยซอสและมืออีกข้างทำหน้าที่กดซอส ดังนั้นโทรศัพท์ที่แนบหูอยู่จึงต้องมีไหล่ช่วยประคองไว้
[ฟ้า…]
“ครับม้า”
[ติดธุระเหรอลูก? หม่าม้าโทรไปตั้งหลายสายไม่รับเลย]
“นิดหน่อยครับม้า แต่คุยได้ครับ”
[จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรหรอก โทรหาเพราะคิดถึง เมื่อคืนน้องชายเราโทรมาคุยกับหม่าม้าอยู่นานสองนานเลย ฟ้องว่าฟ้าไม่ค่อยกลับบ้าน ชอบไปค้างคอนโด น้องอยู่บ้านคนเดียวก็เหงา]
“พันลี้ก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กเลี้ยงแกะ ชอบพูดโม้เกินจริง”
[สองพี่น้องนี่ยังไงกันนะ แล้วฟ้ากลับบ้านบ้างหรือเปล่าครับ?]
“กลับครับ เมื่อเช้าฟ้าก็แวะเข้าบ้าน วันนี้ก็ว่าจะกลับไปนอนบ้านเพราะพรุ่งนี้มีเรียนเช้า”
[ดี ๆ กลับไปดูแลความเรียบร้อยบ้างลูก เนียนดูแลคนเดียวไม่ไหวหรอก]
“เมื่อเช้าฟ้าก็เจอแม่นมครับ บ่นคิดถึงฟ้า วันนี้ฟ้าก็เลยจะกลับ”
[โอเคจ้ะ แล้วนี่ทำอะไรอยู่จ๊ะ?]
“…” คำถามของหม่าม้าทำให้หมื่นฟ้านิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะหันไปมองคนตัวเล็กที่นั่งกินแฮมเบอร์เกอร์อยู่
[…]
“อยู่กับคุณเขาครับม้า…”
[…จริง ๆ เหรอครับลูก?]
“ครับ ฟ้าขอโทษที่ไม่ได้โทรไปเล่าอะไรให้ม้าฟังเลย เพราะ่นี้ยุ่ง ๆ แล้วฟ้าก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วแบบนี้”
[ไม่เป็ไรครับ หม่าม้าเข้าใจ…แต่ทุกอย่างโอเคใช่ไหมครับ]
“โอเคครับ”
[คุณเขายังน่ารักเหมือนเดิมไหมครับลูก?]
“ไม่เปลี่ยนไปจากที่ม้าเคยเห็นเลยครับ”
[งั้นฟ้าไปอยู่กับคุณเขาก่อนเถอะ กับหม่าม้าค่อยคุยทีหลังก็ได้]
“ครับ”
[สู้ ๆ นะครับลูก หม่าม้าเป็กำลังใจให้]
“ขอบคุณนะครับม้า”
หมื่นฟ้าวางถ้วยซอสมะเขือเทศลงก่อนจะเอาโทรศัพท์เก็บใส่กระเป๋าหลังกางเกงเหมือนเดิม ถ้วยซอสพริกถูกเติมไปเพียงเล็กน้อยเพราะเขารู้ดีว่าตัวดื้อไม่ชอบกินเผ็ด แม้จะเป็ซอสพริกที่มีรสหวานนำก็ตาม แค่มีรสเผ็ดที่รักพร้อมจะส่ายหน้าแล้ว
ก็รู้มาตลอดว่าไม่ชอบรสเผ็ด
และรู้ดีว่าชอบซอสมะเขือเทศแค่ไหน…
คนที่รู้ทุกอย่างเป็อย่างดีเดินถือถ้วยซอสทั้งสองกลับไปวางให้ตัวดื้อเหมือนเดิม ที่รักก้มศีรษะเป็เชิงขอบคุณให้เขา หมื่นฟ้าทำเพียงแค่ยิ้มรับพลางคิดว่าถ้าหม่าม้าได้มาเห็น ‘คุณเขา’ ตัวจริงจะต้องรู้สึกว่าน่ารักกว่าในรูปแน่นอน
“รักกินจะเสร็จแล้ว รอแป๊บเดียวนะครับพี่ฟ้า”
“ครับ พี่ฟ้าจะรอ…”
#กี่หมื่นฟ้า
“พวงมาลัยดอกมะลิ!”
“เสียงดังทำไมลี้? ก็แค่พวงมาลัยดอกมะลิไหม ไม่ใช่ผีแอนนาเบลสักหน่อย”
ที่รักปรายตามองเพื่อนสนิทที่ยืนล้างผักอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะถอนหายใจ ั้แ่กลับมาเขาโดนแม่เรียกใช้ไม่ได้หยุดจนแฮมเบอร์เกอร์ที่กินเข้าไปแทบจะไม่หลงเหลืออยู่ในกระเพาะ แขกทุกคนที่มาร่วมงานปาร์ตี้ในวันนี้คงสงสารเ้าบ้านตัวกะเปี๊ยกอย่างเขาถึงได้อาสาช่วยกันคนละไม้คนละมือจนแม่ออกปากเกรงใจ
ลูกแม่เป็ที่รักของทุกคนก็แบบนี้ล่ะน้า…
ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้
ขนาดแม่ใช้ยังไม่ต้องทำเองทั้งหมดเลย :)
เป็ที่รักก็แอบสบายเหมือนกันนะเนี่ยยย
“มึงซื้อพวงมาลัยดอกมะลิไปไว้บนรถพี่กูเหรอ?”
ที่รักพยักหน้าหงึกหงักพลางสลัดน้ำออกจากพริกหยวกสีเหลืองสดเพื่อเอาไปใส่โถแก้วใบใหญ่ก่อนจะหันไปมองพันลี้ที่ล้างมะเขือเทศลูกเล็ก ๆ ไม่เสร็จสักทีเพราะมัวแต่สนใจพวงมาลัยดอกมะลิของเขา
“ก็ใช่นะซี่…ซื้อไหว้แม่ย่านาง มันน่าใตรงไหน?”
“…”
“อย่าบอกนะว่าไม่รู้จักแม่ย่านาง…เกินไปแล้วนะลี้ มึงเป็คนไทยนะ”
“กูรู้จักยันแม่ซื้ออะ…แต่ที่กูใเพราะพี่กูไม่ชอบกลิ่นดอกมะลิ”
“O_O”
“ไม่ชอบมาก ๆ แล้วพี่ฟ้าแม่งยอมให้พวงมาลัยดอกมะลิไปอยู่บนรถ…ท่าทางเื่ที่กูจะถามวันนี้คงไม่ต้องถามแล้วล่ะมั้ง ได้รับคำยืนยันชัดเจนขนาดนี้แล้ว”
“จะ จริงหรือเปล่าลี้?”
“ตาเหลือกทำไม? ใแทนกูแล้วดิ…”
“ไม่ตลก…พี่ฟ้าไม่ชอบกลิ่นดอกมะลิเหรอ?”
“โคตร ๆ ตอนเด็ก ๆ นะ ถ้าได้กลิ่นดอกมะลิคือคลื่นไส้จะอ้วกเลย พอโตมาก็ได้กลิ่นได้แหละ แค่ไม่ชอบเพราะมันทำให้ปวดหัว”
โอ้โห…ตลอดทางกลิ่นมะลิอย่างฟุ้งเลย
ที่รักก็ชื่นใจจริง ๆ ในขณะที่พี่ฟ้าคงพะอืดพะอมจะแย่
ไอ้ลูกหมาโง่เอ๊ยยย T______T
“หลุดเลยไง สติหลุดเลยไอ้แก้มย้อย…”
“กูไม่รู้เลยลี้ ไม่รู้ว่าพี่ฟ้าไม่ชอบ”
“ไม่รู้ไม่ผิด ที่ผิดคือพี่กู…ฝืนให้เอาไว้บนรถไม่ยอมบอกว่าได้กลิ่นไม่ได้ ดีไม่เวียนหัวจนพามึงไปแหกโค้ง”
“มึงก็พูดเกินไปลี้ พี่ฟ้าไม่ได้ผิดขนาดนั้นหรอก เขาแค่รักษาความรู้สึกกูมากกว่า ถ้าบอกให้กูเอาไปทิ้งมันก็จะเสียมารยาทไง”
“อ้าว.... ไอ้ห่านี่ กูเข้าข้างมึง มึงเข้าข้างพี่กู รักสามเศร้าเราสามคนปะ?”
“เดี๋ยวคนที่สามจะโดนต่อยปากนะ”
“ดู ๆ ยังไม่ทันไรก็ให้กูเป็คนที่สามทั้งที่พี่กูมาทีหลัง แม่งคนเราเนอะ…กูจะไปสู้คนในใจมึงได้ไง”
“ไอ้หน้าหมา!!!!”
พันลี้ะเิหัวเราะจนเขาอยากจะเอาพริกหยวกยัดปาก แต่ก็ทำได้แค่ทำเสียงฮึดฮัดในลำคอเพราะกลัวสู้แล้วพันลี้จะจับไปหยิกแก้มจนเจ็บ
“แต่ยังไงวันนี้กูต้องถามพี่กูเื่มึงให้รู้เื่”
ที่รักที่กำลังจะเดินออกจากครัวชะงักฝีเท้าทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น เขาเม้มริมฝีปากครุ่นคิดอย่างหนักก่อนจะวางโถพริกหยวกลงบนเคาน์เตอร์แล้วหันไปหาเพื่อนสนิท
“ถ้าถามแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างลี้?”
“…”
“ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปเยอะไหม?”
“อะไรที่มึงกลัวว่าจะเปลี่ยน?”
“กูแค่รู้สึกว่าการที่เขาได้รับกำลังใจจากกูทำให้เขาเป็คนที่น่ารักมาก ๆ เป็หมื่นฟ้าที่ทุกคนบนโลกจะ้า ถ้าสิ่งที่มึงคิดเป็ความจริง กูก็อาจจะรู้สึกเปลี่ยนไป ไม่กล้าใกล้ชิดเขาเหมือนเดิมเพราะกลัวจะให้ความหวังเขาถ้าเกิดกูไม่ได้คิดอะไรขึ้นมา แต่ถ้ามันไม่เป็จริง…คนที่จะตีตัวออกห่างคือพี่ฟ้า แล้วเขาก็จะขาดกำลังใจอย่างกูไปนะ”
“…”
“ปล่อยให้มันเป็ไปเรื่อย ๆ แบบนี้ได้ไหมลี้ ปล่อยไปเรื่อย ๆ มันจะดีกว่าหรือเปล่า…ถามว่ากูยังอยากรู้เื่ไข่เจียวไม่เยิ้ม ซอสมะเขือเทศ ไอติมรสช็อกโกแลตที่เขาไปรู้มาจากไหนก็ไม่รู้อยู่ไหม กูก็อยากจะรู้นะ แต่ถ้าต้องแลกกับบางอย่างที่มันเปลี่ยนไป กูก็ไม่ค่อยอยากจะรู้แล้ว”
“ั้แ่คบกันมากูเพิ่งเคยเห็นมึงคิดมากเื่ความสัมพันธ์…”
“กูก็เพิ่งรู้ว่าเื่ความสัมพันธ์แม่งโคตรซับซ้อนเลย ไม่ว่าจะในรูปแบบเพื่อน ครอบครัว หรือคนรักก็ตาม มึงก็รู้ว่ากูแคร์ทุกคนที่เข้ามาในชีวิต แม้แต่คนที่ไม่สนิทอย่างพี่ฟ้าก็เริ่มจะแคร์แล้ว กูกลัวเขาจะเจออะไรร้าย ๆ กลัวเขาจะไม่อยากยิ้มแล้ว”
“…”
“กูแค่อยากให้เขายิ้มได้เยอะ ๆ และตอนนี้เขาก็ยิ้มโคตรเยอะเลยนะลี้ ถ้ามันหายไปกูว่าคงเศร้าน่าดูเลย”
“กูว่าที่พี่ฟ้ายิ้มได้โคตรเยอะก็เพราะมึงนั่นแหละ…”
“…” ปฏิเสธไม่ได้เลยเพราะเวลาที่อยู่ด้วยกันหมื่นฟ้ายิ้มเยอะจริง ๆ แม้จะไม่เชื่อว่าเป็เพราะตัวเองที่ทำให้อีกฝ่ายยิ้มได้ แต่รอยยิ้มที่ได้เห็นบ่อย ๆ ก็คอยย้ำเตือนเสมอ
“เอาเป็ว่ากูจะไม่ถามพี่ฟ้าเื่นี้…จะปล่อยให้ความสงสัยมันทำให้หัวใจกูคันยุบยิบอยู่แบบนี้ เพราะกูคิดว่าปล่อยไปก็น่าจะดีกว่า ให้พี่กูกับมึงได้สนิทกันไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดใจถ้าความรู้สึกดันไม่ตรงกันขึ้นมา…พูดง่าย ๆ สรุปสั้น ๆ คือตอนนี้มันโคตรดีแล้ว พี่กูยิ้มง่ายจนแทบไม่ใช่หมื่นฟ้า ส่วนมึงก็น่ารักเหมือนเดิม จบข่าว”
“จบชีวิตมึงด้วยหน้าหมาลี้…ไม่เคยจะพูดดีได้นานเลย” ที่รักส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะคว้าโถแก้วขึ้นมาอุ้มไว้ สิ่งที่พันลี้พูดมาทั้งหมดเข้าใจได้แค่บางส่วนเท่านั้น แต่ที่เข้าใจได้อย่างกระจ่างแจ้งและเห็นด้วยคือ ‘ตอนนี้มันโคตรดีแล้ว พี่กูยิ้มง่ายจนแทบไม่ใช่หมื่นฟ้า’
จริง ๆ แค่นี้ก็พอแล้ว…กำลังพอดีแล้ว
ที่รักเอาโถพริกหยวกส่งให้พี่สาวที่กำลังเตรียมหั่น และพี่เบบก็ส่งกะละมังไก่หมักให้เขาเดินไปส่งต่อให้พี่ดอมที่นั่งเอาเนื้อเสียบไม้อยู่ที่สวนข้างบ้าน คนตัวเล็กเดินอุ้มกะละมังไปยังจุดหมาย เขาเห็นพี่ดอม หมื่นฟ้าและไทป์นั่งอยู่บนเสื่อที่ปูอยู่บนสนามหญ้า งานนี้จอยติดธุระด่วนมาไม่ได้ น่าเสียดายแทนเพื่อนจริง ๆ ที่อดกินของอร่อย
ทั้งสามคนนั่งทำบาร์บิคิวอย่างขะมักเขม้นจนไม่ได้สังเกตว่าเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงบริเวณนี้นานแล้ว แต่ไม่นานหมื่นฟ้าก็รู้สึกตัวและเงยหน้ามองเขาที่อุ้มกะละมังอยู่ เ้าตัวส่งยิ้มบางก่อนจะยื่นแขนข้างที่ใส่นาฬิกาให้เขา
“ตัวดื้อถอดนาฬิกาให้พี่ฟ้าหน่อยได้ไหมครับ? มันจะเลอะซอส”
“ได้ครับ…” ที่รักส่งกะละมังไก่หมักให้ไทป์แล้วก้มลงไปปลดนาฬิกาเรือนโปรดของหมื่นฟ้า
“ที่รักเป็ตัวดื้อ แล้วเพื่อนอย่างกู รุ่นน้องอย่างไอ้ไทป์เป็ตัวอะไรดี?”
“ก็แล้วแต่พวกมึงจะทำตัว…”
คำตอบของหมื่นฟ้าทำเอาทั้งสองคนที่นั่งเสียบบาร์บิคิวอยู่ด้วยตั้งนานหลุดหัวเราะออกมา ดอมยิ้มพลางคิดว่าหมื่นฟ้ายังไงก็คือหมื่นฟ้า เป็คนนิ่ง ๆ ที่ถามน้อยตอบน้อยและเน้นพูดเจ็บ ๆ ให้คนถามรู้สึกอยากจบ
แต่เมื่อไหร่ที่หมื่นฟ้าได้อยู่กับผู้เป็ที่รัก เมื่อนั้นหมื่นฟ้าจะไม่เป็หมื่นฟ้า แต่จะกลายเป็ท้องฟ้าในยามเย็นที่มีหลากสีสัน และดอมเชื่อว่าทุกสีที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าผืนนี้เพราะมีที่รักเป็คนแต่งแต้ม
“เรียบร้อย…ให้รักเอาไปเก็บไว้ที่ไหนดีครับ? ฝากลี้ดีไหม”
“ถ้าพันลี้ติดสาวก็จะเอาของพี่ฟ้าไปขาย…งั้นตัวดื้อใส่ไว้ให้พี่ฟ้าหน่อย”
“แล้วถ้ารักเอาไปขายบ้าง?”
“ตัวดื้อก็เอาเงินไปใช้สิครับ เดี๋ยวพี่ฟ้าไปตามซื้อคืนเอง”
“สองมาตรฐานสัด ๆ …นาฬิกาเรือนนี้ม้าซื้อให้นะครับคุณประดิพัทธ์ ลืมไปหรือเปล่า?” พันลี้ที่เดินเอากะละมังหมูหมักมาวางบนเสื่อโวยเสียงดังอย่างไม่พอใจ
“…”
“ยอมไปหมด ยอมทุกอย่าง เสียชื่อผู้ชายวงตระกูลเราหมด”
“อย่าปากดีพันลี้”
“ไม่ต้องให้เกียรติน้องเพราะตรงนี้มีแต่คนกันเอง” พี่ฟ้ามักจะให้เกียรติน้องชายอย่างเขาเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น พี่ฟ้าจะไม่ด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายหรือแทนตัวกันด้วยคำว่ากูมึง แต่เวลาที่อยู่กันสองคนเขาก็เหมือนพี่น้องทั่ว ๆ ไปที่ด่ากันบ้าง แทนตัวกันด้วยคำว่ากูมึง
“สัด…”
ไทป์หลุดขำพรืดพอเห็นรุ่นพี่คนหล่อด่าเพื่อนตัวเอง หมื่นฟ้าด่าด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเรียบนิ่ง ทว่ามันชัดเจนหนักแน่นจนคนที่นั่งฟังเฉย ๆ อย่างเขายังรู้สึกะเืตับ
สัดแบบเน้น ๆ เลย
“ลี้ก็อย่าพูดยั่วโมโหสิ พี่ฟ้าก็ห้ามด่าลี้ด้วย…” คนตัวเล็กที่กำลังใส่นาฬิกาเอ่ยห้ามปราม เขาไม่อยากรับฝากนาฬิกาเรือนแพงนี้หรอก แต่กลัวว่าซอสจะเลอะนาฬิกาขึ้นมาจริง ๆ ถึงได้ยอมใส่ไว้ให้
“เด็ก ๆ เสร็จกันหรือยังจ๊ะ? แม่จุดเตาให้เสร็จแล้วนะ”
แต่คนที่ห้ามาระหว่างพี่น้องได้จริง ๆ คงจะเป็แม่ของเขาที่เดินเข้ามาตรวจดูความเรียบร้อย ทุกคนตอบรับด้วยการพยักหน้า พี่เบบที่ถือโถพริกหยวกที่เพิ่งหั่นเสร็จเข้ามาในสวนก็พยักหน้ารับด้วยเช่นกัน
“อ้าว แล้วทำไมบาร์บิคิวกองนั้นไม่มีสับปะรดล่ะจ๊ะ? เ้ารักสั่งให้พี่ดอมแยกไว้ให้ตัวเองใช่ไหม?” แม่เปลี่ยนเป้าสายตาจากไม้บาร์บิคิวจำนวนหนึ่งที่มีทุกอย่างเสียบอยู่ครบหมดยกเว้นสับปะรดที่ลูกชายไม่ชอบ “แม่บอกว่าไงรัก อย่าเลือกกินใช่ไหมลูก ทุกอย่างมีประโยชน์หมดนะ”
“ระ รักไม่ได้สั่งพี่ดอมนะแม่” คนตัวเล็กรีบยกมือขึ้นโบกไปมาเพื่อปฏิเสธ
ทุกคนเลิ่กลั่กมองหาคนที่ทำบาร์บิคิวพวกนี้ บาร์บิคิวทุก ๆ ไม้จะมีเนื้อสัตว์ มะเขือเทศ สับปะรด และพริกหยวก บางไม้ที่ไม่มีพริกหยวกมันไม่แปลกเพราะเบบกำลังหั่นมาเติมเนื่องจากมันมีไม่พอในตอนแรก ทว่าสับปะรดมีพอแต่ไม่ถูกเสียบอยู่บนไม้บาร์บิคิวจำนวนนั้น
เป็จำนวนหนึ่งที่วางอยู่ในจานข้างหมื่นฟ้า…
“พอดีดอมบอกว่าน้องไม่ชอบกินสับปะรด ผมก็เลยไม่ได้เสียบไม้ให้ครับ”
“อ๋อ แม่ก็ว่าอยู่…ที่หลังไม่ต้องตามใจมากนะฟ้า เดี๋ยวจะเคยตัวแล้วเลือกกิน”
“ครับ…”
“ถ้าเลือกกินคงไม่แก้มย้อยจนติดพื้นหรอกแม่” เบบว่า
“งั้นเดี๋ยวแม่ไปทำกับข้าวให้ปู่ก่อน ถ้าเสร็จแล้วพวกเราไปล้างมือเอาบาร์บิคิวขึ้นเตากันได้เลยนะ”
“ค้าบ…”
“ค่ะ”
ที่รักขมวดคิ้วคิดสงสัยก่อนจะหันไปมองหมื่นฟ้าที่นั่งนิ่ง ๆ เอาเนื้อเสียบไม้ต่อไป เื่สับปะรดคงไม่ต่างจากไข่เจียวน้ำมันไม่เยิ้ม ซอสมะเขือเทศ และไอติมรสช็อกโกแลต เขามั่นใจว่าพี่ดอมไม่ได้เป็คนบอกเพราะพี่ดอมมักจะลืมบ่อย ๆ ว่าผลไม้ที่เขาไม่ชอบมากที่สุดคือสับปะรด
ที่รักอยากจะถามหมื่นฟ้าไปตรง ๆ แต่อย่างที่เขาเคยพูดกับพันลี้ไป หากว่าการถามทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ที่รักเลือกจะปล่อยไปก่อนดีกว่า ความสัมพันธ์ของเขากับหมื่นฟ้าในตอนนี้ยังไม่มั่นคงขนาดนั้น มันเพิ่งเริ่มและเปราะบางมากพอสมควร หากคาดคั้นมากไปมันอาจจะฉีกขาด แต่ที่รักก็ไม่คิดจะเมินเฉยจนความสงสัยที่อยู่ภายในใจก่อตัวเป็ูเา
เพียงแค่รอเวลา…รอเวลาที่เหมาะสมกว่านี้ก่อน
#กี่หมื่นฟ้า
“รัก หยิบขวดซอสมะเขือเทศให้กูหน่อย”
“ไม่ให้…เอาซอสพริกไป”
“ชีวิตกูนี่มันยังไง ไม่เคยได้ดั่งใจสักอย่าง” พันลี้บ่นแต่ก็รับขวดซอสพริกมา ไม่นานเพื่อนสนิทที่แกล้งหยอกก็ส่งขวดซอสมะเขือเทศตามมาให้
“พรุ่งนี้เราเรียนเช้าปะวะไอ้ฟ้า?”
“เออ เก้าโมง”
“มึงเอาแซนด์วิชปะ? เดี๋ยวกูให้เบบทำเผื่อ”
“ให้ทำเผื่อไหม? ไม่ต้องเกรงใจนะ เวลาดอมเรียนเช้าเราก็ทำให้ตลอด”
“ไม่เป็ไรหรอก เราไม่กินข้าวเช้า”
“ดื่มแต่กาแฟไงพี่ฟ้าน่ะ…” ที่รักพูดก่อนจะยัดบาร์บิคิวไก่ใส่ปาก หมื่นฟ้าที่นั่งข้าง ๆ ไม่ตอบอะไรทำแค่ยื่นมือมาลูบหน้าปัดนาฬิกาของเ้าตัวที่อยู่บนข้อมือเขาเล่น
“บ่น…”
“ให้มีคนบ่นได้บ้างเถอะ นอกจากม้าแล้วไม่มีใครบ่นพี่ฟ้าเื่ข้าวเช้าได้เลย”
“สงสัยไม่ใช่รักแล้วที่เป็ตัวดื้อ…พี่ฟ้านั่นแหละตัวดื้อ”
“แค่ไม่กินข้าวเช้า ดื้อตรงไหนครับ?”
“ทุกตรงเลย คุณหมื่นฟ้าน่ะดื้อตลอด”
หมื่นฟ้าอมยิ้มก่อนจะกัดริมฝีปากพอเห็นคนตัวเล็กย่นจมูกใส่อีกแล้ว ทั้งสองคนคงไม่รู้ว่าทุกคนบนโต๊ะอาหารต่างจับตาดูอยู่ พฤติกรรมการหยอกล้อของหมื่นฟ้ากับที่รักทำให้ทุกคนรู้สึกเขินจนต้องก้มหน้าก้มตากินบาร์บิคิวแทนเพราะทนดูต่อไปไม่ไหว
เบบที่แข็งใจดูอยู่นานสองนานในตอนนี้ยังรู้สึกเขินราวกำลังดูหนังรักอยู่ เธอคิดว่าทั้งหมื่นฟ้าและที่รักไม่รู้ตัวว่าพฤติกรรมที่แสดงออกทางสีหน้ากับแววตานั้นคล้ายคนที่กำลังจีบกันอยู่ น้องชายของเขายังไม่แสดงออกมากมายนัก ถ้าเทียบกับอีกฝ่ายเรียกว่าน้อยนิด เพราะโดยนิสัยส่วนตัวที่รักเป็เด็กขี้อ้อนและพูดคุยกับทุกคนได้อย่างสนิทสนมอยู่แล้ว การจะพูดเล่นกับหมื่นฟ้าคงไม่ใช่เื่แปลก
แต่หมื่นฟ้าน่ะ…ไม่เบรกเลย
สายตาเวลามองที่รัก…ได้ขนาดนี้เลยเหรอ
“เธอ…ฉันว่าใช่…ใช่ไหม?”
“หือ?” ดอมที่โดนแฟนกระแทกข้อศอกใส่ขานรับเสียงสูง
“ใช่ไหม?”
“…”
“คืนนี้เรามีเื่ต้องคุยกัน”
ดอมส่ายหัวก่อนจะก้มหน้ากินบาร์บิคิวตุนไว้เพราะคืนนี้น่าจะโดนซักยาว ๆ “ครับ”
“พี่ฟ้าต้องกินข้าวเช้าบ้างนะครับ อันนี้รักพูดจริง ๆ ”
“…”
“มื้อเช้ามีประโยชน์มาก ๆ รักกินข้าวทุกเช้าเลย ต่อให้ไม่มีเรียนยังต้องตื่นมากินแล้วค่อยกลับไปนอนต่อ”
“อันนั้นเพราะมึงกินจุเองหรือเปล่าไอ้แก้มย้อย” ไทป์แซว
“ไม่ใช่สักหน่อย…มันดีต่อร่างกายจริง ๆ ”
“งั้นพรุ่งนี้พี่ฟ้าจะตื่นขึ้นมากินข้าวเช้า”
“พี่ฟ้า…ได้ยินนะเว้ย แล้วจะเอาเื่นี้ไปบอกแม่นมด้วย”
“ทำไมต้องเอาไปบอกแม่นมด้วยลี้?”
“ก็แม่นมอยากให้พี่ฟ้ากินข้าวเช้าจะตาย แต่พี่ฟ้าบ่ายเบี่ยงตลอด สุดท้ายก็กิน ๆ เลิก ๆ จนแม่นมปลงแล้ว”
“โห ถ้าอย่างนั้นพี่ฟ้าต้องกลับมากินแล้วนะครับ แม่นมจะได้ดีใจ”
“ครับ”
“ถ้าพี่ฟ้าไม่กิน รักจะลงโทษยังไงดี…คนไม่ทำตามสัญญาต้องมีบทลงโทษนะ แต่ครั้งนี้ไม่อยากหักคะแนนด้วยสิ”
พันลี้ขมวดคิ้วสงสัย เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนพูดกับพี่ชายสักนิด เหมือนทั้งสองคนใช้ภาษาที่มีแค่หมื่นฟ้ากับที่รักเท่านั้นที่ฟังกันเข้าใจ
“พี่ฟ้าให้ยึดบุหรี่ไว้เลย ถ้าพรุ่งนี้ไม่กินข้าวเช้า รักไม่ต้องเอามาให้พี่ฟ้า”
“ซื้อใหม่ก็ได้ไหม?” พันลี้เอ่ย
“แต่กูไม่ซื้อใหม่ไง จะรอเอาจากเขาเท่านั้น”
ใคร ๆ ก็รู้ว่าหมื่นฟ้าติดบุหรี่และสูบจัดแค่ไหน การให้ยึดบุหรี่ไว้คงไม่ใช่การสัญญาเล่น ๆ เ้าตัวจะต้องทำให้ได้จริง ๆ เื่ธรรมดาที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ในชีวิตคนอื่นดูจะกลายเป็เื่ยากของหมื่นฟ้าไปซะหมด
แค่ยิ้มกับกินข้าวเช้า…มันไม่ยากเกินไปหรอกพี่ฟ้า
“แล้วรักจะรู้ได้ไงว่าพี่ฟ้ากินข้าวเช้าแล้ว?”
หมื่นฟ้าส่งโทรศัพท์ของเ้าตัวมาให้เขา “ขอไลน์หน่อยครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ส่งรูปข้าวเช้าให้ดู”
ที่รักเหลือบไปมองพี่สาวที่กำลังจ้องมองอยู่ หมื่นฟ้าแค่ขอไลน์เขาคงไม่ต้องขออนุญาตพี่สาวหรอก แต่ไม่รู้เพราะอะไรถึงเลือกจะมองพี่เบบอยู่อย่างนั้น
“เบบ เราขอไลน์รักนะ”
“อะ อือ” เบบตอบรับคนที่กล้าถามกันตรง ๆ ถึงจะไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคืออะไรเพราะเธอก็เดาทางไม่ถูก แต่อะไรหลาย อย่างบอกให้เธอตอบรับคน ๆ นี้ไป
“เบบอนุญาตแล้วครับ พี่ฟ้าขอไลน์ตัวดื้อหน่อย”
“ในกลุ่มก็มี…ไปแอดเอาเลยพี่ฟ้า” ไทป์เสนอพอเห็นว่าเพื่อนไม่ตอบสนองรุ่นพี่สักที
“อยากให้เขาให้ด้วยความเต็มใจ”
ในตอนนี้ที่รักรับทั้งโทรศัพท์และซองบุหรี่มาจากหมื่นฟ้า เขาไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดเื่วุ่น ๆ อะไรขึ้นอีกในตอนที่เราสนิทกันมากกว่านี้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรที่รักเชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี และมันคงคุ้มค่ากับมิตรภาพที่เขาได้รับ
การได้สนิทกับพี่ฟ้า…ถือเป็เื่ดี ๆ ในชีวิตอีกเื่แล้วกัน
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา หลังจากที่กินบาร์บิคิวกันไปสักพัก พูดคุยกันไปสักระยะ ทุกคนก็ต่างบอกลาและแยกย้าย ที่รักอยากจะออกมาส่งเพื่อนที่หน้าบ้าน แต่เพราะพันลี้บอกว่าให้กลับไปช่วยพี่เบบและพี่ดอมล้างจาน คนตัวเล็กถึงได้ตัดใจแล้วยอมกลับเข้าไปในครัว ส่วนสองพี่น้องตระกูลพิสุทธิ์ก็เข้าไปไหว้แม่และปู่ก่อนจะกลับออกมา
“พี่ฟ้า…คืนนี้ว่างหรือเปล่า?”
“มีอะไรหรือเปล่า?”
พันลี้ที่เดินตามหลังพี่ชายมาที่รถยักไหล่เล็กน้อย เขาอยากถามบางอย่างกับพี่ชาย ถ้าถามตอนที่อยู่ในงานปาร์ตี้ดูจะไม่เหมาะ ครั้นจะถามตรงหน้าบ้านเพื่อนก็ดูจะโจ่งแจ้งจนเกินไป แม้ที่รักจะไม่ได้ออกมาส่งจนถึงตรงนี้ แต่ยังมีไทป์ที่กำลังเดินออกมาจากบ้านอีกคน เื่ที่เขาจะถามก็สำคัญอยู่ไม่น้อย พันลี้คิดว่าควรจะคุยกันอย่างจริงจังในพื้นที่ส่วนตัว
“อยากคุยด้วยหน่อย…”
“่ดึก ๆ ไปนั่งรอที่ดาดฟ้าแล้วกัน เดี๋ยวขึ้นไปหา”
“โอเค”
“…” หมื่นฟ้าพยักหน้ารับก่อนจะขึ้นรถ เขาพอจะเดาได้ว่าเื่ที่น้องชายอยากจะคุยด้วยคือเื่อะไร พันลี้เป็น้องชายไม่ใช่คนอื่น
หากอยากรู้คงต้องตอบ
#กี่หมื่นฟ้า
ที่รักที่นั่งอยู่ตรงขั้นบันไดหน้าประตูบ้านกำลังนั่งมองรองเท้าแตะสีขาวที่หมื่นฟ้าเป็คนซื้อให้ ขณะรอเ้าหมูกรอบวิ่งไปทำธุระส่วนตัวที่สวนดอกไม้ของแม่
วันนี้หมื่นฟ้าทิ้งคำถามมากมายไว้ภายในใจเขา ที่รักโตพอสมควรและไม่ได้โง่เขลาขนาดมองไม่ออกหรือรับรู้ความรู้สึกไม่ได้ เมื่อได้อยู่คนเดียวเขาจึงพยายามไตร่ตรองด้วยตัวเองอย่างถี่ถ้วน แม้จะเป็คนที่แทบไม่มีประสบการณ์เื่นี้เลย แต่ที่รักคิดว่าสิ่งที่พันลี้พูดอาจจะเป็ความจริงได้
เพียงแต่เขาไม่เชื่อ
และไม่คิดจะเชื่อเลยด้วยซ้ำว่าหมื่นฟ้าจะชอบกันจริง ๆ
ความรู้สึกสับสนมากมายที่เกิดขึ้นในเวลาไม่นานนี้ ทำให้ที่รักเริ่มแยกแยะความพิเศษทางความรู้สึกได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เขาไม่เคยใจเต้นแรงกับใคร ไม่เคยสูญเสียความเป็ตัวเองขนาดนี้ ทั้งหมดนั่นทำให้ที่รักรับรู้ได้ว่ามันเกิดความแตกต่างขึ้นภายในจิตใจของเขา เป็ความพิเศษที่เกิดขึ้นกับแค่ใครบางคนเท่านั้น ไม่สามารถรู้สึกได้กับทุกคน
และตอนนี้ที่รักมั่นใจว่ามันไม่ใช่ความรักอย่างแน่นอน
บางทีมันอาจจะเกิดขึ้นแค่่แรก ๆ เท่านั้น หากว่าเขาได้สนิทกับหมื่นฟ้ามากขึ้นกว่านี้อีกสักนิด เ้าตัวคงไม่มีผลต่อการเต้นของหัวใจเขาอีกแล้ว ที่รักคิดว่าจะต้องจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง เขาจะไม่ยอมให้ความรู้สึกสับสนวุ่นวายพวกนี้มาสั่นคลอนความสัมพันธ์ของคนสนิทที่เพิ่งพัฒนาเด็ดขาด
ที่บอกพันลี้ว่าอยากปล่อยไปเรื่อย ๆ
เขาหมายความอย่างนั้นจริง ๆ
และเพราะอยากให้เป็ไปเรื่อย ๆ ถึงได้พยายามปกป้องความสัมพันธ์ครั้งนี้ไว้
“หมูกรอบ…คู่นี้ห้าม!! พี่รักไม่ยอมให้หมูกรอบกัดรองเท้าคู่นี้เด็ดขาด!”
มือเรียวคว้ารองเท้าแตะที่วางอยู่บนพื้นขึ้นมาอย่างเร็วเพราะเ้าหมูกรอบทำท่าจะฝังเขี้ยว พอลูกหมาตัวน้อยเห็นเขาลุกขึ้นยืนแล้วหมุนตัวเตรียมจะเข้าบ้าน มันก็ส่งสายตาละห้อยมาให้ทันที ที่รักเดาว่าที่มันนั่งลิ้นห้อยไม่ยอมขยับเขยื้อนเป็เพราะอยากจะกัดรองเท้าคู่ใหม่ของเขามากกว่า ปกติที่รักจะใจอ่อนให้หมูกรอบตลอด แต่ครั้งนี้ที่รักปล่อยผ่านไม่ได้จริง ๆ
เขาเพิ่งจะรู้ว่าของบางอย่างที่มีคุณค่าทางจิตใจจะส่งผลให้เรามีใจที่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องให้สิ่ง ๆ นั้นอยู่กับเราไปนาน ๆ อย่างเช่นที่เขาไม่สามารถปล่อยให้หมูกรอบเอารองเท้าคู่นี้ไปกัดเล่นได้
เพราะอยากจะรักษาความทรงจำดี ๆ ที่อีกฝ่ายมอบให้ไปนาน ๆ เช่นกัน
ไลน์ ~
เสียงแจ้งเตือนที่ดังขึ้นทำให้ที่รักหยุดทุกความคิดแล้วล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ทันทีที่เขากดเข้าแอปพลิเคชันไลน์ก็เห็นข้อความของใครบางคน
M.FAH : ตัวดื้อ…
ที่รักวางรองเท้าไว้บนชั้นสูงเพื่อหลบเลี่ยงหมูกรอบที่จ้องตาเป็มันก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนขั้นบันไดเหมือนเดิม นิ้วเรียวกดพิมพ์ข้อความเตรียมจะส่งกลับไป แต่ก็ลบทิ้งแล้วเริ่มพิมพ์ใหม่ เขาทำแบบนั้นซ้ำ ๆ หลายครั้งพลางคิดต่อว่าตัวเองที่รู้สึกประหม่ากับการคุยกันผ่านทางไลน์ ทั้งที่ไม่ควรรู้สึกแบบนี้เพราะเคยเจอกันมาก่อนแล้ว
แต่คุยในนี้ความรู้สึกมันก็ต่างออกไปนี่…
M.FAH : ยังไม่นอนใช่ไหมครับ? เพราะเปิดอ่านข้อความพี่ฟ้า
ที่รัก : ครับ ยังไม่นอน
M.FAH : ดึกแล้ว นอนได้แล้วนะครับ
ที่รัก : ครับ พี่ฟ้าก็เหมือนกันนะครับ
M.FAH : ครับ
ที่รักเตรียมจะกดออกจากช่องสนทนา ทว่าหมื่นฟ้าส่งบางอย่างกลับมาให้อีก
M.FAH : send a voice
ดวงตาเรียวรีจ้องข้อความนั้นอยู่สักพักก่อนจะกดเปิดฟังข้อความเสียงที่ส่งมา
ที่รักได้ยินเสียงเพลงคลอเบา ๆ เขาเดาว่าหมื่นฟ้าคงอยู่ที่ร้าน ในเวลานี้ลูกค้าเพิ่งจะเริ่มเยอะ ไม่ใกล้เคียงเวลานอนของอีกฝ่ายอย่างที่เขาเข้าใจด้วยซ้ำ ต่อจากเสียงเพลงตามมาด้วยเสียงหัวเราะในลำคอของหมื่นฟ้า เขาจำได้เป็อย่างดีเพราะหมื่นฟ้าชอบหัวเราะแบบนี้บ่อย ๆ ตอนอยู่ด้วยกัน
และสุดท้ายเป็เสียงทุ้มต่ำของหมื่นฟ้า…
‘กู๊ดไนท์ครับ ตัวดื้อ…’
ที่บอกฝันดีกันเหมือนเดิม
#กี่หมื่นฟ้า
TBC
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้