“ของประมูลชิ้นที่สองก็คือภาพปักครอสติสที่ถังซีนักเรียนฟู่จงของเรามอบให้” หลินซวงพูดยิ้มๆ “ก่อนอื่นเลยขอให้ทุกคนปรบมือเพื่อเป็การขอบคุณนักเรียนคนนี้ด้วยค่ะ” ภาพปักครอสติสสูงราวสามเมตรมีอักษรสี่ตัวเขียนไว้ว่า ‘ชงหรู่ปู้จิง’[1]ที่ดูเต็มไปด้วยพลัง
“ยายหนูอักษรสี่ตัวนี่เธอเขียนเองเหรอ” กัวไฮว่มองถังซีที่มีสีหน้าแดงเล็กน้อยแล้วถามขึ้นยิ้มๆ“ไม่เลวเลยนี่ฝึกฝนต่อไปนะเหลืออีกร้อยกว่าปีเธอก็ไปสอนคนอื่นได้แล้ว”
“พี่ไฮว่พี่รู้ได้ยังไงว่าฉันเป็คนเขียนเอง” ถังซีหน้าแดงระเรื่อพร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบา
“มีอะไรที่สามีเธอไม่รู้บ้างล่ะเดี๋ยวฉันจะประมูลมาให้ได้ของดีแบบนี้ให้คนอื่นไปเปลืองแย่เลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ภาพปักครอสติสภาพนี้ราคาต่ำสุดหนึ่งพันหยวนให้ราคาทุกครั้งได้ไม่ต่ำกว่ายี่สิบหยวนเริ่มได้เลยค่ะ” หลินซวงพูดยิ้มๆ
“น้องถังซีปักเองแบบนี้ผมให้หมื่นหยวน” นักเรียนมอหกคนหนึ่งพูดเสียงดัง
“ที่เรียกว่าน้องถังซีนี่นายเป็คนะโเหรอ ผมให้ราคาหนึ่งหมื่นห้าพันหยวน” เด็กหนุ่มมอห้าคนหนึ่งะโเสียงดัง
“ตอนนี้เด็กๆ กล้ากันกว่าพวกเราตอนนั้นอีกนะ เหอะๆ” ผู้าุโท่านหนึ่งพูดยิ้มๆ
“ถ้าสุดท้ายราคาสูงกว่าตงปัวหลินจื้อที่เหล่าหลี่เอามาประมูลอีกนะกลัวว่าเหล่าหลี่จะข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่แน่ ฮ่าๆ” ผู้าุโที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นติดตลก
“ล้านนึง!” กัวไฮว่มองไปยังถังซีแล้วยกมือขึ้น
“ดูสิ นั่นแฟนของถังซีชื่อว่ากัวไฮว่ฉันเคยเห็นรูปเขาจูบถังซีในเว็บบอร์ดโรงเรียนด้วย” นักเรียนใหม่คนหนึ่งพูดเสียงดัง
“หน้าตาก็หล่อแถมยังยอมจ่ายเงินให้แฟนอีก ฉันก็อยากได้ผู้ชายแบบนี้บ้าง” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งพูดด้วยสายตาหยาดเยิ้ม
“ภาพปักครอสติสล้านหนึ่งสมองบวมรึเปล่า” มีบางคนพูดขึ้นด้วยความริษยา
“ล้านนึง มีสูงกว่านี้ไหมคะ” หลินซวงพูดต่ออย่างกับกลัวว่าจะไม่มีเื่วุ่นวาย
“หนึ่งล้านหนึ่งแสน” สีเฟยลุกขึ้นมามองถังซีแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงดัง“ภาพปักครอสติสของถังซีต้องเป็ของฉัน”
“หนึ่งล้านห้าแสน” กัวไฮว่ค่อยๆ ลุกขึ้นมา “นายจะต่อก็ได้นะแบบนี้จะได้ช่วยปรับสภาพแวดล้อมทางการเรียนของอีกหลายคนให้ดีขึ้น” คำพูดของเขาหนักแน่นเสียกว่าคำพูดของสีเฟยอีก
“หนึ่งล้านหกแสน ฉันจะต่ออย่างแน่นอนเป็ไงล่ะกัวไฮว่” สีเฟยพูดต่อด้วยเสียงดัง
“ภาพปักสี่ช่องช่องละล้านก็แล้วกัน สี่ล้าน” กัวไฮว่เอ่ยขึ้นอย่างสบายๆเพราะกัวไฮว่ใช้วิชาอ่านจิตกับสีเฟยจึงรู้ว่าหมอนี่ไม่ได้อยากได้ภาพปักครอสติสั้แ่แรกอยู่แล้วแค่อยากจะหาเื่กัวไฮว่เท่านั้น กัวไฮว่ยังรู้อีกว่าทั้งเนื้อทั้งตัวหมอนี่มีเงินแค่ห้าล้านเท่านั้นที่ตระกูลสีพอจะให้เขาใช้ได้
“สี่ล้านห้าแสนห้าหมื่น” สีเฟยหรี่ตามองกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นเด็กหนุ่มใส่แว่นที่อยู่ข้างๆคนหนึ่งพูดอะไรบางอย่างที่ข้างหูของสีเฟย ส่วนผู้าุโที่อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าชื่นชม
“สี่ล้านเก้าแสนเก้าหมื่นตระกูลสีแห่งเมืองอู่เฉิงไม่เลวเลยนี่” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“อาสามจะเพิ่มอีกไหมครับ” ไม่นานในใจของสีเฟยก็พลันไม่มั่นใจถามขึ้นด้วยเสียงเบา
“ให้ไปห้าล้านเถอะ หมอนี่โมโหแล้วนายบอกราคาเสร็จก็กระตุ้นเขาอีกหน่อยแล้วก็เพิ่มราคาอีกครั้งไม่ว่าเขาจะให้เท่าไหร่ก็ให้ของเขาไป” ชายหนุ่มใส่แว่นที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้นขำๆ
“ห้าล้านผมให้ห้าล้าน แน่จริงก็ต่อสิ” สีเฟยพูดเสียงดัง
“ให้ตายก็คิดว่าใครให้ท้ายอยู่ที่แท้ก็สีอวิ๋นกลัวว่าคราวนี้เ้าสี่จะเสียเปรียบแล้ว” ตอนที่เจี่ยหยวนได้ยินสีเฟยะโบอกราคาห้าล้านก็มองกัวไฮว่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับพูดเสียงเบากับหวังเซิงที่อยู่ข้างๆ
“ผมให้...เฮ้อช่างเถอะในเมื่อสีเฟยชอบภาพปักครอสติสของถังซีมากงั้นก็ให้นายแล้วกัน ยังไงซะหลังจากนี้ถังซียังมีเวลาถักให้ฉันใหม่อีกรูป” กัวไฮว่มองสีเฟยแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “คุณครูหลินของนี่ผมยอมให้สีเฟยมาขอบคุณเงินสมทบทุนงานประมูลครั้งนี้จากสีเฟยกันเถอะ” พูดจบกัวไฮว่ก็นั่งลงไปบนเก้าอี้ของตนเอง
“ฮ่าๆ สุดยอด สุดยอดไปเลย ไม่คิดเลยว่าคราวนี้เ้าสี่จะไม่ลุยฮ่าๆครั้งนี้ตระกูลสีโง่หรือเปล่า เ้าสามแกว่าฉันต้องไปเข้าเรียนบ้างไหมเนี่ยแกดูเ้าสี่สิเปลี่ยนไปเยอะเลย” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ
“ตาบ้า แบบนี้ภาพปักครอสติสของถังซีได้เงินสีเฟยไปห้าล้านน่ะสิ” ซูเยี่ยพูดด้วยใบหน้ารื่นเริง
“เมียหลวงจ๋าคงไม่โทษที่ฉันไม่ได้ประมูลภาพปักครอสติสของเธอมาใช่ไหม” กัวไฮว่พูดขึ้นเบาๆ ข้างหูถังซี “เพื่อเป็การชดเชยให้เธอเดี๋ยวดูนะว่าเธอชอบอันไหนฉันจะช่วยเธอประมูลเอง”
ของประมูลชิ้นถัดไปได้ราคาประมูลไม่ถึงหนึ่งแสน แต่ว่าทุกคนมีส่วนร่วมกันอย่างเต็มที่ทำให้งานประมูลครั้งนี้ประสบความสำเร็จของประมูลชิ้นที่หนึ่งร้อยเป็ภาพสีน้ำมันของซูเยี่ยเมื่อกัวไฮว่ให้ราคาห้าแสนห้าคนอื่นก็ไม่มีใครกล้าให้ราคาต่ออีกถึงแม้จะเทียบกับภาพปักครอสติสห้าล้านของถังซีไม่ได้ แต่ว่าราคาห้าแสนห้าก็เป็ราคาที่สูงที่สุดเป็ลำดับที่สองของสินค้าประมูลหนึ่งร้อยรายการแรกทำให้จิตใจที่ทะนงของซูเยี่ยได้รับความพึงพอใจเล็กๆ ขึ้นมา
“เ้าหกแกบอกว่างานประมูลครั้งนี้มีเหล้าดีด้วยเมื่อไหร่จะเริ่มล่ะถ้าเราประมูลเหล้ามาแล้วไม่อร่อยก็ต้องโทษแกนะเหล้าดองสามสิบปีในร้านแกหลายขวดนั่นต้องกลายเป็ของพวกเรานะ” ผู้าุโที่นั่งข้างเริ่นเสวียนเช่อพูดขึ้นยิ้มๆ
“ตาแก่ฉู่กลัวว่าเราจะกินเหล้านี้ไม่ลงน่ะสิราคาเหล้านี่จะต่ำว่าสิบล้านไม่ได้นะฉันกลัวว่าต่อให้ขายร้านฉันไปก็จะไม่มีเงินเยอะขนาดนี้” ในขณะที่เริ่นเสวียนเช่อเห็นเจี่ยหยวนกับหวังเซิงเดินเข้ามาในหอประชุมตัวเขาเองก็คิดคำนวณเกรงว่าวันนี้จะต้องกลับบ้านมือเปล่า
สิบล้าน?เ้าหกแกป่วยหรือเปล่าน้ำเต้านั่นอย่างมากก็ใส่เหล้าไว้หนึ่งกิโลครึ่งร้อยล้านนี่นอกซะจากว่านี่จะเป็เหล้าที่เง็กเซียนฮ่องเต้กิน”ตาแก่ฉู่พูดขึ้นอย่างไม่แยแส
“รอดูเถอะยายหนูตระกูลหลินนี่เตรียมจะเอาเหล้านี่มาเปิดฉากรองสุดท้ายแล้วล่ะ” เริ่นเสวียนเช่อมองหลินซวงพร้อมพูดด้วยเสียงเบา
หนึ่งวันก่อนหน้านี้หลินซวงปรากฏตัวอยู่ในร้านของเริ่นเสวียนเช่อในมือถือน้ำเต้าเหล้าใบหนึ่งเริ่นเสวียนเช่อมองปราดเดียวก็เข้าใจน้ำเต้านั่นคล้ายคลึงกับน้ำเต้าที่อยู่ในมือกัวไฮว่นักหากข่าวที่ว่าเด็กนั่นจะประมูลขายเหล้าในวันนั้นเป็เื่จริงน้ำเต้านี่ก็เป็ของกัวไฮว่ไม่ผิดเพี้ยนแน่
“คุณปู่เริ่นวันนี้ฉันไม่ได้มาขอกินข้าวฟรีวันนี้ฉันมาฟังข่าวจากท่านเื่หนึ่ง” หลินซวงพูดยิ้มๆ
“ถ้าเหล้านี่เป็เหล้าที่เด็กที่ชื่อว่ากัวไฮว่ให้เธอมาล่ะก็งั้นก็ไม่ต้องถามแล้วเหล้านี่ก็เอาเป็ไปสินค้ารองสุดท้ายของงานประมูลครั้งนี้เถอะ” เริ่นเสวียนเช่อส่ายศีรษะพลางพูดขึ้น
“ปู่หกคะไม่ต้องเทออกมาชิมเหรอ ถ้าเหล้าในน้ำเต้าที่กัวไฮว่เอามาประมูลไม่เหมือนกับที่ท่านเคยกินก่อนหน้านี้ล่ะแล้วถ้าถูกชายไปในราคาสูงงั้นพวกเราไม่ทำผิดกันอยู่หรอกเหรอ”หลินซวงพูดยิ้มๆ
“จริงสิชิมก็ได้” เริ่นเสวียนเช่อเลียริมฝีปากอย่างรุนแรง“แต่ว่าถ้าเหล้านี่เป็ของจริงไม่ว่าเหล้านี่จะขายไปในราคาเท่าไหร่เราสองคนต้องจ่ายราคาที่พวกเรากินไปด้วยนะไม่งั้นถ้ามีข่าวลือออกไปในฟู่จงจะไม่ดีกับงานประมูลในครั้งนี้”
[1] มีความหมายว่ามิได้ตื้นตันใจด้วยเกียรติยศ