บนกำแพงเมืองเต็มไปด้วยผู้เล่นเป็จำนวนมากต่างก็รู้สึกประหม่าและตื่นเต้นอยู่บ้างเล็กน้อย
ลูกธนูส่วนใหญ่ถูกวางไว้อยู่ด้านหลังเพื่อให้พวกเขาสามารถหยิบขึ้นมาใช้ได้ตลอดเวลา ทำให้ในตอนนี้ที่ด้านหน้าของเมืองมีเพียงนักธนูผู้ใช้เวท และนักบวชเท่านั้น ในส่วนของนักรบอยู่ถัดไปด้านหลังเนื่องจากในเวลานี้พวกเขายังไม่จำเป็ต้องออกโรง
ฉินโจ้วยืนอยู่ด้านหน้าสุดของกำแพงเมืองชูหลิงและกั่วกั่วยืนอยู่ถัดไปด้านหลังคนละฝั่งซ้ายขวา ส่วนหวังโหรวนั้นไม่ได้มาด้วยเพราะต้องคอยดูแลอยู่ด้านหลังที่อยู่ด้านหลังถัดไปอีกแถวก็คือผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งจอมยุทธ์ย่ำเท้าไปสุดขอบฟ้า ดาบวงพระจันทร์ เตี้ยวสื่อกุ่ย เฉ่าเสียเสี่ยวมู่โถว นกกาเหว่าลมกระจ่างจันทร์แรม และผู้นำกองพันดาวตก ในขณะที่หัวหน้ากองพันอีกสี่คนนั้นยังไม่มีใครปรากฏตัว
ไม่มีแม้เสียงคนพูดกันจึงทำให้เวลานี้ค่อนข้างเงียบมากได้ยินเพียงเปลวไฟลั่นเปรี๊ยะจากน้ำมันก๊าดที่กำลังเผาไหม้อยู่เท่านั้นดูเหมือนว่าเวลาใกล้เข้ามาแล้ว
เวลาเริ่มนับถอยหลัง
10... 9...8...
"คุณว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าศัตรูโจมตีห้องโถงสำนักงานใหญ่ในระหว่างที่มอนสเตอร์กำลังบุกโจมตีเมือง?"จู่ๆ ฉินโจ้วก็หันไปถามกั่วกั่ว
ทันทีที่เขาพูดจบ ทุกคนยกเว้นดาบวงพระจันทร์สีหน้าท่าทางมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นทันที
สีหน้าของกั่วกั่วก็พลันซีดเผือดจนแทบไม่มีสีเืก่อนจะนิ่งงันไปราวสองวินาที จึงกลับคืนสู่สภาพปกติ และแสร้งพูดขึ้นอย่างใจเย็นว่า"ฉินหวังกรุ๊ปนั้นมั่นคงเป็ปึกแผ่น มีความสามัคคีกลมเกลียวไม่มีทางที่ศัตรูจะเข้ามาโจมตีถึงด้านในได้ นั่นเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้"
"อืมม...ถ้าคุณพูดอย่างนั้นผมก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้น ดูเหมือนว่าผมคงจะคิดมากไปเอง"ฉินโจ้วหันกลับมาราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ส่วนชูหลิงนั้นเหลือบไปมองกั่วกั่วประกายคมวาบปรากฏขึ้นในดวงตา
3... 2... 1...
เปรี้ยง!
หลุมดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกลางอากาศที่เบาบางด้านในเต็มไปด้วยความแออัดยัดเยียด โดยอยู่ห่างออกไปจากด๊อกทาวน์ราวสองลี้ด้านในดูมืดมิดมากจนแสงสว่างยังถูกกลืนกิน
แทบไม่มีเสียงของการสั่นไหวแต่ทุกคนต่างก็รู้สึกว่ามันดังและน่ากลัวน่าสยดสยองเสียยิ่งกว่าสิ่งใดๆ
วินาทีต่อมาหลุมดำก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว
มอนสเตอร์หลั่งไหลออกมาจากหลุมดำไม่ต่างจากเม็ดทรายทั้งมีจำนวนมากมายและรวดเร็วมาก เมื่อแรกเริ่มที่ปรากฏตัวขึ้นนั้นพวกมันมีขนาดราวนิ้วมือ แต่ทันทีที่ลงสู่พื้นก็กลับคืนสู่สภาพเดิม
เสียงคำรามและเสียงดังะเืมาจากระยะไกล เสียงนั้นเริ่มดังใกล้เข้ามาดุจดั่งกระแสคลื่นที่ซัดเข้าใส่หูของผู้คน
หลุมดำยังคงปลดปล่อยมอนสเตอร์ออกมาอย่างต่อเนื่องและมากขึ้นเรื่อยๆพื้นดินก็ถูกปกคลุมไปด้วยมอนสเตอร์อย่างรวดเร็ว ไม่ต่างจากการรุกรานของมดแอฟริกันเมื่อมองจากระยะไกลจะเห็นเป็เส้นสีดำอยู่บนพื้นดิน ซึ่งเต็มไปด้วยฝูงมอนสเตอร์เบียดเสียดกันอยู่อย่างหนาแน่นจนแทบจะไม่มีช่องว่างให้เห็น
ผู้เล่นหลายคนเพิ่งจะได้เห็นมอนสเตอร์บุกโจมตีเมืองเป็ครั้งแรกต่างก็รู้สึกตกตะลึงในความยิ่งใหญ่ตระการตาจนถึงกับอ้าปากค้างอยู่ชั่วครู่
หลังจากที่มอนสเตอร์ถูกปล่อยออกมาเป้าหมายก็เห็นได้ชัดเจน พวกมันต่างก็มุ่งตรงมายังด๊อกทาวน์ด้วยความเร็วสูงและเริ่มเข้ามาใกล้ในระยะหนึ่งลี้แล้ว
มอนสเตอร์นับพันวิ่งเข้าใส่พร้อมกันภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าทำให้รู้สึกน่าใเป็อย่างยิ่ง พื้นดินถึงกับสั่นไหวไม่ต่างอะไรกับเสียงฟ้าคะนองหรือกำลังรัวกลองอย่างหนักหน่วง ในใจของผู้ที่ได้เห็นต่างก็เต้นรัว หลายคนถึงกับหน้าถอดสีด้วยความหวาดกลัว
จากระยะนี้ทุกคนเริ่มมองเห็นรูปร่างของมอนสเตอร์ได้อย่างชัดเจนนักรบต้นไม้ตายซากระดับ 35 ลิ่นเขาเดียวระดับ 36 ปีศาจหินภูผา ระดับ 37 แมงมุมแปดเขาระดับ 38 จิ้งจอกสามหางระดับ 39 หมูป่าขนยาวระดับ 40 จอมยุทธ์ย่ำเท้าไปสุดขอบฟ้าที่เคยผ่านประสบการณ์มอนสเตอร์โจมตีเมืองมาหลายครั้งเมื่อได้เห็นถึงกับหน้าถอดสี ดูเหมือนว่าจะยากกว่าที่คาดเอาไว้เขาเดาไว้ว่ามอนสเตอร์ในกลุ่มแรกนั้นควรจะอยู่ในระดับ 32 หรือ33 เท่านั้น
หมูป่าขนยาวนั้นวิ่งได้เร็วที่สุดจึงนำหน้ามาอยู่หน้าสุดกีบเท้าทั้งสี่ของมันแข็งแรงมากทีเดียวเมื่อกระทบกับพื้นก็ทำให้เกิดรูปคล้ายกับหยดน้ำขึ้นรูปร่างที่ใหญ่โตที่มีความยาวมากกว่าสามเมตรนั้นไม่ได้ส่งผลต่อความเร็วของมันแม้แต่น้อยแต่กลับเพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีกด้วยซ้ำ ด้วยความดุร้ายของมัน ผู้ที่ไม่เคยได้พบเห็นมาก่อนก็อาจจะถึงกับขาแข้งอ่อนได้
ทั่วทั้งตัวของแมงมุมแปดเขานั้นเป็สีเทาขนาดตัวใหญ่เท่ากับโต๊ะ เป็แมลงชนิดหนึ่งที่ค่อนข้างดุร้ายคล้ายกับแมงมุมแม่ม่ายดำเวลาที่หิวกระหาย พวกมันจะกินสัตว์ทุกชนิด
ในบรรดามอนสเตอร์ตระกูลหินปีศาจหินภูผานั้นมีขนาดค่อนข้างสูงใหญ่เกือบสี่เมตรร่างกายนั้นประกอบขึ้นจากหินแข็ง ซึ่งแข็งแรงไม่มีสิ่งใดเทียบ จึงทำให้ร่างของปีศาจหินภูผานั้นแข็งตามไปด้วยและยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย เมื่อต่อยด้วยหมัดสามารถต่อยทะลุต้นไม้ใหญ่ที่มีความหนากว่าสามสิบเิเแยกออกเป็สองท่อนได้ในครั้งเดียว
จิ้งจอกสามหางะโขึ้นลงไปมาท่ามกลางฝูงมอนสเตอร์จำนวนมาก เนื่องจากร่างกายที่มีขนาดเล็กจึงทำให้ดูไม่โดดเด่นแต่อย่าไปคิดว่ามันน่ารักเข้าเชียว เวลาโจมตีมันมีพลังรุนแรงมากที่สุดโดยเฉพาะเวลาโจมตีด้วยเวทธาตุไฟในขณะโกรธบอลไฟที่ปล่อยออกมานั้นรวดเร็วราวกับปืนกล ถึงจะดูตัวเล็กแต่ความสามารถมากล้น
นักรบต้นไม้ตายซากอยู่ด้านหลังสุดเนื่องจากมันเคลื่อนไหวได้ค่อนข้างช้าและเป็มอนสเตอร์รูปร่างเหมือนมนุษย์ตัวเดียวที่ใช้อาวุธ มือซ้ายนั้นถือดาบส่วนมือขวาถือโล่ ทำให้มีความสามารถในการโจมตีและป้องกัน ทำให้กำจัดได้ยาก ข้อเสียอย่างเดียวก็คงเป็เื่ความเร็วในการเคลื่อนที่ช้าและแพ้เวทธาตุไฟ
สุดท้ายก็คงจะเป็ลิ่นเขาเดียวที่เป็มอนสเตอร์ที่ดูค่อนข้างอยู่ไม่สุขเนื่องจากมันเคลื่อนที่ไปๆ มาๆ ระหว่างบนดินและใต้ดิน ทำให้พื้นที่ที่มันผ่านไปเป็หลุมเป็บ่อซึ่งสร้างปัญหาให้กับมอนสเตอร์ที่ตามหลังมันอยู่บ้าง
หมูขนยาวที่กำลังวิ่งนำหน้าอยู่นั้นจู่ๆ ก็หายไปก่อนจะได้ยินเสียงของวัตถุน้ำหนักมากตกกระแทกเข้ากับพื้น ทุกคนจึงเห็นว่ามีช่องว่างที่มีความยาวประมาณห้าร้อยเมตรกว้างสามเมตร ลึกห้าเมตร ซึ่งดูเหมือนว่ากับดักจะทำงานแล้ว กับดักในคราวนี้เทียบไม่ได้กับ่ต้นเกมระดับของผู้เล่นนั้นได้มีการพัฒนาขึ้น ทำให้การขุดกับดักทำได้ลึกขึ้นและกว้างมากขึ้นความรุนแรงของมันจึงเพิ่มขึ้นเป็เท่าตัวที่บนพื้นดินและผนังนั้นจะมีหอกปลายแหลมติดตั้งเอาไว้ปลายหอกจะทายาพิษเอาไว้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกับดักให้มากขึ้นและทำให้แน่ใจได้ว่า เมื่อมอนสเตอร์หล่นลงไปแล้วจะถูกฆ่าตายมากที่สุดเท่าที่จะมากได้
นอกจากนี้กับดักยังเต็มไปด้วยสิ่งของแปลกๆมากมายจำนวนไม่น้อย ซึ่งใน่เวลาคับขันอาจจะสร้างความประหลาดใจอย่างไม่คาดคิดก็ได้
เสียงของการร่วงหล่นก็เริ่มเปลี่ยนไปแรกเริ่มเดิมทีก็เป็เสียงตกกระทบ จากนั้นเสียงก็เริ่มเร็วขึ้นจนแทบจะกลายเป็เสียงเดียวในที่สุดก็เริ่มจางหายไปกลายเป็เสียงคำรามดังก้องขึ้นในหูแทนโดยเฉพาะเสียงหวีดร้องของหมูที่ถูกแทงทะลุจนตายนั้นได้ยินอย่างชัดเจน
การเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่ไม่มีวันสิ้นสุดต่อให้ขุดร่องน้ำลึกมากเพียงใด สุดท้ายก็ต้องมีวันเต็มหลังจากที่สังเวยชีวิตของมอนสเตอร์ไปราวห้าพันตัว ช่องว่างก็ถูกถมจนเต็มมอนสเตอร์ที่ตามมาข้างหลังเริ่มส่งเสียงร้อง ก่อนจะเหยียบย่ำร่างของผองเพื่อน แล้วมุ่งฝ่าไปด้านหน้าต่อไป
จำนวนมอนสเตอร์ที่แน่นขนัดกำลังวิ่งเข้ามาอย่างพร้อมเพรียงช่างเป็ภาพที่ยากจะพบเห็นได้ในชีวิตจริง
หลังจากวิ่งมาได้ราวสองร้อยเมตร ก็ปรากฏช่องว่างขึ้นอีกดูเหมือนจะเป็กับดักอันที่สองเป็การยากที่มอนสเตอร์ที่วิ่งอยู่นั้นจะสามารถหยุดได้ทันด้วยความเร็วเช่นนี้เมื่อกับดักอีกอันปรากฏขึ้น คงมีเพียงมอนสเตอร์จำนวนน้อยที่ความรู้สึกไวที่สามารถะโข้ามกับดักนี้ไปได้แต่มอนสเตอร์ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดก็ร่วงหล่นลงไปแทบจะทันที มองเห็นหอกแหลมแทงเข้าสู่ร่างกายอย่างง่ายดายก่อนที่สติจะดับวูบหายไป ต่อให้มีมอนสเตอร์บางตัวสามารถหยุดได้ทันแต่ดูจากสภาพแวดล้อมดังกล่าว คงไม่แตกต่างระหว่างหยุดทันกับไม่หยุดเพราะเพื่อนที่ตามหลังมาก็พากันดันตกลงไปเช่นเดิมซึ่งเป็เื่ของแรงเฉื่อยที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้
มอนสเตอร์อีกราวห้าพันตัวก็หายไป
หลังจากนั้นก็มีกับดักโผล่ขึ้นมาอีกอันหลังจากที่ระยะทางผ่านไปได้ไม่กี่ร้อยเมตร จากที่สังเวยชีวิตมอนสเตอร์ไปราวหนึ่งหมื่นห้าพันตัวมอนสเตอร์ก็ปรากฏขึ้นให้เห็นในระยะราวสามร้อยเมตร จากนั้นก็จะมีเพียงคูน้ำและกำแพงเมืองนี่เป็ระยะที่ค่อนข้างอันตรายมาก
มอนสเตอร์นั้นไม่มีธรรมเนียมในการหยุดพูดคุยกันสักประโยคสองประโยคพวกมันไม่รู้แม้กระทั่งวิธีการหามอนสเตอร์ระดับสูงสองตัวมาต่อสู้กันเพื่อเรียกขวัญกำลังใจพวกมันรู้อยู่อย่างเดียว นั่นก็คือการวิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งเข้าใกล้ศัตรูให้มากที่สุด และทำลายมันซะ
290 เมตร
280 เมตร
270 เมตร
"เตรียมตัว... ยิงได้"ลมกระจ่างจันทร์แรมะโเสียงดังลั่น ไปทั่วบริเวณกำแพงเมือง
ลูกธนูนับหมื่นถูกยิงออกไปในคราเดียว
เสียงของสายธนูที่สั่นไหวราวกับเป็เสียงเดียวลูกธนูพุ่งออกจากด้านหน้าของเมืองรวมตัวกันในอากาศจนไม่ต่างอะไรกับเมฆหมอกที่ดำครึ้ม มีเพียงเสียงดังเฟี้ยว...ก่อนพุ่งลงใส่ฝูงมอนสเตอร์
เหตุการณ์ในเวลานี้ดูคล้ายจะปราศจากเสียงก่อนที่เสียงหลากหลายชนิดผสมผสานจนะเืเข้ามาให้ได้ยินไม่ว่าจะเป็เสียงของลูกธนูทั้งหลายที่กำลังแหวกอากาศร่างมอนสเตอร์ที่ถูกลูกธนูพุ่งทะลวงเข้าใส่ เสียงของลูกธนูมากมายที่ทะลุลงสู่พื้นเสียงร้องของมอนสเตอร์ทั้งหลาย เสียงการล้มลงเสียงของเืที่กำลังรินไหลและอื่นๆอีกมากมาย เมื่อรวมเข้าด้วยกันก็สร้างความสับสนวุ่นวายเป็อย่างมากแต่เสียงเหล่านี้ก็มีข้อดีด้วยเช่นกันเพราะมันสามารถกระตุ้นเปลวไฟในการต่อสู้ให้ลุกโชนขึ้นได้
หลังจากที่ลูกธนูถูกปล่อยออกไป ดวงตาของนักธนูทั้งหลายก็สว่างไสวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดความสำเร็จเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ท่าทางที่แสดงออกดูตื่นเต้นอยู่บ้าง
มีมอนสเตอร์ตายลงราวหนึ่งพันตัวจากฝนธนูส่วนใหญ่จะเป็จิ้งจอกสามหางที่ตายมากที่สุด เนื่องจากพวกมันมีลักษณะเฉพาะตัวที่คล่องแคล่วรวดเร็ว และพลังโจมตีสูง แต่ก็ยังมีข้อเสียที่ค่อนข้างชัดเจน นั่นก็คือพลังชีวิตและพลังป้องกันค่อนข้างต่ำ
"เตรียมพร้อม... ยิงได้"ลมกระจ่างจันทร์แรมะโขึ้นอีกครั้ง
ทันทีที่ได้ยินคำสั่งลูกธนูฝนรอบที่สองก็พุ่งออกไป ลูกธนูนับหมื่นรวมตัวกันอีกครั้งเกรงว่าแม้แต่แมลงวันก็ยังยากที่จะหนีพ้น
ตุ้บ... ตุ้บ... ตุ้บ...
เสียงของมอนสเตอร์ล้มกลิ้งลงกับพื้นมอนสเตอร์ส่วนใหญ่ตายไป เมื่อถูกยิงไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนสามารถหนีรอดไปทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ได้
"เตรียมพร้อม... ยิง"
"เฟี้ยวว..."
"...ยิง"
ราวกับพายุฝนพัดโหมกระหน่ำ ก่อเกิดเมฆครึ้มดำปกคลุมเบื้องล่างอย่างต่อเนื่องลูกธนูนับพันนับหมื่นราวกับฝนเทลงไปเบื้องล่าง ผ่านไปชั่วครู่ลูกธนูนับล้านดอกก็ถูกยิงออกไป ด้วยลูกธนูที่มากมายเช่นนี้ทำให้มอนสเตอร์ถูกฆ่าตายไปเป็จำนวนไม่น้อย
เวลานี้สามารถยิงออกไปโดยไม่จำเป็ต้องเล็งตราบใดที่มีแรงมากพอก็จะสามารถยิงออกไปได้ ดังนั้นแล้วในเวลานี้้าความเร็วในการยิงมากกว่าความแม่นยำลูกธนูพุ่งออกไปราวกับสายน้ำไหล ถ้าไม่มีลมกระจ่างจันทร์แรมคอยควบคุมจังหวะการยิง ดูท่าว่าจำนวนที่ใช้คงจะมากมายกว่านี้เป็แน่
ซากของมอนสเตอร์ถูกกองรวมกันไว้จนเวลานี้มีความสูงกว่าหนึ่งเมตรแล้วทำให้มอนสเตอร์ที่อยู่ด้านหลังจะต้องเหยียบย่ำพวกเดียวกันเอง เพื่อจะก้าวขึ้นมาด้านหน้ายกเว้นก็แต่ปีศาจหินภูผา ส่วนมอนสเตอร์อื่นๆ นั้นได้รับาเ็สาหัส
เนื่องจากลักษณะทางร่างกายนั้นมีหินเป็ส่วนประกอบจึงทำให้ยากที่จะฆ่าพวกมันได้ในครั้งเดียว ส่วนใหญ่ร่างกายของมันมักจะไม่สมประกอบมีน้อยมากที่พวกมันจะตายลงไป
ลมกระจ่างจันทร์แรมได้แต่ขมวดคิ้วในขณะที่กำลังวางแผนเพื่อจัดการมันด้วยตนเอง ทันใดนั้นเองเฉ่าเสียเสี่ยวมู่โถวก็ะโพรวดออกมาด้านหน้ายิ้มและกล่าวว่า "ถึงทีของผมบ้าง"
เขาเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางชิดติดกันทั้งสองมือ แล้วเอามาวางไว้ที่ขมับทั้งสองข้างทำท่าทางส่งกระแสจิตเหมือนกับโจวซิงฉือในหนังเื่คนตัดคน
"เทพเ้าแห่งธรรมชาติผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรได้โปรดฟังคำขอร้องของผม ผม้าความช่วยเหลือจากท่าน"
หลังจากที่เฉ่าเสียเสี่ยวมู่โถวพูดจบ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนรวมถึงดาบวงพระจันทร์เองก็รู้สึกถึงคลื่นสั่นะเืที่แปลกประหลาดเคลื่อนผ่านไปยังใต้เท้าของปีศาจหินภูผาจากนั้นก็บังเกิดสิ่งแปลกประหลาดขึ้น
เมล็ดพันธุ์ต้นหนึ่งแตกหน่องอกชอนไชทะลุดินขึ้นมาก่อนจะผลิใบเขียว นี่เป็ใบไม้ที่อัดแน่นไปด้วยลมหายใจแห่งชีวิตใบสีเขียวที่งอกขึ้นท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่นองไปด้วยเืที่หลั่งรินจากการต่อสู้อย่างดุเดือดทำให้ดูเด่นสะดุดตา ในใจของผู้คนต่างก็รู้สึกเคารพยำเกรง
หลังจากที่ใบแรกได้ผลิออก ก็ตามมาด้วยใบที่สองที่สาม และใบที่สี่ ก่อนที่หญ้าอ่อนจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วสูงใหญ่ราวกับต้นไม้ใหญ่ ในเวลานี้คงจะต้องเรียกว่า ต้นหญ้าั์แล้ว
กิ่งก้าน ใบ และรากจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็กำลังเคลื่อนไหว ไม่ต่างจากมือที่แคล่วคล่องเป็อย่างมากก่อนจะจับยึดปีศาจหินภูผาไว้ทันที หลังจากนั้นรากก็เริ่มชอนไชทิ่มแทงเข้าไปในร่างของมันจากนั้นก็เห็นพลังชีวิตของปีศาจหินภูผาลดลงอย่างรวดเร็ว เพียงแค่อึดใจเมื่อใบสีเขียวได้คลายตัวออก ปีศาจหินภูผาก็ได้ตายไปแล้ว ซึ่งเหลือไว้เพียงเศษซากหินที่เป็เพียงชิ้นส่วนที่แตกหักกองไว้เป็ูเา
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าเช่นนี้ปีศาจหินภูผาก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะไปต่อกร ทันทีที่ถูกใบไม้สีเขียวจับไว้ได้ ก็เทียบเท่ากับประกาศความตาย
หญ้าก็ยังคงเจริญเติบโตต่อไป ใบไม้ผลิใบมากขึ้น รากก็เริ่มแผ่ขยายออกไปเป็บริเวณกว้างจนแทบจะนับไม่ถ้วนเมื่อเห็นปีศาจหินภูผาแพ้พ่าย มอนสเตอร์ที่เหลือจึงไม่มีใครอยากจะััไม่อยากหาเื่ใส่ตัวโดยไม่เข้าท่า สองสามนาทีให้หลังปีศาจหินภูผานับพันก็ถูกจัดการจนหมดสิ้น ไม่มีเหลือสักตัว หลังจากนั้นหญ้าต้นใหญ่ก็ค่อยๆหดลงจนกลายเป็หญ้าธรรมดา ก่อนจะกลายไปเป็เมล็ด และจมลงไปในดินก่อนจะหายสาบสูญไปราวกับว่าไม่เคยมีมาก่อน
สายตาของทุกคนที่มองไปยังเฉ่าเสียเสี่ยวมู่โถวก็เปลี่ยนไปในทันทีถ้าไม่เพราะมีกองหินระเกะระกะนับพันอยู่ให้เห็น ทุกคนคงคิดว่า พวกเขาคงจะเห็นภาพหลอนเสียแล้ว
"ไอ้บ้าเฉ่าเสียเอ๊ย..."ดาบวงพระจันทร์ถึงกับแอบสบถอยู่ในใจ ก่อนจะเข้าใจเหตุผลแล้วว่า ทำไมเตี้ยวสื่อกุ่ยจึงได้เห็นเขาดูเหมือนว่าเขาแทบจะเป็ะเวลาที่อยู่ในป่า
มีแสงเจิดจ้าลอยขึ้นเหนือศีรษะของเฉ่าเสียเสี่ยวมู่โถวดูเหมือนว่าระดับจะเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล ใบหน้าดูซีดเซียวไปบ้างการกำจัดปีศาจหินภูผานับพันตัวในคราเดียว คงเป็เื่ไม่ง่ายดายเท่าไรนัก
"โชคยังดี ที่เราทำภารกิจได้สำเร็จ"เฉ่าเสียเสี่ยวมู่โถวลดมือลงและยิ้มออกมาอย่างเขินอาย
ลมกระจ่างจันทร์แรมตบไหล่เฉ่าเสียเสี่ยวมู่โถว พร้อมกับยิ้มให้กำลังใจเฉ่าเสียเสี่ยวมู่โถวเองไม่เข้าใจความหมายของการตบไหล่แต่เขารู้สึกได้ถึงไมตรีของลมกระจ่างจันทร์แรมที่มีให้ ทำให้เขาดีใจเป็อย่างมากก่อนจะพยักหน้าอย่างหนักแน่น
"เตรียมตัว... ยิงได้"ลมกระจ่างจันทร์แรมะโขึ้นทันทีด้วยเสียงอันดัง เป็การเตือนให้ทุกคนรู้ว่าาในครั้งนี้ยังไม่สิ้นสุด
หลังจากที่ลูกธนูถูกยิงออกไป มอนสเตอร์ก็ตายลงเวลานี้ยากที่จะหลบหนี หลังจากที่สูญเสียปีศาจหินภูผาที่เป็เกราะกันชนไปแล้วมอนสเตอร์ที่เหลือก็ไม่ต่างจากอาหารที่วางไว้อยู่บนจาน ซึ่งจะหยิบกินเมื่อไรก็ย่อมได้หลังจากที่ธนูฝนโปรยปรายไปอีกรอบ มอนสเตอร์ส่วนใหญ่ก็ตายลงไปไม่มีตัวไหนมีโอกาสแม้ได้ัักำแพงเมือง
ถึงแม้มอนสเตอร์จะถูกทำลายลงจนหมดแต่สีหน้าของทุกคนก็ยังคงดูเคร่งขรึมมากขึ้นไปอีกเพราะมอนสเตอร์ระลอกที่สองนั้นได้พุ่งเข้ามาหาแล้ว พวกมันอยู่ห่างออกไปไม่ถึงร้อยเมตร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้