หลังจากหัวเราะจนหนำใจแล้วอาหนูก็ยื่นมือไปให้จื่อเซียว บอกว่า “อย่างไรก็พันแผลให้ข้าเถิดเพราะข้ายังหวังให้แผลที่มือนี่ช่วยให้ข้าไม่ต้องเขียนเทียบเชิญอีก”
“เ้าค่ะ ฮูหยินรอง” จื่อเซียวกลั้นหัวเราะเอาไว้พลางไปหยิบผ้าฝ้ายและผ้าพันแผลออกมาก่อนจะพันมือของอาหนูเอาไว้
อาหนูเห็นว่าจื่อเซียวพันแผลให้ตนออกมากลมเหมือนหัวผักกาดแดง [1] เรียบร้อยจึงยิ้มเย็นอยู่ในใจ ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมานางจ้าวไม่เคยได้รับความรักใคร่จากท่านแม่ทัพเวลานี้กลับคิดอาศัยลูกของนางช่วยให้นางโบยบินขึ้นไปเป็หงส์ต้องดูก่อนว่านางจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ยังไม่แน่เลย
อาหนูมองไปในทิศทางของเรือนเฉินจื่อด้วยแววตาทอประกายร้ายกาจมีไอเย็นะเืแผ่ซ่านออกมาจากตัวนาง นางจ้าวเ้าคิดจะล้มข้า ข้ากลับอยากดูนักดูว่าใครจะเป็ผู้ที่หัวเราะเป็คนสุดท้าย ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันที่ข้าได้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้งถึงยามนั้นก็ดูซิว่าเ้าจะวิงวอนข้าเช่นใด
อาหนูคิดได้ดังนั้นก็รีบกวักมือเรียกจื่อเซียวมาหา ขยับเข้าไปกระซิบข้างหูของจื่อเซียวสองสามประโยค
พอได้ยิน จื่อเซียวก็มีสีหน้าลำบากใจทันที
“กลัวสิ่งใด ฮูหยินใหญ่เห็นเองกับตาว่ามือข้าาเ็และข้าก็กลัวว่าจะทำให้งานวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าเสียการ จึงมิอาจไม่ขอให้ฮูหยินใหญ่ไปหาคนดีๆมาทำแทนอย่างไรเล่า” อาหนูยิ้มเยาะ
“ฮูหยินรองเ้าคะ ไม่ใช่ว่าบ่าวไม่อยากไปนะเ้าคะ เพียงแต่บ่าวเกรงว่าฮูหยินใหญ่จะสงสัยเพราะเื่มันออกจะบังเอิญเกินไปเ้าค่ะ”
“บังเอิญก็บังเอิญสิ เดิมทีข้าก็ไม่ได้อยากให้เดินมาจนถึงจุดนี้แต่เพราะนางจ้าวมาหาเื่ข้าหนหนึ่งก็หนสอง หนสองก็หนสาม ถ้าข้าไม่ตอบโต้ก็ไม่ใช่ว่าต้องปล่อยให้นางข่มเหงข้าอยู่ร่ำไปหรอกหรือยามนี้ท่านแม่ทัพมีคนใหม่จึงไม่มาออกหน้าให้ข้า หากข้ายังไม่ลุกขึ้นมาปกป้องตนเองแล้วยังจะมีทางรอดอีกหรือ?” อาหนูพูดพลางมีสีหน้าเป็กังวล
“ฮูหยินรองเ้าคะ บ่าวรู้ว่าควรทำเช่นใดแล้วเ้าค่ะ”เห็นสีหน้าของอาหนู จื่อเซียวก็อดสงสารอีกฝ่ายขึ้นมาไม่ได้
การจะปีนขึ้นบนยอดไม้สูงยากเย็น แต่ผลลัพธ์ของมันช่างดีงามยามะโลงมาจากยอดไม้สูงกลับใช้เวลาสั้นและรวดเร็ว แต่ผลลัพธ์กลับทำให้คนาเ็หนัก
“ไปเถิด ต่อให้นางจ้าวใจคอคับแคบอีกสักเท่าใด นางก็แค่กล้าลงมือลับหลังไม่กล้าลงมือต่อหน้า ครานี้ข้ารับรองว่านางจะต้องเป็เหมือนคนใบ้กินหวงเหลียนเป็ทุกข์แต่พูดไม่ออกเป็แน่”
เห็นชัดว่าอาหนูเหนื่อยอ่อนแล้ว พูดไปไม่กี่คำก็เอนตัวลงนอนเื่ที่ควรพูดนางก็พูดไปหมดแล้ว หากจื่อเซียวยังไม่เข้าใจอีกว่าต้องทำเช่นใดเช่นนั้นนางก็ต้องพิจารณาว่าควรจะเปลี่ยนสาวใช้ที่ฉลาดกว่านี้มาใหม่จริงๆ เสียแล้ว
“เ้าค่ะฮูหยินรอง บ่าวจะไปทำเดี๋ยวนี้ บ่าวจะต้องจัดการให้ดีแน่นอนเ้าค่ะ”จื่อเซียวเดินเข้าไปหยิบเอารายชื่อแขกที่นางจ้าวส่งมาให้ั์ตานางมีแววแห่งความหวาดกลัว ปกติแล้วนางได้แต่ตามอยู่ข้างหลังอาหนู อย่างมากก็ติดตามนางไปที่ต่างๆทว่าหนนี้อาหนูไม่ออกหน้าแต่ให้นางไปที่เรือนนางจ้าวเอง ทำให้จื่อเซียวรู้สึกหวั่นกลัว
เพียงแต่เมื่อเห็นว่าอาหนูหาได้มีท่าทีจะไปกับตน นางจึงได้แต่ต้องหน้าด้านหน้าทนไปทำงานหนนี้เองแล้ว
หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น จื่อเซียวคิดอยู่ในใจ
“ฮูหยินรอง บ่าวไปก่อนนะเ้าคะ” แม้จื่อเซียวจะฝืนใจนัก แต่ก็มิอาจไม่ไปที่เรือนเฉินจื่อเพียงลำพัง
ณ เรือนเฉินจื่อ นางจ้าวกลับมาก็นอนพักอยู่บนเตียง นางนอนไม่หลับเพราะเมื่อครู่ได้กลิ่นคาวเืของอาหนู นางอยากอาเจียนก็อาเจียนไม่ออกนางให้เหมยเซียงไปต้มน้ำบ๊วยมาให้นางคลายความคลื่นไส้ หลังจากเหมยเซียงออกไปนางก็นอนพักอยู่บนเตียง
จื่อเซียวถือรายชื่อมาถึงหน้าห้องนอนของนางจ้าวด้วยความขลาดกลัวนางจ้าวไม่อยากเห็นหน้าบวมๆ ของจือชิว จึงให้จือชิวไปพักไม่ต้องมาปรนนิบัติตรงหน้านางส่วนเหมยเซียงไปเอาน้ำบ๊วย ยามนี้จึงไม่มีคนดูแลอยู่ข้างกายนางจ้าว
จื่อเซียวมาถึงเรือนหลังไม่เห็นคนที่จะช่วยเข้าไปบอกข้างในให้นางได้ จึงได้แต่เดินไปมาอยู่ที่หน้าลานพลางคอยชะเง้อคอมองเข้าไปในเรือนหวังว่าจะเห็นใครบ้าง
นางรออยู่พักใหญ่ก็ยังไม่เห็นคนกำลังคิดว่าจะลองเข้าไปดูเองโดยไม่ต้องให้มีคนไปบอกกล่าวก่อน แต่เดินไปสองก้าวก็ไม่กล้าขึ้นมาอีกในขณะที่นางกำลังร้อนใจอยู่นั้นเหมยเซียงก็ยกน้ำบ๊วยกลับมาพอดี เหมยเซียงจึงเป็คนพานางเข้าไป
จื่อเซียวเดินตามเหมยเซียงเข้าไปในห้องอย่างโล่งอก นางจ้าวเองก็หิวแล้ว พอได้ยินเสียงจึงลืมตาขึ้น
นางหรี่ตามองจื่อเซียวเกิดความคิดหนึ่งลอยขึ้นมาในสมองของนางอย่างรวดเร็วจนนางเองยังจับความคิดนั้นไม่ได้
“คารวะฮูหยินใหญ่ ฮูหยินสบายดีหรือไม่เ้าคะ” จื่อเซียวพยายามคารวะอีกฝ่ายอย่างครบถ้วนเต็มพิธีที่สุด
“ว่าอย่างไร มีเื่ใดจึงได้มาเอาเวลานี้” เห็นเหมยเซียงมานางจ้าวรู้สึกแปลกใจนัก นางเพิ่งก้าวขาหน้ากลับมาจากเรือนของอาหนูเหตุใดเพิ่งจะก้าวขาหลังเข้ามาในเรือน จื่อเซียวก็ตามมาเสียแล้ว
“เรียนฮูหยินใหญ่ ฮูหยินรองให้บ่าวนำความมาบ่าวจึงมาที่นี่เ้าค่ะ” จื่อเซียวเอ่ยอย่างนอบน้อม
“ฮูหยินรองให้เ้านำความใดมา?” นางจ้าวจ้องจื่อเซียวตาเขม็ง คิดจะมองเข้าไปให้เห็นในใจของนาง จากกิริยาท่าทางภายนอกนายบ่าวสองคนนี้จะต้องมีแผนการใดเป็แน่ นางจ้าวไม่มีทางเชื่อหรอกว่าพวกนางจะว่าง่ายเพียงนั้น
จื่อเซียวถูกนางจ้าวจ้องจนขนลุกนางคิดว่ารีบจัดการภารกิจที่อาหนูมอบหมายมาให้เสร็จโดยเร็ว แล้วรีบๆกลับไปเสียเป็ดี
“เรียนฮูหยินใหญ่ ฮูหยินรองบอกว่านางได้รับาเ็ที่มือใน่ระยะเวลาสั้นๆ นี้ไม่อาจจับพู่กันได้จึงเกรงจะทำให้งานวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าล่าช้าฮูหยินรองอยากมาขอขมาด้วยตนเอง แต่จนใจที่ฮูหยินรองยังถูกท่านแม่ทัพกักบริเวณอยู่ทำให้ไม่สามารถออกมาได้จึงให้บ่าวนำเทียบเชิญที่เขียนเสร็จแล้วและรายชื่อของแขกที่เหลือมามอบให้ฮูหยินใหญ่ตรวจสอบดูว่าฮูหยินใหญ่จะมอบหมายงานให้ผู้อื่นทำต่อได้หรือไม่เ้าค่ะ”
จื่อเซียวพูดพลางเอาเทียบเชิญที่อาหนูเขียนเสร็จแล้วและรายชื่อแขกที่ยังไม่ได้เขียนเทียบเชิญมอบให้เหมยเซียง
เหมยเซียงรับมาจะมอบให้นางจ้าวดู แต่หารู้ไม่ว่านางจ้าวกลับไม่ดูและให้เหมยเซียงนำไปวางไว้บนโต๊ะ
นางจ้าวไม่ได้บอกว่าได้หรือไม่ได้ ทำเพียงก้มหน้าครุ่นคิด
จื่อเซียวกระวนกระวาย ไม่รู้ว่าฮูหยินใหญ่จะพาลโกรธจนมาระบายโทสะลงที่นางหรือไม่นางรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจเป็ที่สุด
ผ่านไปพักหนึ่งนางจ้าวจึงเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยเหตุผลกับจื่อเซียวด้วยสีหน้ายิ้มครึ่งไม่ยิ้มครึ่ง “เอาล่ะ ข้ารู้แล้วกลับไปบอกฮูหยินรองว่าให้นางรักษาแผลให้ดี อย่าให้มีรอยแผลเป็ได้เป็ดีเดิมทีนางก็อาศัยต้นทุนส่วนตัวนี้อยู่แล้ว หากแม้แต่ต้นทุนส่วนตัวนี้ยังมาสูญไปอีกวันหน้าก็คงไม่อาจอยู่ต่อได้แล้ว” นางจ้าวตั้งใจเน้นเสียงตรงคำว่าแผลเป็
“ขอบคุณฮูหยินใหญ่เ้าค่ะ ขอบคุณบ่าวจะนำความของฮูหยินใหญ่ไปแจ้งต่อฮูหยินรองเ้าค่ะหากฮูหยินใหญ่ไม่มีเื่ใดจะสั่งความแล้ว บ่าวก็ขอตัวลาเ้าค่ะ”เหมยเซียงพูดจบก็จงใจรอสักพัก เมื่อเห็นว่านางจ้าวไม่ได้พูดสิ่งใดอีกจึงโน้มตัวลงคำนับแล้วถอยออกมา
รอจนจื่อเซียวไปไกลแล้ว เหมยเซียงจึงขยับเข้ามาชี้ไปที่เทียบเชิญที่ยังไม่ได้เขียนชื่อพลางเอ่ยกับนางจ้าวอย่างไม่พอใจว่า“ฮูหยินใหญ่เ้าคะ เื่นี้บังเอิญเกินไปแล้วกระมัง จู่ๆฮูหยินใหญ่ก็เกิดความคิดว่าจะไปหานางสักหน แล้วอาหนูจะมาาเ็ที่มือได้อย่างเหมาะเจาะเพียงนั้นเชียวหรือเ้าคะ”
เหมยเซียงพลิกเทียบเชิญที่อาหนูเขียนเสร็จแล้วมาดูพอนับจำนวนก็ยิ่งไม่พอใจ “ฮูหยินใหญ่เ้าคะ เวลาสองวันนี้อาหนูเพิ่งจะเขียนเทียบเชิญได้ไม่ถึงสิบใบหากดูจากความเร็วในการทำงาน อย่าว่าแต่นางมือเจ็บเลยเ้าค่ะ ต่อให้มือไม่เจ็บแล้วเขียนไปจนถึงงานวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังเขียนไม่เสร็จหรอกเ้าค่ะ”
“เฮ้อ ข้าเองก็มักเหนื่อยอ่อนอยู่บ่อยครั้งไม่มีแรงจะไปรับมือกับละครตบตาของนาง ยิ่งไปกว่านั้นงานวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าก็มิอาจให้พวกเราเอามาหาเื่กลั่นแกล้งคนช่างเถิด เ้าเอาเทียบเชิญที่ยังเขียนไม่เสร็จไปส่งให้พ่อบ้านหวังให้เขาหาคนเขียนแล้วส่งมอบให้ฮูหยินเถิด งานส่งเทียบเชิญยังต้องให้นางไปทำ พวกนางทั้งสองคนนี้คงมิใช่ว่าแต่ละคนเกิดบังเอิญทำงานไม่เสร็จกันหมดหรอกนะ”นางจ้าวเอ่ยด้วยสีหน้าร้ายกาจ
“เ้าค่ะฮูหยินใหญ่ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้” เหมยเซียงถอยออกไปด้วยท่าทางไม่ยอมใจ
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] หัวผักกาดแดง หรือ หัวผักกาดฝรั่ง (แรดิช)
