เคอโยวหรานเอ่ยพลางครุ่นคิด “มิสู้พวกเราสามพี่น้องใช้คำว่า ‘โยว’ จากวลี 'กาลเวลายิ่งยืนนาน' มาเป็อักษรบ่งบอกระดับความาุโเถิดเ้าค่ะ ข้าชื่อโยวหราน น้องหญิงรองชื่อโยวหลาน น้องหญิงสามชื่อโยวเยวี่ย ดีหรือไม่เ้าคะ?”
ผู้นำสกุลเคอคิดในใจ สมแล้วที่เกิดในครอบครัวบัณฑิต กระทั่งเด็กผู้หญิงยังมีความรู้
เขาเผยท่าทีเปี่ยมวิชาการ เอ่ยอย่างกระหยิ่มใจว่า “อืม! กาลเวลายิ่งยืนนาน ไม่เลว ไม่เลว!”
เขาพลันตวัดพู่กันวาด แยกสมาชิกทั้งห้าคนของครอบครัวเคอต้าส่าออกจากผังสกุล พร้อมทั้งเปลี่ยนนามให้สามพี่น้อง
ผู้ใหญ่บ้านเฉินเองก็หยิบพู่กันขึ้นมาจดเื่ราวในวันนี้ลงในบันทึกของหมู่บ้านด้วยเช่นกัน จากนั้นอีกไม่กี่วันจึงค่อยเดินทางไปยังศาลาว่าการเพื่อลงบันทึกเอาไว้ หากแก้ไขสมุดบันทึกจำนวนประชากรและที่ดินของแต่ละครัวเรือนเสร็จเรียบร้อยก็นับว่าทะเบียนบ้านถูกแยกออกจากกันแล้ว
เขาหันไปมองสตรีทั้งสี่คนที่อยู่ด้านนอกประตู และหยุดสายตาลงบนร่างของเคอโยวหรานเป็ลำดับสุดท้าย ภายในดวงตาพลันฉายแววเวทนาออกมา
เด็กคนนี้ช่างชะตาลำเค็ญนัก! ยามนี้ความบริสุทธิ์ไม่หลงเหลือแล้ว หากสกุลต้วนไม่ยอมรับนาง เช่นนั้นจะทำอย่างไรต่อไป?
“เฮ้อ!” เขาทอดถอนใจ ก่อนหยิบกระดาษออกมาสองแผ่น เขียนใบสัญญาแยกจวนแล้วให้ผู้เฒ่าเคอกับบิดาทึ่มลงนาม จากนั้นผู้นำทั้งสองสกุลในหมู่บ้านและผู้าุโทุกท่านต่างก็ลงนามเป็พยานด้วยเช่นกัน
หนึ่งฉบับแบ่งเป็สองสำเนา หนึ่งสำเนามอบให้ผู้เฒ่าเคอ อีกหนึ่งสำเนาเคอโยวหรานเป็ฝ่ายอาสารับไว้ ต้องเก็บเอาไว้เองนางจึงจะวางใจ
ท้ายที่สุด ผู้เฒ่าเคอนำโฉนดที่ดินของจวนหลังเก่าและโฉนดที่ดินแห้งแล้งดั่งผืนทรายจำนวนสองผืนออกมามอบให้เคอโยวหราน เดิมทีควรส่งให้บิดาทึ่ม แต่ผู้ใดใช้ให้บิดาทึ่มมิได้ความ อาจทำเอกสารเหล่านี้หายก็เป็ได้...
แม่เฒ่าเคอไม่กล้าก่อความวุ่นวายเพราะมีเหล่าผู้าุโอยู่ นางตักธัญพืชห้าสิบจินบรรจุลงในกระสอบแล้วส่งให้เคอต้าส่าด้วยความไม่เต็มใจ
ด้วยเหตุนี้ เคอโยวหรานกับทั้งครอบครัวจึงได้แยกจวนกับผู้เฒ่าเคอ ไร้ซึ่งความเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป
ครั้นชาวบ้านที่มาสอดรู้สอดเห็นเื่ของผู้อื่นเห็นว่าเื่ราวถึงคราวปิดม่าน ไม่มีความครึกครื้นใดให้ชมอีก จึงเตรียมจะกลับจวนของตนเอง
ทันใดนั้นมารดาสกุลต้วนพลันเอ่ยขึ้นว่า “ผู้ใหญ่บ้านเฉิน ท่านผู้นำทั้งสองสกุล และผู้าุโทุกท่านโปรดช้าก่อนเ้าค่ะ”
ทุกคนต่างหันไปมองนาง ไม่รู้ว่าคนต่างสกุลผู้นี้หมายจะเอ่ยสิ่งใด
มารดาสกุลต้วนเอ่ยเสียงนุ่มนวลไปทางพวกเขา “เมื่อคืนเคอโยวหรานจับพลัดจับผลูแต่งงานกับซานหลางของข้า ยามนี้พิธีแต่งงานเสร็จสิ้นไปแล้ว ข้าอยากจะขอให้ผู้าุโทุกท่านเป็พยานเพื่อทำทะเบียนสมรสให้ซานหลางของข้ากับเคอโยวหรานเ้าค่ะ”
ผู้ใหญ่บ้านเฉินที่กำลังลูบเคราพยักหน้าพลางยกยิ้มเห็นดีเห็นงาม “ได้! ผู้เฒ่าจะเป็พยานเอง นำกระดาษแดงออกมาเถิด”
มารดาสกุลต้วนรีบหยิบกระดาษแดงที่เหลือจากเมื่อวานออกมาจากชายแขนเสื้อแล้วประคองด้วยสองมือ
ผู้ใหญ่บ้านเฉินสอบถามชะตาแปดอักษรของทั้งสองแล้วทำทะเบียนสมรสให้ต้วนเหลยถิงกับเคอโยวหรานด้วยตนเอง ทั้งยังส่งให้ผู้นำทั้งสองสกุลและเหล่าผู้าุโลงนาม
ด้วยเหตุนี้ ทะเบียนสมรสของต้วนเหลยถิงกับเคอโยวหรานจึงกลายเป็ทะเบียนสมรสที่มีหน้ามีตามากที่สุดในหมู่บ้าน
ลองถามดูเถิดว่า ยามแต่งงานมีสกุลใดบ้างที่สามารถพาผู้มีชื่อเสียงบารมีเหล่านี้มาเป็พยานโดยพร้อมเพรียงและลงนามในทะเบียนสมรสได้?
ทางด้านสกุลต้วนก็ยิ่งตั้งหลักปักฐานในหมู่บ้านเถาหยวนได้อย่างมั่นคงเพราะทะเบียนสมรสใบนี้
นับได้ว่าทำให้คนในหมู่บ้านเกรงใจมากกว่าแต่งเคอก่วงเถียนเสียอีก
ทะเบียนสมรสหนึ่งฉบับแยกเป็สองสำเนา ใบหนึ่งมอบให้เคอโยวหราน อีกใบหนึ่งมารดาสกุลต้วนสอดเก็บไว้ในอกเสื้ออย่างทะนุถนอม
ทะเบียนสมรสแผ่นนี้เป็ถึงฐานให้พวกนางปักหลักในหมู่บ้านเถาหยวน จะทำหายมิได้เป็อันขาด!
เคอโยวหรานทำได้เพียงกะพริบตาปริบ มองคนเหล่านี้พากันจัดแจงการแต่งงานของนางโดยไม่ถามความสมัครใจแม้แต่นิด เรียกได้ว่าถึงกับรู้สึกอัดอั้นตันใจเลยทีเดียว
เฮ้อ! ช่างเถิด! เป็เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ปิดปากชาวบ้าน ผู้อื่นจะได้ไม่ต้องมองนางด้วยสายตาเวทนาหรืออาจถูกคนวิจารณ์ลับหลัง
นางไม่แยแสคำวิจารณ์เหล่านี้ แต่คนในครอบครัวของนางต่างออกไป พวกเขาจะต้องแบกรับคำวิจารณ์ไม่ไหวแน่นอน
ถึงอย่างไรต้วนเหลยถิงก็เป็คนพิการ ย่อมทำอันใดนางมิได้เช่นกัน
หากภายหน้าพวกนางทั้งสองเข้ากันไม่ได้จริงๆ มากที่สุดก็แค่หย่าร้าง!
ผ่านด่านตรงหน้าไปให้ได้เสียก่อนแล้วค่อยว่ากัน ตัวคนมีชีวิตอยู่ยังต้องกลัวจะไม่มีทางออกอีกหรือ?
หลังรับทะเบียนสมรสมาแล้ว มารดาสกุลต้วนก็ส่งแท่งเงินจำนวนห้าตำลึงให้ถงซื่อ “นี่คือเงินสินสอดทองหมั้น สกุลเกี่ยวดองโปรดรับเอาไว้”
ั้แ่เด็กจนโต ถงซื่อไม่เคยได้แตะต้องเงินแม้เพียงอีแปะเดียว ล้วนมีฮูหยินผู้เฒ่าเป็คนกำเงินเอาไว้แน่น ครั้นเห็นเงินทองมากมายขนาดนี้ นางถึงกับมือสั่น มีหรือจะกล้ารับไว้
แม่เฒ่าเคอสาวเท้าเข้ามาภายในไม่กี่ก้าวแล้วฉวยหยิบแท่งเงินไป “ในเมื่อเป็เงินสินสอดทองหมั้นหลานสาวคนโตของข้า เช่นนั้นแม่เฒ่าเช่นข้าก็จะช่วยเก็บเอาไว้ให้พวกนางเอง”
เคอโยวหรานโมโหยิ่งนัก! ผู้หนึ่งคือบิดาทึ่ม ผู้หนึ่งคือมารดาที่ยอมกล้ำกลืนความเจ็บช้ำน้ำใจ อีกสองคนคือน้องสาวที่ยังไม่รู้ความ นางจะทำอย่างไรดี?
แม่เฒ่าที่หน้าไม่อายเยี่ยงนี้ นางควรรับมือเช่นไรจึงจะดี?
เคอโยวหรานมองไปทางผู้ใหญ่บ้านเฉิน “ท่านปู่ผู้ใหญ่บ้านเ้าคะ พวกเราแยกจวนกันแล้วมิใช่หรือ? หรือว่าตามกฎหมู่บ้าน แยกจวนแล้วยังต้องเอาเงินให้ท่านปู่ท่านย่าอีกหรือเ้าคะ?”
ท่าทางน้ำตาคลอเบ้าจวนจะหลั่งรินลงมา ทั้งยังกล้ำกลืนความไม่เป็ธรรมจนน่าสงสารยิ่งนักเช่นนั้น พาให้ผู้อื่นเห็นแล้วมิอาจหักใจ ก่อเป็ความรู้สึกอยากปกป้องขึ้นมาอย่างยากจะอธิบาย
ผู้ใหญ่บ้านเฉินสีหน้าอึมครึม ความน่าเกรงขามพลันปะทุออกมาโดยธรรมชาติ “แม่เฒ่าเคอ ข้ายังไม่ทันกลับไปด้วยซ้ำ เ้าก็เริ่มวางอำนาจบาตรใหญ่เสียแล้ว ต้องไม่เห็นผู้ใหญ่บ้านเช่นข้าอยู่ในสายตาถึงเพียงใดกัน?”
ผู้เฒ่าเคอเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี พลันตบบ้องหูภรรยาตนจนเกิดเสียงดังลั่น “ยังไม่รีบคืนเงินให้ต้ายาอีกหรือ?”
แม่เฒ่าเคอถูกตบต่อหน้าผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ ทันใดนั้นพลันรู้สึกเสียหน้าโดยสมบูรณ์
นางกำเงินเอาไว้แน่น ก่อนทิ้งบั้นท้ายลงบนพื้นพลางตบต้นขาทั้งสองข้างและเริ่มร้องไห้เสียงดังทันที “ฮือๆๆ! ทำเช่นนี้ก็มิต่างจากการไม่ให้แม่เฒ่าเช่นข้ามีชีวิตอยู่ต่อแล้ว! ข้าคงต้องตายไปเสีย ผู้เฒ่าจะฆาตกรรมแม่เฒ่าเช่นข้าแล้ว... ฮือๆๆ...”
ผู้ใหญ่บ้านเฉินถึงกับปวดหัว ผู้นำสกุลเคออายุมากแล้ว มิอาจทนฟังเสียงร้องไห้โฮเช่นนี้เป็ที่สุด เขาหรี่ดวงตาพลางเปิดปากเอ่ยอย่างเชื่องช้า “สกุลเคอ เปิดศาลบรรพชน อัญเชิญกฎสกุล!”
แม่เฒ่าเคอเงียบเสียงภายในเสี้ยววินาที นางแค่โก่งคอหอย เหตุใดถึงจะเปิดศาลบรรพชนอัญเชิญกฎสกุลเสียแล้ว? กลับตัวยามนี้ยังทันหรือไม่?
ไม่รอให้แม่เฒ่าเคอได้สติกลับมา เด็กหนุ่มจากสกุลเดียวกันจำนวนสองคนพลันก้าวเข้ามา พยุงแขนซ้ายขวาของนางหมายจะลากไปทางศาลบรรพชน
แม่เฒ่าเคอรู้สึกหวาดกลัว นางกลัวจริงๆ เสียแล้ว พลันร้องลั่นออกมาทันใด “ท่านผู้นำสกุลเ้าคะ แม่เฒ่าเช่นข้าผิดไปแล้ว ผิดไปแล้วจริงๆ เ้าค่ะ ครั้งนี้โปรดละเว้นข้าด้วยเถิด! ข้าจะคืนเงิน ข้าจะคืนเงินประเดี๋ยวนี้เ้าค่ะ ขอท่านโปรดละเว้นข้าในครานี้ ครั้งหน้าข้าไม่กล้าอีกแล้วเ้าค่ะ!”
ผู้นำสกุลเคอก็มิได้จะเปิดศาลบรรพชนจริงๆ เช่นกัน แค่้าขู่แม่เฒ่านิสัยอันธพาลผู้นี้เท่านั้น “กลับมา! จำสิ่งที่เ้าพูดเอาไว้ หากมีครั้งต่อไปจะแยกลงโทษตามความผิดแต่ละครั้ง เ้าจงจำเอาไว้ให้ดี”
แม่เฒ่าเคอที่ถูกลากกลับมาพยักหน้าระรัว ก่อนยัดเงินใส่มือของเคอโยวหรานอย่างรีบร้อน ภายนอกมีท่าทีสำนึกผิดพร้อมแก้ไขเป็อย่างยิ่ง
แต่ภายในใจกลับลอบวางแผน รอจนกระทั่งผู้าุโทุกท่านกลับไป นางจะต้องเอาเงินห้าตำลึงนี้มาไว้ในมือให้จงได้
ครั้นเคอโยวหรานเหลือบเห็นดวงตากลิ้งกลอกไปมาของแม่เฒ่าเคอ ก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังวางแผนอันใด
มีหรือจะปล่อยให้นางสมใจปรารถนา?
เคอโยวหรานรับเงินมา จากนั้นฉวยโอกาสวางใส่มือผู้ใหญ่บ้านเฉินแล้วเอ่ยอย่างอ่อนแรงว่า
“ท่านปู่ผู้ใหญ่บ้านเ้าคะ พวกข้าหนึ่งครอบครัวมีเพียงคนชรา คนป่วย และคนพิการ อีกทั้งล้วนแต่เป็สตรี กระทำการใดไม่สะดวกนัก ท่านช่วยพวกเราหาคนในหมู่บ้านไปชวยซ่อมแซมจวนเก่าทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำได้หรือไม่เ้าคะ?
สิ่งอื่นยังไม่เท่าไร แต่รั้วจะต้องสร้างให้สูงๆ นะเ้าคะ จะได้ป้องกันมิให้สัตว์ป่าดุร้ายบนเขาลงมาจู่โจมเ้าค่ะ”
ผู้ใหญ่บ้านเฉินกำเงินด้วยความรู้สึกตื้นตันใจอย่างยากจะอธิบาย เงินตั้งห้าตำลึง มีครอบครัวใดได้เงินมากมายถึงเพียงนี้แล้วไม่กำไว้ให้แน่นบ้าง แต่แม่นางน้อยผู้นี้กลับไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ยัดใส่มือเขาเสียแล้ว
“แม่นางน้อย ในเมื่อเ้าเชื่อใจตาเฒ่าขนาดนี้ ตาเฒ่าจะต้องจัดการเื่นี้ให้เ้าอย่างเหมาะสมแน่นอน มิต้องรอให้ถึงวันพรุ่งแล้ว เป็ตอนนี้เลยดีกว่า ตาเฒ่าจะเรียกคนไปสำรวจบ้านเรือนประเดี๋ยวนี้”
แม่เฒ่าเคอโมโหยิ่งนัก! นึกอยากจะบีบคอหลานสาวผู้นี้ที่ทำลายเื่ดีๆ ของนางให้ตายไปจนสิ้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้