ขณะที่เดินนำอย่างเบื่อหน่ายเมื่อเดินต่อไปราวสิบนาที ฉินโจ้วก็รู้สึกขายหน้าขึ้นเล็กน้อย เพราะว่าเขาหลงทางไม่รู้ว่าเดินออกนอกเส้นทางั้แ่เมื่อไร เมื่อหันมองไปรอบๆก็พบว่ามีทางเดินอยู่รอบตัว ตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนเหมือนกัน
"ผมไม่ได้ตั้งใจนะ"ฉินโจ้วพูดอย่างบริสุทธิ์ใจ เวลานี้เหมือนเขาจะจำเส้นทางไม่ค่อยได้แต่เวลาปกติเขาก็ไม่ได้แย่แบบนี้ เหมือนถนนสายนี้จะมีทางแยกเยอะเขาก็เลยสับสนไปบ้างก็เท่านั้นเอง
"นายจะหยุดพักก่อนไหมหรือว่า... ฉันตัวหนักเกินไป"หลี่เฟยไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเื่หลงทางแม้แต่น้อย
"ไม่เป็ไรเห็นแบบนี้แต่ผมก็เป็เมจที่แข็งแรงเอาการเลยนะ อีกอย่างคุณก็รูปร่างดีมากไม่อ้วนไม่ผอม กำลังดี" ฉินโจ้วบอกไปตามความจริงโดยปกติแล้วเมจส่วนใหญ่จะผอมบางและตัวเล็ก และยิ่งถ้าใช้เวทแห่งความตายด้วยแล้วภาพที่เห็นส่วนใหญ่ก็แทบจะเป็หนังหุ้มกระดูกอยู่แล้วแต่ของฉินโจ้วนั้นกลับต่างออกไป เขามีทั้งกล้ามเนื้อและพละกำลังหลังจากฝึกศิลปะป้องกันตัว น้ำหนักของหลี่เฟยนั้นแทบไม่มีผลกับเขาแม้แต่น้อยราวกับยกฟางแห้งก็ไม่ปาน อีกทั้งรูปร่างของ หลี่เฟยก็ดีจริงๆ เสียด้วย
"ขอบคุณนะฉันเป็คนชอบกิน แต่ก็ต้องคอยระวังเื่หุ่น ทำให้ฉันไม่กล้ากินเยอะและก็อดกินของอร่อยๆไปตั้งหลายอย่างน่าเสียดาย"ในใจของหลี่เฟยค่อยรู้สึกโล่งอก
"อันที่จริงแล้วผมเองก็ชอบกินเหมือนกันนะแต่ส่วนใหญ่จะกินแต่ขนมขบเคี้ยวที่อยู่ตามแผงขายของ ราคาถูก ปริมาณก็มากค่อยพอกินหน่อย" ฉินโจ้วจำได้ว่าเขาไม่ได้กินมันมานานแล้วของในก้านโจวส่วนใหญ่มีราคาแพง ทำให้เขาลังเลเวลาที่จะต้องกิน
"ขนมบนแผงขายของนั้นคลาสสิกมากฉันชอบมากที่สุด แต่แม่ของฉันมักจะปฏิเสธไม่ให้ฉันกินเยอะ เธอบอกว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพครั้งต่อไปที่เรานัดกินข้าวกัน ฉันเลี้ยงเอง โทรเรียกพวกเขามาพร้อมกับหงยี่ก็ได้ชวนเพื่อนของคุณมาด้วยก็ได้นะ มีคนเยอะสนุกดี ฉันชอบอยู่กับเพื่อนๆ น่ะ"ดวงตาของหลี่เฟยส่องประกายในขณะที่เธอเอ่ยปากชวน
"ได้เลยได้กินสิ่งที่อยากกิน แค่ฉันคิดก็มีความสุขแล้ว"
"ฉันไม่ชอบมันเท่าไรว่าแต่คุณมีแฟนแล้วหรือยัง?" หลี่เฟยถาม
"มีสิ...แต่ก็เพิ่งจะเลิกกันไป ถ้าคุณมีเพื่อนเยอะ แนะนำพวกเธอให้ผมบ้างสิผมไม่เื่มากหรอก ก็ขอแค่หน้าตาสะสวย สุภาพอ่อนโยน สูงยาวเข่าดี เชื่อฟังคำสั่งรักครอบครัว ผมยาวหน่อยก็ดี ขยัน ทำงานบ้านเก่ง และถ้าทำอาหารได้ยิ่งดีเลย"ฉินโจ้วสาธยายให้ฟัง
"นี่ขนาดไม่ค่อยเลือกนะเนี่ย"หลี่เฟยถึงกับพูดไม่ออก
"สมัยก่อนน่ะอาจใช่แต่เดี๋ยวนี้มีสักสองข้อก็โอเคแล้ว"
"สองข้อไหนเหรอ?"หลี่เฟยถามอย่างสงสัย
"เป็ผู้หญิงและก็ยังมีชีวิตอยู่"ฉินโจ้วตอบ จากนั้นเขาค่อยๆ บิดหลังไปมา อาจเพราะมีเสื้อผ้าอยู่หลายชิ้นมากเกินไปเลยทำให้ไม่รู้สึกสองสิ่งที่อยู่ด้านหลัง มันช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง
"น่าเกลียดจริงจังหน่อยสิ" จู่ๆ ร่างกายของหลี่เฟยก็นิ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็เพราะเธอรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวเล็กๆ ของฉินโจ้วหรือเปล่าน้ำเสียงถึงแปลกไปเล็กน้อย
"แล้วไง...คุณคิดว่าเราควรจะเลือกไปทางไหนดี?" ฉินโจ้วหันเหความสนใจอย่างรวดเร็ว
"ทางนี้แล้วกัน"ความจริงเธอก็ไม่รู้หรอก แต่ถึงอย่างไรเธอเองก็ไม่ได้กังวลนักตราบใดที่นี่ไม่ใช่เขาวงกต ก็ยังสามารถออกไปจากที่นี่ได้เสมอที่สำคัญเธอก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับไป
"เป็ความคิดที่เข้าท่า"
ในขณะที่เดินเข้าไปในสถานที่ที่ปกคลุมไปด้วยกิ่งไม้ใบหญ้าเหมือนกับได้เห็นทางสว่างปรากฏอยู่ต่อหน้า มันมีทางเดินอยู่ถึงแม้จะเรียกถนนได้ไม่เต็มปากนักเพราะเป็เพียงแค่รอยเท้าของผู้เล่นที่เดินผ่านมาทางนี้ก่อนจะเห็นผู้เล่นกลุ่มหนึ่งกำลังเดินสวนมาพอดี ในขณะที่พูดคุยกันไปสายตาก็มองไปรอบๆในเวลาเดียวกับที่กำลังคุยโม้โออวด ดูไปไม่ต่างจากนักเลงข้างถนนสักเท่าไรนัก
"นั่นมันคนของกิลด์ราตรียิ่งใหญ่เราหลีกทางให้เขาไปก่อนเถอะ" หลี่เฟยมองเห็นคำหน้าชื่อในใจก็พลันนึกหวาดกลัวขึ้นมา จึงบอกให้ทำตามนี้
"มีอะไรหรือ?"
"ผู้เล่นกิลด์ราตรียิ่งใหญ่ตอนนี้ถูกวิพากย์วิจารณ์ไม่ค่อยดีพวกเขาทำตัวแย่กว่าสมาคมโลกแต่ก่อนเยอะมากอีกทั้งยังชอบไล่สังหารผู้คนจนอุปกรณ์ดรอป ซึ่งทำให้คนของสมาคมโลกรู้สึกโกรธแค้นแต่ถึงอย่างนั้นกิลด์ราตรียิ่งใหญ่เองก็มีกำลังทรัพย์ค่อนข้างมากผู้เล่นถึงแม้จะโกรธ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูด และมีบางคนลองตอบโต้แต่พวกเขาก็ถูกตามมาแก้แค้นภายหลังมันเป็เื่ที่ค่อนข้างยากลำบากมากถ้าไปมีเื่กับพวกเขาดังนั้นถ้าหากคุณสามารถเลี่ยงได้ ก็ให้เลี่ยง" หลี่เฟย อธิบายอย่างรวดเร็ว
"เอาตามที่คุณว่า"ฉินโจ้วจึงเดินหลบลงข้างทาง เพื่อจะได้ไม่กีดขวางทางคนกลุ่มนี้เขาเองไม่ได้กลัวพวกนี้แม้แต่น้อย แต่ไม่อยากสร้างปัญหาถ้าเลี่ยงได้ก็จะพยายามเลี่ยง ขณะที่กำลังเดินเลี่ยงไป ''ปราการปีศาจ'' ก็ได้พูดขึ้นว่าการช่วยเหลือผู้อ่อนแอนั้นเป็สิ่งที่ผู้เล่นทุกคนจะต้องร่วมมือก่อนที่พวกเขาจะเดินมาถึงในไม่ช้า
"อ๊ะ...ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในพื้นทีู่เาสูงป่ารกทึบขนาดนี้ยังมีผู้เล่นออกมาเพิ่มระดับอยู่ด้วยฉันไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี ถ้าเกิดว่าจะถูกมอนสเตอร์จับกิน"ในขณะที่กลุ่มผู้เล่นนั้นเดินผ่านฉินโจ้วไปอย่างไม่ไยดี แต่หลังจากที่ได้เห็นหลี่เฟยก็ทำให้พวกเขาถึงกับใจเต้น หนึ่งในนักรบชื่อ ''ไม้จิ้มฟันเหล็ก''อดไม่ได้ที่จะส่งเสียง
ทันทีที่ได้ยินเสียงคนอื่นๆ จึงให้ความสนใจ ในขณะนั้นก็รู้สึกราวกับมีแสงสว่างจ้าอยู่ตรงหน้าใบหน้าของพวกเขาเริ่มแสดงให้เห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย และอดไม่ได้ที่ต้องหยุดเดินในเวลาเดียวกันนั้น พวกเขาก็เริ่มยิ้มกริ่ม
"คนสวยเท้าเป็อะไรหรือเปล่าจ๊ะ ้าให้พี่ชายคนนี้ช่วยปฐมพยาบาลให้หรือเปล่าทักษะการนวดของพี่นี้ระดับเฟิร์สคลาสเลยทีเดียวเชียวนะ ขอบอก... รับรองว่าจะไม่เพียงไม่รู้สึกเ็ปแต่จะรู้สึกสบายจนไม่อยากหยุดเลยทีเดียว"
"มองดูแว่บแรกก็รู้เลยว่าเป็ผลมาจากท่าทางการเดินที่ผิดจึงส่งผลให้เป็แบบนี้สาวน้อยตัวเล็ก จะบอกไว้ให้ว่าคุณตามหาถูกคนแล้ว ในด้านทักษะพี่ชายคนนี้น่ะเป็สุดยอดมืออาชีพ ไม่มีทางทำให้เท้าของเธอต้องเ็ปอย่างแน่นอน
"สาวน้อยไม่ต้องเขินอาย เงยหน้ามาให้พี่ชายคนนี้ได้ยลโฉมหน่อย..."
"ดูที่สะโพกนั่นสิอื้อหือ... เป็แบบที่ฉันชอบเลย"
......
มีผู้เล่นมากกว่าสิบคนกำลังยืนล้อมฉินโจ้วกับเพื่อนของเขาเอาไว้พวกมันต่างพากันพูดเื่ไร้สาระ และไร้ยางอาย จ้องมองอย่างหื่นกระหายคอยคิดแต่จะหาวิธีเอาเปรียบ ภายในเกม นอกเสียจากว่าคุณจะเต็มใจดังนั้นจึงไม่สามารถใช้กำลังข่มเหงน้ำใจผู้อื่นได้ แต่ความ้า xx นั้นยังสามารถทำได้ พวกเขาไม่ได้กังวลเื่ที่ทั้งสองจะขัดขืนแต่เขากังวลว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ขัดขืนต่างหาก การขัดขืนทำให้เกิดความน่าสนใจ
"สวะเอ๊ย..."ฉินโจ้วถอนหายใจ เขารู้ว่าเหตุการณ์นี้ต้องเกิดขึ้นอีกจนได้
"เ้าหนูนายว่าใครสวะกันหืม... ไม้จิ้มฟันเหล็กสีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะจ้องมองฉินโจ้วอย่างจะกินเืกินเนื้อ ราวกับพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด ก่อนจะชักดาบออกมาเผชิญหน้าด้วยสีหน้าท่าทางที่มุ่งร้าย ดูน่าเกรงขามมาก
"ก็พวกนายไง"ฉินโจ้วยิ้มตอบเขาคิดอยู่เสมอว่าสีหน้าท่าทางที่โหดร้ายไม่ควรแสดงออกให้เห็นบนใบหน้าแค่อยู่ในใจก็พอ
สิ้นเสียงคำว่า''พวกนายไง'' การต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้นหนามกระดูกนับสิบพุ่งออกมาจากท้องฟ้า ก่อนจะตรงเข้าจู่โจมผู้เล่น ไม่มีใครนึกถึงเื่นี้มาก่อนเลยว่าฉินโจ้วจะลงมือได้อย่างเหี้ยมโหดและไม่แม้แต่จะเอื้อนเอ่ยไม่แม้จะเคารพกฎการต่อสู้เมื่อถูกโจมตีฉับพลันทำให้ผู้เล่นกิลด์ราตรียิ่งใหญ่ไม่สามารถหลบหลีกได้ทันเมื่อสิ้นเสียงร้องผู้เล่นสิบคนก็ถูกสังหารลงทันที แต่ละคนมีกระดูกหนามแทงอยู่คนละ2-3 เล่ม เมจคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังสุดมีปฏิกิริยาตอบสนองได้ทันจึงร่ายเวทป้องกันในทันที เมื่อหนามกระดูกแทงทะลุโล่ป้องกันเวททำให้พลังโจมตีลดลงครึ่งหนึ่งแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเพียงพอที่จะทำให้พลังชีวิตที่แสนจะเปราะบางของเมจนั้นทนรับไม่ไหวเมื่อถูกแทงก็ทำให้เขารู้สึกใเป็อย่างมาก ก่อนจะโชคร้าย ดรอปไม้เท้าเวทออกมา
ไม้จิ้มฟันเหล็กที่แข็งแกร่งที่สุดยืนอยู่ด้านหน้าถูกสังหารเป็คนแรก ที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ มีหนามกระดูก 4 ชิ้น เจาะทะลุร่างมันเป็เื่ที่ช่วยไม่ได้ เนื่องจากเขานั้นหยิ่งและก้าวร้าวเกินไป
หลังจากโจมตีไปเพียงหนึ่งครั้งก็เหลือผู้เล่นอยู่แค่หกคนทั้งหกคนเองก็ต่างใและรู้ได้ทันทีว่าพวกตนนั้นเหยียบถูกตะปูเข้าให้แล้วพวกเขาเองก็มีประสบการณ์ รู้ว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง ก่อนจะถอยกลับอย่างรวดเร็วซึ่งเป็ครั้งแรกที่พวกเขาถอยออกห่างจากฉินโจ้ว และเริ่มลงมือตอบโต้โดยที่นักรบเริ่มใช้ทักษะ ''ผ่าครึ่งจันทรา'' ส่วนเมจกำลังร่ายเวท ในขณะที่ขโมยและนักฆ่านั้นก็พรางตัวหายไปถึงแม้ว่าลักษณะท่าทางของพวกเขาดูปกติทั่วไปแต่ความแข็งแกร่งค่อนข้างสูงเลยทีเดียว อย่างน้อยปฏิกิริยาตอบสนองเมื่อเทียบกับผู้เล่นทั่วไปก็นับว่าดีกว่ามาก
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีจากผู้เล่นทั้งหกคนฉินโจ้วยังคงสงบนิ่ง ใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะใช้ทักษะ ''หนามกระดูก'' โดยขั้นแรกใช้สังหารขโมยและนักฆ่าที่พรางตัวอยู่ด้วยทักษะ''เนตรเซียนพญายม'' การซ่อนเร้นกลายเป็เื่ตลกไปก่อนจะเขย่งเท้าและเคลื่อนไปทางซ้ายราวสามฟุตเนื่องจากเคลื่อนที่รวดเร็วจนทำให้เกิดเงาของภาพติดตาค้างอยู่กลางอากาศ ทำให้ทักษะ''ผ่าครึ่งจันทรา'' ของนักรบนั้นวืดไป
"อ่อนแรง"
นักรบรู้สึกร่างกายอ่อนแอลงอย่างกะทันหันทำให้การใช้ ''ผ่าครึ่งจันทรา'' ครั้งที่สองถูกยกเลิกก่อนจะถูกหนามกระดูกแทงเข้าที่คอ กลายเป็ศพไปอีกหนึ่ง
ในขณะที่ฉินโจ้วเพิ่งจะสังหารนักรบไปเวทัไฟก็พุ่งมาถึงแล้ว บริเวณที่เวทัไฟพาดผ่านใบไม้โดยรอบก็พากันไหม้เกรียมเป็เถ้าถ่าน นักธนูหลี่เฟยโม่ผู้เชี่ยวชาญด้านเวทไฟยังรู้ได้ทันทีว่าเวทัไฟนี้ทรงพลังมากแค่ไหนถ้าโดนเข้าทั้งสองต้องกลายเป็ชิ้นๆ อย่างไม่ต้องสงสัย หัวใจของเขาถึงกับเต้นแรง
แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าฉินโจ้วกำลังยืนอยู่ในขณะที่เวทัไฟพุ่งเข้าใส่ตรงหน้าก่อนที่เขาจะใช้ ''ย่ำหิมะไร้รอย'' ถอยหนี พร้อมทั้งแบก หลี่เฟยไว้ด้วยโดยทิ้งไว้เพียงเงาของภาพติดตาค้างให้เห็นในอากาศ ความว่องไวนั้นเร็วเสียยิ่งกว่าเวทัไฟเสียอีกโดยเวทัไฟตามอยู่เื้ั แต่ห่างกันราวกับคนละขอบฟ้า ไม่สามารถไล่ได้ทัน
เชรด...
ไม่เพียงแต่เมจเท่านั้นที่ตกตะลึงแม้แต่หลี่เฟยเองยังต้องอ้าปากค้าง นี่มันเมจหรือนักฆ่ากันแน่ ถึงกับหลบการโจมตีด้วยเวทมนตร์ได้มีแต่ทักษะของนักฆ่าระดับสูงเท่านั้น
อย่างไรก็ตามสิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนนั้นคงตามมาอยู่ด้านหลังความเร็วของฉินโจ้วเพิ่มขึ้นอีกครั้ง แค่ชั่วพริบตา ก็ทิ้งห่างัไฟออกไปอีกหลังจากนั้นก็เห็นเพียงภาพเงาพุ่งหลบ หายไปอย่างไร้ร่องรอยก่อนจะไปปรากฏอยู่บนปลายต้นไม้ใหญ่ที่สูงตระหง่านัไฟเพิ่งจะพุ่งชนเข้ากับต้นไม้ ตูม!... ต้นไม้ใหญ่ก็ะเิทันทีทำให้ส่วนของลำต้นหักโค่นไปด้านหน้า เมจที่ปล่อยเวทัไฟถึงกับใบ้กินไปชั่วขณะลืมคิดไปว่าสามารถหลบหลีกได้ ไม่อย่างนั้นถ้าโดนเข้าไปก็คงจะเละจนกลายเป็พายเนื้อไปแล้ว
พวกนั้นต่างก็รู้สึกใเมื่อเห็นฉินโจ้วสามารถสังหารเมจสองคนไปได้อย่างง่ายดายในเวลานี้เหลือเพียงนักบวชคนสุดท้าย นักบวชเองก็เป็คนฉลาดมากเขาไม่คิดที่จะโจมตีก่อน แต่เลือกที่จะวิ่งหนี ในขณะที่เขาวิ่งไปได้ราว 50 เมตร
"หยุดวิ่งซะถ้าไม่อยากโดนสังหาร"ฉินโจ้วะโด้วยเสียงอันดัง
นักบวชเริ่มวิ่งเร็วขึ้นก็ะโไปพลาง"นายฆ่าฉันไม่ได้หรอก ฉันเป็คนของกิลด์ราตรียิ่งใหญ่ ถ้านายฆ่าฉัน คนของกิลด์ราตรียิ่งใหญ่ต้องไม่ปล่อยนายไว้แน่
ฉินโจ้วก้มหยิบอุปกรณ์หลายชิ้นที่หล่นอยู่ส่วนใหญ่ก็เป็อุปกรณ์ทั่วไป มีแค่ไม้เท้าเวทที่เป็อุปกรณ์ระดับเงินที่ดูดีที่สุดไหนๆ จะต้องมีชื่อสีแดงเพราะพวกงี่เง่าพวกนี้แล้ว คงต้องเรียกเก็บดอกเบี้ยสักหน่อยหลังจากนั้นเขาก็รีบวิ่งไล่ตามไป ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ทักษะวิชาตัวเบาด้วยความเร็วในตอนนี้ก็ยังเร็วกว่านักบวชอยู่ดี
"ถ้าด้วยเหตุผลแค่นั้นล่ะก็ยังไม่ดีพอ"
เมื่อนักบวชหันกลับมาก็พบว่าฉินโจ้วอยู่ด้านหลังของเขาเสียแล้วเขาถึงกับร้องไห้ด้วยความกลัว ก่อนจะะโไปว่า "ถ้านายสังหารฉัน คนของกิลด์ราตรียิ่งใหญ่จะไม่ปล่อยนายไว้แน่แม้แต่เพื่อนของนายก็จะไม่รอดไปด้วย ''ทองคำราตรี''ที่เป็หัวหน้ากิลด์ราตรียิ่งใหญ่นั้นเป็พี่เขยของฉันเขาให้ความสำคัญกับฉันเป็อย่างมาก นายหนีไม่รอดแน่"
"ถ้านั่นเป็เหตุผลคงไม่มีอะไรต้องพูดแล้วล่ะ" ดวงตาของฉินโจ้วฉายแววถึงความ้าสังหารอย่างรุนแรงแม้แต่เพื่อนของเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยไปคนคนนี้ถูกเขียนรายชื่อลงในไว้เดดโน้ตเป็ที่เรียบร้อยแล้วเพียงแต่ไม่คิดว่าจะได้พบปลาตัวใหญ่แบบนี้ มีทองคำราตรีเป็พี่เขยอย่างนั้นหรืออุตส่าห์ออกมาให้รีดไถถึงที่ โทษฐานที่กิลด์ราตรียิ่งใหญ่มาป่วนกับธนาคานฉินหวังก่อน
"ฉันมีเงินนะเดี๋ยวฉันจะให้เงินนาย" นักบวชรู้สึกเหมือนมีความตายไล่หลังเขาจึงรีบประนีประนอมและร้องขอความเมตตา
"อ่ะ...เอาไปเลย"
ในขณะที่นักบวชกำลังวิ่งหนีเขาก็โยนเหรียญทองไปที่พื้น
สีหน้าของฉินโจ้วนั้นกลายเป็เ็าก่อนจะแทงหนามกระดูกไปที่เท้าซ้ายของนักบวช ร่างกายของเขาถึงกับบิดเร่าไปมาจนยืนไม่อยู่ล้มลงไปกองกับพื้น และส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเ็ปขณะที่เหงื่อกำลังไหลท่วม ฉินโจ้วก็ดึงมีดออกมาจากขโมยก่อนจะปักเข้าไปในปากของนักบวชแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า "ถ้าร้องให้ได้ยินอีกทีผมจะตัดลิ้นคุณออก"
เสียงร้องก็หยุดลงฉับพลันก่อนที่ฉินโจ้วจะพยักหน้าด้วยความพอใจ
"ดีมากเอาล่ะตอนนี้ก็รีบโอนเงินมาที่บัญชีของผมซะไม่อย่างนั้นผมคงต้องทำอะไรบางอย่างที่คิดว่านายคงไม่อยากจะเห็นหรอกสมัยตอนที่ผมยังเด็ก ผมชื่นชอบการตัดหู คุณรู้ไหมว่าหูหมูน่ะ เป็อาหารที่อร่อยมากคุณเคยลองกินหรือยัง?"
นักบวชดูเหมือนจะรูปร่างดูดีไม่ใช่น้อยผิวขาวเนียน ดูก็รู้ว่าถูกเลี้ยงมาอย่างประคบประหงมเป็อย่างดี คงไม่เคยได้รับความลำบากเมื่อถูกแทงไปที่เท้า ความเ็ปทำให้เหงื่อเย็นเริ่มไหลออกมา น้ำตาคลอเขาไม่กล้าคิดอย่างอื่นในเวลานี้ คำพูดที่พูดถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจทั้งหมดแต่ก็ไม่กล้าลังเล จึงรีบทำตามที่ฉินโจ้วสั่ง
ทันใดนั้นฉินโจ้วก็ได้รับข้อความว่ามียอดเงิน 50,000 เหรียญทองโอนเข้ามาที่บัญชี เ้าเด็กนี่รวยเสียจริง อย่างไรก็ตามฉินโจ้วนั้นยังไม่พอใจ ก่อนจะพูดว่า "นี่นายกล้าล้อเล่นกับฉันเหรอเนี่ยนะเงิน อยากจะเก็บหูเอาไว้ใช้ฟังอีกไหม... หา!"
"ฉันมีพี่ชายจริงๆนะ ฉันไม่ได้โกหก ชื่อของเขาคือ ''ทองคำราตรี'' และยังเป็พี่เขยฉันอีกด้วย แต่ปกติเขาไม่ค่อยให้เงินฉันเยอะเงินพวกนี้ฉันหามาด้วยความยากลำบาก" นักบวชทำท่าจะร้องไห้
"เออๆ...จะยอมเชื่อก็ได้ รีบส่งแหวนมิติมาซะดีๆ"
นักบวชลังเลไปชั่วขณะฉินโจ้วจึงแทงมีดสั้นไปที่ต้นขาของเขาทันที นักบวชเกือบหมดสติด้วยความเ็ปก่อนจะรีบถอดแหวนยื่นให้อย่างรวดเร็ว
ฉินโจ้วหยิบแหวนขึ้นมาภายในบรรจุได้ประมาณ 5,000 ตารางเมตร ซึ่งก็ถือว่าไม่มากเท่าไรมีอุปกรณ์ใส่อยู่ภายในมากกว่า 10 ชิ้น ซึ่งค่าสถานะค่อนข้างดีแต่ว่าเขาไม่ได้สนใจพวกมันแม้แต่น้อยมีวัตถุดิบบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ นั่นก็คือ ผลึกเวท 50 ชิ้นถึงแม้ว่าจะเป็ระดับต่ำ แต่เนื่องจากมันเป็ของหายากอยู่แล้วซึ่งเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหาได้จากที่ไหน ก่อนที่เขาจะย้ายทุกอย่างมาใส่ไว้ในแหวนมิติของเขาหลังจากนี้ทั้งหมดนี่ก็จะเป็ของเขาแล้ว
"ถอดอุปกรณ์ของนายออกและโยนมันมานี่"ฉินโจ้วพูดด้วยน้ำเสียงเ็า อุปกรณ์ของผู้เล่นคนนี้ค่อนข้างดีมากเลยทีเดียวทั้งหมดเป็อุปกรณ์ระดับเงิน ยังใส่ของดีกว่าฉินโจ้วเสียอีกผู้เล่นที่ร่ำรวยนี่ใช้ชีวิตอยู่อย่างอู้ฟู่เสียจริง
นักบวชกลัวว่าฉินโจ้วจะแทงมีดเข้าใส่อีกเขาจึงไม่กล้าที่จะลังเล ถอดอุปกรณ์สวมใส่อย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ก่อนจะส่งสายตาน่าสงสารไปทางฉินโจ้ว เมื่อฉินโจ้วมองดูว่าไม่มีอะไรให้ถอดได้อีกแล้วจึงโบกมือไล่ไปเพราะไม่้าจะมีชื่อสีแดง นักบวชกลัวว่าฉินโจ้วจะเปลี่ยนใจจึงรีบกระเสือกกระสนหนีจนล้มลุกคลุกคลานก่อนที่จะเดินเขยกพร้อมอดกลั้นความเ็ปเอาไว้
"นิสัยไม่ดีเลยนายเนี่ย"หลี่เฟยไม่กล้ามองไปที่นักบวชที่เหลือแค่กางเกงในตัวเดียว สีหน้าแดงเล็กน้อยก่อนจะชูนิ้วโป้งอย่างชื่นชมให้กับฉินโจ้ว
"ไม่ต้องไปสนใจหรอกอย่างน้อยเด็กนี่ก็ไม่เลวนัก ยกของดีมาให้ตั้งหลายชิ้น" ฉินโจ้วหัวเราะร่า
ก่อนที่หลี่เฟยจะได้ทันพูดอะไรออกมาบริเวณด้านหน้ากิ่งไม้ใบหญ้าถูกแหวกออกเป็ทาง มีกลุ่มคนเดินออกมาผู้เล่นคนแรกที่ออกมาพร้อมกับแสงสว่างสีทองส่องประกายเจิดจ้าจากอุปกรณ์สวมใส่ระดับทองคำ สว่างจ้าจนทำให้ตาพร่าไปชั่วขณะที่เหนือหัวมีข้อความขนาดใหญ่เขียนไว้ ดูท่าคงเป็ผู้ก่อตั้งกิลด์ราตรียิ่งใหญ่หัวหน้ากิลด์ที่ชื่อ ''ทองคำราตรี''
"มีความกล้าหาญดีไม่แปลกใจเลยที่กล้าสังหารคนของกิลด์ราตรียิ่งใหญ่"ทองคำราตรีกล่าวก่อนจะจ้องมองมาที่พวกเขาทั้งสองด้วยสายตาเ็าด้วยสีหน้าและท่าทางราวกับมองคนที่ตายไปแล้ว
"พี่เขยสังหารมันเลย" นักบวชในตอนนี้ไม่ต่างกับคนที่กำลังคว้าเศษท่อนไม้ได้ในขณะที่กำลังจะจมน้ำความหวาดวิตกทำให้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและเกลียดชังทำให้หน้าของเขาดูน่าเกลียดจนไม่มีอะไรเปรียบ ก่อนจะะโร้องไห้ฟูมฟาย
"หนามกระดูก"
หนามกระดูกพุ่งหวือออกมาจากอากาศก่อนจะแทงเข้าไปที่ด้านหลังของนักบวช ทะลุผ่านหน้าอกไปทำให้การเคลื่อนไหวของนักบวชที่น่าเกลียดคนนั้นหยุดลงก่อนจะกลายร่างเป็แสงไปเกิดใหม่
"โง่เง่า"ฉินโจ้วไม่จำเป็ต้องพูดกับคนแบบนี้ ไม่ผิดที่คุณจะะโ ต่อสู้หรือสังหารแต่คุณควรจะต้องไปหลบในที่ที่มันปลอดภัยเสียก่อน ให้แน่ใจว่าชีวิตอยู่รอดปลอดภัยดีแล้วค่อยกลับมาพูดถึงเื่แก้แค้นก็ไม่สายไม่อย่างนั้นแล้วก็สมควรที่จะถูกจัดการทิ้งเสีย
เห็นได้ชัดเลยว่านักบวชนั้นไม่ได้ใช้สมองคิดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนแม้แต่น้อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้