เฟิ่งเฉี่ยนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว “เร็วเข้า ฝ่าามีราชกิจมากมาย เวลาล้วนมีค่า พวกเ้าอย่าทำให้เสียเวลา! ฮูหยินรอง ท่านมีฐานะสูงศักดิ์ ข้าว่า ท่านเริ่มก่อนเถิด!”
พวกนางคนหนึ่งเป็ฮูหยินรองสกุลเฟิ่ง คนหนึ่งเป็คนขององค์หญิงหลานซิน คนหนึ่งเป็เ้านาย คนหนึ่งเป็บ่าวไพร่
ให้พวกนางทั้งสองคนตบหน้าซึ่งกันและกัน เดิมทีก็เป็เื่ไม่ยุติธรรมอยู่แล้ว ทำให้ฮูหยินรองต้องลดฐานะของตนลง
ดังนั้น ฮูหยินรองจึงไม่เกรงใจเช่นกัน นางเงื้อมือขึ้นแล้วตวัดใส่ใบหน้าของโจวหมัวมัวหนึ่งฉาดทันที
เพียะ!
ไม่แรง ทว่าไม่เบาเช่นกัน!
โจวหมัวมัวรู้สึกแสบร้อนใบหน้า ความรู้สึกไม่ได้รับความเป็ธรรมในใจนั้น นางมีชีวิตมาหลายสิบปี อีกทั้งยังมีองค์หญิงหลานซินคอยให้ท้าย แต่ไรมามีแต่นางแสดงอำนาจกดขี่รังแกนางกำนัลและขันทีเ่าั้ ไหนเลยจะเคยถูกผู้อื่นตบตีมาก่อน
ผนวกกับนางมีวรยุทธ์อยู่ในขั้นไม่เลว ยิ่งทำให้นางดูดุดันและน่าเกรงขาม ดังนั้นฝ่ามือนี้ของฮูหยินรองไม่เพียงแต่ตบจนหน้านางเจ็บ แต่ยังได้สั่นคลอนความเคารพตนเองของนางด้วย
นางกำมือเป็หมัดแล้วคลายออก โจวหมัวมัวเงื้อมือขึ้นตวัดใส่ใบหน้าของฮูหยินรอง!
เพียะ!!
เสียงฝ่ามือกระทบผิวหน้าดังก้องกังวาน ดังกว่าเมื่อสักครู่อยู่หลายส่วน
ร่างของฮูหยินรองสะท้าน นางกุมใบหน้าของตนเมื่อถูกตบจนมึนงง นางถลึงตามองโจวหมัวมัว “เ้า...เ้ากล้าตบข้าหรือ”
ในฐานะเ้านายของสกุลเฟิ่ง ไหนเลยจะเคยถูกดูิ่ดูแคลนเช่นนี้มาก่อน อีกฝ่ายยังมีฐานะเป็แค่เพียงหมัวมัวระดับล่างก็ยังกล้าตบหน้านางหรือ
สุดจะทนแล้ว!
นางเอาคืนทันทีโดยการตบหน้าอีกฝ่ายด้วยเสียงอันดังก้องกว่าเมื่อสักครู่!
เพียะ!!!
โจวหมัวมัวกุมใบหน้าของตนเอง นางเกิดโทสะแล้วเช่นกัน “เ้าเ้า...เ้าถึงกับกล้าลงมือกับข้าอย่างเหี้ยมโหดหรือ ได้ เ้ารอก่อน!”
เพียะ!!!!
“ดูว่าใครโเี้กว่าใคร”
ดวงตาทั้งคู่ของฮูหยินรองแดงก่ำ ั์ตาแทบจะถลนออกมาข้างนอกแล้ว “เ้า เ้า...งามหน้านัก! ยังกล้าลงมือจริงๆหรือ เ้ารอข้าก่อน!”
เพียะ!
“ยายแก่อย่างข้าก็มิใช่ว่าจะมีเื่ด้วยง่ายๆ!”
เพียะ!
“ข้าขอสู้ตายกับเ้าแล้ว!”
เพียะ!
“ยายแก่ข้างข้าก็ไม่มีอะไรจะเสีย! เ้าสู้มาเลย!”
เพียะ!
เพียะ!
เพียะ!
...
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ซ้ายขวา ซ้ายขวา มองคนทั้งสองผลัดกันตบหน้ากันไปมา แต่ละครั้งดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ละครั้งเหี้ยมโหดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อด้านมืดในจิตใจปรากฏออกมา ทุกคนได้แต่ตาค้างมองจนทึ่มทื่อ
นับั้แ่ฝ่ามือที่สามเป็ต้นมา องค์หญิงหลานซินก็รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล
เดิมทีเป็ฮองเฮาลงโทษคนทั้งสอง แต่หากเื่ราวผ่านพ้นไปย่อมต้องมีศัตรูเพิ่มขึ้น ตอนนี้กลับกลายเป็การต่อสู้ระหว่างฮูหยินรองและโจวหมัวมัว เมื่อเป็เช่นนี้ สำหรับสกุลเฟิ่งย่อมนับได้ว่าพวกเขาล่วงเกินไปแล้ว! เดิมทีคิดว่าศัตรูของศัตรูคือสหาย ฮูหยินรองสำหรับนางแล้วถือได้ว่ายังมีค่าเพราะยังนำมาใช้ประโยชน์ได้บ้าง ตอนนี้ดูแล้ว ฮูหยินรองไม่เกลียดชังนางเข้ากระดูกดำจึงจะแปลก ไม่ต้องกล่าวถึงว่าจะเป็พันธมิตร
ฮองเฮานางนี้ แผนการในใจล้ำลึกเกินไปแล้ว!
เมื่อก่อนนางประเมินอีกฝ่ายต่ำไปจริงๆ!
เฟิ่งซินเหยาดูเหตุการณ์ตรงหน้าจนโง่งม มารดาที่อยู่เบื้องหน้ากลายเป็หญิงกลางตลาดก็ไม่ปาน ด้านมืดของตัวตนปรากฏแก่สายตาผู้คน ช่างน่าอับอายขายหน้านัก!
นางหันไปลอบมองเซวียนหยวนเช่อที่ยืนสงบนิ่งอยู่ปราดหนึ่ง พี่เขยจะรังเกียจนางเพราะพฤติกรรมไม่งามของมารดาหรือไม่นะ
นาทีนี้ที่นางใส่ใจมิใช่ใบหน้าของมารดาจะเป็อะไรไปหรือไม่ แต่ที่นางใส่ใจยิ่งกว่าคือความคิดของพี่เขยที่มีต่อนาง ช่างน่าพิศวง!
เฟิ่งเฉี่ยนมองดูทุกอย่างด้วยสายตาเ็า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนเป็เื่ที่นางคาดเดาได้ั้แ่แรก และพวกนางทั้งสองคนไม่ทำให้นางต้องผิดหวัง
นี่คือผลลัพธ์ที่แม่เสือตัวหนึ่งมาปะทะกับแม่เสืออีกตัวหนึ่งแท้ๆ!
นางไม่มีอารมณ์จะดูต่อไปจึงเดินเข้าไปประคองจื่อซู “พวกเราไปเถิด ข้าพาเ้าไปทายา”
มองส่งสองนายบ่าวจากไป เซวียนหยวนเช่อกวักมือให้ลั่วหยิ่งแล้วกำชับเสียงเบาหลายประโยค ลั่วหยิ่งรับบัญชาแล้วออกไปทันที
เฟิ่งเฉี่ยนประคองจื่อซูมุ่งหน้าไปตามทิศทางของตำหนักเย็น ลั่วหยิ่งวิ่งตามมาจากด้านหลัง “ทูลเหนียงเหนียง ฝ่าาทรงมีราชการโองการ ให้พระองค์ย้ายกลับไปตำหนักเว่ยยางพ่ะย่ะค่ะ และอีกประเดี๋ยวจะส่งหมอหลวงไปทำแผลให้กับแม่นางจื่อซูพ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งเฉี่ยนประหลาดใจเล็กน้อย แต่มิได้เหนือความคาดหมายมากมายนัก
ก่อนกลับวัง เซวียนหยวนเช่อเคยพูดเอาไว้ว่าให้นางย้ายกลับไปตำหนักเว่ยยาง นี่เป็รางวัลที่นางรักษาไท่ฟู่จนหายดี
เดิมทีนางมิได้เต็มใจนัก แต่เมื่อเห็นาแของจื่อซูแล้ว ย่อมไม่เหมาะที่จะไปพำนักอยู่ในตำหนักเย็นที่หนาวเย็นและมีความอับชื้นสูงเช่นนั้นอีกต่อไป ดังนั้นนางยอมรับโดยดุษฎี
“เหนียงเหนียง ดีเหลือเกินเพคะ! ฝ่าาอนุญาตให้พระองค์ย้ายกลับมาตำหนักเว่ยยางแล้ว นับได้ว่าท่านหมดทุกข์หมดโศกแล้วเพคะ” จื่อซูพูดด้วยความยินดี
เฟิ่งเฉี่ยนกลับส่ายหน้า “เป็โชคหรือเป็เคราะห์ ยังไม่แน่”
จื่อซูไม่เข้าใจความหมายของนาง ความเ็ปตามร่างกายถาโถมเข้าใส่นางอีกครั้ง นางไม่มีเรี่ยวแรงจะใคร่ครวญอันใดได้อีก ร่างของนางโอนเอนแล้วหมดสติล้มลงทันที
“จื่อซู!” เฟิ่งเฉี่ยนประคองนางไว้ได้ทัน
“เหนียงเหนียง มอบให้กระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ลั่วหยิ่งอุ้มจื่อซูขึ้นมา ทั้งสามคนมุ่งหน้าไปยังตำหนักเว่ยยาง
เมื่อใกล้ถึงตำหนักเว่ยยาง ได้ยินเสียงคนทะเลาะวิวาทกันแต่ไกลๆ เฟิ่งเฉี่ยนชะงักฝีเท้าตั้งใจฟัง
“ฮองเฮาถูกส่งตัวเข้าตำหนักเย็น ไม่มีทางกลับมาได้อีก พวกเ้ายังทำความสะอาดทุกวัน มีประโยชน์อันใด ไม่สู้ไปติดตามฉีเหม่ยเหรินของพวกเรา รับรองว่าพวกเ้าได้อยู่ดีกินดี”
“ซุนกงกง ท่านไม่ต้องพูดอะไรให้เหนื่อยเปล่าอีกแล้ว พวกเราไม่ไปไหนทั้งสิ้น! เหนียงเหนียงเป็ถึงฮองเฮาที่อดีตฮ่องเต้ทรงเขียนราชโองการเอาไว้ ทั้งยังมีใต้เท้ามหาเสนาบดีคอยหนุนหลัง ช้าเร็วนางก็ต้องกลับมา! หรือต่อให้เหนียงเหนียงไม่กลับมา พวกเราก็ไม่ไป! ประการแรก พวกเราได้รับความเมตตาจากเหนียงเหนียงมากมาย ต่อให้ต้องแก่ตายอยู่ในวัง ก็ไม่มีทางทำเื่ทรยศเ้านายตัวเองออกมา ประการที่สอง ฉีเหม่ยเหรินนั้นขึ้นชื่อเื่กดขี่ข่มเหงรังแกบ่าวไพร่ คนในวังล้วนไม่มีใครยินยอมไปปรนนิบัตินาง หาไม่แล้วท่านก็ไม่ต้องเสียเวลามาหาคนไปปรนนิบัติ มิใช่หรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนฟังมาถึงตรงนี้ นับได้ว่ากระจ่างแจ้งแล้ว ที่แท้มีคนเห็นว่าต้นไม้ใหญ่เช่นนางล้มแล้วก็เลยมารื้อกำแพงถึงที่นี่
“เ้า...เ้ามันคนชั้นต่ำ! ให้เกียรติแล้วไม่ยอมรับ! คอยดูว่าข้าจะจัดการเ้าอย่างไร!”
ในลานเรือน ขันทีวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่และค่อนข้างอ้วนยื่นมืออกไปหมายจะตบหน้านางกำนัลาุโ
“ชิงเหอกูกู!” นางกำนัลคนอื่นๆ ใจนร้องออกมา ทว่าไม่มีใครกล้าเข้าไปขวาง
“ซุนกงกง ตำแหน่งของพวกเราอยู่ขั้นเดียวกัน ไฉนท่านจึงกล้า” นางกำนัลาุโถอยไปด้านหลังทีละก้าวๆ จนเกือบจะถึงประตูตำหนัก
ขันทีอ้วนใบหน้าเต็มไปด้วยเนื้อนั้นแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ไม่มีฮองเฮา พวกเ้าไม่ใช่อะไรทั้งสิ้น มีอะไรที่ข้าไม่กล้าหรือ”
ฝ่ามือถูกตวัดออกมาเต็มแรง นางกำนัลาุโหวาดกลัวจนหลับตาปี๋...
จากนั้น ไม่มีความเ็ปที่คาดว่าจะต้องได้รับ ในทางกลับกัน เสียงร้องด้วยความเ็ปของซุนกงกงดังขึ้นในโสตประสาทของนาง ชิงเหอค่อยๆ ลืมตาขึ้น เห็นมือของซุนกงกงถูกคนควบคุมเอาไว้อย่างแ่า เมื่อมองอีกครั้ง คนๆ นั้นสวมอาภรณ์สีขาว ทว่ากลับมีใบหน้าที่นางคุ้นเคย ลำคอของนางร้อนผ่าว ยกมือขึ้นอุดปากตนเอง นางตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออก
นางกำนัลเล็กๆ คนอื่นๆ ได้สติก่อนใคร แต่ละคนร้องเรียกออกมา น้ำเสียงนั้นทั้งตื่นเต้นและสั่นสะท้าน
“เหนียงเหนียง!”
“เหนียงเหนียงกลับมาแล้ว!”
“เป็เหนียงเหนียงจริงๆ เหนียงเหนียงกลับมาแล้วจริงๆ!”
“บ่าวถวายพระพรเหนียงเหนียง ทรงพระเจริญพันปี พันๆ ปีเพคะ!” นางกำนัลทั้งหกคนคุกเข่าลงกับพื้นดังตุบ
ชิงเหอได้สติในที่สุด นางคุกเข่าลงบนพื้นดังตุบ น้ำตาร้อนๆ คลอกระบอกตา “บ่าวถวายพระพรเหนียงเหนียง ทรงพระเจริญพันปี พันๆ ปีเพคะ!”