เยี่ยนเจาเจาอยากพูดคุยเื่เก่าๆ กับท่านแม่ของตนเอง แต่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าฮองเฮาจะเรียกนางเข้าวัง ทั้งยังส่งหัวหน้าขันทีมือดีที่สุดของพระองค์มาประกาศราชโองการ
และยังฝากประโยคเดิมของเยี่ยนเจาเจามาอีกด้วย “ให้คุณหนูห้านั่งขบวนเสด็จองค์หญิงครึ่งขบวนเข้าวังพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยนเจาเจาเกือบจะจินตนาการพระพักตร์ขี้เล่นของท่านป้าออกได้ ท่านป้าคงทราบเื่ทะเลาะวิวาทระหว่างนางกับเยี่ยนฟางหวาดังที่คาด
ทว่าเจาเจาก็ลอบยิ้มขื่นในใจ ก่อนหน้านี้นางคิดจะเข้าวังไปพบท่านป้าอยู่แล้ว คาดไม่ถึงว่าตนเองดันป่วยแล้วป่วยเล่า ทั้งยังโดนบ้านใหญ่ก่อกวน จนยามนี้ต้องให้ท่านป้ามีรับสั่งออกมาจากพระองค์เองว่าให้มารับนางเข้าวัง
หัวหน้าขันทีคนนั้นนามว่าซวงฝู เขารับใช้ฮองเฮามาั้แ่เล็ก เป็ที่โปรดปรานที่สุด
เมื่อซวงฝูมาถึง จวนเยี่ยนก็เอะอะวุ่นวาย โดยเฉพาะเยี่ยนหลิวซื่อ นางกลัวคนจากวังอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะปลดบรรดาศักดิ์หรือเอาความ นางก็ไม่อยากฟังทั้งนั้น
เยี่ยนหลิวซื่อที่ก่อนหน้ายัง “ป่วย” แต่ยามนี้ดีขึ้นทันตา นางหวีผมแต่งตัวจัดแถวรอซวงฝูนำราชโองการมาด้วยความร้อนใจ ไฉนได้ซวงฝูกลับไม่มาประตูใหญ่จวนเยี่ยน แต่เดินเข้าประตูข้างของสวนมวลบุปผาหอมแทน
ประตูใหญ่จัดเสียดิบดีไม่เดิน ไปเดินเข้าประตูข้างของสวนมวลบุปผาหอม!
เหล่าคนบ้านใหญ่โมโหจนแทบหงายหลัง ส่วนเยี่ยนหลิวซื่อนั้นโกรธถึงขั้นหน้ามืดจนสลบอยู่ที่หน้าประตูใหญ่จวนเยี่ยน แต่แม้พวกเขาจะโกรธมากแค่ไหน บ้านใหญ่ก็ทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทนและส่งคนไปเชิญซวงฝู
แม้ประตูใหญ่จวนเยี่ยนจะโกลาหลเพียงใด ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขที่สวนมวลบุปผาหอมสักนิด
ตอนที่ซวงฝูมาถึง เยี่ยนเจาเจากำลังอยู่ในห้องหลักของเรือนนภาคราม เอนพิงข้างกายท่านแม่เบาๆ ส่วนหนานิเหอตามเยี่ยนเหิงไปคัดกวีที่ห้องหนังสือ
ซวงฝูเข้าเฝ้าองค์หญิงฉงหยางก่อน เขาเกิดมาธรรมดา มีหน้าตาที่พิศมองหลายครั้งก็ยังจำไม่ได้
เขาเริ่มรับใช้องค์หญิงทั้งสองมาั้แ่เยาว์วัย ย่อมคุ้นเคยกับองค์หญิงฉงหยางเป็อย่างดี
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ข้างนอก ซวงฝูดูสำรวมกิริยาแม้ในยามสะบัดหน้าใส่หญิงรับใช้หลายคนที่บ้านใหญ่ส่งมาเชิญ แต่เมื่ออยู่หน้าพระพักตร์องค์หญิง เขากลับดูเป็มิตร ทั้งยังยิ้มเหมือนลูกหนังเดินได้จนริ้วรอยบนหน้าเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
เยี่ยนเจาเจาวิ่งเข้าวังบ่อยๆ จึงคุ้นเคยกับซวงฝูดี เมื่อเห็นหน้าเขาจึงเอ่ยกลั้วหัวเราะว่า “หัวหน้า ทำไมอ้วนขึ้นอีกแล้วเ้าคะ!”
“คุณหนูช่างมีสายตาเฉียบคมนัก มองออกด้วยว่านู๋ไฉ[1] อ้วนแล้ว! เหมือนองค์หญิงสมัยนั้นเป๊ะเลย ในวังก็มีเพียงฝ่าาที่มองออกขอรับ!”
ซวงฝูหัวเราะ ทำให้ริ้วรอยทั่วหน้ายิ่งเพิ่มมากขึ้น
โห! ช่างประจบประแจงเสียจริง!
ซวงฝูเป็ใครมาจากไหน?
เขาสามารถอยู่ข้างกายฮองเฮามาได้หลายปี ย่อมต้องมีไหวพริบเฉียบแหลมอยู่แล้ว เพียงประโยคเดียวก็ยอเสียจนองค์หญิงและเยี่ยนเจาเจาดีใจ และยังแอบยกยอฮองเฮาด้วย
เยี่ยนเจาเจาเองก็ค่อนข้างชอบหัวหน้าอ้วนผู้นี้ ชาติก่อนนางได้รับการดูแลจากเขาไม่น้อย ดังนั้นเลยไม่วางมาดคุณหนูตระกูลขุนนางต่อหน้าเขา
นางกำลังทานพุทราอยู่ พออารมณ์ดีเช่นนี้จึงมอบให้เขาสองลูก ดูฉลาดซุกซนมาก
เมื่อซวงฝูมาเชิญเจาเจาเข้าวัง องค์หญิงย่อมไม่ทัดทาน เพียงกำชับเจาเจาว่าอย่าถือดีเกินไป โดยเฉพาะกับเหล่าองค์ชายที่เป็ญาติผู้พี่ในวัง ยุยงให้น้อยหน่อย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เยี่ยนเจาเจาก็ยิ่งยิ้มร่าเริง
ชาติก่อนนางชอบเล่นกับพวกองค์ชายเ่าั้มาก หากนางจำไม่ผิด เมื่อหลายเดือนก่อนนางหยอกองค์ชายใหญ่กับองค์ชายสี่เื่อุปกรณ์ล้างพู่กันหยกขาว จนทั้งคู่ทะเลาะกันเพียงเพื่อเอาใจญาติผู้น้องอย่างเจาเจา
แม้ใบหน้านางยิ้มมีความสุข แต่ในใจกลับไม่ตลกเลย
ท่านป้ามีโอรสทั้งหมดห้าคน ทุกคนล้วนโตกว่านาง คนที่เด็กที่สุดก็คือเหลียงอินคนระยำนั่น
ท่านป้าของนางหลักแหลมราวกับปีศาจมาั้แ่เล็ก แต่องค์ชายพวกนี้กลับไม่ได้รับถ่ายทอดจากพระองค์มาเลยสักคน แต่ละคนเหมือนเป็คนโง่สำหรับเจาเจา
เยี่ยนเจาเจานึกถึงตรงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ชาติก่อนนางล่าห่านมาตลอดทั้งวัน คาดไม่ถึงว่าจะโดนห่านไล่จิกตา[2] จนเรือล่มในคลองระบายน้ำ[3] ต้องมาตายในมือเหลียงอิน
ญาติผู้พี่เหล่านี้ล้วนเป็คนดี องค์ชายใหญ่เหลียงหย่งเป็คนจริงจังพูดน้อย องค์ชายสองเหลียงเหวยเป็คนฉลาดเฉลียว องค์ชายสามเหลียงปู่เป็คนอ่อนโยนสงบนิ่ง องค์ชายสี่เหลียงหวาเป็คนกล้าหาญเที่ยงตรง มีเพียงองค์ชายห้าเหลียงอินเท่านั้นที่น่ารังเกียจ
เมื่อคำนวณดูแล้ว เหลียงอินคนสารเลวนั่นก็โดนรับกลับมาที่วังใน่นี้พอดี
ชาติก่อนนางช่วยให้เขาได้รับความโปรดปราน ชีวิตของเขาเลยดีขึ้นมาบ้าง หากชาตินี้ไม่มีนางก็ไม่รู้ว่าเหลียงอินจะได้อยู่ดีกินดีหรือไม่
เยี่ยนเจาเจานึกถึงเหลียงอิน มุมปากจึงปรากฏรอยยิ้มเย็นออกมาบางๆ
“จริงสิ ฝ่าาตรัสว่า้าพบคุณชายิเหอด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ซวงฝูเอ่ยด้วยรอยยิ้มระรื่น
ทว่าพระพักตร์องค์หญิงกลับงงงันเล็กน้อย ก่อนตรัสถาม “อาฮุ่ยอยากพบเขาทำไม?”
“ฝ่าาทรงได้ยินว่าคุณชายิเหอดูแลคุณหนูห้าตลอดทั้งคืนโดยไม่ผลัดกระทั่งอาภรณ์ รู้สึกซาบซึ้งพระทัยอย่างยิ่งจึงอยากพบหน้าค่าตาคุณชายพ่ะย่ะค่ะ”
ซวงฝูยิ้มจนดวงตาจมอยู่ใต้รอยย่นบนใบหน้า องค์หญิงหลุบพระเนตรลงเพื่อเก็บงำอารมณ์ความรู้สึกไว้ภายใน ก่อนจะแย้มสรวลบางๆ “ถ้าอย่างนั้นก็ให้ิเหอไปส่งเจาเจาเข้าวังพร้อมกัน”
หญิงรับใช้ในห้องหัวเราะกันครื้นเครง
หญิงรับใช้จากบ้านใหญ่เองก็อยู่หน้าประตูด้วย องค์หญิงมิได้ให้คนขัดขวางพวกนาง พวกนางจึงแอบฟังอยู่ตรงระเบียงเรือนนภาครามอย่างโจ่งแจ้ง ใครต่างก็รู้ว่าพวกนางอยู่ที่นั่น เพียงแต่ไม่สนใจว่าพวกนางจะได้ยินหรือไม่เท่านั้น
หากพวกนางเอาไปกระจายต่อ มันก็ไม่ใช่เื่สำคัญ
ไม่นานข่าวก็ส่งมาถึงบ้านใหญ่ เยี่ยนหลิวซื่อเพิ่งตื่นขึ้นมา ส่วนหวังซื่อกำลังพาเยี่ยนฟางหวาไปปรนนิบัติข้างกายนาง
“บังอาจ! เขากล้าดีอย่างไร!”
เยี่ยนหลิวซื่อเกือบเป็ลมไปอีกหน
หญิงรับใช้คนนั้นถอยออกมาอย่างรู้หน้าที่ หวังซื่อจึงเดินเข้าไปลูบ่อกของเยี่ยนหลิวซื่อเบาๆ พลางเกลี้ยกล่อมให้นางดื่มรังนกไหมเงินอุ่นๆ
ส่วนเยี่ยนฟางหวาทั้งอิจฉาและริษยาจนใบหน้าแดงก่ำ
ทั้งเมืองเซียงเฉิงใครบ้างจะไม่ทราบว่าฮองเฮาทรงโปรดปรานหลานสาวของตนเองที่สุด หากว่ากันตามกฏของสกุลเยี่ยน ชื่อของเยี่ยนเจาเจาจะต้องมีตัวอักษรฟางอยู่ด้วย แต่กฏนี้กลับไม่จำเป็สำหรับเจาเจา เพราะนางได้รับนามพระราชทานั้แ่เกิด
เจาเจา ที่แปลว่าส่องแสงดั่งตะวันแลจันทราอันสุกสกาว ใต้หล้านี้ยังไม่มีนามสตรีสูงศักดิ์คนใดจะล้ำค่าเท่านาง
ฮองเฮาแทบจะเด็ดดวงดาราบนฟ้ามาให้เจาเจาอยู่แล้ว สตรีมีตระกูลคนอื่นๆ อยากพบฝ่าากลับพบไม่ได้ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วก็ช่างน่าโมโหนัก
แน่นอนว่าเยี่ยนฟางหวาก็คิดว่าตนเองเป็หนึ่งในสตรีมีตระกูลเช่นกัน แม้จะเป็ความจริง เพราะนางเป็บุตรีฮูหยินเอกของท่านโหว เดิมทีฐานะไม่แย่ แต่เมื่อเทียบกับบุตรีคนเดียวขององค์หญิงฉงหยางแล้ว ฐานะของนางไม่มากพอจริงๆ
เมืองเซียงเฉิงหาบุตรีฮูหยินเอกท่านโหวได้สิบกว่าคน ทว่าเยี่ยนเจาเจากลับมีเพียงคนเดียว
หนานิเหอเป็แค่คนใบ้สูญเสียแม่ที่แม้แต่สกุลหนานยังไม่เอา มาวันนี้เกาะเยี่ยนเจาเจาได้พบฝ่าา เมื่อมีอำนาจ คนรอบตัวก็พลอยอาศัยบารมีไปด้วยจริงๆ!
เยี่ยนฟางหวารู้สึกอึดอัดคับข้องใจอยู่ครู่ใหญ่ก็ทนไม่ไหวจนพ่นประโยคหนึ่งออกมา “เป็เพียงชายถูกตอน กล้าดีอย่างไรมาเมินฮูหยินเฒ่า!”
คำพูดคำจาไม่ดีเช่นนี้ทำให้หวังซื่อปรายตาคมกริบใส่ทันที สายตาน่ากลัวจนเยี่ยนฟางหวาไม่กล้าพูดอะไรต่อ
แต่คำพูดนี้บังเอิญตรงใจเยี่ยนหลิวซื่อพอดี หวังซื่อจึงโดนตำหนิแทน “เอาเถอะ นางเป็แค่เด็กสาว วันนี้น่าน้อยใจจริงๆ เ้าก็อย่าเข้มงวดนัก”
บรรยากาศกำลังอึมครึม คาดไม่ถึงว่าจะมีขันทีน้อยมาที่บ้านใหญ่
“คุณหนูห้าประสงค์จะพาคุณหนูใหญ่เข้าวังด้วยกัน”
เชิงอรรถ
[1] นู๋ไฉ หมายถึง คำเรียกแทนตัวขันที
[2] ล่าห่านป่าตลอดวัน โดนห่านไล่จิกตา หมายถึง ผู้ที่มีความมั่นใจมากเกินไปจนประมาท
[3] เรือล่มในคลองระบายน้ำ หมายถึง เื่ที่ทำได้ดีมาตลอดกลับพลาด