หยวนจุนอดไม่ได้ที่จะัักระบี่ ความร้อนจากคมกระบี่ส่งผ่านมายังกลางฝ่ามือของเขา ก่อนที่ัสีม่วงจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนตัวกระบี่สีขาวหยก
“ตึกตัก ตึกตัก”
กระบี่ยาวที่อยู่ในมือของหยวนจุนสั่นเล็กน้อย บนกระบี่เกิดระลอกคลื่นที่แผ่เสียงอันหนักแน่นออกมา เสียงนั้นฟังแล้วเหมือนกับเสียงหัวใจกำลังเต้น
“อาวุธระดับิญญาขั้นสอง ฮาฮา ไม่ได้พบกันเสียนานเลยสหายเก่า!”
ขณะที่หยวนจุนกำลังปลดปล่อยปราณดารา กระบี่หยวนจุนก็ส่งเสียงออกมาราวกับว่ามีความรู้สึกนึกคิด และสามารถเข้าใจในสิ่งที่หยวนจุนกล่าวออกมาได้
“กระบี่ที่ไม่ธรรมดาเล่มนี้ ตอนนี้คงมีน้ำหนักถึงหกพันชั่งแล้ว!”
เสี่ยวเมิ่งดีใจ ทำให้ความตึงเครียดที่ปรากฏอยู่บนใบหน้างามค่อยๆ ผ่อนคลาย ด้วยฝีมือนักสร้างระดับปรมาจารย์ขั้นทั่วไปแล้ว การใช้พลังจิตควบคุมกระบี่หยวนจุนนั้นมิใช่เื่ที่จะทำได้ง่ายๆ
โชคดีที่หยวนจุนกับกระบี่มีพันธะผูกพันระหว่างกัน เพียงแค่จิติญญาของเขาไม่สูญสลาย พันธะนี้ก็จะอยู่กับเขาตลอดไป ตอนนี้กระบี่หนักถึงหกพันชั่งแล้ว แต่กลับเบาเหมือนดั่งขนนกเมื่ออยู่ในมือเขา
“เมื่อมีกระบี่นี้คอยช่วย ข้าก็สามารถสังหารนักยุทธ์ระดับวงแหวนใหญ่ขั้นหกได้แล้ว! ซึ่งหากใช้ร่วมกับวิชายุทธ์วิถีกระบี่ที่เหมาะกับข้าในตอนนี้ เกรงว่าแม้แต่ระดับวงแหวนเล็กขั้นเจ็ดก็มิใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”
หยวนจุนรู้สึกมีความสุขเป็อย่างมาก มุมปากของเขายกขึ้นเนื่องจากความตื่นเต้น เพียงแค่มีกระบี่หยวนจุนอยู่ในมือ เขาก็สามารถแสดงพลังได้เทียบเท่ากับต้นเพลิงอัคคีกลืน์!
หลังจากแสดงความดีใจออกมาแล้ว หยวนจุนจึงหยิบกระสวยเสวียนหลงที่เป็อาวุธเวทย์ชีวินของตนออกมา กระสวยทั้งห้ามีแสงสีดำกระจายอยู่รอบๆ มองแวบแรกมันมิได้มีพลังที่ทำให้ผู้คนรู้สึกประหลาดใจ ซึ่งตัวเขาก็เข้าใจดี
กระสวยเสวียนหลงที่ดูสงบนิ่งมีพลังมากพอที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว อีกทั้งประโยชน์การใช้งานก็ชัดเจนในตนเอง ดังนั้นเมื่อใช้คู่กับกระบี่หยวนจุนจึงทำให้เกิดผลที่น่าประหลาดใจ
หากอธิบายให้สามารถเข้าใจได้ง่าย คือ กระบี่เป็ตัวรับ และกระสวยเป็ตัวรุก
เปรียบได้กับกระบี่หยวนจุนเป็บานประตู ส่วนกระสวยเสวียนหลงออกล่าสังหาร
แม้วิชายุทธ์วิถีกระบี่จะแข็งแกร่งเป็อย่างมาก แต่ก็สามารถถูกนักยุทธ์ระดับเดียวกันที่มีอาวุธระดับสูงขัดขวางได้ ทั้งนี้ หากมีกระสวยเสวียนหลงออกไปด้วย ย่อมทำให้ศัตรูไม่ทันตั้งตัวอย่างแน่นอน
แม้าแจากกระสวยจะเล็กน้อย แต่ถ้าโดนจุดสำคัญก็สามารถทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
หยวนจุนเก็บอาวุธทั้งสองด้วยความพอใจ ก่อนจะส่งต่อคำพูดของผู้จัดการฉางกับโรงประมูลให้แก่เสี่ยวเมิ่ง นางหลับตาฟังและพยักหน้าเบาๆ จากนั้นจึงกล่าวว่า “โรงประมูลช่างอยู่เป็เสียจริง ในเมื่อเื่นี้ได้รับการตัดสินใจแล้ว เช่นนั้นเราก็มีความสามารถมากพอที่จะจัดการกับเจียงอิงเสียที”
“ในเมื่อเป็เช่นนี้เราก็ลงมือกันเลยเถอะ!”
เมื่อเห็นเสี่ยวเมิ่งร้อนใจ หยวนจุนจึงใช้มือแตะไปที่หน้าผากขาวของนางแล้วกล่าวว่า “เ้าใช้เวลาเกือบสองวันในการซ่อมแซมรอยร้าวของกระบี่ซึ่งสูญเสียพลังจิตไปเยอะ เ้าจะไม่พักผ่อนเสียหน่อยหรือ?”
จู่ๆ นางก็ััได้ถึงความอ่อนโยนของหยวนจุนจนทำให้รู้สึกเหมือนเป็กระต่ายที่อยู่ในอ้อมแขน นางเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกักและไม่คุ้นชินว่า “ข้า...ข้าเชื่อเ้าก็ได้”
หยวนจุนรีบดึงแขนกลับมาก่อนจะแสดงรอยยิ้มที่ไม่ค่อยได้เห็นออกไป เขากล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “พรุ่งนี้โรงประมูลจะมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสุสานโบราณแห่งหนึ่ง ข้าคิดว่าจะไปดูเสียหน่อย”
“เ้าพักผ่อนอยู่ในโรงประมูลไปก่อน รอข้ากลับมาค่อยวางแผนกัน”
“ได้” เสี่ยวเมิ่งพยักหน้าโดยไม่คิด แก้มสองข้างยังคงมีสีแดงระเรื่อ แม้นางจะเคยได้ยินเื่ของสุสานโบราณมาบ้าง แต่นางก็มิได้สนใจอะไร
วันต่อมา โรงประมูลได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสุสานโบราณของเมืองเทียนอวิ่น จากการสำรวจ ดูแล้วน่าจะเป็สุสานที่ไม่เคยมีผู้ใดค้นพบมาก่อน
ความเก่าแก่ของสุสานทำให้ไม่สามารถยืนยันเ้าของที่แท้จริงได้ แต่ตามตำราประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องแล้ว บุคคลนั้นคงเป็นักยุทธ์ที่เพิ่งเข้าระดับตะวัน และทั้งชีวิตก็ชอบสะสมอาวุธระดับิญญา
เมื่อได้ยินว่าเ้าของสุสานชอบสะสมอาวุธระดับิญญา ผู้คนที่อยู่ในนั้นต่างแสดงความ้าออกมาทันที
เมื่อสุสานนั้นถูกเปิดออก ไม่ว่าผู้ใดก็มีสิทธิ์ที่จะได้สมบัติที่อยู่ในนั้น ซึ่งถ้าหากโชคดี อาจได้รับอาวุธระดับิญญาที่มีมาั้แ่โบราณ!
สิ่งที่หยวนจุนสนใจมิใช่เื่ที่เ้าของสุสานชอบเก็บสะสมอาวุธระดับิญญา แต่เป็วิชายุทธ์ที่สืบทอดกันมาต่างหาก!
ในเมื่อคนผู้นี้ชอบสะสมอาวุธ ดังนั้นเขาจะต้องมีวิชายุทธ์อันทรงพลังที่สืบทอดต่อกันมาอย่างแน่นอน!
เหตุผลที่โรงประมูลเผยแพร่ข้อมูลสำคัญโดยที่ไม่คิดราคานี้ เพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่ว่าผู้ใดที่ได้ไปก็ใช่ว่าจะได้รับของที่ดีที่สุด
แทนที่จะนึกถึงแต่ผลประโยชน์ พวกเขาถือโอกาสแสดงน้ำใจด้วยการเผยแพร่ข้อมูลโดยที่ไม่คิดราคาดีกว่า ผู้ใดจะได้รับสิ่งใดก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตนเอง
เมื่อถูกถามถึงตำแหน่งที่ตั้งของสุสานนั้น ผู้จัดการโรงประมูลแสดงรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยข้อมูลออกมาเพียงเล็กน้อย เขาแจ้งว่าใน่เที่ยงของวันพรุ่งนี้จึงจะบอกทางเข้าสุสานที่หุบเขาใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากูเาสองแดน
วิธีนี้ไม่เพียงแต่หลีกเลี่ยงมิให้เกิดการต่อสู้ในหมู่นักยุทธ์เท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้คนสนใจโรงประมูลได้อย่างเต็มที่ด้วย
เช้าวันที่สอง เมื่อถึงเวลาต้องไป หยวนจุนจึงหยุดฝึกวิชากรงขังอสูร ก่อนจะสวมเสื้อคลุมสีดำที่เขานั้นพบโดยบังเอิญ
มีเื่สำคัญเช่นนี้เกิดขึ้นในเมืองเทียนอวิ่น ตระกูลเจียงต้องเข้าร่วมอย่างแน่นอน หากบังเอิญเจอกับคนตระกูลเจียงในสุสานโบราณ เช่นนั้นคงต้องลำบากเสียแล้ว
หลังจากเข้าไปในสุสานแล้ว ทุกคนต่างก็ต้องพึ่งตนเอง แม้โรงประมูลจะคอยช่วยเหลืออยู่บ้าง แต่ก็ไม่สามารถทำอย่างโจ่งแจ้งได้
ขณะที่กำลังจะออกจากห้อง เสี่ยวเมิ่งรีบเดินมาหาหยวนจุนแล้วกล่าวอย่างประหม่าเล็กน้อยว่า “พี่จุนต้องกลับมาอย่างปลอดภัยนะ”
หยวนจุนชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่คิดว่าเสี่ยวเมิ่งจะเรียกเขาด้วยสรรพนามเช่นนี้ แม้เขาจะไม่ค่อยคุ้นชิน แต่ก็พยักหน้าอย่างตั้งใจ
ขณะที่กำลังเดินทางออกจากโรงประมูล เขาเหลือบเห็นหลายๆ คนแต่งกายอย่างประหลาด ซึ่งเขานั้นมิได้สนใจมากนัก
การแต่งกายของผู้คนเ่าั้ทำให้หยวนจุนรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินไปยังหุบเขาใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากูเาสองแดน
แม้ตอนนี้จะยังไม่ถึงเวลาเที่ยง แต่ริมน้ำก็เต็มไปด้วยฝูงชน รอบๆ มีคนเยอะแยะมากมายแต่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเขาเลย
สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังผู้จัดการฉางที่ยืนอยู่ตรงกลาง เขาเหยียบอยู่บนก้อนหินที่สูงกว่าร้อยจั้งและมีนักยุทธ์ของโรงประมูลยืนอยู่ด้านหลัง ซึ่งพลังของนักยุทธ์ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นอย่างน้อยต้องอยู่ระดับจันทราวงแหวนใหญ่ขั้นห้า!
หากหยวนจุนคาดไม่ผิด คนผู้นั้นคือหนึ่งในผู้าุโระดับสูงของโรงประมูล!
ผู้าุโระดับสูงเพียงคนเดียวยังมีความแข็งแกร่งจนสามารถบดขยี้หลิววั่นซานซึ่งเป็หนึ่งในผู้นำเมืองได้ เห็นได้ว่าพลังที่ซ่อนอยู่ในโรงประมูลนั้นน่ากลัวมากเพียงใด
เมื่อทุกคนเห็นผู้าุโระดับสูงยืนอยู่ก็แสดงอาการใออกมา หากเขาลงมือชิงสมบัติที่อยู่ในสุสานแทนโรงประมูลแล้ว ผู้ใดจะกล้าสู้กับเขา!?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้