“พวกเ้ากินให้เสร็จค่อยคุยไม่ได้หรือ?” จางกุ้ยฮัวเริ่มทนไม่ได้กับเื่ที่พ่อลูกคุยกัน
หลิวเต้าเซียงแลบลิ้นเล็กๆ ออกมา แล้วรีบก้มหน้ากินข้าว
แต่ในใจยังคงคิดว่าจะเลี้ยงหมูกี่ตัว ไก่กี่ตัว อีกทั้งไก่เหล่านี้คงขายออกหน้าออกตาได้ก็ต้องไปเจรจากับเกาจิ่วแล้วทำสัญญาค้าขายอะไรเทือกนั้น
ขณะที่ทั้งครอบครัวกําลังรับประทานอาหาร จู่ๆ หลิวเสี่ยวหลันก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูปีกตะวันตกด้วยใบหน้าที่คร่ำเครียด ในมือถือชามข้าว ซึ่งไม่มีอะไรมากไปกว่าผัดเผือกเส้นกับพริก
เมื่อมองดูกับข้าวในถ้วยของนาง จางกุ้ยฮัวก็รีบวางถ้วยแล้วลุกขึ้น “หลันเอ๋อร์หรือ!”
หลังจากนั้นก็เอ่ยขึ้นอีกว่า “พวกข้ากำลังกินข้าว หากเ้าไม่รังเกียจก็มากินกับพวกเราสิ?”
ดวงตาของหลิวเสี่ยวหลันกลอกไปมา แล้วเอ่ย “ข้าได้กลิ่นเนื้อหมูเค็มลอยออกมาจากบ้านเ้าจึงนึกอยากมาดู ใครจะอยากกินของแบบนั้นกัน พี่สาม ข้าว่าท่านพี่ไม่รู้หรือว่าเกลือกับน้ำมันแพง เพิ่งจะแยกบ้านเอง ท่านก็ปล่อยให้กุ้ย...พี่สะใภ้สามใช้อย่างสิ้นเปลือง ถึงตอนที่ซ่อมบ้านเสร็จคงไม่เหลืออาหารดีๆ แล้ว!”
คําว่า ‘กุ้ยฮัว’ เกือบจะหลุดออกมาจากปาก ดีที่นางยังปิดปากไว้ได้ทัน
จางกุ้ยฮัวขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน นางดูออกว่าหลิวเสี่ยวหลันมาด้วยเหตุใด หลังจากมองหลิวซานกุ้ยแวบหนึ่งจึงกลับไปนั่งลง
หลิวเต้าเซียงแอบขยิบตาใส่มารดา จางกุ้ยฮัวมองดูท่าทางทะเล้นของนางจนเกือบหัวเราะออกมา
หลิวซานกุ้ยวางตะเกียบลงและเงยหน้าขึ้นมองหลิวเสี่ยวหลัน สําหรับน้องสาวคนเล็กคนนี้ที่ได้รับการปรนเปรอมาหลายปี ส่วนใหญ่เขาจะโอนอ่อนต่อนาง แต่คราวนี้คําพูดของนางกลับทําให้เขารู้สึกอึดอัดมาก
“น้องเล็ก กุ้ยฮัวยังเป็พี่สะใภ้ของเ้า นางจะดูแลบ้านไม่เป็ได้อย่างไร? เ้าเพิ่งอายุเจ็ดขวบ แล้วจะเข้าใจได้อย่างไรว่าน้ำมันกับเกลือแพง เอาเถิด รีบมานั่งลงข้างพี่สาม พี่สะใภ้สามเ้ารสมือไม่เลว ต่อไปพวกข้าย้ายออกไปแล้ว เ้าว่างก็มาเที่ยวหาได้”
เดิมทีเขาอยากจะพูดว่าต่อไปหากหลิวเสี่ยวหลันอยากกินอะไร ก็ให้ไปหาจางกุ้ยฮัวที่ฝั่งตรงหน้าแม่น้ำ เพียงแต่หลังจากถูกจางกุ้ยฮัวถลึงตาใส่ เขาจึงเปลี่ยนคำพูด ความหมายจึงเปลี่ยนไปด้วย
หลิวเต้าเซียงไม่พอใจที่ได้ยินสิ่งนี้ จึงบีบหลิวเสี่ยวหลันด้วยคําพูด “ท่านพ่อ ท่านพูดอะไร อาเล็กไม่มีทางเหลียวแลเนื้อหมูเค็มแบบนี้อยู่แล้ว นางชอบอาหารรสเลิศ ของเ่าั้มีเพียงบ้านเศรษฐีเ้าของที่จึงจะมีกินเชียวนะ”
นางเน้นย้ำคำว่า ‘เศรษฐีเ้าของที่’ อย่างหนักแน่น จนหลิวเสี่ยวหลันที่อยู่ตรงประตูมีสีหน้าไม่ดี
หลิวชิวเซียงโตกว่าหลิวเต้าเซียง จึงชิงชังอาเล็กผู้ที่ชอบมาตั้งกฎเกณฑ์กับพวกนางสองพี่น้องยิ่งนัก จนอยากทำเหมือนหลิวเสี่ยวหลันไม่มีตัวตนอยู่บนโลกนี้
“ใช่ ท่านพ่อ อาเล็กบอกแล้วว่าไม่อยากเหลียวแล อีกอย่างนางก็มีสาวใช้ปรนนิบัติ ไม่มีทางกินของเหล่านี้หรอก ท่านย่ารักอาเล็กมาก วันๆ กินแต่ไก่กับปลา”
ใบหน้าของหลิวเสี่ยวหลันเปลี่ยนเป็สีม่วงคล้ำด้วยความโกรธ จากนั้นหันขวับไปกระแทกถ้วยข้าวของตนที่อิงเอ๋อร์อย่างเต็มแรง
หลังจากที่ทั้งสองเดินออกไป จางกุ้ยฮัวมองไปที่ประตูด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ข้าวสีขาวหิมะสาดกระจายเต็มพื้น นางนึกเสียดาย เพราะชาวนากว่าจะปลูกข้าวออกมาได้แต่ละเม็ดช่างยากลำบากนัก
“ซานกุ้ย ข้าไม่ได้ชอบบ่น แต่เ้าดูสิ นิสัยของนางไม่ดีเลย หากคนในหมู่บ้านมาเห็นเข้า แล้วข่าวกระจายออกไป อาเล็กจะยังหมั้นหมายได้อยู่หรือ?!”
เป็ไปไม่ได้อย่างแน่นอน การสิ้นเปลืองเสบียงเป็สิ่งที่น่าเ็ปใจที่สุด
หลิวซานกุ้ยมองไปที่ข้าวตรงประตู ข้าวที่ไว้หุงคือข้าวที่เขากับหลิวต้าฟู่ใช้จอบค่อยๆ เพาะปลูกออกมาอย่างตรากตรำ ใช้หยาดเหงื่อแรงกายกว่าจะเก็บเกี่ยวข้าวเหล่านี้มาได้ ตอนนี้หลิวต้าฟู่บอกกับคนในหมู่บ้านอย่างภูมิใจว่า เขากับบุตรชายสามเป็ผู้เชี่ยวชาญการทำนา ซึ่งไม่ใช่การคุยโวแต่อย่างใด!
“กินเถิด”
คําพูดนี้กดดันสามแม่ลูกจนรู้สึกหนักอึ้งในใจ
หลิวเต้าเซียงถอนหายใจ “อารมณ์ของอาเล็กร้ายเกินไป การสิ้นเปลืองอาหารเป็เื่บาปที่จะโดนฟ้าผ่าเอาได้”
คําพูดของหลิวเต้าเซียงทําให้อารมณ์ของหลิวซานกุ้ยดีขึ้นมาก
จางกุ้ยฮัวฟังแล้วมีความสุข “พ่อดูสิ ลูกรองเ้าพูดว่าอะไร ครั้งนี้เ้าคงไม่ต้องห่วงพวกนางสองคนแล้ว”
แม้ว่าหลิวเต้าเซียงและหลิวเสี่ยวหลันจะมีระยะห่างเพราะชั้นความาุโ แต่ทั้งสองก็อายุรุ่นเดียวกัน จางกุ้ยฮัวรู้สึกว่าจิตใจได้รับการปลอบประโลมอย่างแท้จริง!
หลังจากที่หลิวซานกุ้ยทานอาหารไปสองคำ เขาก็พูดขึ้นว่า “ลูกรักของเราใครเห็นก็รัก”
ส่วนหลิวเสี่ยวหลันนั้นใครเห็นก็รังเกียจ!
หลิวเต้าเซียงคีบหมูสามชั้นเค็มมากัดหนึ่งคำ เมื่อกระทบกับฟันก็ส่งกลิ่นหอมมัน ในใจก็ยิ่งพูนสุข
วันรุ่งขึ้น หลิวซานกุ้ยและจางกุ้ยฮัวไปที่บ้านตรงข้ามลำธาร
วันนี้เป็วันแรกของการซ่อมแซมบ้าน หลิวซานกุ้ยไปเตรียมตัวแต่เช้า ส่วนจางกุ้ยฮัวและป้าหลี่นัดกันไว้ ทั้งสองมีหน้าที่ทําอาหารการกิน
เมื่อผู้ใหญ่มีงานยุ่งกัน ย่อมไม่มีใครมาควบคุมดูแลเด็กน้อยทั้งหลายในบ้าน
หลิวเต้าเซียงกินอาหารเช้าเสร็จก็เช็ดปากแล้วเอ่ยเสียงหวาน “ท่านพี่ วันนี้ข้าจะไปเที่ยวเล่นในตำบล แล้วจะซื้อเครื่องในหมูมาสักหน่อย”
“ข้าไม่ได้ยินแม่บอกว่าอยากซื้อนี่นา?” หลิวชิวเซียงมองอย่างสับสนและเงยหน้าขึ้นจากชามข้าว
“ท่านแม่ยุ่งอยู่ไม่ใช่หรือ แม้ว่าในบ้านจะมีเนื้อหมูเค็มและปลาเค็ม แต่จะกินแต่ของพวกนี้ก็ไม่ได้ กลางคืนเราทำกับข้าวหลายจานหน่อย จะได้ให้ท่านชายทั้งหลายได้กินอย่างอิ่มหนำสักมื้อ”
“เอ๋ เดี๋ยวนี้รู้จักเรียกท่านชายทั้งหลายแล้วนะ ก็ได้ๆ เ้าไปเถิด มีข้าอยู่”
หลิวชิวเซียงนับวันก็ยิ่งมีความเป็พี่คนโต
ส่วนหลิวเต้าเซียงยิ้มตาโค้ง
หลังจากปีใหม่ ตำบลเหลียนซานที่เงียบไปก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง
หลิวเต้าเซียงถือตะกร้าไม้ไผ่ใบเล็กไปที่บ้านของแม่เฒ่าจาง
หลังจากแยกครอบครัวออกจากกัน นางรู้สึกถึงความผ่อนคลายที่เข้าไปถึงในกระดูก
เช่นเดียวกับการออกจากบ้านเช้านี้ หลิวเสี่ยวหลันยืนมองนางจากตรงบันได หลิวเต้าเซียงไม่ได้ช้อนเปลือกตาขึ้นมามองด้วยซ้ำ และไม่บอกด้วยว่าตนเองจะไปไหน
หลิวเสี่ยวหลันเอ่ยถาม แต่หลิวเต้าเซียงทำเป็หูทวนลม จากนั้นหันหลังแล้วเดินออกจากประตูไป
หลังจากที่นางออกไป ก็ได้ยินเสียงแหกปากก่นด่าของหลิวฉีซื่อลอยออกมาอีกด้วย
พ่อครัวจางหรี่ตาพริ้มนั่งอยู่ตรงทางเดิน ในมือถือกาน้ำชาสีม่วง เขากำลังโยกศีรษะฮัมเพลงละครงิ้ว ชั่วขณะนั้นก็เห็นหลิวเต้าเซียงเข้าบ้านมา ใบหน้าจึงเผยรอยยิ้ม “นี่ คุณหนูรองหลิว ลมอะไรพัดเ้ามาที่นี่ รีบมานั่งในบ้านเร็วเข้า”
หลังจากพยายามมาหนึ่งปี ก็เพียงพอที่จะทำให้หลิวเต้าเซียงกับคนตระกูลจางมีสายสัมพันธ์อันดีต่อกันได้
“ท่านลุงจาง!”
พ่อครัวจางเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของเขาและพูดอย่างมีความสุขว่า “จ้ะ รีบมากินเฉียวกั่วแผ่น [1] เร็ว ท่านป้าทำเองเมื่อครู่”
ขนมเฉียวกั่วแผ่นเป็ขนมทอดชนิดหนึ่งที่ทําจากข้าวเหนียว ชิ้นบางๆ ใส่ในกระทะและทอด ทิ้งไว้ครู่เดียวก็จะแตกตัว เวลากัดทั้งกรอบและหอม เนื่องจากบางจึงไม่เปลืองน้ำมัน ด้วยเหตุนี้เวลากินจึงไม่เลี่ยนมาก
หลิวเต้าเซียงเดินไปอย่างเชื่อฟังและหยิบเก้าอี้เล็กมานั่งลง
“ครั้งก่อนท่านป้าก็ให้ท่านพ่อข้านำกลับไป ท่านแม่ข้าเอามาทอดกินหมดแล้ว”
นางกําลังพูดถึงตอนที่หลิวซานกุ้ยมาเพื่อสวัสดีตรุษจีนที่บ้านพ่อครัวจาง กัวซิวฝานและเกาจิ่ว
“บอกให้พ่อเ้าเอาไปเยอะหน่อยก็ไม่ยอม จะเอาไปแค่พอชิม ข้าบอกถึงว่า บัณฑิตมักจะมีมารยาทเช่นนี้แหละ”
ตอนนั้นพ่อครัวจางคงฟังคำพูดของหลิวซานกุ้ยไม่ค่อยเข้าใจ
หลิวเต้าเซียงยิ้มเบาๆ แล้วหยิบเฉียวกั๋วแผ่นมากินพร้อมกับพูดคุยกับพ่อครัวจางเรื่อยเปื่อย
มีเพียงพ่อครัวจางเท่านั้นที่อยู่บ้าน แม่เฒ่าจางกับลูกสะใภ้ออกไปทำงานแล้ว
“วันนี้เ้ามาเร็วเช่นนี้ เกรงว่าคงมีธุระอย่างนั้นหรือ” พ่อครัวจางเอ่ยถามอย่างยิ้มแย้ม
หลิวเต้าเซียงพยักหน้าและตอบว่า “อืม พ่อของข้าบอกหรือยังว่า ครอบครัวเราแยกออกมาแล้ว!”
พ่อครัวจางมองมาที่นาง ดูเหมือนเด็กสาวตัวน้อยจะอารมณ์ดีไม่น้อย
“ข้ายังไม่เคยได้ยินเื่นี้มาก่อน แต่ครอบครัวของเ้าแยกจากกัน ถึงตอนนั้นพวกเ้าจะอยู่ที่ไหนเล่า?”
หลิวเต้าเซียงเล่าเื่ที่ครอบครัววางแผนจะสร้างบ้านและเื่ในอนาคตให้เขาฟัง
“ท่านลุง ช่วยข้าออกความเห็นหน่อย!”
พ่อครัวจางดุด้วยรอยยิ้ม “เป็เด็กสาวตัวน้อยที่ชาญฉลาดจริงๆ รู้ว่าควรโยนเื่ให้ข้า ได้ เื่นี้ข้าจะถามนายท่านเกาจิ่วให้ อย่าเห็นว่าเขาอยู่แต่ที่นี่ จริงๆ แล้ว โรงเตี๊ยมฟู่กุ้ยในเขตชิงโจวมีถึงสิบสองแห่ง ในเขตชิงโจวนั้นมีทั้งทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเชียว!!”
หลิวเต้าเซียงนิ่งเงียบ หลังจากข้ามมิติมาได้หนึ่งปี ในที่สุดก็รู้ว่าบ้านที่ตนเองอยู่นั้นตั้งอยู่ที่เขตชิงโจว อำเภอถู่หนิว ตำบลเหลียนซาน หมู่บ้านสามสิบลี้
“ท่านลุง ข้าคงต้องรบกวนท่านช่วยพูดคำสวยงามน่าฟังสักหน่อย”
ขณะที่พูดก็หยิบไหเล็กๆ สองอันในตะกร้าข้างกายออกมาแล้วเอ่ย “นี่คือเหล้าองุ่นป่าที่พ่อข้าบ่มไว้ เอาไว้ให้นายท่านเกาจิ่วได้ลิ้มรส”
พ่อครัวจางยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “ได้เหล้าไหนี้ อีกเดี๋ยวข้าจะช่วยถามให้เ้าเอง เ้านั่งเล่นในบ้านข้าก่อน”
หลิวเต้าเซียงจงใจตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อใช้เวลาว่างของพ่อครัวจางในตอนเช้าให้มีประโยชน์ จะได้มาที่บ้านและพูดคุยเื่นี้
“ท่านลุงไปทำงานเถิด วันนี้ที่บ้านข้าซ่อมแซมบ้าน ข้ายังต้องไปซื้อของในตลาดก่อน อีกเดี๋ยวข้าค่อยกลับมาที่บ้านท่านลุง”
พ่อครัวจางยิ้มและตอบรับ จากนั้นก็ออกจากบ้านไปพร้อมกับหลิวเต้าเซียง
พ่อครัวจางไปหาเกาจิ่ว ส่วนหลิวเต้าเซียงไปที่ตลาดในตำบลเพื่อซื้อวัตถุดิบ และได้แยกกันตรงตรอก
ทั้งสองนัดเวลาพบกัน หลิวเต้าเซียงค่อยๆ เดินไปตามตรอก เมื่อหางตาเห็นพ่อครัวจางก้าวเท้าจากไป ดวงตาก็ฉายแววเป็ประกาย ยิ้มแย้มและปลดตะกร้าลงมาจากหลัง
จากนั้นนางก็เหลียวซ้ายแลขวาราวกับโจร ตอนนี้ยังเช้าอยู่ อีกทั้งวันนี้ไม่ใช่วันตลาดนัด ตรอกนี้จึงค่อนข้างเปลี่ยวโล่งไม่มีคน เพียงแค่กระพริบตา ในมือของนางก็มีไก่ปรากฏออกมา
นางหยิบเชือกหญ้าที่เตรียมไว้ผูกขาทั้งสองของไก่อย่างคล่องแคล่ว จากนั้นโยนมันเข้าไปในตะกร้าแล้วปัดมือ
“เซียงเซียง ผมไม่เข้าใจคุณจริงๆ ทําไมคุณไม่เอาออกมาอีกสักหน่อยล่ะครับ?”
“ท่านแม่ของฉันจะไม่เห็นด้วยน่ะสิ ฉันไม่กล้าซื้อเนื้อ จึงได้แต่ซื้อเครื่องในหมูแทน มิเช่นนั้นนางคงเ็ปใจจนนอนไม่หลับ”
จางกุ้ยฮัวไม่ได้ตระหนี่ แต่นางกลัวความยากจน เวลาทำอะไรจึงจะประหยัดไว้ก่อน
หลิวเต้าเซียงนำไก่ตรงไปที่ตลาดสด นางรู้จักตำบลเหลียนซานทั้งหมดเป็อย่างดี เนื้อในตลาดสดจะแพงกว่าสองอีแปะ ส่วนบนถนนหลักก็จะแพงกว่าในตลาดหนึ่งอีแปะ
แผงขายเนื้อสัตว์ในตลาดมีร้านมากกว่าที่อื่นประมาณสองสามร้าน
ตลาดสดเป็สถานที่ที่คึกคักที่สุดในตำบลเหลียนซาน มีคนที่ะโขายของ ต่อราคา หาเงิน แล้วก็คนเลือกผัก...
หลิวเต้าเซียงถามแผงขายหมูสองแห่งติดต่อกัน แต่เครื่องในหมูขายหมดแล้ว
-----
เชิงอรรถ
[1] เฉียว กั่ว (巧果) แปลว่า "ขนมแห่งความเฉลียวฉลาด" เป็ขนมพื้นเมืองจีนที่มีเอกลักษณ์มาก ทำจากงาเป็หลัก แต่ต้องใช้ฝีมือปรุงอย่างประณีต เป็ขนมที่นิยมทานกันในเทศกาลชีซี (七夕) หรือ วันขึ้น 7 ค่ำเดือน 7 วัตถุดิบ ใช้แป้งข้าวสาลี น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลข้าวมอลต์ เมล็ดงา เต้าหู้อ่อน เกลือ และน้ำมันพืช ดังรูป

