ฉับพลันนั้นพลังดูดซับอันแข็งแกร่งของไข่อสูรที่อยู่ข้างกายของมู่เฟิงก็ปะทุขึ้น มันเริ่มดูดซับพลังฟ้าดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้มันยังดูดซับพลังปราณภายในร่างของเด็กหนุ่มเข้าไปอีกด้วย
ไข่อสูรสีขาวฟองนี้เดิมทีก็คือไข่ของพญางูเหลือม ทว่าหลังจากที่มันได้ดูดซับพลังเืที่มู่เฟิงกลั่นออกมาเป็จำนวนมาก เปลือกไข่สีขาวของมันก็ถูกขัดเกลาจนกลายเป็เปลือกไข่สีใสสกาวราวกับคริสตัล กระทั่งสามารถมองเห็นลวดลายของเส้นเืที่อยู่ภายในได้ ซึ่งมันก็ดูงดงามเป็อย่างยิ่ง
คาดไม่ถึงว่าพลังดูดซับที่ปะทุออกมาจากไข่อสูรในครั้งนี้ จะสามารถดูดซับพลังฟ้าดินเข้าไปได้เป็จำนวนมาก รวมถึงพลังปราณในร่างของมู่เฟิงด้วยเช่นกัน!
มวลคลื่นพลังภายในร่างของมู่เฟิงยังคงส่งพลังปราณไปยังไข่อสูรฟองนั้นอย่างต่อเนื่อง และฉับพลันนั้นเสียงอัตราการเต้นของหัวใจก็พลันดังออกมาจากไข่อสูร!
เสียงที่ดังขึ้นโดยที่มู่เฟิงไม่ทันทีคาดคิดนี้ทำให้เขาประหลาดใจเป็อย่างมาก นอกจากนี้มวลคลื่นพลังที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นมาเมื่อครู่นั้น เนื่องจากมันถูกดูเอาพลังปราณไปเป็จำนวนมาก มันจึงมีแนวโน้มที่จะสลายไป!
แน่นอนว่าหากมวลคลื่นพลังลูกนี้สลายไป ความพากเพียรในการบ่มเพาะวรยุทธ์ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาย่อมสูญเปล่า และวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขั้นสองของเขาจะกลับคืนสู่ขั้นหนึ่งใหม่อีกครั้ง!
“เหมือนว่าเ้าตัวน้อยกำลังจะฟักตัวออกมาแล้ว เร็วเข้า รีบบีบแก่นโลหิตของเ้าให้กับข้าหนึ่งหยด ที่เหลือข้าจะควบคุมร่างกายของเ้าเอง”
ซีเยว่กล่าวอย่างเร่งรีบ
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่เฟิงรีบกัดปลายลิ้นของตนเองอย่างรวดเร็ว ภายในหัวใจของเขามีแก่นโลหิตทั้งหมดเจ็ดหยด เขาทำการส่งแก่นโลหิตมายังปลายลิ้นหนึ่งหยด ก่อนจะหยดมันลงบนฝ่ามือของตัวเอง
หลังจากนั้นซีเยว่ได้ทำการควบคุมแขนของมู่เฟิง นางใช้มีดแกะสลักลายเทวะดูดซับแก่นโลหิตหยดนั้น ก่อนจะเริ่มใช้มันสลักลายเส้นลงบนเปลือกไข่
ในขณะเดียวกันนั้น มู่เฟิงก็ได้กลืนยาบ่มเพาะพลังปราณลงไปหนึ่งขวด จากนั้นเขาก็กลั่นเม็ดยาให้เป็พลังปราณ ก่อนจะส่งพลังปราณเ่าั้เข้าไปยังมวลคลื่นพลังที่ได้รับความเสียหาย เพื่อป้องกันไม่ให้มวลคลื่นพลังลูกนั้นถูกทำลายลง
หลังจากนั้นไม่นาน ลายเส้นพลังปราณก็ถูกสลักลงบนเปลือกไข่เป็ที่เรียบร้อย จากนั้นซีเยว่ก็ได้ถอนตัวออกจากการควบคุมร่างกายของมู่เฟิง และคอยเฝ้าดูอยู่ด้านข้าง
ลายเส้นพลังปราณที่ปกคลุมอยู่บนเปลือกไข่ส่องประกายสีทองออกมา ซึ่งเป็สีของแก่นโลหิต และเปลือกไข่ยังคงดูดซับพลังปราณเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
เวลานี้มู่เฟิงได้กลืนยาบ่มเพาะพลังปราณเข้าไปติดต่อกันถึงสามขวดแล้ว ซึ่งเป็ยาบ่มเพาะพลังปราณสามสิบเม็ด จนกระทั่งไข่อสูรหยุดดูดซับพลังปราณลงในที่สุด
แปะ!
ทันใดนั้นมีเสียงแตกร้าวของเปลือกไข่ดังขึ้น
มู่เฟิงเบิกตากว้าง ขณะมองดูมันด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แปะ! แปะ!
เสียงแตกร้าวของเปลือกไข่ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างกระทบเข้ากับเปลือกไข่
พรึ่บ
ชิ้นส่วนของเปลือกไข่ที่แตกเริ่มร่วงหล่นลงบนพื้น จากนั้นได้ปรากฏศีรษะขนาดเล็กโผล่ออกมาจาก มันกำลังมองดูโลกกว้างด้วยสายตาแห่งความอยากรู้อยากเห็น และทันใดนั้นมันก็พบว่ามู่เฟิงกำลังจ้องมองมาที่มันด้วยดวงตาเบิกกว้าง
จากนั้นเ้าตัวเล็กก็เลื้อยออกมาจากรูของเปลือกไข่ที่ปริแตก จนเผยให้เห็นรูปร่างเพรียวบางของมัน
“นี่คืองูเหลือมหรือ?”
มู่เฟิงตกตะลึง!
เ้างูน้อยตัวนี้มีขนาดความยาวสามฟุตมีเกล็ดสีขาวทั่วทั้งตัว บนหัวของมันยังมีตุ่มสีแดงเืขนาดเล็กคล้ายกับเขา นอกจากนี้ผิวบริเวณหัว คอไปจนถึงหางยังมีเส้นโลหิตสีแดงเืแผ่กระจายเป็ลวดลายที่ดูสวยงามไม่น้อย ดวงตาของมันเป็สีทองเข้ม ทั้งยังแวววาวส่องประกายเฉลียวฉลาด
เมื่อเ้าตัวเล็กปรากฏตัว มันก็ส่งเสียงฟ่อแฟ่ออกมาตามสัญชาตญาณ จากนั้นมันก็เลื้อยเข้าไปหามู่เฟิง เด็กหนุ่มเหยียดแขนออกไปรับมันมาในทันที เ้างูน้อยจึงเลื้อยไปตามแขนและขึ้นไปบนตัวเขา หัวเล็กๆ ของมันถูไถลงบนแก้มของเด็กหนุ่ม
ความลื่นและความเย็นจากเกล็ดงูนั้นให้ความรู้สึกสบายไม่น้อย นอกจากนี้เ้างูน้อยยังแลบลิ้นเลียบนใบหน้าของมู่เฟิง ซึ่งลิ้นของมันไม่ได้มีลักษณะเป็สองแฉกเหมือนงูทั่วไป แต่เป็ลิ้นสีชมพูที่ดูนุ่มนิ่มเป็อย่างยิ่ง!
“หึๆ เ้าตัวเล็กช่างติดคนเสียจริง”
ภายในใจของมู่เฟิงรู้สึกถึงความอบอุ่นขึ้นมาทันใด เขาลูบลงบนเกล็ดเนียนเรียบราวกับหยกของเ้างูน้อยอย่างอ่อนโยน
“ฟ่อ ฟ่อ”
จากนั้นเ้าตัวเล็กก็เลื้อยลงจากตัวของมู่เฟิง มันเลื้อยไปยังเปลือกไข่ที่แตกของตัวเอง ก่อนจะเริ่มกัดกินเปลือกไข่นั้นเข้าไป
“เย่วเอ๋อร์ เหตุใดเ้างูน้อยตัวนี้ถึงดูไม่เหมือนกับงูเหลือมทั่วไปเลยเล่า!”
มู่เฟิงเอ่ยถามขึ้น
“อืม สัญญาณชีพของเ้างูน้อยตัวนี้แข็งแกร่งมาก มันไม่ใช่งูเหลือมธรรมดา เ้ามองเห็นเส้นโลหิตบนหลังของมันหรือไม่ คาดว่างูตัวนี้คงเป็งูกลายพันธุ์ มีแนวโน้มว่ามันจะมีวิวัฒนาการกลายเป็ัเจียวหลง*”
(*ัที่มีเกล็ดอยู่รอบกาย และกล่าวกันว่าเป็สัตว์ที่อาศัยอยู่น้ำ)
ซีเยว่กล่าว
“ัเจียวหลง”
ดวงตาของมู่เฟิงปรากฏร่องรอยของความคาดหวังขึ้นมาในทันที ัเจียวหลงเป็อสูริญญาในตำนาน การดำรงอยู่ของมันนั้นทรงพลังมหาศาล
“จริงสิ มาตั้งชื่อให้มันก่อนเถอะ” ซีเยว่กล่าวขึ้น
“งั้นเรียกว่ามันว่าเสี่ยวเทียนแล้วกัน”
มู่เฟิงหัวเราะออกมาขณะกล่าวขึ้น แววตาของซีเยว่ฉายชัดถึงความทุกข์ใจเมื่อได้ยินชื่อนี้ นางตระหนักได้ทันทีว่าการที่เด็กหนุ่มเลือกใช้ชื่อนี้เพราะ้าระลึกถึงบิดาของตน
หลังจากงูเหลือมตัวน้อยกัดกินเปลือกไข่เข้าไปจนหมดแล้ว ขนาดตัวของมันก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ในตอนแรกขนาดตัวมันมีความหนาเท่ากับแขนเด็กและมีความยาวสามฟุต แต่ตอนนี้ขนาดตัวของมันมีความหนาเท่ากับแขนของผู้ใหญ่และมีความยาวสองเมตร หัวของมันดูไม่เหมือนกับหัวของงูปกติ แต่ดูคล้ายกับหัวของั รอยนูนสีแดงเืบนหน้าผากปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด มองออกได้อย่างชัดเจนว่านั่นคือเขาัของมัน
แต่ทันใดนั้นลวดลายโลหิตบนหลังของมันก็พลันเคลื่อนไหวขยุบขยิบ จากนั้นร่างของมันกหดตัวเล็กลงจนเหลือเพียงสามฟุตตามเดิม เ้างูน้อยเลื้อยเข้าสู่อ้อมแขนของมู่เฟิงก่อนจะนอนขดตัวเป็เป็ลูกบอล มันนอนหลับในอ้อมแขนอันอบอุ่นของอีกฝ่าย ซึ่งเวลานี้ได้กลายเป็รังของมันไปโดยปริยายแล้ว
“ช่างน่าอัศจรรย์นัก มันสามารถเปลี่ยนขนาดร่างกายได้ด้วย”
มู่เฟิงก้มลงมองไปยังเ้างูน้อยที่อยู่ในชุดคลุมของเขาด้วยความประหลาดใจ
“ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงรูปร่างนั้นเป็หนึ่งในพลังอำนาจพื้นฐานของั แม้จะกล่าวได้ว่าเ้าตัวนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่พญางูเหลือม แต่หากจะบอกว่ามันเป็ันั้น ก็เกรงว่าจะยังห่างชั้นกันอยู่บ้าง จำเป็ต้องรอให้สายเืของมันเกิดการวิวัฒนาการขึ้นอีกครั้งเสียก่อน”
ซีเยว่กล่าว
“อืม คิกๆ เช่นนั้นข้าจะรอคอยวันที่เ้างูน้อยทะยานขึ้นสู่์เก้าชั้นฟ้า กลายเป็ัได้อย่างแท้จริง”
ภายในใจของมู่เฟิงนั้นเต็มไปด้วยความคาดหวัง วันนี้เขาได้ยุติการฝึกฝนไว้เพียงเท่านี้ จากนั้นเด็กหนุ่มได้เดินออกมาจากห้องฝึกซ้อมในทันที
ส่วนอาวุธปราณทั้งสี่สิบชิ้นตามคำสั่งซื้อนั้น เขาได้จัดทำขึ้นมาจนครบตามกำหนดแล้ว
หลังจากมู่เฟิงเดินออกมาจากห้องฝึกได้ไม่นาน มู่จงก็เข้ามารายงานบางอย่างทันที
“คุณชาย ท่านผู้นำตระกูลมู่ไห่ขอให้ท่านออกไปพบขอรับ”
มู่จงกล่าวด้วยความเคารพ
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว คาดว่าท่านอาไห่คงเตรียมพร้อมที่จะไปตกปลาแล้ว ท่านอาจงก็ไปด้วยกันกับข้าเถอะ”
มู่เฟิงหัวเราะร่า จากนั้นคนทั้งสองก็ได้เดินไปยังเรือนหลักด้วยกัน
ภายในโถงรับรอง
“เสี่ยวเฟิง เ้าออกมาจากการปิดด่านฝึกตนแล้วหรือ?”
มู่ไห่เอ่ยถามขึ้น ขณะให้บ่าวรับใช้ยกน้ำชาออกมาต้อนรับ
“ขอรับ ท่านอาไห่ ท่านเรียกหาข้า หรือว่าถึงเวลาแล้วหรือขอรับ?”
มู่เฟิงเอ่ยถาม
“ข้าได้จัดการส่งสินค้าพวกนั้นออกมาจากเมืองอันซีแล้ว”
มู่ไห่กล่าวตอบ
“อืม... หากตามเวลา ตอนนี้คงใกล้จะถึงแล้ว แท้จริงแล้วเื่นี้จะเป็หลุมพรางของผู้อื่นหรือไม่ อีกไม่นานคงได้รู้กัน”
มู่เฟิงพยักหน้า
จากนั้นมู่ไห่ได้เขียนจดหมายส่งไปยังเมืองอันซี
เมืองอันซีอยู่ห่างจากเมืองอันหนานเป็ระยะทางสี่ร้อยลี้ ในระหว่างทางนั้นจำเป็ต้องผ่านเส้นทางูเาและหมู่บ้านจำนวนไม่น้อย
ณ เมืองอันซี มีกลุ่มรถม้าสามคันและกล่องเหล็กขนาดใหญ่หลายใบกำลังเดินทางมุ่งหน้าออกมาจากเมืองอันซี
โดยในขบวนนี้มีผู้คุ้มกันมากกว่ายี่สิบคน พวกเขาล้วนเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่ นอกจากนี้ยังมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังอีกสองคน ซึ่งคนทั้งหมดนี้ล้วนเป็คนของตระกูลมู่
ห่างจากขนวนรถม้า มีเงาร่างของคนผู้หนึ่งกำลังเฝ้าดูลาดเลาอยู่ จากนั้นเขาได้ลอบปล่อยนกพิราบสองตัวออกไปส่งข่าว
บนถนนสายหลักซึ่งห่างจากเมืองอันซีออกมากว่าหกสิบลี้ เวลานี้มีกลุ่มชายฉกรรจ์กว่าสามสิบคนกำลังรวมตัวกันอยู่ภายในห้องพักแห่งหนึ่งในโรงเตี๊ยมขนาดเล็ก ทุกคนต่างสวมใส่ชุดคลุมสีดำและมีคลุมผ้าปิดหน้า
“เรียนท่านผู้นำ ขบวนรถของตระกูลมู่ได้ออกเดินทางแล้วขอรับ มีคนคุ้มกันทั้งหมดยี่สิบสามคน ซึ่งมีจำนวนคนเพิ่มขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังมีผู้าุโสี่และผู้าุโห้าของตระกูลมู่ติดตามมาด้วยขอรับ คาดว่าพวกเขาจะมาถึงที่นี่ใน่เย็น”
ชายชุดดำผู้หนึ่งเดินเข้ามาภายในห้อง ก่อนจะกล่าวรายงานด้วยความเคารพ
“อือ อย่าให้ใครเหลือรอดไปได้ เข้าใจหรือไม่?”
ชายผู้นั้นกล่าวขึ้นอย่างเ็า