“เ้าทึ่มจ้าว เ้าต้องดูแลชีเหนียงให้ดีนะ อย่าให้นางโดนหลอกได้” หลิงชางไห่เห็นถึงความลำบากใจของชีเหนียงั้แ่แรก หลังจากรู้ว่าชีเหนียงตั้งใจจะไปแหล่งค้าทาส จึงบอกให้ออกไปกับจ้าวจือชิง
“เร็วเข้า รีบไปแต่เช้าตอนฟ้ายังไม่สาง กลับมายังพอซื้อของใช้ปีใหม่ได้เพิ่มอีกสักหน่อย”
หลิงชางไห่เร่งพวกเขาให้ออกเดินทาง จ้าวจือชิงครอบเกวียนอยู่ด้านข้างเงียบๆ
ชีเหนียงขยับริมฝีปากบ่นหลิงชางไห่ “เสื้อบุนวมที่เพิ่งทำให้ท่านไม่ถือเป็ของปีใหม่ เป็ดตุ๋นที่ทำก่อนหน้านี้ ท่านก็กินไปไม่น้อย เหตุใดจึงยังไม่สามารถปิดปากท่านได้อีก”
เมื่อรู้ว่าชีเหนียงกำลังเขินอาย หลิงชางไห่จึงยิ้มแย้มและไม่สนใจนาง ชีเหนียงได้แต่ขึ้นเกวียน ระหว่างทางทั้งสองยังมีความอึดอัดเล็กน้อย
......
เมื่อถึงแหล่งค้าทาส ชีเหนียงบอกเงื่อนไขของตนเองให้แม่ค้านายหน้า
“ทางที่ดีที่สุดคือรู้หนังสือ ขอคนมีอายุสักคน เด็กๆ สักสามคน แล้วก็แม่เฒ่ารับใช้อีกไม่กี่คนก็พอ”
พอแม่ค้านายหน้าได้ฟังก็รู้ว่านี่คือการค้าขายชิ้นใหญ่ ภายในพริบตา นางรีบเอ่ย “ข้ามีคนที่เหมาะสมอยู่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าท่านมีข้อห้ามใดหรือไม่”
แม่ค้านายหน้าชี้ไปยังคนจำนวนเจ็ดคนที่รวมตัวกันอยู่ไม่ไกล “นั่นคือครอบครัวเดียวกัน ได้ยินว่าครอบครัวกระทำผิดกฎหมาย เ้าบ้านถูกฆ่าตาย จึงเหลือเพียงคนวัยเยาว์ไม่กี่คน”
“คนโตสุดปีนี้อายุยี่สิบ อ่านเขียนหนังสือและคำนวณเลขได้ ส่วนสามคนนั้นคือเด็กเล็ก ปกติมีไหวพริบดี ส่วนหญิงสาวฝั่งซ้ายสองคน คนโตคือภรรยาของคนผู้นั้น ส่วนคนเล็กกว่าคือน้องสาวของนาง แล้วยังมีแม่เฒ่าสูงอายุหนึ่งคน ตอนนี้กำลังป่วยและรอความตายอยู่”
คนแซ่โจวครอบครัวนี้ หากจะซื้อก็ต้องซื้อทั้งครอบครัว ถึงแม้ต้องอดตายก็ไม่ยอมแยกจากกันเด็ดขาด
ชีเหนียงมองดูคนตัวน้อยใหญ่กลุ่มนี้และลังเลเล็กน้อย นางไม่ได้มีข้อห้ามใด เพียงแต่คนเหล่านี้ต่างจากสิ่งที่นางจินตนาการไว้อยู่บ้าง
ขณะที่นางกำลังลังเล เด็กสาวตัวน้อยก็วิ่งมาคุกเข่าลงด้านหน้าของนาง “ขอร้องพี่สาวใจดีช่วยซื้อพวกข้าไว้ด้วยเถอะ พี่ใหญ่ข้าเก่งกาจสามารถทำงานได้มากมาย ข้าเองก็ทำงานได้หลายอย่าง เด็กผู้ชายทั้งหลายก็กินน้อยมาก ท่านช่วยรับซื้อพวกข้าไว้เถอะนะเ้าคะ”
แม้เด็กสาวตัวน้อยจะใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก แต่ดวงตาคู่นั้นกลับใสบริสุทธิ์ เหมือนไม่ได้แปดเปื้อนเพราะความโหดร้ายของโลกนี้แต่อย่างใด คนครอบครัวนี้ปกป้องนางเป็อย่างดี
“น้องเล็ก กลับมา!” พี่ใหญ่ที่ถูกกล่าวถึงเปล่งเสียงเรียกและเดินเข้ามาฉุดนางกลับไป
“ข้าไม่กลับไป ท่านย่าไม่สบาย และกำลังจะตาย ข้าไม่กลับไป ข้าไม่อยากให้ท่านย่าต้องตาย”
สองพี่น้องยื้อยุดกันอยู่ข้างๆ จากนั้นไม่นานเด็กชายตัวเล็กก็ล้อมพวกเขาไว้ ชัดเจนว่าอยู่ข้างเดียวกับเด็กสาวตัวน้อย
ชีเหนียงมองดูพวกเขา พลันคิดถึงลั่วจิ่งเฉินกับลูกอีกสองคนของนาง นางมองแม่ค้านายหน้าและขมวดคิ้ว “ครอบครัวนี้เกรงว่าคงไม่ได้การ หากซื้อกลับไปแล้วรักษาหายก็ดี แต่หากรักษาไม่หาย เสียเงินเปล่าไม่ว่า แต่ต้องเสียแรงและพลังงานไปเปล่าๆ เช่นกัน”
เมื่อแม่ค้านายหน้าได้ฟังก็จับใจความได้ว่า นางมีใจอยากซื้อ แต่ก็คิดว่าราคาสูงไป จึงดึงชีเหนียงออกไปคุยด้วยกันแบบลับๆ “ชายหนุ่มที่แข็งแรงราคาห้าตำลึง เด็กเล็กสามคนข้าคิดท่านหนึ่งตำลึง ส่วนสตรีสองคน ข้าคิดสองตำลึง คนสูงวัยถือเสียว่าเป็ของแถมไปด้วย ดีหรือไม่?”
คนจำนวนเจ็ดคนเท่ากับแปดตำลึงก็ไม่เลว เพียงแต่ชีเหนียงรู้ว่านี่ไม่ใช่ราคาขายต่ำสุดของแม่ค้านายหน้า
“ไม่ได้หรอก ชายหนุ่มแข็งแรงอะไรกัน เ้าดูเขาสิอย่างกับก้านไม้ ไม่แน่ว่าคงถูกพวกเ้าปล่อยให้อดอยากจนร่างกายเสียหาย ซื้อกลับไปคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องบำรุงอีกไม่น้อย เอาเช่นนี้ สามตำลึง ข้าจะซื้อ”
“ไอ้หยา แม่นาง สามตำลึง ข้าคงขาดทุนแย่เลย สี่ตำลึงครึ่ง น้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว ที่ข้าพูดหมายถึงแค่ราคาของเ้าเด็กหนุ่มนั่นนะ”
ชีเหนียงได้ยินเช่นนี้ก็ส่ายหน้าต่อเนื่อง “เช่นนี้ก็แล้วกัน เจ็ดคน ข้าจะให้เ้าทั้งหมดห้าตำลึง เ้าคงไม่ได้ขาดทุนหรอกนะ”
เมื่อแม่ค้านายหน้าได้ยิน นี่ไม่เพียงจะลดราคาของเ้าเด็กหนุ่มร่างกายแข็งแรง แต่ยิ่งกว่านั้นคือจะลดราคาคนทั้งหมด ฉับพลันนางก็เริ่มไม่พอใจ
เมื่อเห็นสีหน้าของแม่ค้านายหน้า ชีเหนียงก็รู้ว่านี่คือราคาที่ต่ำไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
“เอาเช่นนี้ ข้าเห็นว่าฤดูหนาวแล้ว ทุกคนลำบากกันมาก ข้าจะเพิ่มให้เ้าอีกครึ่งเฉียน หากเ้าไม่ยินยอม เช่นนั้นข้าไม่ซื้อก็ได้ เพราะถึงอย่างไรบ้านข้าก็ยังไม่รีบใช้คน” ชีเหนียงทำท่าจะจากไป “ถึงอย่างไร ปีใหม่แล้ว ซื้อคนไปยังต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้อีกและมีปากท้องเพิ่มอีก ช่างเถอะๆ”
เมื่อเห็นว่าลาภกำลังจะหลุดลอยไป แม่ค้านายหน้าก็กัดฟันห้ามไว้ “ไม่เคยเห็นคนที่ต่อรองราคาเก่งเท่าท่านมาก่อน ช่างเถอะ ยกคนให้ท่านก็ได้”
แม่ค้านายหน้ามอบสัญญาทาสให้แก่ชีเหนียง ชีเหนียงเองก็นับเงินจ่ายให้นางทันที
......
“ข้าแซ่ลั่ว นามว่าชีเหนียง พวกเ้าเรียกข้าว่าน้าลั่วก็ได้ วันนี้พวกเ้าไปค้างแรมที่ร้านค้าก่อน วันรุ่งขึ้นค่อยกลับกับข้า” ชีเหนียงพาคนไปยังห้องนอนด้านหลังร้านค้า
“สถานที่ไม่กว้างนัก ลำบากพวกเ้าพักไปก่อนหนึ่งคืน อีกเดี๋ยวจะให้ท่านหมอมารักษาอาการป่วยให้ผู้าุโ”
โจวย่าอวิ๋นคิดไม่ถึงว่าตนเองจะได้เจอกับคนดีเช่นนี้ จากวินาทีที่โดนซื้อตัวเมื่อครู่ เขาก็คอยห่วงว่าคนผู้นี้จะโยนท่านย่าออกไปเพราะความอัปมงคล หากแต่เป็ตัวเองที่คิดผิดไป
“โจวย่าอวิ๋นขอบพระคุณนายหญิง!” โจวย่าอวิ๋นทำท่าจะคุกเข่า หากแต่ชีเหนียงกลับทนเห็นสิ่งเหล่านี้ไม่ได้
“อย่าเลย ครอบครัวเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับพิธีรีตองเหล่านี้” นางเองก็ดูออกว่าโจวย่าอวิ๋นรู้มารยาท แม้ว่าเขากับน้องๆ จะหิวจนท้องไส้กิ่ว แต่ก็มีมารยาทบนโต๊ะอาหารอย่างดี โดยเฉพาะภรรยาของโจวย่าอวิ๋นที่มีกิริยาวาจาเฉกเช่นกุลสตรีตระกูลใหญ่
ดูแล้วครอบครัวนี้ในอดีต หากมิใช่ตระกูลสูงศักดิ์ก็คงร่ำรวยอย่างมากมาก่อน
“อย่างอื่นข้าคงไม่ขอพูดมาก ข้าจะไม่ถามว่าแต่ก่อนพวกเ้ามีตัวตนอย่างไรหรือเป็ใคร เพียงแต่บ้านสกุลลั่วของข้านั้นเล็กจ้อย แต่เมื่อได้มาอยู่พวกเ้าหาได้ต้องห่วงเื่อาหารการกินเครื่องนุ่งห่มไม่ เพียงแต่อย่างอื่นคงไม่ได้” ลั่วชีเหนียงอดไม่ได้ที่จะตักเตือนไว้ก่อน
“ทว่าหากภายภาคหน้าพวกเ้า้าออกจากบ้านสกุลลั่ว เมื่อถึงเวลาก็มาบอกกับข้าได้ ข้าไม่มีทางรั้งพวกเ้าไว้”
ครอบครัวแตกสลาย ในใจย่อมมีความเกลียดชังซ่อนเร้น เด็กอาจจะไม่รู้ความ แต่สำหรับโจวย่าอวิ๋นแล้ว จำต้องลืมไม่ลงแน่ นางไม่อาจวาดหวังให้ผู้อื่นลืมความแค้น เพียงแต่หากคิดจะแก้แค้น ก็อย่าได้โยงพวกนางไปเกี่ยวข้องด้วยเด็ดขาด
โจวย่าอวิ๋นเองก็เข้าใจความหมายของนาง จึงรีบรับประกัน “นายหญิงวางใจได้ ข้าโจวย่าอวิ๋นมิใช่คนที่ไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดี ชั่วชีวิตนี้เพียงแค่อยากให้ทั้งครอบครัวอยู่ด้วยกันพร้อมเพรียงอย่างสงบสุข”
หลังจัดแจงเรียบร้อย ชีเหนียงถึงกลับไปพร้อมกับจ้าวจือชิง
......
ระหว่างทางจ้าวจือชิงอาศัยแสงจันทร์มองดูใบหน้าอ่อนโยนของนาง นางมักจะเมตตาใจดีเช่นนี้เสมอ ทั้งที่รู้ว่าการซื้อครอบครัวโจวย่าอวิ๋นอาจจะนำปัญหามาให้ตนเองได้ แต่กลับทำใจให้ครอบครัวของพวกเขาพลัดพรากจากกันไม่ได้
“เ้าทำเช่นนี้จะไม่เสียใจภายหลังแน่หรือ?”
“อะไรนะ?”
ชีเหนียงไม่เข้าใจความหมายของเขา
“ทั้งที่เ้ารู้ว่าพวกเขาคือภัยร้าย หากไม่เพราะความยากจนข้นแค้น ตอนนี้พวกเขาจึงลืมความเคียดแค้นชิงชังชั่วคราว แต่หากมีชีวิตดีขึ้น คาดว่าต้องเกิดความคิดบางอย่างแน่ เ้ากลัวได้รับผลกระทบที่สุดมิใช่หรือ?”
ริมฝีปากของชีเหนียงกระตุก คนผู้นี้ใจแคบนัก คำพูดก่อนหน้าของตนเองที่เคยพูดกับเขา ตอนนี้กลับนำมาพูดตอกกลับตนเองอย่างครบถ้วน เสียแรงที่ก่อนหน้านี้นางคิดว่าจ้าวจือชิงคือคนซื่อตรง คิดไม่ถึงว่าเ้าทึ่มกลับจิตใจคับแคบ
ถูกต้องแล้ว จนถึงตอนนี้ชีเหนียงยังคิดว่าจ้าวจือชิงคือเ้าทึ่มจ้าวเหมือนเมื่อก่อน
ชีเหนียงถอนหายใจยาวหนึ่งครั้ง “ใช่แล้ว ข้ากลัวได้รับผลกระทบ อันที่จริงหากมีเพียงข้าก็แล้วไป ไม่ว่าจะคำนินทาหรือชีวิตเลวร้าย ข้าก็ไม่ได้หวาดกลัว เพียงแต่ข้ามีลูกหลายคน ก็ต้องคิดมากกว่าเดิม ข้า้าให้พวกเขาไม่ต้องห่วงเื่อาหารการกินเครื่องนุ่งห่ม ้าให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างที่หัวใจพวกเขาปรารถนา ทำให้พวกเขาได้ทำในสิ่งที่ตนเองชอบ”
-----