“ประเดี๋ยวให้สืออีนำหม้อไฟไปให้หลานเยว่เฉิง เขาร้องอยากจะทาน ชานมด้วยนะเ้าคะ” เวินซีเก็บความคิดเื่นั้นไว้ และไม่คิดมากอีก
“ให้สืออีไปส่งหรือ?” จ้าวต้านขมวดคิ้วและเม้มริมฝีปากเป็เส้นตรง
“เขาไม่รู้เสียหน่อยว่าเราสงสัยเขา ในเมื่อเป็เช่นนี้เราก็ใช้แผนซ้อนแผน ดูว่าพวกเขาอยากจะทำสิ่งใด วางใจเถิดเ้าค่ะ ข้ามีวิธีรับมือ”
เวินซีคิดถึงพวกทหารลับในถ้ำ นางก็มีสีหน้ามั่นใจ
โชคดีที่นางมิได้วางยาพิษพวกเขาต่อหน้าสืออี ในยามนี้พวกเขาจึงกลายเป็ไพ่ตายของนาง
“ได้” จ้าวต้านพยักหน้าเห็นด้วย “ข้าจะเตรียมหม้อไฟให้”
“เ้าค่ะ จริงสิ ใส่ยาเม็ดนี้ลงไปด้วยสิ” เวินซีหยิบยาเม็ดสีน้ำตาลออกมาจากแขนเสื้อพลันส่งให้จ้าวต้าน
จ้าวต้านรับไปด้วยความสงสัย มองดูยาที่วางอยู่บนมือ “นี่คือสิ่งใดหรือ?”
“ในเมื่อพวกเขาใช้เนี่ยนหานกู่กับท่าน เราก็ต้องทำกลับบ้างสิ มันเรียกว่าเชียนฉานจี เป็ยาพิษที่ข้าทำเอง ตอนแรกจะไม่มีความผิดปกติใด แต่นานวันเข้าพิษจะทรงพลังขึ้นจนกระทั่งกระจายไปสู่อวัยวะทุกส่วนของผู้ที่ได้รับพิษ”
“สุดท้ายก็จะตายหรือ?”
“ไม่ตาย ท่านไม่คิดว่าการทำให้คนเ็ปเสียยิ่งกว่าตาย ดีกว่าให้ตายไปง่ายๆ หรือ?”
“มียาแก้พิษหรือไม่?”
“ไม่มี ข้าเองก็ไม่มีเช่นกัน การทำเชียนฉานจีนั้นซับซ้อนมาก มันได้รวมพิษมากมายทั้งใต้หล้าไว้ แม้จะถอนพิษชนิดหนึ่งออกไปได้ แต่จะยิ่งเพิ่มความรุนแรงให้กับพิษชนิดอื่นเมื่อแผลงฤทธิ์ ได้ยินแล้วท่านรู้สึกว่าข้าโเี้หรือไม่เ้าคะ?”
เวินซีพูดจบก็จงใจถามด้วยรอยยิ้ม
แม้แต่นางเองก็ยังรู้สึกว่าตนเองโหดร้าย นางไม่เชื่อว่าเขาจะไม่รู้สึกอันใด
“โหด แต่ยังน้อยกว่าข้า” จ้าวต้านพูดเป็นัยแฝงพลันนำยาเม็ดนั้นเก็บไว้ในอก
เมื่ออาหารถูกวางเต็มโต๊ะ ทั้งสองคนก็เก็บซ่อนความร้ายกาจไว้
จ้าวต้านเดินไปที่สวนด้านหลัง พาถันถั่น เอ้อเอ้อร์ และซันซานทั้งสามคนมานั่งที่โต๊ะ
“พี่ถันถั่น มิต้องเกรงใจนะเ้าคะ ทานเลยเ้าค่ะ” ทันทีที่เอ้อเอ้อร์หยิบตะเกียบก็คีบน่องไก่ไปวางไว้ในถ้วยของถันถั่นทันที
นางยังคีบให้อีก ล้วนนำของชอบของตนให้ถันถั่นไม่น้อย จนถ้วยของถันถั่นกองเป็เนินเล็กๆ
“ทานเลย ทานเลย” ซันซานพูดย้ำอย่างมีความสุข
มิตรภาพของเด็กๆ เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายในขณะที่เล่นด้วยกัน เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยามเอ้อเอ้อร์กับซันซานก็มองถันถั่นเป็พี่สาวและเพื่อนเล่นของตน
ถันถั่นมองดูอาหารที่อยู่บนโต๊ะ มีทั้งไก่ เป็ด ปลา หมู ดวงตาของนางก็เป็ประกาย แต่เพราะว่ายังไม่ค่อยคุ้นเคยกับคนอื่นๆ เท่าไรนัก นางจึงยังไม่กล้าทาน ได้แต่แอบมองเวินซีเป็พักๆ
“รีบทานเร็วเข้า” เวินซีพูดพลางยิ้มเบาๆ
เมื่อได้ยินดังนั้น ถันถั่นก็รีบพยักหน้าแล้วทานอาหารอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ของตนทันที
แม้จะทานซาลาเปาและผลไม้ไปแล้ว แต่ก็มิได้ช่วยลดความอยากอาหารของนางเลย
ข้าวถ้วยที่หนึ่งหมดลงอย่างรวดเร็ว นางลุกขึ้นไปตักข้าวถ้วยที่สอง เอ้อเอ้อร์เห็นนางทานได้อย่างรวดเร็ว ความเร็วในการทานก็มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ ในที่สุดจ่างกุ้ยก็กลับมาจากด้านนอก
เขาตระเวนไปทั่วเมืองเพื่อหาส่วนประกอบของสมุนไพรที่สามารถนำมาทำยาสระผมได้ และใช้รถม้าถึงสามคันเพื่อขนสมุนไพรทั้งหมดกลับมา
คนขับรถม้าอยู่ด้านหลังเขา กำลังช่วยขนย้ายของทุกอย่างมาไว้ที่โถงหน้า
ขณะนั้นน้ำร้อนถูกต้มไว้นานแล้ว เวินซีเดินเข้าไปและเริ่มจัดการกับสมุนไพร ส่วนจ้าวต้าน ถันถั่นและจ่างกุ้ยต่างก็ช่วยนาง
ครานี้นางใส่กลิ่นหอมอื่นๆ ลงไปในยาสระผมตามความ้าของลูกค้าด้วย
หลังจากที่บรรจุยาสระผมทั้งหมดลงขวดก็ดึกแล้ว เมื่อตรวจสอบจนมั่นใจว่าไม่มีคำสั่งซื้อใดตกหล่น เวินซีก็เอ่ยปากให้ทุกคนไปพักผ่อน
เพราะว่าถันถั่นเพิ่งมาที่นี่ เวินซีจึงให้นางไปอยู่ที่ห้องของโจวอวี่ชางก่อน ส่วนเงินสิบตำลึงที่บอกนางไว้ก็มิได้คืนคำ เวินซีมอบให้นางถึงแม้ว่าถันถั่นจะปฏิเสธอยู่หลายครั้ง
ถันถั่นรู้สึกขอบคุณจนน้ำตาไหล ครั้นจะคุกเข่าลงกับพื้น เวินซีก็ต้องรีบหาข้ออ้างเพื่อเดินออกมา
เมื่อเวินซีกลับถึงห้อง จ้าวต้านไม่ได้อยู่ที่นี่เพราะไปเตรียมหม้อไฟให้หลานเยว่เฉิง นางมิได้คิดมากจึงล้มตัวนอนลงบนเตียงและหลับไปอย่างรวดเร็ว
ภายในครัว มีควันโชยออกมาจากหม้อไฟ น้ำทังก็เดือดอย่างต่อเนื่อง จ้าวต้านหรี่ตามอง เทผักที่เตรียมไว้ทั้งหมดลงในหม้อและปิดฝาทันใด
นี่เป็ครั้งแรกที่เขาทำหม้อไฟ ทั้งหมดอาศัยเพียงความทรงจำที่มี
หากมิใช่เพราะว่าดึกแล้ว ร้านหม้อไฟปิดและเขาไม่อยากให้เวินซีทำด้วยตนเอง เขาจะยอมทำหม้อไฟให้หลานเยว่เฉิงได้เช่นไร
ในระหว่างที่คิด เขาก็เผลอใส่เกลือที่อยู่ในมือลงไปมากกว่าเดิม
เมื่อกลิ่นหอมโชยออกมาจากหม้อ จ้าวต้านก็เปิดฝาคนมัน พร้อมทั้งนำเชียนฉานจีใส่ลงไปในหม้อไฟด้วย
เมื่อเชียนฉานจีโดนน้ำก็ละลายจนหมด ทั้งไร้สีไร้กลิ่น หม้อไฟนั้นไม่มีความผิดปกติใด
เมื่ออาหารสุกแล้วเขาก็เรียกสืออีที่อยู่ภายในห้องออกมา
สืออีออกมาด้วยสีหน้างุนงง หลังจากที่เขาหักหลังเวินซีและจ้าวต้าน สายตาที่เขามองคนทั้งสองก็รู้สึกผิดเป็อย่างยิ่ง
“มีอันใดหรือขอรับแม่ทัพต้าน?” เขาพยายามสงบสติอารมณ์แล้วเอ่ยปาก หางตาพลันสังเกตไปที่หม้อไฟตลอดเวลา
“เอานี่ไปส่งให้หลานเยว่เฉิง เอาไปทั้งหม้อเลย” เพื่อมิให้เกิดความสงสัย จ้าวต้านมิได้พูดอันใดเยอะ
“ขอรับ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น สืออีก็โล่งอก
ยัง เขายังไม่ถูกจับได้...
เขาลดสายตาลง เข้าไปหยิบหม้อไฟแล้วเดินไปที่ห้องเก็บฟืน
หลังจากที่จ้าวต้านมองร่างของสืออีจนหายเข้าไปในทางเดินเล็กๆ สายตาของเขาก็มืดลง ก่อนจะดับตะเกียงในห้องครัวแล้วกลับไปที่ห้อง
มันดึกแล้ว หลานเยว่เฉิงนอนไปสักพักใหญ่ แต่เมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พลันลืมตาขึ้นมองไปที่ประตู
ตะเกียงส่องสว่างไปทั่วทั้งห้องเก็บฟืน สืออีผลักประตูเข้าไป นำหม้อไฟวางลงบนโต๊ะและตรงไปดับธูป
เพื่อที่จะกำจัดกลิ่นของธูปภายในห้อง เขาจึงเปิดประตูและหน้าต่างภายในห้องเก็บฟืนทุกบาน
“นายท่าน ลุกขึ้นมาทานอาหารเถิดขอรับ” เขาเอ่ยปากพลางเดินไปพยุงหลานเยว่เฉิงขึ้นมาบนโต๊ะ
หลานเยว่เฉิงมองหม้อไฟด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาได้
“หม้อไฟนี้ผู้ใดเป็คนให้เ้านำมา?”
“แม่ทัพต้านขอรับ”
“หาทางเทหม้อไฟนี้เสีย อย่าให้พวกเขารู้”
“ขอรับ”
สืออียืนขึ้นอีกครา ถือหม้อไฟแล้วเดินออกไป
“ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป เ้าจะต้องซื้ออาหารและนำมาให้ข้าเอง อาหารที่เวินซีและต้านอวี้เสวียนเตรียมมานั้นจะต้องกำจัดให้หมด เข้าใจหรือไม่?”
ในยามนี้ เป็ไปได้มากว่าเวินซีและต้านอวี้เสวียนจะวางยาพิษในอาหารของตน เขาจึงต้องเตรียมตัวให้ดี เพื่อไม่ให้ตกเป็เชลยของพวกเขาอย่างแท้จริง
“ขอรับ” สืออีพยักหน้า
เขาหยิบหม้อไฟเดินออกไปไม่กี่ก้าวก็คิดถึงเื่น้องสาวของตน จึงหยุดเดินพลันหันไปมองหลานเยว่เฉิง “นายท่าน น้องสาวของข้า...”
“น้องสาวของเ้าอยู่ในมือข้าแล้ว เ้าต้องเชื่อฟังข้า ข้ารับปากว่านางจะปลอดภัย มิเช่นนั้นข้าไม่รับประกันว่าจะเกิดอันใดขึ้น”
หลานเยว่เฉิงยกยิ้ม คำพูดของเขาเต็มไปด้วยคำขู่
“ขอรับ นายท่าน” สืออีมีแววตาที่มืดดำ เขาทำได้เพียงตอบและเดินออกไป
“จริงสิ หาทางให้ข้าติดต่อเวินเยียนด้วย นางยังมีประโยชน์อยู่”
“ขอรับ”
สืออีตอบรับ
ในความมืด เขามองไปรอบๆ ร้าน สุดท้ายก็นำหม้อไฟไปเททิ้งในถังอุจจาระ
ทุกๆ เช้าจะมีคนมาเก็บถังอุจจาระไป เพียงรอให้ถึงตอนเช้าให้มีคนมาจัดการ ก็จะไม่มีผู้ใดพบ
หลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จสิ้น สืออีก็กลับไปพักผ่อนที่ห้อง แต่เขากังวลมากจนนอนไม่หลับทั้งคืน