เพราะถูกเนี่ยเซิงเสี่ยวปิดปาก เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวจึงมีอีกหนึ่งประโยคที่ยังพูดไม่จบ ถ้าพูดจบเหยียนจิ่งจื้อคงจะยิ่งดีใจมากกว่านี้
ประโยคนั้นก็คือ “คุณอาเก่งมากเลย!”
ใช่ นั่นเป็เพลงที่เหยียนจิ่งจื้อชอบมากที่สุด เพลงที่บรรเลงด้วยเปียโนของแม็กซิมเป็เพลงที่เขาเคยได้รับรางวัลในเทศกาลดนตรีที่ยุโรปตอนไปเป็นักเรียนอยู่ที่นั่น แต่ก่อนในทุกๆ วันเขาจะเปิดเพลงและพูดชมให้เนี่ยเซิงเสี่ยวฟังว่ามันเพราะมากแค่ไหน จากนั้นก็เปิดเพลงเดียววนไปวนมาหลายๆ รอบ สุดท้ายในตอนที่เขาทำให้เนี่ยเซิงเสี่ยวรำคาญจนลุกขึ้นตบโต๊ะได้นั้น มันทำให้เขารู้สึกชนะ
“ตบอีกตบอีก ฉันชอบท่าทางเธอตอนโกรธนะ ทำให้รู้สึกอยากเอาชนะเป็พิเศษเลย”
ความรักของพวกเขา เป็การคบกันที่มีสีสันมาก แถมยังใช้มุมมองที่ไม่เหมือนกัน ท่าทางที่ไม่เหมือนกัน ตอนนั้นเหยียนจิ่งจื้อยังเคยถูกคนให้ทำแบบทดสอบจิตใจที่ถามว่า “คุณคิดว่าคนเราจะคบกันได้นานที่สุดกี่ปี?”
คำตอบของเขาก็คือ ทั้งชีวิตมันสั้นไป ตอนนี้ทำได้แค่สู้เพื่อที่จะได้ไปรักกันต่อชาติหน้า
ตอนนี้เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวมาบอกเขาว่านี่คือเพลงที่เธอชอบมากที่สุด? อั้ยหยา ในตอนนี้ในใจของเหยียนจิ่งจื้อรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก เข้าใจแล้วว่าตอนที่สามารถเปลี่ยนความรู้สึกของคนคนหนึ่งได้สำเร็จนั้นเป็อย่างไร? นั่นเป็ความรู้สึกที่ดีมากๆ เลยล่ะ!
เนี่ยเซิงเสี่ยวปิดปากเหนี่ยวเหนี่ยวเอาไว้ ปากยื่นปากยาวเกินไปแล้วนะ น่าจับตัดให้สั้นลงจริงๆ เธอรู้สึกว่าจำเป็ต้องอธิบายให้เหยียนจิ่งจื้อฟัง โดยเฉพาะตอนที่เห็นสีหน้าอารมณ์ดีของเขา
“เื่นั้น…โปรแกรมเพลงในโทรศัพท์มันบังเอิญมีเพลงนี้ขึ้นมาก็เท่านั้น ฉันก็เลยดาวน์โหลดมาฟัง”
เหยียนจิ่งจื้อฟังจบก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร เขาแค่รู้สึกว่ามีความจริงเื่หนึ่งก็คือ เนี่ยเซิงเสี่ยวยังเหมือนเมื่อก่อน ที่ยังมีความซื่อบื้อหน่อยๆ จะอธิบายเหตุผลก็ยังพูดด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ
เนี่ยเซิงเสี่ยวเมื่อเห็นเขาไม่ตอบโต้เธอจึงถามย้ำเพราะไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดว่าตัวเองคิดถึงเขามาตลอด “ไม่เชื่อหรือ?”
“ไม่เชื่อแน่นอน” ครั้งนี้เหยียนจิ่งจื้อกลับตอบทันที
เนี่ยเซิงเสี่ยวโมโหแล้ว “นายหลงตัวเองไปแล้วนะเหยียนจิ่งจื้อ”
เหยียนจิ่งจื้อหันกลับมามอง “เธอชินแล้วไม่ใช่หรือ?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวโมโหจนพูดอะไรไม่ออก เถียงเขาก็ไม่ได้ สภาพนี้ผ่านไปกี่สิบปีก็คงจะเหมือนเดิม
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวกลับพูดต่อด้วยท่าทางเป็ผู้ใหญ่ “ไม่นะครับ ผมคิดว่าอาเหยียนปกติมากเลยครับ แม่คิดมากไปแล้ว”
ตลอดทางมานี้พวกเธอพูดกันไม่หยุดเลย จนกระทั่งเนี่ยเซิงเสี่ยวคิดไม่ถึงว่าพอมีคำพูดมั่วซั่วของเหนี่ยวเหนี่ยวมาเข้าร่วมด้วย จะทำให้พวกเขาสามารถพูดคุยกันได้อย่างเป็มิตรติดต่อกันหลายประโยคแบบนี้
เพียงแต่สุดท้ายตอนที่เหยียนจิ่งจื้อจอดรถแล้วมาเปิดประตูให้พวกเขา บรรยากาศก็กลับไปเป็ความแค้นแบบเดิม
เขาพูด “เนี่ยเซิงเสี่ยว อย่าคิดว่าแค่เธอหนีไปแล้วจะสามารถเปลี่ยนชีวิตฉันให้มันดีขึ้นได้หรอกนะ”
เขายังคงติดใจเื่ที่เธอทิ้งเขาในตอนนั้น หรือจะพูดว่าใครก็ตามที่เจอเื่แบบนี้ ไม่มีใครหรอกที่จะไม่ติดใจเอาความ ยิ่งอีกฝ่ายเป็เหยียนจิ่งจื้อที่เลิศเลอคนนี้ด้วย!
ด้านนอกของโรงพยาบาลตอนนี้ได้มีทีมแพทย์มาตั้งแถวรอรับพวกเขาแล้ว ตอนที่เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวะโลงจากรถก็ถึงกับตื่นตะลึงกับภาพที่ได้เห็น
“ว้าว อาเหยียน พวกเรากำลังถ่ายหนังอยู่หรือครับ?” เนี่ยเซิงเสี่ยวเคยพาเขาไปที่กองถ่ายละครครั้งหนึ่ง ตอนนั้นก็ยิ่งใหญ่จนน่าใแบบนี้เหมือนกัน แต่เพราะมันเท่ดี เขาชอบ ดังนั้นในเวลาแบบนี้เด็กน้อยจึงดีใจเป็พิเศษ
จากนั้นเขาก็พบว่าคนที่อยู่หน้าแถวคือหานอวี้จือ
“เอ๋ ลุงหาน ทำไมเป็ลุงอีกแล้วละครับ?”
หานอวี้จือรีบยกมือขึ้นมาจับมือเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวทักทายทันที เขามีลางสังหรณ์ว่าถ้าหากมีความสัมพันธ์อันดีกับเด็กคนนี้ จะสามารถทำให้เหยียนจิ่งจื้อหวาดหวั่นได้ ดังนั้นเขาจึงรีบประจบทันที
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวหัวเราะฮี่ๆ จับมือเขาตอบ “ลุงหาน ลุงก็สบายดีนะครับ”
จู่ๆ หานอวี้จือก็ก้มตัวลงมาพูดเบาๆ ข้างหูเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยว ซึ่งพอเด็กน้อยฟังจบก็มองไปยังเนี่ยเซิงเสี่ยว จากนั้นก็มองไปยังเหยียนจิ่งจื้อ ก่อนจะจูงมือลากหานอวี้จือวิ่งหนีไปด้วยใบหน้าแดงแจ๋
เ้าหมอนี่ไปพูดอะไรกับเหนี่ยวเหนี่ยวกันแน่? จู่ๆ เหยียนจิ่งจื้อก็รู้สึกเหมือนตัวเองคบเพื่อนผิดไปซะแล้ว
กลุ่มคนต่างพากันเข้ามารุมล้อมต้อนรับเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวและพาเข้าไปด้านในโรงพยาบาล สุดท้ายตรงหน้าประตูโรงพยาบาลก็เหลือแค่เหยียนจิ่งจื้อและเนี่ยเซิงเสี่ยวเพียงสองคน
เหยียนจิ่งจื้อยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่คิดจะขยับตัว แต่เสียงกลับเข้าหูเธออย่างชัดเจนว่า “ถ้าอยากจะขอโทษก็รีบคว้าโอกาสในตอนนี้ซะ” ไม่แน่เขาอาจจะฝืนให้อภัยเธอก็ได้
ความกระอักกระอ่วนกับก้าวแรกของการที่ได้สิ่งที่เสียไปกลับมา ในสถานการณ์แบบนี้จำเป็ต้องมีคนเริ่มก่อน ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะคงจะยืนเป็ั์เฝ้าประตูโรงพยาบาลอยู่อย่างนี้ โดยที่ประตูโรงพยาบาลเปิดปิดไปเป็หมื่นครั้งพวกเขาก็ยังไม่สามารถคืนดีกันได้
เนี่ยเซิงเสี่ยวจิกเล็บตัวเองแน่นก่อนจะส่ายหน้า “ฉันไม่รู้สึกว่ามีอะไรที่ต้องขอโทษเลย”
เหยียนจิ่งจื้อเดินเข้ามาหาเธอทีละก้าว พร้อมรอยยิ้มเย้ยหยัน “อย่าบอกฉันอีกนะว่าเธอไม่รักฉันหรือว่าเหนี่ยวเหนี่ยวเป็ลูกของคนอื่น คำพูดแบบนั้นเธอไม่รู้หรือว่ามันฟังดูเด็กแค่ไหน”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาพูดอะไรที่มันไม่เด็กกัน” เนี่ยเซิงเสี่ยวเองก็หัวเราะออกมาเสียงเบา “ฉันขอโทษแล้วอย่างไร? นายให้อภัยฉัน หลังจากนั้นพวกเราก็จะกลับมาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเหมือนเดิม? จากนั้นฉันก็พาเหนี่ยวเหนี่ยวหนีนายไปอีกรอบอย่างนั้นหรือ? จิ่งจื้อ นายก็รู้นี่ว่านายมีพ่อแบบไหน ฉันที่เป็คนธรรมดาสู้เขาไม่ได้หรอก หรือว่านายชอบถูกทำร้าย? ถ้าอยากจะให้ฉันทำร้ายนายอีกครั้งฉันก็ไม่ขัดข้องหรอกนะ”
เหยียนจิ่งจื้อบีบคางและกรามของเธอ “ไม่พูดได้ไหม? เธอไม่พูดฉันก็ยังรู้สึกว่าเธอยังน่ารักเหมือนแต่ก่อน”
เนี่ยเซิงเสี่ยวสะบัดมือเขาออก “คนที่นายชอบคือเนี่ยเซิงเสี่ยว เด็กนักเรียนที่ยังใสซื่อคนนั้น เหยียนจิ่งจื้อ ถ้าหากนายยังชอบประเภทที่น่ารักแบบนั้นอยู่ล่ะก็ ตอนนี้ก็ปล่อยฉันไปเถอะ นั่นไม่ใช่ฉันแล้ว”
“เด็กจริงๆ เลยนะ ดูเหมือนว่าฉันในตอนนี้ยังไม่อยู่ในจุดที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยได้สินะ” หลังจากเหยียนจิ่งจื้อได้ข้อสรุปแล้วก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน ก่อนจะพาเดินเข้าไปในโรงพยาบาล รปภ. ที่รอพวกเขาอยู่ตรงหน้าประตูก็รีบเปิดประตูให้
เนี่ยเซิงเสี่ยวขัดขืน “ทำไมนายฟังภาษาคนไม่รู้เื่นะ บอกให้ปล่อยมือไง”
“เธอเองก็ความจำเสื่อมเหมือนกันหรือ? ฉันเคยเป็คนปล่อยมือจากอะไรง่ายๆ หรือ? แถมยิ่งอยากให้ฉันปล่อยมือมากเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งสนใจ ฉันว่าเธออย่าขยับเลย หลายวันมานี้ฉันถูกเธอทำให้โมโหแทบตาย โมโหจนคืนนี้ฉันอาจจะหิ้วเธอกลับบ้านด้วย” เหยียนจิ่งจื้อพูดเตือนข้างหู
เนี่ยเซิงเสี่ยวไม่กล้าขยับแล้วจริงๆ แต่ก่อนทุกครั้งที่ทะเลาะกันก็เป็แบบนี้ ในตอนที่ทะเลาะกันจนบ้านแตก เขาก็จะใช้วิธีนี้ทำให้เธอแพ้ สุดท้ายปัญหาก็ไม่ได้แก้ไข และก็ี้เีจะแก้แล้ว
แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช้ปัญหาขัดแย้งทั่วไป มันเกี่ยวข้องกับปัญหาครอบครัวของพวกเขาในอนาคต เนี่ยเซิงเสี่ยวไม่สามารถยอมคืนดีกับเขาง่ายๆ เหมือนแต่ก่อน ดังนั้นเธอจึงหงุดหงิดมากๆ ที่ถูกเขาจับแขนลากเดินไปตลอดทาง
พยาบาลสองคนที่เดินผ่านมาก็ชี้มาที่พวกเขาแล้วยิ้ม จากนั้นก็ถอนหายใจ “เฮ้อ คู่รักหนุ่มสาวสมัยนี้เป็แต่แบบนี้ ทะเลาะกันเป็ประจำ แต่ก็อยู่ด้วยกันตลอด”
คำพูดนั้นทำให้เนี่ยเซิงเสี่ยวหน้าแดง ในตอนที่จะผลักเหยียนจิ่งจื้ออก เขาก็หันกลับไปพูดกับพยาบาลสองคนนั้น “พวกเราแต่งงานกันแล้วครับ ไม่ใช่แค่คู่รักกันแล้ว นี่คือปัญหาในครอบครัวครับ”
“เป็บ้าหรือ” เนี่ยเซิงเสี่ยวต่อยไปที่บ่าของเขา จากนั้นก็อาศัยจังหวะนี้ถอยหลังไปสองก้าวก่อนจะมองเหยียนจิ่งจื้อแล้วแบะมือออกทั้งสองข้าง พูดออกมาด้วยไม่ยี่หระ “ทะเบียนสมรสก็ไม่มี ฉันไม่ยอมรับ”
“ถ้าเธอแน่จริงก็ไปแต่งงานกับคนอื่นดูสิ ฉันรับประกันว่าจะฟ้องเธอเื่แต่งงานซ้อน เื่แบบนี้ฟ้องร้องได้แน่” เหยียนจิ่งจื้อเองก็ไม่ได้ร้อนใจ แต่เพราะเริ่มโมโหขึ้นมาแล้วจึงไม่จูงเธอเดินแล้ว เขาเดินนำหน้าเธอไป เนี่ยเซิงเสี่ยวก็เดินตามหลัง แผ่นหลังกว้างนั่นเริ่มทำให้สายตาเธอพร่ามัว
เธอเบือนหน้าหนี ทำเพียงแค่เดินตามไป พยายามหันหน้ามองไปทางอื่นตลอด เพราะไม่สามารถทนมองได้ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าชีวิตจะกลับไปเป็เหมือนเดิมอีกแล้ว
แน่นอนว่าสองวินาทีให้หลังเธอก็พุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของเขา
เนี่ยเซิงเสี่ยวอย่างจะร้องไห้ให้กับความโง่ของตัวเอง ทุกครั้งที่เธอแกล้งเดินหนี เขาก็จะใช้วิธีนี้ และทุกครั้งเธอก็จะเดินเข้าไปในอ้อมกอดของเขาแบบนี้ตลอดอย่างไม่อาจห้ามตัวเองได้สำเร็จ
แม้เวลาผ่านจะมาหลายปีแล้ว มันก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน!
เหยียนจิ่งจื้อลูบหัวของเธอเบาๆ พลางดึงยางมัดผมของเธอออก เส้นผมสีลินินแผ่กระจายลงมา ไม่มีอะไรที่ทำให้เขามีความสุขเท่าความเคยชินนี้อีกแล้ว