ซย่านีดึงกระสอบในมือเพื่อไม่ให้มันล้มลงกับพื้นพลางกล่าวตอบว่า “ไม่หรอกค่ะ พี่สบายใจได้ฉันกับเขาแต่งงานกันมาหลายปีขนาดนี้ แม้ว่าจะเคยขัดแย้งกันร้ายแรงแค่ไหนพวกเราก็ไม่เคยทะเลาะกันเลย”
“เช่นนั้นก็ดี” เซี่ยงเหมยโล่งใจ เธอกล่าวต่อว่า “เอาล่ะ ฉันต้องรีบไปแล้ว มิเช่นนั้นจะไปไม่ทันรถเที่ยวแรก”
เธอรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของรถสามล้อ แล้วยกขาข้างหนึ่งขึ้นนั่งบนกระบะด้านหลัง
ซย่านีปล่อยถุงกระสอบในมือแล้วเดินตามออกไป จากนั้นก็เอ่ยกับพวกเขาว่า “ขอให้พวกพี่เดินทางปลอดภัยนะคะ หากการค้าไม่ดีก็ไม่เป็ไร แค่กลับมาอย่างปลอดภัยก็พอแล้ว”
“ฉันไปกับเฝิงหย่งสองคนนะ จะมีเื่อะไรได้กันเล่า?”
เฝิงหย่งใช้เท้าถีบคันเหยียบแล้วรวบรวมกำลังไว้ที่ขา เขากล่าวว่า “น้องซย่ารีบกลับเข้าบ้านเถอะ พวกเรากำลังจะไปกันแล้ว”
ซย่านีโบกมือให้พวกเขา “เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ!”
หลังจากที่เซี่ยงเหมยกับเฝิงหย่งหายลับไปจากสายตา หญิงสาวก็หันหลังเดินเข้าบ้านทันที หลังจากปิดประตูใหญ่เรียบร้อยแล้วเธอก็ขนถุงกระสอบกลับเข้าห้องของตนเอง
ถุงกระสอบที่เซี่ยงเหมยนำมาให้นี้มีน้ำหนักมาก ด้านในมีเศษผ้าอัดแน่นอยู่เต็มไปหมด เมื่อสัปดาห์ก่อนซย่านีกับเซี่ยงเหมยผลัดกันทำยางรัดผมทุกวัน เนื่องจากพวกเธอสองคนต้องทำยางรัดผมเป็จำนวนมาก ทำให้พวกเธอต้องใช้เศษผ้าไปถึงสามกระสอบใหญ่
หลังจากเก็บกระสอบผ้าเรียบร้อยแล้ว ซย่านีก็เดินไปที่ห้องของลูกสาวคนโตกับลูกชายคนรองเพื่อดูพวกเขาสักหน่อย ตอนนี้เด็กทั้งสองคนนอนหลับไปเรียบร้อย พวกเขาไม่ได้นอนดิ้นเตะผ้านวมแต่อย่างใด ซย่านีช่วยห่มผ้าให้พวกเด็กๆ เสร็จก็เดินออกจากห้องไป เมื่อมองดูเวลาก็เห็นว่าตอนนี้เป็เวลาตีห้ากว่าแล้ว อีกหนึ่งชั่วโมงซิงซิงก็น่าจะตื่นขึ้นพอดี
ซย่านีนอนไม่หลับจึงหางานทำ เธอล้างหม้อและกระทะทั้งหมดที่ตนเองเพิ่งซื้อมาเมื่อวาน จากนั้นก็เอาผ้าห่มสำรองออกมาซักจนหมด จนสุดท้ายเธอก็ซักผ้าอ้อมของซิงซิงและซักเสื้อผ้าให้ลูกทั้งสองของเธอ
ตอนซักเสื้อผ้า ซย่านีพบว่ากางเกงของซ่งตงซวี่นั้นขาดเป็รู กางเกงตัวนี้เป็เสื้อผ้าที่หวังซิ่วอิงไปเอามาจากที่ไหนก็ไม่รู้ มันเป็เสื้อผ้าเหลือใส่จากของคนอื่นนั่นแหละ ซย่านีส่ายหน้า เธอเลิกซักกางเกงตัวนั้นแล้วโยนมันทิ้งไป จากนั้นก็ครุ่นคิดสงสัยตอนไปห้างสรรพสินค้าครั้งหน้า เธอจะต้องเลือกซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ลูกทั้งสองคนเสียหน่อยแล้ว
ประมาณหกโมงครึ่ง ซิงซิงก็ได้เวลาตื่นแล้ว ซย่านีเอาน้ำล้างมือของตน แล้วเดินไปชงนมผงให้ซิงซิง
น้ำด้านในขวดนมที่เหลือจากเมื่อคืนเริ่มเย็นลงนิดหน่อย เธอเทน้ำร้อนในกระติกลงไปผสมทำให้อุณหภูมิน้ำนั้นอุ่นขึ้น
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ซย่านีจึงถือขวดนมแล้วเอามือกั้นเอาไว้ ทำให้หลังมือัักับความร้อนของน้ำและเธอก็รู้ได้ทันทีเลยว่าอุณหภูมิของนมผงได้ที่แล้ว
ซย่านีเปลี่ยนชุดให้ซิงซิงและจับเขาปัสสาวะ พอเขาทำทุกอย่างเสร็จแล้วก็ค่อยยื่นขวดนมให้เด็กน้อย
หลังจากซย่านีจัดการเ้าตัวเล็กเรียบร้อยแล้ว เธอก็ต้องมาปลุกเ้าเด็กโตทั้งสองคนต่อ
ทั้งซ่งวั่งซูและซ่งตงซวี่ชอบนอนขี้เซาบนเตียง หลังจากตื่นแล้ว ก็ไม่ยอมลุกออกจากเตียง เด็กทั้งสองคนส่งเสียงร้อง “อืมๆ” สองที จากนั้นก็อ้อนว่า “หนูขอนอนอีกนิดนะคะ ขอแค่สองนาที!”
ซย่านียืนเท้าเอว “เดี๋ยวพ่อของพวกลูกก็จะมารับลูกๆ กันแล้วนะ”
ซ่งวั่งซูพลันลุกขึ้นนั่ง “ฟู่ว หนาวจังเลย” จากนั้นเธอก็ล้มตัวลงนอนอีกรอบ
ซย่านีหยิบเสื้อผ้าของเด็กสาวออกมาจากใต้ผ้านวมพลางกล่าวว่า “เร็วเข้า รีบแต่งตัวได้แล้ว” จากนั้นเธอก็หันไปเรียกซ่งตงซวี่อีกรอบ “หยางหยาง พี่สาวของลูกลุกจากเตียงแล้วนะ ลูกยังไม่ยอมลุกจากเตียงอีกหรือ? งั้นวันนี้แม่จะซื้อซาลาเปาไส้เนื้อให้พี่สาว ส่วนลูกก็เอาซาลาเปาไส้ผักไปแทนแล้วกัน”
วินาทีต่อมาซ่งตงซวี่ก็ลุกขึ้นนั่งทันที
ซย่านีหลุดหัวเราะ เ้าเด็กตะกละคนนี้ช่างน่าตีจริงๆ เลย
“ลูกสองคนลุกจากเตียงแล้ว ก็รีบไปบ้วนปากล้างหน้าซะ เร็วๆ เลยนะ!”
ซิงซิงยังอยู่อีกห้องหนึ่ง ซย่านีไม่กล้าเสียเวลาอยู่ที่ห้องลูกชายกับลูกสาวนานเกินไปจึงรีบกลับไปดูลูกชายคนเล็กต่อ ตอนที่ซย่านีกลับมาถึงที่ห้องซิงซิงก็ดื่มนมหมดขวดแล้ว เด็กน้อยโยนขวดนมไว้ข้างตัวและพลิกตัวเพื่อพยายามปีนข้ามกำแพงผ้าห่มที่ซย่านีพันล้อมรอบตัวเขาไว้
“ไอหย๋า ซิงซิงของแม่” ซย่านีอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาแล้วพูดว่า “พรุ่งนี้แม่ต้องหาคนมาทำเตียงเล็กๆ แบบมีราวกั้นสักหน่อยแล้วจะได้ป้องกันไม่ให้ลูกคลานไปทั่วแบบนี้”
ซย่านีอุ้มซิงซิงแล้วกลับไปที่ห้องของลูกคนโตทั้งสอง “พวกลูกเก็บของกันเสร็จหรือยัง?”
“ใกล้แล้วๆ...ผมใกล้จะเสร็จแล้ว!” ซ่งตงซวี่พูดอย่างเร่งรีบ เด็กชายกล่าวต่อว่า “ผมเร็วกว่าซ่งวั่งซูอีกนะ!”
“นายเรียกฉันว่าอะไรนะ?” ซ่งวั่งซูสะบัดน้ำบนมือที่ยังไม่ทันแห้งใส่ซ่งตงซวี่ไปหนึ่งที
ซ่งตงซวี่ถูกหยดน้ำกระเด็นใส่ก็วิ่งไปหลบหลังซย่านีแล้วะโฟ้องเสียงดัง “แม่ แม่ดูสิ พี่สะบัดน้ำใส่ผม! เอาซาลาเปาไส้ผักให้พี่เลย ส่วนผมกินไส้เนื้อเอง!”
ซ่งวั่งซูไล่ตามน้องชายตัวเองไปพลางกล่าวว่า “นายเรียกชื่อจริงของฉันก่อนเองนะ!”
“หยุดๆ หยุดเลยนะ!” เด็กซนสองคนนี้คงจะคันไม้คันมือน่าดู หากไม่ได้ทะเลาะกันสักวัน ซย่านีขึ้นเสียงใส่พวกเขา “หยุดกันทั้งคู่เลย พวกลูกเปิดลิ้นชักสิ ด้านในมีครีมเกล็ดหิมะอยู่ รีบเอามาทาหน้าตัวเองเลย”
“ครีมเกล็ดหิมะเหรอคะ?!” ซ่งวั่งซูตื่นเต้นดีใจ “แม่ซื้อครีมเกล็ดหิมะมาด้วยหรือ?”
ซ่งวั่งซูไม่สนใจจะไล่ตามซ่งตงซวี่อีกต่อไป เธอหันกลับมาแล้ววิ่งไปเปิดลิ้นชักหยิบครีมเกล็ดหิมะแล้วหมุนฝาให้เปิดออก เธอใช้นิ้วชี้ป้ายเนื้อครีมมาเล็กน้อยแล้วเกลี่ยลงบนฝ่ามือ เด็กหญิงโน้มตัวไปดมกลิ่มครีมก่อน จากนั้นค่อยทาครีมให้ทั่วใบหน้า
ซ่งตงซวี่ไม่อยากทาครีม จึงกล่าวว่า “นั่นมันของที่พวกเด็กผู้หญิงใช้กัน ผมไม่ใช้หรอก”
“ลูกต้องใช้” ซย่านียื่นมือไปลูบใบหน้าของลูกชาย เธอกล่าวว่า “ดูหน้าของลูกสิแห้งไปหมดแล้ว จับทีก็สากมือไปหมดรีบๆ ทาเดี๋ยวนี้เลย อย่ามาลีลานะ ส่วนเสี่ยวเยวี่ยเอ๋อร์ก็มานี่เร็ว แม่จะถักผมเปียให้”
ซย่านีถักผมเปียให้ซ่งวั่งซูมาได้หนึ่งสัปดาห์กว่าแล้ว ทุกๆ วันเธอจะเปลี่ยนทรงผมของลูกสาวแบบไม่ซ้ำกันเลยสักทรง นั่นทำให้ซ่งวั่งซูกลายเป็เด็กที่ดูน่ารักที่สุดในโรงเรียนได้สำเร็จ
ทรงผมวันนี้ค่อนข้างง่าย ซย่านีหาริบบิ้นลายดอกไม้สีเขียวมาชิ้นหนึ่งแล้วถักริบบิ้นเข้ากับเปียผม จากนั้นก็หมุนเปียแล้วม้วนไว้บนศีรษะ ขั้นสุดท้ายก็มัดริบบิ้นแล้วผูกเป็โบว์เล็กๆ ไว้บนศีรษะของเด็กสาว
ซ่งวั่งซูยกกระจกขึ้นส่องพลางกล่าวว่า “แม่คะ เพื่อนร่วมชั้นของหนูหลายคนอยากให้แม่ช่วยถักเปียให้พวกเธอ เพราะพวกเธอรู้สึกว่าแม่ถักผมสวยมาก ขนาดแม่ของพวกเพื่อนๆ หนูยังทำแบบนี้ไม่ได้เลย”
“งั้นรอวันไหนลูกพาเพื่อนร่วมชั้นมาเล่นที่บ้าน แม่ค่อยถักผมให้พวกเธอก็แล้วกันนะ”
ซ่งวั่งซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอคิดว่าเธอคงพาเพื่อนสนิทที่สุดของตนเองมาเล่นที่บ้านด้วยกัน ส่วนคนอื่นๆ ก็ช่างเถอะ
หลังจากเก็บข้าวของเสร็จ ซย่านีก็พาพวกเด็กๆ ไปกินข้าวที่ร้านอาหารเล็กๆ ตรงหน้าปากซอย
อาหารเช้าของร้านอาหารเล็กๆ แห่งนี้มีค่อนข้างหลากหลาย ซย่านีสั่งเสี่ยวหลงเปา ไข่ต้มและโจ๊กข้าวฟ่างให้พวกเด็กๆ
เสี่ยวหลงเปาไส้หมูอร่อยยิ่งนัก ลูกของเธอต่างก็ชอบกันมาก ตอนที่กินใกล้จะเสร็จซ่งหานเจียงก็มาถึงพอดี เขาจอดรถจักรยานไว้ตรงหน้าประตูแล้วก็เดินเข้ามา
ซย่านีกวักมือเรียกเขา “ยังไม่ได้กินข้าวมาใช่ไหม ฉันสั่งเสี่ยวหลงเปามาเยอะเลย รีบมากันข้าวเร็ว”
เมื่อเห็นภรรยาและลูกๆ ตรงหน้า ซ่งหานเจียงที่อารมณ์ขุ่นมัวมาั้แ่เมื่อคืนนี้ก็พลันสดใสขึ้นมา เขานั่งลงข้างกายซย่านี จากนั้นเธอก็ยัดตะเกียบคู่หนึ่งใส่มือของชายหนุ่ม
“รีบกินเร็วๆ นะ เดี๋ยวจะสายเอา”
“ได้”
อีกด้านหนึ่งเวลานี้ครอบครัวตระกูลซ่งกำลังรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน หวังซิ่วอิงก็ด่าสาปไปทั่ว เธอโกรธที่ซ่งหานเจียงไม่ทันได้กินข้าวเช้าก็หนีหายไปเสียแล้ว “เขาโกรธใครอีกล่ะ! ไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน!”
“หนูกินๆ” ซ่งเหม่ยอวิ๋นคีบไข่ดาวที่เกินมาวางลงบนชามของตนเอง ไม่ทันได้รอให้หวังซิ่วอิงหงุดหงิดใส่เธอ เธอก็รีบพูดขึ้นมาก่อนว่า “แม่คะ หนูแนะนำพี่เสวี่ยหรูให้พี่รองดีไหม?”
